วิญญาณคืออะไร
ท่านผู้อ่านที่รัก คุณเป็นมนุษย์ที่มีวิญญาณ ก็เพราะคุณมีวิญญาณนี่เอง ทำให้ชีวิตมีคุณค่า ถ้าไม่เช่นนั้น ก็ไม่ต่างอะไรกับสัตว์
และถ้าเป็นเช่นนั้น วิญญาณของพวกเราเป็นอย่างไรล่ะ ? และหลังจากที่พวกเราตายไปแล้วจะไปที่ไหนล่ะ ?
|
คำตอบของปัญหานี้ ไม่มีทางที่นักวิทยาศาสตร์จะหาคำตอบได้เลย แต่ว่าพระคัมภีร์ได้บอกพวกเราล่วงหน้าไว้แล้วอย่างชัดเจนว่า วิญญาณของพวกเรานั้นจะไม่มีวันสูญสลายเป็นนิจนิรันดร์ และร่างกายของเรานั้นเป็นเพียงเปลือกนอกเท่านั้น คือ เป็นเพียงห้องหรือบ้านหลังหนึ่ง และวิญญาณของพวกเราก็คือเจ้าของห้องหรือบ้านหลังนั้น
แต่น่าเสียดายว่า ปัจจุบันนี้พวกเราต่างก็ดูแลแต่เปลือกนอกของตัวเอง และละเลยวิญญาณของตัวเองที่เป็นนิจนิรันดร์ ทำให้สูญเสียคุณค่าชีวิตที่แท้จริง และความหมายของชีวิตไป และนี่ก็เป็นเรื่องที่น่าเศร้าสลดใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะจะต้องพบกับความพินาศเป็นนิจนิรันดร์
|
แท้จริงแล้ว ถ้าเราใช้เวลาตั้งมากในการดูแลร่างกายของตัวเองแล้ว เราก็ควรใช้เวลามากเป็นสิบเท่า พร้อมกับทุ่มเทในการไปดูแลวิญญาณของตัวเองจึงจะถูก ก็เพราะว่าวิญญาณนั้นเป็นนิจนิรันดร์ แต่เนื้อหนังเป็นเพียงระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น และถ้าเอาความเป็นนิจนิรันดร์กับระยะเวลาสั้น ๆ มาเปรียบเทียบกันดู จะเห็นว่ามันแตกต่างกันเป็นล้าน ๆ เท่า เพราะฉะนั้น การละเลยจิตวิญญาณของตัวเองจึงเป็นเรื่องที่น่าเศร้าสลดใจจริง ๆ
เพราะพระเจ้าทรงรักมนุษย์ จนได้ประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ คือพระเยซูคริสต์ให้แก่พวกเรา และมาถูกตรึงตายบนไม้กางเขนก็เพื่อเรา พระองค์กระทำเช่นนี้เพราะอะไร ?
นั่นก็เพราะว่าพระองค์ทรงรักวิญญาณของพวกเรา และพระคัมภีร์ได้ขนานนามพ่อของเราบนโลกว่า "บิดาที่ให้กำเนิดทางเนื้อหนัง" แต่ขนานนามพระเจ้าองค์ที่ทรงสร้างสรรพสิ่งว่า "พระบิดาของวิญญาณทั้งปวง" นั่นก็เพราะว่าที่แท้วิญญาณของพวกเรานั้นมีต้นกำเนิดมาจากพระเจ้า แต่เพราะมนุษย์ได้กระทำความผิดบาปจนลืมพระเจ้า และทำให้ความรู้สึกทางวิญญาณของพวกเราพบกับความพินาศ จึงได้ทรงประทานชีวิตนิรันดร์โดยทางพระเยซูคริสต์ เพื่อช่วยเราให้พ้นจากความผิดบาป และเพื่อจะให้พวกเรากลับคืนดีกับพระองค์ ได้เป็นลูกของพระองค์อีกครั้ง และยังได้อยู่กับพระเจ้าเป็นนิจนิรันดร์
นี่ไม่ใช่เรื่องที่มีความสุขที่สุดหรือ ? แล้วทำไมคุณยังจะหลงเข้าใจผิดคิดว่ามนุษย์ไม่มีวิญญาณอยู่อีกเล่า ?
เมื่อหลังจากที่มนุษย์ตายแล้ว จะกลายเป็นผีใช่ไหม ?
ไม่ครับ นี่เป็นแผนการของมารซาตานที่จะหลอกให้คนเชื่อว่า เมื่อคนตายไปแล้วจะกลายเป็นผี คนเลยวางใจในการติดต่อกับผี และเชื่อคำบอกของผีในการไปทำบาป เช่น ทำร้ายตัวเอง จนถึงกับฆ่าตัวตาย และหลังจากตายไปแล้วก็จะต้องไปอยู่กับมันในนรกตลอดไป
เพราะฉนั้น ในโลกนี้มีหลายคนติดต่อกับผี และยังยกตัวเองว่าสามารถที่จะติดต่อกับคนที่ตายไปแล้วคนนั้นได้ หรือยอมให้ผีเข้าสิงร่าง เพื่อจะตอบคำถามของคนที่ขอมัน แท้จริงแล้วผีสกปรกเหล่านี้ ได้ยืมเสียง ท่าทางของคนที่ตายแล้วมาหลอกคนเพื่อให้คนเชื่อมัน และถึงขั้นที่จะมอมเมา จนไม่มีทางที่จะหาพระเจ้าเที่ยงแท้ได้ ในที่สุดเขาจะต้องทำตามมัน และจะต้องตายในความบาป และอาศัยอยู่กับมันในนรกเป็นนิจนิรันดร์
แท้จริงแล้ว ตามที่พระเยซูได้เล่าเรื่อง "เศรษฐีกับขอทานลาซารัส" (ลูกา 16:19-31) หลังจากที่เศรษฐีตายไปแล้ว ก็ถูกวางไว้ในแดนคนตาย ในฝั่งที่เต็มไปด้วยไฟ และแสนทุกข์ทรมาน และถึงแม้เขาจะคิดถึงพี่น้องของเขาอีก 5 คนที่ชอบทำความผิดบาปอยู่เสมอ และไม่ยอมเชื่อว่าตายไปแล้วมีการพิพากษาก็ตาม เขาก็ไม่สามารถไปบอกพวกเขาได้เลย เขาทำได้แต่เพียงขอร้องให้อับราฮัมช่วยส่งลาซารัสให้ขึ้นไปบอกพวกเขา เพราะเขารู้ดีว่า คนบาปตายไปแล้วไม่สามารถที่จะมาปรากฎตัวบนโลกได้อีกเลย มีเพียงแต่การฟื้นจากความตายเท่านั้นจึงจะสามารถทำได้ แต่อับราฮัมได้ปฏิเสธคำขอร้องของเรา และได้ชี้ให้เห็นว่าเขามีพระคัมภีร์ และผู้รับใช้พระเจ้าในการที่จะบอกทางให้พวกเขาอย่างเพียงพอแล้ว
หรืออาจจะถามว่า ในเมื่อหลังจากความตายไปแล้วไม่สามารถกลับมายังโลกมนุษย์ได้อีก ถ้าเช่นนั้น ข่าวคราวเกี่ยวกับผีในที่ต่าง ๆ ของโลก มันเป็นอย่างไรกันแน่ ?
ตามที่มีคำอธิบายในพระคัมภีร์ ได้บอกไว้ว่า ผีในโลกทั้งหมด ต่างก็เป็น "พวกฑูตสวรรค์ที่ทำบาป" (2เปโตร 2:4) "ฑูตสวรรค์ที่ละทิ้งถิ่นฐานอันเหมาะสม" (ยูดา 6) พวกมันนั้นได้เคยรับใช้พระเจ้าบนสวรรค์ ต่อมาตั้งตนเป็นศัตรูกับพระเจ้า จึงถูกพระเจ้าขับไล่ไป และพวกมันคิดจะทำลายกิจการของพระเจ้าโดยการหลอกลวง มอมเมา และวิธีการต่าง ๆ มากมายในการที่จะดึงคนให้หนีห่างจากพระเจ้า และมันได้ก่อตั้งศาสนาเทียมเท็จ และพระเจ้าปลอมแปลงต่าง ๆ ในการมาควบคุมจิตใจมนุษย์
แต่เมื่อพระเยซูได้ทำลายอำนาจของมันโดยการตายของพระองค์แล้ว พวกมันก็ไม่มีวิธีที่จะทำร้ายคนที่เชื่อวางใจในพระเยซูได้เลย แต่คนเหล่านั้นที่ไม่ยอมเชื่อพระองค์ และกลับคิดว่าคนเราตายไปแล้วก็จะกลายเป็นผี ก็เลยถูกมอมเมาอยู่โดยไม่รู้ตัว
อ. นิกร สิทธิจริยาภรณ์
จากหนังสือ คุณพร้อมแล้วหรือ?
Back 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 Next |