ความน่าเชื่อถือของเนื้อหาที่เขียน
เป็นความจริงที่ว่าผู้ที่เขียนชีวประวัติของพระเยซูนั้นทุกคนต่างเลื่อมใสและศรัทธาในพระองค์ เป็นไปได้ไหมที่ผู้เขียนเหล่านี้จะมีอคติในการเขียน เขียนแต่สิ่งที่ดี สิ่งที่ทำให้พระเยซูดูสมบูรณ์แบบเกินความเป็นจริง ไม่มีความเป็นกลาง ไม่เขียนอย่างตรงไปตรงมา? ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรเลยในการที่เราจะตอบคำถามนี้ เพราะถ้าเราดูบั้นปลายชีวิตของผู้เขียนแต่ละคน เราจะพบว่าคนเหล่านี้ไม่ได้รับประโยชน์ใดๆในการเขียนเลยนอกจากคำวิพากษ์วิจารย์ การถูกข่มเหง รังเกียจ สุดท้ายก็ต้องตายอย่างทรมาน คงไม่มีสาเหตุที่จะทำให้ผู้เขียนยืนยันและยืนหยัดต่องานเขียนของตนถ้าสิ่งที่เขาเขียนไม่เป็นความจริง คงไม่มีนักเขียนคนใดยอมตายเพื่องานเขียนที่ตนเองแต่งแต้มสีสรรค์หรือกุเรื่องขึ้นมา ดังนั้นเราจึงสามารถบอกได้ว่าผู้เขียนเรื่องราวของพระเยซูนั้นแต่ละคนเขียนอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีอคติใดๆเลย ไม่มีเหตุผลใดๆที่พวกเขาจะบิดเบือน เพราะผลของงานแห่งน้ำมือของเขาก็คือความตายอย่างทุกข์ทรมาน
ถ้าหากผู้เขียนเหล่านี้มีอคติในการบันทึกเรื่องราวจริงๆ ก็คงจะบันทึกเรื่องราวต่างๆแง่บวกเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น ตัวอย่างเช่นในมาระโก 6:5 ที่บอกว่าพระเยซูกระทำหมายสำคัญที่เมืองนาซาเร็ธได้น้อย เพราะคนเหล่านั้นไม่มีความเชื่อ นี่ก็เป็นการแสดงถึงอำนาจอันจำกัดของพระเยซู หรือในมาระโก 13:32 ที่พระเยซูบอกว่าพระองค์ไม่รู้วันเวลาที่พระองค์จะเสด็จกลับมาอีก นี่ก็เป็นการแสดงให้เห็นว่าพระเยซูมีความจำกัดในด้านการรอบรู้ทุกอย่าง ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้ทำให้เปาโลต้องมาอธิบายอีกทีใน ฟิลิปปี 2:5-8 ว่าพระเจ้าในสภาพของพระเยซูทรงยอมจำกัดความเป็นพระเจ้าของพระองค์เอง ซึ่งถ้าผู้เขียนมีอคติจริง ต้องการบันทึกแต่สิ่งที่ดีจริง คงข้ามประเด็นต่างๆเหล่านี้เพื่อเลี่ยงปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคต หรือที่บนกางเขนในมาระโก 15:34 ได้ลบันทึกว่า พระเยซูทรงร้องว่า พระเจ้าของข้าพระองค์ พระเจ้าของข้าพระองค์ ไฉนทรงทอดทิ้งข้าพระองค์เสีย ถ้าผู้เขียนสร้างเรื่องนี้ขึ้นมาเองก็คงจะดีไม่น้อยถ้าหากข้ามประโยคนี้ไป เพราะมันอาจจะสร้างให้เกิดปัญหาต่างๆตามมาได้
เรียบเรียงโดย พายุแห่งความเปรมปรีดิ์