เป็นคริสเตียนได้อย่างไร
เราสามารถเป็นคริสเตียนได้โดยการอธิษฐานทูลเชิญพระเยซูเข้ามาประทับในชีวิตของเรา เพราะคริสเตียนไม่ใช่เรื่องของศาสนา แต่เป็นความสัมพันธ์ระหว่างเรากับพระเจ้า การที่เราจะเริ่มต้นมีความสัมพันธ์กับพระองค์ได้เราต้องทำความรู้จักกับพระองค์ก่อน (แท้จริงพระเจ้าทรงรู้จักเราแต่ละคนเป็นอย่างดี เพราะทรงเป็นผู้สร้างเรา แต่เราเองต่างหากที่ไม่รู้่จักพระองค์) โดยการทูลเชิญพระองค์เข้ามาในชีวิตของเรา อย่างไรก็ตามก่อนที่เราจะอธิษฐานรับเชื่อในองค์พระเยซูนั้น มีประเด็นสำคัญบางประการที่เราจำเป็นต้องรู้ก่อน
เมื่อเราเข้าใจแล้วในตอนท้ายหากต้องการเชื่อในองค์พระเยซูคริสต์ก็สามารถอธิษฐานตามคำอธิษฐานได้เลย โดยสิ่งที่เราจำเป็นต้องรู้่นั้นมี 4 ประการ หรือที่คริสเตียนเรียกกันว่า "หลักสัจธรรมสี่ประการสู่ชีวิตนิรันดร์" โดยมีรายละเอียดดังนี้
บทนำ
พระเจ้าทรงเป็นพระวิญาณ ผู้สถิตอยู่ทั่วไปในพื้นแผ่นดินโลก และบนท้องฟ้าสวรรค์ พระองค์ทรงพระชนม์อยู่เป็นนิจนิรันดร์ พระเจ้าทรงฤทธานุภาพใหญ่ยิ่ง และพระองค์ได้ทรงเนรมิตสร้างทุกสิ่งในโลก และจักรวาลทั้งปวง พระองค์ทรงทราบความเป็นไปในธรรมชาติ พระองค์ทรงบำรุง ทรงปกครอง และทรงพิทักษ์รักษาโลก และจักรวาล ด้วยฤทธิ์อำนาจของพระองค์ พระลักษณะของพระเจ้าประกอบไปด้วยความบริสุทธิ์ ความชอบธรรม และความยุติธรรม พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าแห่งความรัก พระองค์ทรงรักมนุษย์มาก ถึงแม้ว่ามนุษย์ได้กระทำผิด โดยไม่ยอมเชื่อฟัง และปฏิเสธพระองค์ แต่กระนั้น พระองค์ยังทรงแผ่ความรักของพระองค์ลงมาโดยทางพระเยซูคริสต์ เพื่อนำมนุษย์ชาติกลับคืนไปหาพระองค์อีก
1. พระเจ้าทรงรักท่าน และทรงมีแผนการอันประเสริฐยิ่ง สำหรับชีวิตของท่าน
ความรักของพระเจ้า
"เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลก จนได้ทรงประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจใน พระบุตรนั้น จะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์"( ยอห์น 3 : 16 )
แผนการของพระเจ้า
(พระเยซูคริสต์ตรัสว่า) "เราได้มาเพื่อเขาทั้งหลายจะได้ชีวิต และจะได้ครบบริบูรณ์" คือ ชีวิตที่อิ่มเอม และมีความหมาย ( ยอห์น 10 : 10 )
แต่ทำไมเล่าคนส่วนมากจึงยังไม่ได้พบกับชีวิตที่ครบบริบูรณ์นี้ ?
2. มนุษย์ทุกคนเป็นคนบาป และถูกตัดขาดจากพระเจ้า ดังนั้นจึงไม่สามารถรู้ และพบกับ ความรัก และแผนการ ของพระเจ้า สำหรับชีวิตของเขาได้
มนุษย์ทุกคนเป็นคนบาป
"เพราะว่าทุกคนเป็นคนบาป และเสื่อมจากพระสิริของพระเจ้า" ( โรม 3:23 ) พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ให้มีความสามัคคีธรรมกับพระองค์ แต่เพราะความดื้อด้านตามใจปราถนาของตนเองมนุษย์จึงเลือกดำเนินชีวิตอย่างอิสระ ด้วยเหตุนี้ ความสามัคคีธรรมระหว่างเขากับพระเจ้าจึงขาดลง การทำตามใจปราถนาของมนุษย์นี้แสดงออกโดยการปฏิเสธที่จะเชื่อฟังพระเจ้า และเฉยเมยต่อพระองค์ การกระทำเช่นนี้แหละที่พระคริสตธรรมคัมภีร์เรียกว่า "บาป"
มนุษย์ถูกตัดขาดจากพระเจ้า
"ค่าจ้างของความบาป คือความตาย" -คือความตายฝ่ายวิญญาณจิต เพราะถูกตัดขาดจากพระเจ้า
พระเจ้าทรงเป็นผู้บริสุทธิ์ และมนุษย์เป็นคนบาป จึงเสมือนมีหุบเหวอันลึก และกว้างใหญ่ขวางกั้น ระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์ มนุษย์แสวงหาวิถีทางที่จะข้ามหุบเหวนี้อยู่เรื่อยมา เพื่อไปสู่พระเจ้า และรับชีวิตที่ครบบริบูรณ์ โดยการอาศัย สติปัญญา ความสามารถของตนเอง เช่น บำเพ็ญตนเป็นคนดีมีศีลธรรม และยึดถือ หลักปรัชญาต่าง ๆ ฯลฯ
หลักสัจธรรมประการที่สามเป็นทางเดียวเท่านั้น ที่จะแก้ไขปัญหาอันยุ่งยากนี้ได้...
1 | 2 Next
|