|
เพลงคร่ำครวญ
1 | 2 | 3 | 4 | 5
เพลงคร่ำครวญ 1
1 กรุงที่คับคั่งด้วยพลเมือง มาอ้างว้างอยู่ได้หนอ กรุงที่รุ่งเรืองอยู่ท่ามกลาง ประชาชาติ มากลายเป็นดั่งหญิงม่ายหนอ กรุงที่เป็นดั่งเจ้าหญิงท่ามกลาง เมืองทั้งหลาย ก็กลับเป็นเมืองขึ้นเขาไป
2 กรุงนั้นร่ำไห้สะอื้นในราตรีกาล และน้ำตาของเธอก็อาบแก้ม เธอจะหาใครท่ามกลางคนที่รักเธอ ให้มาปลอบเธอก็หาไม่พบ บรรดาพวกเพื่อนของเธอสิ้นทุกคนได้ทรยศต่อเธอ เขาทั้งปวงกลับเป็นศัตรูของเธอ
3 ยูดาห์ได้ถูกกวาดไปเป็นเชลย ได้รับความทุกข์ใจ ต้องทำงานอย่างทาส เธอต้องพำนักอยู่ท่ามกลางประชาชาติ ทั้งหลาย เธอไม่พบที่หยุดพักสงบเลย บรรดาผู้ข่มเหงได้ไล่ทันเธอ เมื่อเวลาเธอทุกข์ใจ
4 ถนนหนทางที่เข้ากรุงเยรูซาเล็ม ก็โศกเศร้าอยู่ เพราะไม่มีผู้ใดเดินไปในงานเทศกาล บรรดาประตูเมืองของเธอก็เริศร้างเสียแล้ว พวกปุโรหิตทั้งปวงของเธอได้พากันถอนใจ สาวพรหมจารีทั้งหลายของเธอ ก็ต้องทนทุกข์ และตัวเธอเองก็ได้รับความขื่นขมยิ่งนัก
5 พวกคู่อริของเธอกลายเป็นหัวหน้า พวกศัตรูของเธอได้จำเริญขึ้น ด้วยว่าพระเจ้าได้ทรงกระทำให้เธอ ทนทุกข์ เพราะความทรยศอันมหันต์ของเธอ ลูกเต้าทั้งหลายของเธอ ตกไปเป็นเชลยต่อหน้าคู่อริ
6 และความโอ่อ่าตระการ ได้พรากไปจากธิดาแห่งศิโยนเสียแล้ว พวกเจ้านายของเธอก็กลับเป็นดุจฝูงกวาง ที่หาทุ่งหญ้าเลี้ยงชีวิตไม่ได้ และได้วิ่งป้อแป้หนีไป ข้างหน้าผู้ไล่ติดตาม
7 เยรูซาเล็มเมื่อตกอยู่ในยามทุกข์ใจ และยามลำเค็ญ ก็ได้หวนระลึกถึง สิ่งประเสริฐ ที่ตนเคยมีในครั้งกระโน้น เมื่อพลเมืองของเธอตกอยู่ในมือของคู่อริ และหามีผู้ใดจะสงเคราะห์เธอไม่ พวกคู่อริเห็นเธอแล้ว ก็เยาะเย้ยความล่มจมของเธอ
8 เยรูซาเล็มได้ทำบาปอย่างใหญ่หลวง เหตุฉะนี้เธอจึงเป็นสิ่งมลทิน บรรดาคนที่เคยให้เกียรติเธอก็ลบหลู่เธอ เพราะเหตุเขาทั้งหลายเห็นความอัปยศของเธอ เออ เธอเองได้ถอนใจยิ่ง และหันหน้าของเธอไปเสีย
9 มลทินของเธอก็กรังอยู่ในกระโปรงของเธอ และเธอหาได้คำนึงถึงอนาคต ของเธอไม่ ดังนั้นเธอจึงได้เสื่อมทรามลงเร็ว อย่างน่าใจหาย เธอก็ไม่มีผู้ใดจะเล้าโลม "ข้าแต่พระเจ้า ขอทอดพระเนตรความทุกข์ใจของข้าพระองค์ เพราะพวกศัตรูได้พองตัวขึ้นแล้ว"
10 พวกศัตรูได้ยื่นมือของเขา ยึดเอาบรรดาของประเสริฐของเธอ ด้วยเธอได้เห็นบรรดาประชาชาติ บุกรุกเข้ามาในสถานนมัสการของเธอ คือคนที่พระองค์ได้ทรงห้าม ไม่ให้เข้ามาในชุมนุมชนของพระองค์
11 บรรดาพลเมืองของเธอได้ถอนใจใหญ่ เมื่อเขาทั้งหลายเสาะหาอาหาร และพวกเขาได้เอาทรัพย์สินของตัวออกแลกอาหารกิน เพื่อจะได้ประทังชีวิต "ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงทอดพระเนตร เพราะข้าพระองค์เป็นที่เหยียดหยามเสียแล้ว"
12 "ดูก่อน ท่านทั้งหลายที่เดินผ่านไป ท่านไม่เกิดความรู้สึกอะไรบ้างหรือ นี่แน่ะ จงดูซิ ว่ามีความทุกข์อันใดบ้างไหมที่เหมือนความทุกข์ ที่มาสู่ข้าพเจ้า เป็นความทุกข์ซึ่งพระเจ้าได้ทรงกระทำแก่ข้าพเจ้า ในวันที่พระองค์ทรงกริ้วข้าพเจ้าอย่างเกรี้ยวกราดนั้น
13 "พระองค์ได้ทรงส่งเพลิงลงมาจากเบื้องบน ให้เข้าไปในกระดูกทั้งหลายของข้าพเจ้า พระองค์ได้ทรงกางข่ายไว้ดักเท้าของข้าพเจ้า พระองค์ได้ทรงกระทำให้ข้าพเจ้าต้องหันกลับ พระองค์ได้ทรงกระทำให้ข้าพเจ้า เปล่าเปลี่ยว และอ่อนระอาอยู่วันยังค่ำ
14 "ภาระแห่งการทรยศทั้งมวล ของข้าพเจ้าก็ถูกรวบเข้าเป็นแอก โดยพระหัตถ์ของพระองค์ทรงรวบมัดไว้ แอกนั้นรัดรึงรอบคอข้าพเจ้า พระองค์ได้ทรงกระทำให้กำลังข้าพเจ้าถอยไป องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงมอบข้าพเจ้าไว้ ในมือของเขาทั้งหลาย ซึ่งข้าพเจ้าไม่สามารถต่อต้านได้
15 "องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงทิ้งนักรบของข้าพเจ้า ท่ามกลางข้าพเจ้า พระองค์ได้ทรงเกณฑ์ชุมนุมชนเข้ามาต่อสู้ข้าพเจ้า เพื่อจะขยี้ชายฉกรรจ์ของข้าพเจ้าให้แหลกไป พระเจ้าได้ทรงย่ำลูกสาวพรหมจารีแห่งยูดาห์ ดั่งเหยียบผลองุ่นลงในบ่อย่ำองุ่น
16 "เพราะเหตุนี้เอง ที่ข้าพเจ้าร้องไห้ นัยน์ตาของข้าพเจ้า เออ นัยน์ตาของข้าพเจ้ามีน้ำตาไหลลงมา เพราะผู้ปลอบโยนอยู่ไกลจากข้าพเจ้า คือผู้ที่ปลุกใจข้าพเจ้า และเหล่าลูกของข้าพเจ้าก็เปล่าเปลี่ยว เพราะพวกศัตรูได้ชัยชนะ"
17 เมืองศิโยนได้เหยียดมือทั้งสองออกวิงวอน แต่ก็ไม่มีใครที่เล้าโลมเธอได้ พระเจ้าทรงมีพระบัญชากล่าวโทษยาโคบ ว่าให้พวกที่อยู่ล้อมรอบยาโคบตั้งตัวขึ้นเป็นคู่อริ เยรูซาเล็มเป็นสิ่งโสโครกท่ามกลางเขาทั้งหลาย
18 "พระเจ้าทรงชอบธรรมแล้ว เพราะข้าพเจ้าได้ขัดขืนพระบัญญัติของพระองค์ ดูก่อน บรรดาชนชาติทั้งหลายข้าพเจ้าขอท่านได้ฟัง และขอมามองดูความทนทุกข์ของข้าพเจ้า สาวพรหมจารีของข้าพเจ้า และหนุ่มๆของข้าพเจ้า ตกไปเป็นเชลยแล้ว
19 "ข้าพเจ้าได้ร้องเรียกบรรดาคนรักของข้าพเจ้า แต่เขาทั้งหลายได้หลอกลวงข้าพเจ้า พวกปุโรหิตและพวกผู้ใหญ่ของข้าพเจ้าก็ตายที่กลางเมือง ขณะเมื่อเขาออกหาอาหารเพื่อประทังชีวิตของตน
20 "ข้าแต่พระเจ้า โปรดทอดพระเนตรเพราะข้าพระองค์มีความทุกข์ จิตใจของข้าพระองค์มีความทุรนทุราย จิตใจของข้าพระองค์ยุ่งเหยิง เพราะข้าพระองค์มักกบฏอย่างร้ายกาจ นอกบ้านมีคนต้องคมกระบี่ตาย ในบ้านก็เหมือนมฤตยู
21 เขาทั้งหลายได้ยินว่า ข้าพระองค์ถอนใจอย่างไร หามีผู้ใดปลอบโยน ข้าพระองค์ไม่ บรรดาศัตรูของข้าพระองค์ได้ยินถึง เหตุร้ายที่ตกแก่ข้าพระองค์ เขาทั้งหลายก็พากันดีใจที่พระองค์ได้ทรงกระทำอย่างนี้ พระองค์จะทรงนำวาระที่พระองค์ทรงประกาศไว้นั้นให้มาถึง และเขาทั้งหลายจะเป็นอย่างที่ข้าพระองค์เป็นอยู่นี้
22 "ขอให้บรรดาการชั่วของเขาทั้งหลาย มาปรากฏต่อพระพักตร์พระองค์ และขอทรงกระทำแก่เขาทั้งหลาย เหมือนที่พระองค์ได้ทรงกระทำแก่ข้าพระองค์ เพราะการทรยศทั้งสิ้นของข้าพระองค์เถิด ด้วยความสะท้อนถอนใจของข้าพระองค์นั้นมากมายหลายครั้ง และจิตใจของข้าพระองค์ก็อ่อนเพลียเต็มทีแล้ว"
เพลงคร่ำครวญ 2
1 ด้วยพระพิโรธ พระเจ้าทรงใช้เมฆ บังธิดาของศิโยนหนอ พระองค์ได้ทรงเหวี่ยงสง่าราศีของอิสราเอล ให้ตกลงจากฟ้าถึงดิน พระองค์มิได้ทรงระลึกถึงแท่นรองพระบาทของพระองค์เลย ในยามที่พระองค์ทรงกริ้ว
2 พระเจ้าทรงทำลายที่อยู่ของยาโคบ เสียสิ้นแล้ว โดยปราศจากพระกรุณา ด้วยพระพิโรธของพระองค์ได้ทรงพัง ที่กำบังทั้งหลายของธิดาแห่งยูดาห์ให้ทลายลง พระองค์ได้ทรงกระทำให้ต่ำลงถึงดิน และทรงให้ราชอาณาจักรและเจ้านายเป็นสิ่งมลทิน
3 ด้วยพระพิโรธ พระองค์ได้ทรงตัด บรรดาอำนาจแห่งอิสราเอลให้ขาดสิ้นไป พระองค์ทรงหดพระหัตถ์เบื้องขวา มาเสียจากเขา ต่อหน้าศัตรู พระองค์ทรงเผาผลาญตระกูลยาโคบดุจเพลิง ลุกโพลงไหม้ไปรอบๆ
4 พระองค์ทรงโก่งธนูของพระองค์อย่างศัตรู ทรงยกพระหัตถ์เบื้องขวาทีท่า ปัจจามิตร และได้ทรงประหารบรรดาคนที่ตาของเราจะอวดได้นั้นเสีย ในกระโจมของธิดาแห่งศิโยน พระองค์ได้ทรงระบายพระพิโรธ ของพระองค์ออกมาดุจเพลิง
5 พระเจ้าทรงกลายเป็นศัตรู พระองค์ได้ทรงทำลาย พวกอิสราเอลเสีย พระองค์ได้ทรงทำลายบรรดาวัง ของเขาหมด และได้ทรงทำลายที่กำบังของเขาให้ปรักหักพัง ทรงทวีความเศร้าโศกและการคร่ำครวญ ในธิดาแห่งยูดาห์
6 พระองค์ได้ทรงพังพลับพลา ของพระองค์เสียเหมือนหนึ่งเป็นเพิงในสวน ทรงให้สถานประชุมของพระองค์ปรักหักพังไป พระเจ้าได้ทรงกระทำทั้งเทศกาลและวันสะบาโต ให้หมดสิ้นไปในศิโยน ด้วยพระพิโรธ พระองค์ทรงดูถูกองค์กษัตริย์และปุโรหิต
7 พระเจ้าได้ทรงทิ้งแท่นบูชา ของพระองค์เสีย พระองค์ทรงเกลียดสถานนมัสการของพระองค์ กำแพงวังทั้งหลายนั้น พระองค์ได้ทรงมอบไว้ ในเงื้อมมือศัตรู เขาทั้งหลายได้ส่งเสียงอึกทึก ในพระนิเวศแห่งพระเจ้า เหมือนอย่างในวันเทศกาล
8 พระเจ้าได้ทรงตั้งพระทัยไว้แล้ว ที่จะทำลาย กำแพงของธิดาแห่งศิโยนเสีย พระองค์ได้ทรงขึงเส้นวัดไว้แล้ว พระองค์มิได้ทรงหดพระหัตถ์ เลิกการทำลาย เหตุฉะนี้พระองค์ได้ทรงกระทำให้ เนินดินและกำแพงนั้นคร่ำครวญ ให้ทรุดโทรมร่วงโรยไปด้วยกัน
9 ประตูเมืองศิโยนทั้งสิ้นทรุดลงในดินแล้ว พระองค์ได้ทรงทำลาย และทรงหักดาลประตูทั้งปวงเสียสิ้น กษัตริย์และเจ้านายทั้งหลายแห่งศิโยน ก็ตกอยู่ท่ามกลางประชาชาติ ที่ที่ไม่มีธรรมบัญญัติ เออ บรรดาผู้เผยพระวจนะแห่งเมืองศิโยน หาได้รับนิมิตจากพระเจ้าอีกไม่
10 พวกผู้ใหญ่ของธิดาแห่งศิโยน ก็กำลังนั่งเงียบอยู่บนพื้นแผ่นดิน เขาทั้งหลายเอาผงคลีดินซัดขึ้นบนศีรษะของตัว และนุ่งห่มผ้ากระสอบ สาวพรหมจารีทั้งหลาย แห่งกรุงเยรูซาเล็มคอตก
11 นัยน์ตาของข้าพเจ้าก็ร่วงโรย เพราะร้องไห้ จิตวิญญาณของข้าพเจ้าก็ระทม เพราะความพินาศของธิดาแห่งชนชาติของข้าพเจ้า จิตใจของข้าพเจ้าก็ระทม และเพราะเหล่าลูกเด็กเล็กแดง ที่ดูดนมอยู่นั้น เป็นลมสลบอยู่ตามลานในกรุง
12 ลูกทั้งหลายถามแม่ของตัวว่า "แม่จ๋า ข้าวและเหล้าองุ่น อยู่ที่ไหน" เขาพากันถาม ขณะเมื่อเขาเป็นลม ดุจคนที่ถูกบาดเจ็บที่ลานในกรุง เมื่อชีวิตของเขาต้องสิ้นไป ที่อกแม่ของเขาทั้งหลาย
13 โอ ธิดาแห่งเยรูซาเล็มเอ๋ย ข้าพเจ้าจะเอาอะไรมาเปรียบ กับเจ้าได้ ข้าพเจ้าจะเปรียบเจ้ากับอะไร โอ ธิดาพรหมจารีแห่งศิโยนเอ๋ย ข้าพเจ้าจะเอาเจ้าไปเปรียบได้แก่อะไร เพื่อข้าพเจ้าจะเล้าโลมเจ้าได้ เพราะความอับปางของเจ้าก็ใหญ่ เทียมเท่าสมุทร ผู้ใดจะให้เจ้ากลับสู่สภาพเดิมเล่า
14 ผู้เผยพระวจนะของเจ้าได้เห็น นิมิตลวงและนิมิตไม่เป็นเรื่องเป็นราวมาบอกเจ้า แทนที่เขาจะเผยบาปของเจ้าออกมา ให้ประจักษ์ เพื่อจะให้เจ้ากลับสู่สภาพดี เขาทั้งหลายกลับได้ครุวาท เป็นเหตุให้เจ้าหลง
15 บรรดาคนที่ได้ผ่านเจ้าไป ก็ได้ตบมือเยาะเจ้า เขาทั้งหลายได้หยัน และได้สั่นศีรษะ เยาะธิดาแห่งเยรูซาเล็มแล้วว่า "นี่หรือคือกรุง ที่คนทั้งหลายได้ขนานนาม ว่างามหมดจด ว่าเป็นความชื่นชมยินดีของคนทั่วทั้งโลก"
16 บรรดาศัตรูของเจ้า ได้อ้าปากตะโกนโพนทะนาเจ้า เขาทั้งหลายแสยะปากและขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน เขาพากันร้องว่า "พวกเราได้ทำลายเมืองนี้แล้ว วันนี้แหละ คือวันที่พวกเราได้จ้องมองหา พวกเราได้พบแล้ว พวกเราเห็นแล้ว"
17 พระเจ้าได้ทรงกระทำตามพระประสงค์แล้ว ได้ทรงกระทำให้พระดำรัสของพระองค์สำเร็จ ตามที่พระองค์ได้สถาปนาไว้นานแล้ว พระองค์ก็ได้ทรงทำลายลงอย่างไม่มีพระเมตตา พระองค์ทรงกระทำให้ศัตรูเปรมปรีดิ์เย้ยเจ้า พระองค์ได้ทรงชูกำลังพวกศัตรูของเจ้าขึ้น
18 จิตใจของเขาทั้งหลายร้องทูลพระเจ้าว่า โอ กำแพงของธิดาแห่งเยรูซาเล็มเอ๋ย จงหลั่งน้ำตาให้ไหลอาบ ทั้งกลางวันและกลางคืนดุจน้ำในลำธาร เจ้าอย่าได้หยุดหย่อนเลย อย่าให้น้ำตาแห้งจากลูกตาเลย
19 จงลุกขึ้นร้องไห้ในกลางคืน ตามยาม ระบายความในใจของเจ้าออกมาอย่างน้ำ ตรงพระพักตร์พระเจ้า จงชูมือทั้งสองของเจ้าขึ้นตรงไปยังพระองค์ เพื่อขอชีวิตของบรรดาลูกเด็กเล็กแดงของเจ้า ที่หิวจนเป็นลมสลบไป ตามหัวถนนหนทางทุกแห่ง
20 ข้าแต่พระเจ้า ขอทอดพระเนตรเถิดว่า พระองค์ได้ทรงกระทำการเช่นนี้แก่ผู้ใด ควรที่พวกผู้หญิงจะกินลูกของตนหรือ จะกินทารกที่ยังอุ้มอยู่หรือ พวกปุโรหิตและพวกผู้เผยพระวจนะ ควรจะถูกประหารในสถานนมัสการ ขององค์พระผู้เป็นเจ้าหรือ
21 คนหนุ่มและคนแก่ นอนเหยียดอยู่ตามพื้นดินในถนน สาวพรหมจารีและชายหนุ่ม ของข้าพระองค์ ถูกคมกระบี่หวดล้มลงแล้ว พระองค์ได้ทรงประหารเขาในวันเมื่อพระองค์ทรงกริ้ว ได้ทรงสังหารเขาเสียโดยปราศจากพระกรุณา
22 พระองค์ได้ทรงเรียกผู้ที่ข้าพระองค์กลัว รอบทุกด้านมาอย่างในวันเทศกาล พอถึงวันที่พระองค์ทรงพระพิโรธ ก็ไม่มีสักคนหนึ่งหนีเอาตัวรอดได้ หรือคงเหลือตกค้างรอดตายอยู่ ผู้ที่ข้าพระองค์ได้อุ้มชูและเลี้ยงดูมานั้น ศัตรูของข้าพระองค์ได้เผาผลาญเสียหมดแล้ว
เพลงคร่ำครวญ 3
1 ข้าพเจ้าเป็นคนที่ได้เห็นความทุกข์ใจ โดยไม้เรียวแห่งพระพิโรธของพระองค์
2 พระองค์ทรงนำและพาข้าพเจ้ามา ในความมืดและไม่ใช่ในความสว่าง
3 แท้จริงพระองค์ทรงพลิกพระหัตถ์ ของพระองค์ ต่อสู้ข้าพเจ้าอยู่ตลอดวันร่ำไป
4 เนื้อและหนังข้าพเจ้า พระองค์ทรงกระทำให้ซูบซีดไป พระองค์ทรงหักกระดูกข้าพเจ้าแล้ว
5 พระองค์ทรงสร้างรั้วขังข้าพเจ้า ทรงเอาความขมขื่นและความทุกข์ยากลำบากล้อมข้าพเจ้าไว้
6 พระองค์ได้ทรงบังคับข้าพเจ้าให้อยู่ในที่มืด ดุจคนที่ตายนานแล้ว
7 พระองค์ทรงกระทำรั้วล้อมข้าพเจ้าไว้ เพื่อจะกักไม่ให้ออกไปได้ พระองค์ทรงตีตรวนหนักล่ามข้าพเจ้าไว้ 8 ยิ่งกว่านั้น เมื่อข้าพเจ้าร้องกราบทูลขอความช่วยเหลือ พระองค์มิทรงฟังคำอธิษฐานของข้าพเจ้า
9 พระองค์ทรงล้อมข้าพเจ้า ด้วยก้อนหินที่สกัด พระองค์ทรงกระทำให้หนทางข้าพเจ้าคดเคี้ยวไป
10 ทีข้าพเจ้า พระองค์ทรงทำท่าดุจหมีคอยตระครุบ และดั่งสิงห์แอบซุ่มอยู่ในที่ลับ 11 พระองค์ทรงพาข้าพเจ้าเชือนไปจากทางของข้าพเจ้า และฉีกข้าพเจ้าเป็นชิ้นๆ พระองค์ทรงกระทำให้ข้าพเจ้า ถูกทิ้งร้าง
12 พระองค์ทรงโก่งธนูของพระองค์ และเอาข้าพเจ้าตั้งเป็นเป้า สำหรับลูกธนู
13 พระองค์ทรงเอาลูกธนูในแล่งของพระองค์ ยิงเข้าในหัวใจของข้าพเจ้าแล้ว
14 ข้าพเจ้าได้กลายเป็นขี้ปากให้ชนชาติ ทั้งหลายหัวเราะเยาะ เป็นเนื้อเพลงให้เขาร้องเล่นวันยังค่ำ
15 พระองค์ทรงให้ข้าพเจ้าบริโภคผักรสขมจนช่ำ พระองค์ทรงให้ข้าพเจ้าเอือมด้วยบอระเพ็ด
16 พระองค์กระทำให้ฟันข้าพเจ้าเคี้ยว ก้อนกรวด และทรงเหยียดข้าพเจ้าให้อยู่ใน กองขี้เถ้า
17 จิตวิญญาณของข้าพเจ้าขาดความสงบสุข จนข้าพเจ้าลืมความสำราญว่าเป็นอะไร 18 ข้าพเจ้าจึงว่า "ศักดิ์ศรีของข้าพเจ้า สูญไปแล้ว และความหวังในพระเจ้าก็ดับหมด"
19 ขอทรงจำความทุกข์ใจและความถูกบีบคั้นของข้าพเจ้า อันเป็นบอระเพ็ดและดีหมี 20 จิตวิญญาณของข้าพเจ้ายังนึกถึงเนืองๆ และต้องค้อมลงภายในตัวข้าพเจ้า
21 ข้าพเจ้าหวนคิดขึ้นมาได้ ข้าพเจ้ามีความหวังขึ้นเมื่อคิดได้ว่า
22 ความรักมั่นคงของพระเจ้าไม่เคยหยุดยั้ง และพระเมตตาของพระเจ้าไม่มีสิ้นสุด
23 เป็นของใหม่อยู่ทุกเวลาเช้า ความเที่ยงตรงของพระองค์ใหญ่ยิ่งนัก
24 จิตใจของข้าพเจ้าว่า 'พระเจ้าทรงเป็นส่วนของข้าพเจ้า เหตุฉะนี้ข้าพเจ้าจะหวังในพระองค์'
25 พระเจ้าทรงดีต่อคนทั้งปวงที่คอยท่าพระองค์อยู่ และทรงดีต่อคนที่แสวงพระองค์
26 เป็นการดีที่จะหวังใจและรอคอย ความรอดจากพระเจ้า
27 เป็นการดีที่คนเราจะแบกแอกในปฐมวัย
28 ให้เขานั่งเงียบๆอยู่แต่ลำพัง เพราะพระองค์ทรงวางแอกนั้นเอง
29 ให้เขาเอาปากจดไว้ในผงคลีดิน ถ้าทำดังนั้นชะรอยจะมีหวัง
30 ให้เขาเอียงแก้มให้ผู้ที่ตบเขา ให้เขายอมรับความอับอาย อย่างเต็มเปี่ยมเถิด
31 ด้วยว่าพระเจ้าจะไม่ทรงละทิ้ง เป็นนิตย์ดอก
32 แม้พระองค์ทรงกระทำให้เกิดความเศร้าโศก พระองค์จะทรงพระกรุณา ตามความรักมั่นคงอันล้นเหลือ ของพระองค์
33 เพราะพระองค์ทรงกระทำให้ใครเกิดความทุกข์ใจ หรือให้ลูกหลานมนุษย์มีความโศกด้วยชอบพระทัยก็หามิได้
34 การเหยียบย่ำ บรรดาเชลยแห่งแผ่นดินโลก ไว้ใต้เท้าก็ดี
35 การตัดสิทธิ์ของมนุษย์ผู้หนึ่งผู้ใด ต่อพระพักตร์ผู้ใหญ่ยิ่งสูงสุดก็ดี
36 การตัดสินกลับสัตย์ในคดีของมนุษย์ก็ดี พระเจ้าไม่ทรงพอพระทัยเลย
37 ผู้ใดจะสั่งและให้เป็นไปได้ นอกจากเมื่อพระเจ้าทรงสถาปนา ให้เป็นไป
38 จากพระโอษฐ์ของพระผู้สูงสุดนั้น ไม่ใช่มีมาทั้งร้ายและดี ยากและสบายหรือ
39 มนุษย์เป็นๆจะไปบ่นเอากับใคร คือมนุษย์ที่ถูกทำโทษเพราะบาปของตน
40 ให้พวกเราทดสอบและพิจารณาวิถีของพวกเรา และกลับมาหาพระเจ้าเถิด
41 ให้พวกเรายกจิตใจและมือของพวกเราขึ้น ต่อพระเจ้าในฟ้าสวรรค์ทูลว่า
42 "พวกข้าพระองค์ได้ทรยศและได้กบฏแล้ว และพระองค์ยังไม่ได้ทรงอภัยโทษ"
43 "พระองค์ทรงห่มความกริ้วและไล่ตามพวกข้าพระองค์ ได้ทรงประหารอย่างไม่สงสาร
44 พระองค์ทรงคลุมพระองค์ไว้เสียด้วยเมฆ เพื่อว่าการอธิษฐานของพวกข้าพระองค์จะไม่ทะลุไป ถึงพระองค์ได้
45 พระองค์ได้ทรงกระทำให้พวก ข้าพระองค์เป็นเหมือนหยากเยื่อและมูลฝอย อยู่ในท่ามกลางชนชาติทั้งหลาย
46 "บรรดาศัตรูของพวกข้าพระองค์ ได้อ้าปากตะโกนโพนทะนาว่าพวกข้าพระองค์
47 เหตุสยดสยองและหลุมพราง มาถึงข้าพระองค์ ทั้งความร้างเปล่าและความพินาศ
48 น้ำตาของข้าพระองค์ไหลเป็นแม่น้ำ เนื่องด้วยความพินาศแห่งธิดาของชนชาติของข้าพระองค์
49 "น้ำตาของข้าพระองค์ไหลลงไม่หยุด และไม่มีเวลาสร่างเลย
50 กว่าพระเจ้าจะทอดพระเนตรลง แลดูจากสวรรค์
51 นัยน์ตาของข้าพระองค์ทำให้ระทม เพราะเคราะห์กรรมของบรรดาบุตรีแห่งกรุงข้าพระองค์
52 "พวกที่ตั้งตนเป็นศัตรูต่อข้าพระองค์โดยไม่มีเหตุนั้น ได้ขับไล่ข้าพระองค์ดังขับไล่นก
53 เขาทั้งหลายเหวี่ยงข้าพระองค์ ลงในบ่อให้ตาย และเอาหินถมทับข้าพระองค์เสีย
54 น้ำได้ท่วมศีรษะของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ว่า "ข้าพเจ้าสูญแน่แล้ว"
55 "ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์ได้ร้องออกพระนามของพระองค์ จากที่ลึกในบ่อ
56 พระองค์ทรงสดับเสียงข้าพระองค์ที่ว่า 'ขออย่าทรงจุกพระกรรณ ต่อคำของข้าพระองค์ที่ร้องทูลขอให้ช่วย'
57 พระองค์ทรงเข้ามาใกล้ในวันที่ ข้าพระองค์ร้องทูลพระองค์ พระองค์ตรัสว่า "ไม่ต้องกลัว"
58 "ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ได้ทรงเข้ากับคดีของข้าพระองค์แล้ว พระองค์ทรงไถ่ชีวิตข้าพระองค์
59 ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ทรงเห็นที่เขาผิดต่อข้าพระองค์แล้ว ขอทรงพิพากษาคดีของข้าพระองค์เถิด
60 พระองค์ได้ทรงเห็นใจแก้แค้นของเขา และแผนการทำร้ายข้าพระองค์แล้ว
61 "ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ทรงได้ยิน คำเยาะเย้ย และแผนการทำร้ายข้าพระองค์แล้ว
62 คือริมฝีปากและความคิดของผู้ที่ได้รุกรานข้าพระองค์ ก็ต่อสู้ข้าพระองค์อยู่วันยังค่ำ
63 ดูเถิด ไม่ว่าเขาจะนั่งหรือลุก ตัวข้าพระองค์ก็เป็นเนื้อเพลง ให้เขาร้องเล่น
64 "ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ทรงสนองเขา ทั้งหลาย ตามกรรมแห่งน้ำมือของเขา
65 พระองค์คงจะทรงกระทำให้ใจของเขา ทั้งปวงมืดมัวไป คำสาปของพระองค์คงตกเหนือเขา
66 พระองค์ทรงคงไล่ติดเขาไป ด้วยพระพิโรธและทำลายเขาเสีย จากใต้ฟ้าสวรรค์ของพระเจ้า"
เพลงคร่ำครวญ 4
1 นี่อย่างไรหนอ ทองคำจึงมีสีสลัว และทองนพคุณก็เปลี่ยนไป เพชรพลอยศักดิ์สิทธิ์ทิ้งอยู่เกลื่อนกลาด ตามทุกหัวถนน
2 บุตราผู้ประเสริฐของกรุงศิโยน มีค่าเปรียบได้กับทองนพคุณนั้น ถูกตีราคาเพียงเท่าหม้อดิน ที่ปั้นขึ้นด้วยมือของช่างหม้อ เท่านั้นหนอ
3 แม้แต่หมาป่ายังได้เอานมออก ให้ลูกของมันดูด แต่ธิดาแห่งชนชาติของข้าพเจ้าก็ใจร้าย ดุจนกกระจอกเทศในถิ่นทุรกันดาร
4 ลิ้นของทารกที่ยังไม่หย่านม กระหายจนติดเพดาน พวกเด็กได้ขออาหาร แต่ไม่มีใครยื่นให้เขา
5 คนทั้งปวงที่เคยรับประทานอาหาร อย่างวิเศษ กลับต้องพินาศอยู่ตามถนน คนทั้งหลายที่เคยสวมเสื้อสีม่วง กลับต้องนอนบนกองขยะ
6 เพราะโทษผิดของธิดาแห่งชนชาติข้าพเจ้านั้นก็ใหญ่โต กว่าโทษของเมืองโสโดม ที่ต้องคว่ำทลายลงในพริบตาเดียว โดยไม่มีมือใครได้แตะต้องเลย
7 พวกเจ้านายนั้นบริสุทธิ์กว่าหิมะ และขาวกว่าน้ำนม ผิวพรรณของเขาเปล่งปลั่งยิ่งกว่าปะการัง เขามีรูปร่างงามดั่งไพฑูรย์
8 บัดนี้ผิวพรรณของเขาก็ดำยิ่งกว่าเขม่า ใครๆตามถนนก็จำเขาไม่ได้ หนังของเขาเหี่ยวหุ้มกระดูก และซูบราวกับไม้เสียบ
9 คนที่ตายด้วยคมดาบยังดีกว่า คนที่ต้องอดอยากตาย เพราะคนเหล่านี้ค่อยผอมค่อยตายไป เพราะขาดผลจากท้องนา
10 มือของหญิงที่ใจอ่อน กลับเอาลูกของตัวต้มกิน ลูกที่ถูกต้มเป็นอาหารนั้น กินกันเมื่อยามหายนะมาสู่ธิดาแห่งชนชาติของข้าพเจ้า
11 พระเจ้าทรงบันดาลโทโสออกมาแล้ว พระองค์ทรงเทพระพิโรธอันเกรี้ยวกราดของพระองค์ลงแล้ว และได้ทรงจุดไฟขึ้นในกรุงศิโยน ซึ่งเผาผลาญกระทั่งรากของเมืองนั้น
12 กษัตริย์ทั้งปวงแห่งแผ่นดินโลก และบรรดาชาวพิภพพากันไม่เชื่อว่า คู่อริหรือศัตรูจะได้เข้าไป ในประตูกรุงเยรูซาเล็มได้
13 เพราะความผิดบาปของพวกผู้เผยพระวจนะของกรุงศิโยน และเพราะการบาปผิดของพวกปุโรหิตของกรุงนั้น ที่ได้กระทำโลหิตของผู้ชอบธรรม ให้ไหลออกในท่ามกลางกรุง
14 เขาทั้งหลายเดินเปะปะและตาบอด ไปตามถนน ทำตัวให้มลทินด้วยโลหิต จนคนจะจับต้องไม่ได้ ที่เสื้อผ้าของเขา
15 คนทั้งหลายร้องบอกเขาว่า "ไปซิ มลทินจริง ไปเถอะ ไป๊ อย่ามาถูกต้องนะ" เมื่อเขาเหล่านั้นหนีไปเป็นคนพเนจร พลเมืองของประชาชาติพูดกันว่า "เขาต้องไม่อยู่ที่นี่อีกต่อไป"
16 พระเจ้าเองทรงกระทำให้เขาทั้งปวงกระจัดกระจายไป พระองค์จะไม่ทรงสนพระทัย ในเขาอีกเลย คนทั้งหลายจึงไม่นับถือพวกปุโรหิต ไม่ทำคุณต่อพวกผู้ใหญ่
17 นัยน์ตาของพวกเรามองหาความช่วยเหลือ การช่วยเหลือนั้นเป็นลมเป็นแล้ง ส่วนการเฝ้ารอคอย พวกเราได้คอยเมืองที่ไม่อาจช่วยเราได้
18 มีคนสะกดรอยตามเรา จนพวกเราเดินที่ลานเมืองของพวกเราไม่ได้ เบื้องปลายของพวกเราก็ใกล้เข้ามาแล้ว วันเดือนทั้งหลายของพวกเราก็จะจบอยู่ เพราะบั้นปลายของพวกเรามาถึง
19 พวกที่ไล่ตามจับเราก็เร็วกว่า นกอินทรีในท้องฟ้า เขาทั้งหลายวิ่งไล่กวดพวกเราบนภูเขา เขาทั้งหลายซุ่มคอยจับเราในถิ่นทุรกันดาร
20 เจ้าชีวิตของพวกข้าพเจ้าคือกษัตริย์ที่ พระเจ้าทรงเจิมไว้นั้น ก็ตกหลุมพรางของเขาทั้งหลายแล้ว คือพวกเรากล่าวขวัญถึงพระองค์ท่านว่า "เราจะดำรงชีวิตของเรา ท่ามกลางประชาชาติได้ ก็ด้วยอาศัยร่มเงาของพระองค์ท่าน"
21 โอ ธิดาแห่งเมืองเอโดม ที่อาศัยอยู่ในประเทศอูส จงเปรมปรีดิ์และยินดีเถิด ขันใบนั้นคงจะส่งผ่านมาถึงเจ้าด้วยเป็นแน่ เจ้าจะต้องเมาไป และจะต้องแก้ผ้าตัวล่อนจ้อน
22 โอ ธิดาแห่งกรุงศิโยนเอ๋ย การลงโทษเพราะการอสัตย์อธรรมของเจ้าก็ครบแล้ว พระองค์จะไม่ทรงพาเจ้าออกไปให้เป็นเชลยอีกต่อไป โอ ธิดาแห่งเมืองเอโดมเอ๋ย พระองค์จะทรงลงโทษ เพราะความบาปผิดของเจ้า พระองค์จะทรงเผยบาปของเจ้าให้ประจักษ์
เพลงคร่ำครวญ 5
1 ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงระลึกว่ามีอะไรตกถึงข้าพระองค์ ดูเถิด ขอทรงพิจารณาความอดสูของข้าพระองค์
2 มรดกของพวกข้าพระองค์ได้ไปตกอยู่กับพวกต่างประเทศ บ้านเรือนของพวกข้าพระองค์ เป็นของคนต่างด้าว
3 พวกข้าพระองค์เป็นคนกำพร้าบิดา และเหล่ามารดาของข้าพระองค์เป็นดั่งหญิงม่าย
4 น้ำก็ต้องซื้อเขาดื่ม ฟืนก็ต้องซื้อเขาใช้
5 ผู้ข่มขี่ได้ขี่คอพวกข้าพระองค์ไว้ พวกข้าพระองค์อ่อนเพลียและเขาไม่ให้มีเวลาพักเลย
6 พวกข้าพระองค์พนมมือให้คนอียิปต์ และคนอัสซีเรีย เพื่อจะได้อาหารรับประทานอิ่มหนึ่ง
7 บรรพบุรุษของพวกข้าพระองค์ได้กระทำบาป และก็ตายหมดแล้ว พวกข้าพระองค์ต้องถูกโทษเพราะบาปของเขา
8 ทาสกลับปกครองพวกข้าพระองค์ ไม่มีผู้ใดช่วยข้าพระองค์ให้พ้นมือของเขาได้
9 ข้าพระองค์ทั้งหลายได้อาหารมาโดยเอาชีวิตเข้าเสี่ยง เพราะดาบแห่งถิ่นทุรกันดาร
10 ผิวหนังของพวกข้าพระองค์ก็ร้อน ปานเตาอบ เพราะความเดือดร้อนของทุพภิกขภัย
11 เขาทั้งหลายขืนใจพวกผู้หญิงในกรุงศิโยน และข่มใจสาวพรหมจารีในหัวเมืองแห่งยูดาห์
12 พวกเจ้านายต้องถูกผูกมือแขวน ไม่มีใครนับถือพวกผู้ใหญ่
13 พวกคนหนุ่มถูกบังคับให้โม่แป้ง และพวกเด็กต้องแบกฟืนหนักล้มลุกคลุกคลาน
14 พวกผู้ใหญ่หายตัวไปจากประตูเมือง พวกคนหนุ่มได้หยุดดีดสีตีเป่าแล้ว
15 ความปลาบปลื้มก็ปลาตไปจากใจของพวกข้าพระองค์สิ้น การเต้นรำของพวกข้าพระองค์กลายเป็นการร่ำไห้
16 มงกุฎได้ร่วงหล่นจากศีรษะข้าพระองค์แล้ว วิบัติแก่พวกข้าพระองค์เพราะพวกข้าพระองค์กระทำบาปไว้
17 เหตุนี้เอง ใจพวกข้าพระองค์จึงเจ็บปวด เพราะการเหล่านี้เอง นัยน์ตาข้าพระองค์จึงมัวไป
18 เหตุด้วยภูเขาศิโยนซึ่งเกิดเริศร้าง พวกสุนัขจิ้งจอกมาเดินเพ่นพ่านอยู่บนนั้น
19 ข้าแต่พระเจ้า แต่พระองค์ทรงครอบครองอยู่เป็นนิตย์ พระที่นั่งของพระองค์ดำรงอยู่ทุกชั่วชาติพันธุ์
20 เป็นไฉนพระองค์ทรงลืมพวกข้าพระองค์เสียเป็นนิตย์ เป็นไฉนได้ทรงทอดทิ้งพวกข้าพระองค์เสียนานดังนี้
21 ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้กลับสู่พระองค์เถิด แล้วพวกข้าพระองค์จะกลับสู่พระองค์ ขอทรงฟื้นเดือนปีของข้าพระองค์ให้เหมือนดังก่อน
22 เว้นเสียแต่พระองค์ทรงสลัดทิ้ง พวกข้าพระองค์เสียแล้ว และพระองค์ทรงกริ้วพวกข้าพระองค์อย่างล้นพ้น
|
|
|