หลักข้อเชื่อเรื่องการไถ่บาปของพระเยซูเริ่มขึ้นเมื่อไร
เรารู้ว่าความเชื่อของคริสเตียนนั้นอยู่ที่พระเยซู ผู้ซึ่งเป็นพระเจ้าที่ลงมาบังเกิดเป็นมนุษย์ ได้ตายเพื่อไถ่บาปเราทุกคน แล้วในวันที่สามได้ฟื้นขึ้นจากความตาย แนวความเชื่อนี้ได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อใด เพราะถ้าหากเกิดขึ้นหลังจากพระเยซูตายเป็นเวลานาน เป็นไปได้ที่ความเชื่อนี้อาจจะเกิดจากการสร้างขึ้นของเหล่าสาวกที่ศรัทธาในพระเยซู
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ที่เราเห็นนั้นไม่ได้เรียงขึ้นตามลำดับเวลา ซึ่งพระกิตติคุณทั้งสี่เล่มนั้นได้เขียนขึ้นหลังจากจดหมายฝากของเปาโลซึ่งได้เขียนประมาณปลายทศวรรษที่ 40 และเริ่มเป็นที่แพร่หลายในทศวรรษที่ 50 แล้วเปาโลคนนี้คือใคร?
เปาโลเป็นคนยิวที่เกิดในเมืองทาร์ซัส ได้เล่าเรียนกับอาจารย์กามาลิเอลซึ่งเป็นอาจารย์ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่นับถือของประชาชนในสมัยนั้น เปาโลเป็นคนที่เคร่งครัดในธรรมบัญญัติ เปาโลเป็นผู้ที่ต่อต้านคริสเตียนในตอนแรก เป็นผู้นำในการข่มเหงและฆ่าคริสเตียน เพราะตามศาสนายิวนั้น การที่พระเยซูบอกว่าตนเองเป็นพระเจ้าเป็นการตีตนเองเสมอกับพระเจ้าที่คนยิวนับถือ ซึ่งเป็นเรื่องที่ร้ายแรงมาก และคนที่เชื่อในพระเยซูก็ถือว่าเป็นการขัดกับบทบัญญัติของยิว นี่จึงเป็นสาเหตุให้มีการข่มเหงคริสเตียนและตามฆ่าคนเหล่านี้ให้หมดไปจากสังคมยิว เปาโลไม่เคยพบพระเยซูก่อนสิ้นพระชมน์ แต่เขาบอกว่าเขาได้พบกับพระเยซูที่ได้เป็นขึ้นมาจากความตาย โดยวันหนึ่งขณะที่เขาเดินทางไปเมืองดามัสกัสเพื่อที่จะไปจับกุมพวกคริสเตียนมาลงโทษที่กรุงเยรูซาเล็มนั้น ประมาณเที่ยงวันก็มีแสงสว่างจ้าล้อมรอบเปาโล เปาโลจึงล้มลงไปที่พื้นดินและมีเสียงพูดกับเปาโลว่า เจ้าข่มเหงเราทำไม เปาโลจึงได้ถามว่าท่านเป็นใคร และเสียงนั้นก็ตอบมาว่า เราคือเยซูชาวนาซาเร็ธซึ่งเจ้าข่มเหงนั้น และพระเยซูได้บอกให้เปาโลเข้าไปในเมืองดามัสกัส เมื่อไปถึงจะมีคนบอกเขาเองว่าต้องทำอะไร คนที่อยู่กับเปาโลในเวลานั้นก็ได้เห็นแสงสว่าง แต่ไม่ได้ยินเสียงพูด และเมื่อเปาโลลุกขึ้นจากพื้น ตาเขาก็บอด มองไม่เห็น จึงให้คนจูงเขาเข้าไปในเมืองดามัสกัส เมื่อไปถึงก็ได้พบกับอานาเนีย และอานาเนียนได้อธิษฐานขอต่อพระเจ้า เปาโลก็เห็นได้อีกครั้ง และนี่เองเป็นจุดเริ่มต้นของการที่เปาโลได้รู้จักพระเยซู ได้กลับใจมาเป็นคริสเตียน และได้เริ่มต้นประกาศเรื่องของพระเยซูทันทีในเมืองดามัสกัสว่าพระเยซูทรงเป็นพระเจ้า
จดหมายต่างๆที่เปาโลเขียนนั้นได้บอกอย่างชัดเจนว่าพระเยซูเป็นเชื้อสายดาวิด เป็นพระเมสสิยาห์ แต่ได้ถูกทรยศ ถูกตรึงกางเขนและตาย ถูกฝังในอุโมงค์ แต่ในวันที่สามได้ฟื้นจากตายและได้ปรากฏตัวแก่คนเป็นอันมาก เป็นที่น่าสังเกตว่าในจดหมายของเปาโลไม่ได้พูดถึงคำสอนหรือคำอุปมาของพระเยซูเลย ไม่ได้พูดถึงการอัศจรรย์ต่างๆที่พระเยซูทำ แต่เขาเน้นเรื่องการตายเพื่อไถ่บาปและการเป็นขึ้นมาจากความตาย ซึ่งความจริงข้อนี้เองที่ได้เปลี่ยนชีวิตเปาโลจากคนที่ตามฆ่าคริสเตียนกลายเป็นคริสเตียนที่เข้มแข็ง เป็นคนที่ประกาศเรื่องพระเจ้าให้แก่คนทั่วไป และนำคนเป็นอันมากมาเชื่อในพระเยซู
ในพระธรรม 1 โครินธ์ บทที่ 15 เปาโลได้บอกว่าเรื่องราวแห่งการไถ่นั้นเป็นหลักข้อเชื่อที่เขาได้รับจากผู้อื่นที่บอกต่อกันมา โดยข้อความในจดหมายตอนนี้มีดังนี้
เรื่องซึ่งข้าพเจ้ารับไว้นั้น ข้าพเจ้าได้ประกาศแก่ท่านทั้งหลาย เป็นเรื่องสำคัญที่สุดคือว่าพระคริสต์ได้ทรงวายพระชนม์ เพราะบาปของเราทั้งหลาย ตามที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์ และทรงถูกฝังไว้ แล้ววันที่สามพระองค์ทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมาใหม่ ตามที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์นั้น พระองค์ทรงปรากฏแก่เคฟาส แล้วแก่อัครทูตสิบสองคน ภายหลัง พระองค์ทรงปรากฏแก่พวกพี่น้องกว่าห้าร้อยคนในคราวเดียว ซึ่งส่วนมากยังอยู่จนถึงทุกวันนี้ แต่บางคนก็ล่วงหลับไปแล้ว ภายหลังพระองค์ทรงปรากฏแก่ยากอบ แล้วแก่อัครทูตทั้งหมด 1 โครินธ์ บทที่ 15:3-7
เป็นที่เชื่อกันว่าพระธรรม 1 โครินธ์เขียนขึ้นประมาณ ค.ศ. 55 ซึ่งในจดหมายฉบับนี้เปาโลบอกว่าเขาได้รับหลักข้อเชื่อเรื่องการทรงไถ่มาจากผู้อื่น เรารู้ว่าพระเยซูถูกตรึงกางเขนราว ค.ศ. 30 และเปาโลกลับใจมาเชื่อพระเยซูราว ค.ศ. 32 เขาได้พบกับอานาเนียในดามัสกัสในช่วงเวลานั้นกับสาวกคนอื่นๆอีกบางคน และเขาได้พบกับอัครทูตคนอื่นๆในกรุงเยรูซาเล็มในราว ค.ศ. 35 ซึ่งระหว่างช่วงเวลานั้นเปาโลได้รับหลักข้อเชื่อนี้แล้ว และยังมีการสั่งสอนเป็นที่แพร่หลายในคริสตจักรต่างๆอีกด้วย ดังนั้นความเชื่อเรื่องพระเยซูตายเพื่อไถ่บาปเราและได้ฟื้นขึ้นจากความตาย รวมทั้งรายชื่อคนที่ได้เห็นพระเยซูฟื้นขึ้นมีหลังจากการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูประมาณ 2-5 ปีเท่านั้น นอกจากนี้เปาโลที่มีเบื้องหลังจากการเป็นยิวซึ่งเชื่อว่ามีพระเจ้าเดียวเท่านั้น การเชื่อในความเป็นพระเจ้าของพระเยซูจึงเป็นหลักฐานสำคัญที่แสดงให้เห็นว่า หลักข้อเชื่อเรื่องการไถ่และความเป็นพระเจ้าของพระเยซูไม่ได้ถูกเพิ่มเข้ามาในภายหลังหรือสร้างเรื่องขึ้น ดังนั้นเป็นการยืนยันความน่าเชื่อถือในหลักข้อเชื่อของคริสเตียนว่ามีมาตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว ไม่มีการแต่งแต้มสีสรรเพิ่มเติมในภายหลังแต่ประการใด
เรียบเรียงโดย พายุแห่งความเปรมปรีดิ์