3. หลักฐานทางประวัติศาสตร์
|
เรื่องการเกิดของพระเยซูคริสต์มิใช่นวนิยาย มิใช่เรื่องราวที่มนุษย์แต่งขึ้น แต่เป็นชีวิตจริงที่มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ยืนยัน คือ เมื่อประมาณ 2,000 ปีมาแล้ว พระเยซูคริสต์เกิดที่ตำบลเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง ชื่อ "เบธเลเฮม" ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากกรุงเยรูซาเล็มไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ 10 กิโลเมตร ในประเทศอิสราเอลปัจจุบัน
พระองค์เกิดมาในครอบครัวที่ยากจน บิดาเป็นช่างไม้ ชื่อ โยเซฟ มารดาชื่อ มารีย์ ทั้งสองสืบเชื้อสายจากอดีตกษัตริย์ของชาวยิว คือ กษัตริย์ดาวิด
|
ชีวิตในวัยเด็ก และวัยหนุ่มของพระเยซูก็เหมือนสามัญชนทั่วไป ไม่มีการบันทึกไว้มากนัก จนพระองค์เริ่มพระราชกิจของพระองค์เมื่ออายุได้ 30 ปี จึงมีบันทึกเรื่องราวชีวิต และคำสอนของพระองค์ไว้ในประวัติศาสตร์
พระองค์ทรงกรำพระราชกิจ และสั่งสอนประชาชนอยู่ได้เพียง 3 ปี แต่เป็น 3 ปีที่เปลี่ยนโฉมหน้าประวัติศาสตร์โลก
เรื่องราวที่ละเอียดกว่านี้หาอ่านได้จาก
- เอกสารชีวประวัติของพระเยซู ในหนังสือพระคริสตธรรมคัมภีร์ ช่วงพระกิตติคุณมัทธิว มาระโก ลูกา และยอห์น
- ในบันทึกและคำอ้างอิงของนักประวัติศาสตร์โลก เช่น Flavius Josephus (นักประวัติศาสตร์ในศตวรรษที่ 1 เกิด ค.ศ. 37) และ Plinius Secundus (นักประวัติศาสตร์โรมัน ค.ศ. 120) เป็นต้น
- แม้แต่สารานุกรมอันเป็นที่เชื่อถือของคนทั่วโลกฉบับล่าสุด ที่ชื่อว่า Encyclopaedia Britannica ก็ได้บรรยายถึงเรื่องราวชีวิตของพระเยซูด้วยถ้อยคำถึงสองหมื่นคำ
นี่ย่อมแสดงถึงความสำคัญ และความจริงแห่งชีวิตอันน่าเชื่อถือของพระเยซูคริสต์ ตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์
4. คำยืนยันที่โลกต้องตะลึง
ดังได้กล่าวไว้ในบทนำว่า พระเยซูคริสต์เป็นศาสดาคนเดียวของโลกที่อ้างว่าตนเองคือพระเจ้า และคำอ้างนี้ก็เกี่ยวข้องโดยตรงกับภารกิจหลักของพระองค์
เราสามารถสรุปสาระสำคัญของภารกิจที่พระเยซูคริสต์กระทำอย่างสั้น ๆ ได้ว่า "พระเยซูคริสต์เป็นพระบุตรของพระเจ้า มาเกิดเป็นมนุษย์ เพื่อนำมนุษย์ให้เข้าถึงพระเจ้าโดยการสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน"
ดังที่พระองค์ได้ตรัสไว้ชัดเจนว่า
"6 พระเยซูตรัสกับเขาว่า เราเป็นทางนั้น เป็นความจริงและเป็นชีวิต ไม่มีผู้ใดมาถึงพระบิดาได้นอกจากจะมาทางเรา
7 ถ้าท่านทั้งหลายรู้จักเราแล้ว ท่านก็จะรู้จักพระบิดาของเราด้วย ตั้งแต่นี้ไปท่านก็จะรู้จักพระองค์และได้เห็นพระองค์ " (ยอห์น 14:6-7)
เพราะความสำคัญของภารกิจนี้ พระเยซูทรงต้องการให้สาวกเข้าใจอย่างถูกต้องเกี่ยวกับตัวพระองค์ จึงได้ถามว่า "ท่านคิดว่าเราคือใคร" และเมื่อสาวกคนหนึ่งที่ชื่อซีโมนเปโตรตอบว่า "พระองค์คือพระคริสต์ พระบุตรของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่" แทนที่พระเยซูจะตกใจในคำตอบของสาวกผู้นั้น พระองค์กลับกล่าวชมเชยว่า "ซีโมนบุตรโยนาเอ๋ย ท่านก็เป็นสุข เพราะว่ามนุษย์มิได้แจ้งความนี้แก่ท่าน แต่พระบิดาของเราผู้ทรงสถิตในสวรรค์ทรงแจ้งให้ทราบ" (มัทธิว 16:15-17)
ใช่แล้ว พระเยซูคริสต์อ้างว่าพระองค์เป็นพระเจ้า เป็นคำอ้างที่โลกต้องตะลึง
อยากให้เราพิจารณาคำอ้างของพระเยซูคริสต์ ซึ่งกล่าวถึงพระองค์เอง ดังต่อไปนี้
สมาคมนักศึกษาคริสเตียนไทย (นคท.)
จากหนังสือ เรื่อง เยซูคือใคร
Back 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 Next
|