Christian Siam

 

 

 

 

Christian Siam - เว็บสำหรับคนอยากรู้จักพระเจ้า

 
 :: สำหรับผู้สนใจพระเจ้า ::
Christian Siam คำถาม - คำตอบ
Christian Siam พระเยซูคือใคร
Christian Siam พระเยซูเกิดจริงหรือ?
Christian Siam เราเกิดมาทำไม
Christian Siam เราตายแล้วไปไหน
Christian Siam ทฤษฎีวิวัฒนาการ...จริง?
Christian Siam เป็นคริสเตียนได้อย่างไร
Christian Siam คำพยานชีวิต

Christian Siam
H O M E
:: สำหรับคริสเตียนใหม่ ::
:: สื่อคริสเตียนออนไลน์ ::
Christian Siam มานาประจำวัน
Christian Siam เพลงจาก Youtube
 

                   CHRISTIAN
                   CHRISTIAN
                   CHRISTIAN

         CHRISTIAN SIAM.COM
         CHRISTIAN SIAM.COM
         CHRISTIAN SIAM.COM

                   CHRISTIAN
                   CHRISTIAN
                   CHRISTIAN
                   CHRISTIAN
                   CHRISTIAN
                   CHRISTIAN
                   CHRISTIAN
                   CHRISTIAN



2.1 การเรียน

"16 ข้าพเจ้ารำพึงว่า 'ข้าพเจ้ามีสติปัญญามากยิ่ง มากกว่าใครๆที่ครองอยู่เหนือกรุงเยรูซาเล็มมาก่อนข้าพเจ้า ใจข้าพเจ้าก็เจนจัดในสติปัญญาและความรู้ อย่างยิ่ง'
17 ข้าพเจ้าก็ตั้งใจรู้สติปัญญา รู้ความบ้าบอ และความเขลา ข้าพเจ้าสังเกตเห็นว่าเรื่องนี้ก็เป็นแต่กินลมกินแล้งด้วย" (ปัญญาจารย์ 1:16-17)

คริสเตียนสยาม - เว็บสำหรับคนอยากรู้จักพระเจ้า  พระเยซู  อยากเป็นคริสเตียนหรืออยากไปโบสถ์

ซาโลมอนเรียนรู้อะไรเกี่ยวกับการเรียน ?

ในสมัยนั้น  ชื่อ ซาโลมอน มีความหมายเดียวกับคำว่า ปัญญา 

ผู้เขียนหนังสือ 1พงศ์กษัตริย์ ได้บันทึกเอาไว้ว่า  ไม่มีใครที่เป็นอยู่ก่อน หรือขึ้นมาภายหลังซาโลมอน ที่มีปัญญาเหมือนซาโลมอน (1พงศ์กษัตริย์ 3:7-12; 10:1-8)  และสติปัญญาของพระองค์ก็ล้ำเลิศกว่าสติปัญญาทั้งสิ้นของชาวตะวันออก และชาวอียิปต์ (1พงศ์กษัตริย์ 4:30)

พระองค์ตรัสสุภาษิต 3,000 ข้อ และทรงเขียนเพลง 1,005 บท (1พงศ์กษัตริย์ 4:32)  พระองค์ทรงรู้มากพอที่จะบรรยายเรื่องของต้นไม้ สัตว์ป่า นก สัตว์เลื้อยคลาน และปลา (1พงศ์กษัตริย์ 4:33)  และทั่วโลกก็แสวงหาที่จะฟังพระสติปัญญาของซาโลมอน

ซาโลมอนมีสติปัญญามากได้อย่างไร ?

ซาโลมอนทรงพบว่า ความรู้ทั้งหมดที่พระองค์มีอยู่เกี่ยวกับชีวิตนี้ จะไม่มีความหมายเลย ถ้าหากพระองค์ไม่รู้จักกับพระผู้สร้าง  พระองค์ทรงเรียนรู้ความจริงเรื่องนี้อย่างยากลำบาก  ทั้งนี้เมื่อซาโลมอนเติบโตขึ้น  พระองค์ทรงเลือกที่จะลืมความรู้ในเรื่องของพระเจ้า  และเริ่มต้นนมัสการพระเทียมเท็จ (1พงศ์กษัตริย์ 11:1-13)  ความรู้ของพระองค์ไม่สามารถเติมความว่างเปล่าให้ชีวิตของพระองค์ให้เต็มได้

"15 ข้าพเจ้าจึงรำพึงว่า 'เคราะห์กรรมอันใดเกิดแก่คนเขลาฉันใด ก็คงจะเกิดกับตัวข้าพเจ้าฉันนั้น ถ้ากระนั้นแล้วข้าพเจ้าจะมีสติปัญญามากมายทำไมเล่า' ข้าพเจ้าจึงรำพึงว่าเรื่องนี้ก็อนิจจังเหมือนกัน
16 เพราะไม่มีใครระลึกถึงคนมีสติปัญญาเช่น เดียวกับคนเขลา ด้วยเห็นว่าในอนาคตก็ลืมกันไปหมดแล้ว พุทโธ่ คนมีสติปัญญาก็ตายเหมือนคนเขลา" (ปัญญาจารย์ 2:15-16)


ในที่สุดซาโลมอนก็ทรงตระหนักว่า พระองค์ทรงเดินออกไปนอกเส้นทางที่พระเจ้าทรงกำหนด  และทรงถ่อมพระทัยลงต่อพระพักตร์พระเจ้า และกลับมาติดสนิทกับพระเจ้าอีกครั้งหนึ่ง  พระองค์ทรงค้นพบว่าสติปัญญาตามอย่างโลกนั้นไม่สามารถสร้างความพึงพอใจให้กับชีวิตมนุษย์ได้


ถ้าเช่นนั้น หมายความว่าเราไม่ควรแสวงหาสติปัญญาตามอย่างโลกอย่างนั้นหรือ ?

เปล่าเลย  ซาโลมอนทรงทราบดีว่า เวลาที่สมองมีแต่ความว่างเปล่านั้นเป็นอย่างไร  การที่เราไม่แสวงหาสติปัญญานั้นเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง  ซาโลมอนไม่เคยสนับสนุนให้เราโง่  ตรงกันข้าม  พระองค์กล่าวว่า

"13 ข้าพเจ้าเห็นว่าสติปัญญาวิเศษกว่าความเขลา เหมือนความสว่างวิเศษกว่าความมืด
14 คนมีสติปัญญามีตาอยู่ในสมอง แต่คนเขลาเดินในความมืด ถึงกระนั้นข้าพเจ้ายังเห็นว่า เคราะห์อย่างเดียวกันเกิดขึ้นแก่เขาทั้งมวล" (ปัญญาจารย์ 2:13-14)


เป็นการดีที่เราจะแสวงหาความรู้  ยิ่งเรามี "ซาโลมอน" อยู่ในโลกมากเท่าไหร่ ยิ่งดีเท่านั้น  แต่อย่าลืมว่า การแสวงหาความรู้เพียงพอที่จะรู้นั้น จะจบลงที่ความว่างเปล่า  ยิ่งคุณเรียนมากขึ้นเท่าไหร่  คุณจะยิ่งตระหนักถึงความไม่รู้ของคุณมากขึ้นเท่านั้น  และในที่สุดคุณก็จะจบลงด้วยความทุกข์ระทม

"เพราะในสติปัญญามากๆก็มีความทุกข์ระทมมาก และบุคคลที่เพิ่มความรู้ก็เพิ่มความเศร้าโศก" (1:18)

เราควรจะแสวงหาความรู้จากที่ไหน ?

แผ่นป้ายโฆษณาของโรงพยาบาลเพื่อการค้นหาแห่งหนึ่ง  เขียนติดไว้ว่า "ความรู้ช่วยเยียวยา"  ข้อความนี้ถูกเพียงบางส่วน  นั่นก็คือ
การค้นคว้าเป็นผลให้มีการรักษาหรือการป้องกันโรคเกิดขึ้น  แต่ความรู้เกี่ยวกับเรื่องพันธุกรรม เชื้อโรค หรือน้ำย่อยอาหาร ไม่สามารถเยียวยาหัวใจที่แตกสลายได้ 

ความรู้เกี่ยวกับเรื่องการขับเคลื่อนด้วยพลังความร้อน ดาราศาสตร์ ธรณีวิทยา ประสาทวิทยา หรืออุตุนิยมวิทยา  ไม่สามารถให้จุดหมายกับชีวิตมนุษย์ได้ 

ความรู้เกี่ยวกับโลกที่เราอยู่สามารถอธิบายถึงสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นรอบ ๆ ตัวเราได้  แต่ไม่สามารถบอกเราได้ว่าทำไมมันถึงเกิดขึ้น 

ความรู้อย่างนี้ไม่สามารถให้คำตอบในเรื่องของคุณธรรมหรือศีลธรรมแก่มนุษย์ได้


"ความรู้ความเข้าใจทั้งหมดของคุณ ช่วยคุณได้แค่เพียงทำให้คุณรู้ว่า
คุณไม่สามารถค้นพบความจริง และความถูกต้องได้ในตัวของคุณเอง"
เบลส ปาสคาล


สิ่งนี้เห็นได้ชัดในความพยายามที่จะระงับการตั้งครรภ์ของเด็กวัยรุ่น และหยุดการแพร่กระจายของเชื่อโรคที่เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์  ความรู้เพียงอย่างเดียวไม่ใช่คำตอบ  สิ่งที่เราต้องการคือ "คุณธรรม"  ความรู้ที่ปราศจากคุณธรรมก็เปรียบเสมือนเรือที่ปราศจากหางเสือ

ซาโลมอนทรงสอนในเรื่องของความสมดุลย์  การพยายามเป็นคนฉลาดนั้นเป็นสิ่งที่ดี  แต่อย่าคิดว่ามันจะสามารถตอบสนองความต้องการที่อยู่ลึก ๆ ในหัวใจของคุณได้  ความรู้เกี่ยวกับชีวิตในแนวนอน  ซึ่งได้แก่โลกที่เราอาศัยอยู่ในปัจจุบันนั้น  ไม่สามารถให้คำตอบที่เราต้องการได้ทั้งหมด  เรายังต้องการความรู้ในแนวตั้ง  ซึ่งได้แก่  ความสัมพันธ์ระหว่างเรากับพระเจ้า พระผู้สร้าง

คิดทบทวน

  • อาจารย์เปาโลพูดถึงสติปัญญาของมนุษย์ไว้อย่างไรในพระธรรม 1โครินธ์ 3:18-20 ?

"18 อย่าให้ผู้ใดหลอกลวงตัวเอง ถ้าผู้ใดในพวกท่านคิดว่า ตัวเป็นคนมีปัญญาตามหลักของยุคนี้ จงให้ผู้นั้นยอมเป็นคนโง่ จึงจะเป็นคนมีปัญญาได้
19 เพราะว่าปัญญาของโลกนี้ เป็นความโง่เขลาในสายพระเนตรของพระเจ้า ด้วยมีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า พระองค์ทรงจับคนที่มีปัญญาด้วยอุบายของเขาเอง
20 และมีเขียนไว้ในพระคัมภีร์อีกว่า พระเจ้าทรงทราบว่า ความคิดของคนมีปัญญาเป็นสิ่งไร้ประโยชน์" (1โครินธ์ 3:18-20)

  • คุณต้องฉลาดมากแค่ไหน  ถึงจะสามารถเข้าใจพระกิตติคุณของพระเจ้าได้ ?
  • จากพระธรรมเยเรมีย์ 9:23-24 และ ฟิลิปปี 3:7-11  ความรู้อะไรสำคัญที่สุด ?

"23 พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า 'อย่าให้ผู้มีปัญญาอวดในสติปัญญาของตน อย่าให้ชายฉกรรจ์อวดในความเข้มแข็งของตน อย่าให้คนมั่งมีอวดในความมั่งคั่งของตน
24 แต่ให้ผู้อวดอวดในสิ่งนี้ คือในการที่เขาเข้าใจและรู้จักเราว่าเราคือพระเจ้า ทรงสำแดงความรักมั่นคง ความยุติธรรม และความชอบธรรมในโลก เพราะว่าเราพอใจในสิ่งเหล่านี้ พระเจ้าตรัสดังนี้แหละ' " (เยเรมีย์ 9:23-24)
"7 แต่ว่าสิ่งใดที่เคยเป็นคุณประโยชน์แก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าถือว่าสิ่งนั้นไร้ประโยชน์แล้ว เพื่อเห็นแก่พระคริสต์
8 ที่จริงข้าพเจ้าถือว่าสิ่งสารพัดไร้ประโยชน์ เพราะเห็นแก่ความประเสริฐแห่งความรู้ถึงพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า เพราะเหตุพระองค์ ข้าพเจ้าจึงได้ยอมสละสิ่งสารพัด และถือว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นเหมือนหยากเยื่อเพื่อข้าพเจ้าจะได้พระคริสต์
9 และจะได้ปรากฏอยู่ในพระองค์ ไม่มีความชอบธรรมของข้าพเจ้าเอง ซึ่งได้มาโดยธรรมบัญญัติ แต่มีมาโดยความเชื่อในพระคริสต์ เป็นความชอบธรรมซึ่งมาจากพระเจ้าซึ่งขึ้นอยู่กับความเชื่อ
10 ข้าพเจ้าต้องการจะรู้จักพระองค์ และได้รับประสบการณ์ในฤทธิ์เดช เนื่องในการที่พระองค์ทรงคืนพระชนม์นั้น และร่วมทุกข์กับพระองค์ คือยอมตั้งอารมณ์ตายเหมือนพระองค์
11 ถ้าเป็นไปได้ข้าพเจ้าก็จะได้เป็นขึ้นมาจากความตายด้วย
12 มิใช่ว่าข้าพเจ้าได้แล้ว หรือสำเร็จแล้ว แต่ข้าพเจ้ากำลังบากบั่นมุ่งไป เพื่อข้าพเจ้าจะได้ฉวยเอาไว้เป็นของตน อย่างที่พระเยซูคริสต์ได้ทรงฉวยข้าพเจ้าไว้เป็นของพระองค์แล้ว" (ฟิลิปปี 3:7-11)

  • คุณจะจำเริญขึ้นในความรู้ซึ่งมาจากพระเยซูคริสต์ได้อย่างไร ?

"แต่ขอท่านทั้งหลายจงเจริญขึ้นในพระคุณและในความรู้ ซึ่งมาจากพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าพระผู้ช่วยให้รอดของเรา พระเกียรติจงมีแด่พระองค์ทั้งในปัจจุบันนี้และตลอดไปเป็นนิตย์ อาเมน" (2เปโตร 3:18)

เขียนโดย เคิร์ท เดอ ฮาน
แปลโดย ปาริชาติ แสงอัมพร
เรียบเรียงโดย ชนิดา จิตตรุทธะ
จากหนังสือ ฉันมาอยู่ในโลกนี้ทำไม ?

Back 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 Next

 © Copyright 2009. Christian Siam.com