อิสยาห์
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
31 | 32 | 33 | 34 | 35 | 36 | 37 | 38 | 39 | 40 | 41 | 42 | 43 | 44 | 45 |
46 | 47 | 48 | 49 | 50 | 51 | 52 | 53 | 54 | 55 | 56 | 57| 58 | 59 | 60 |
อิสยาห์ 1
1 นิมิตของอิสยาห์บุตรชายของอามอส ซึ่งท่านได้เห็นเกี่ยวกับยูดาห์และเยรูซาเล็ม ในรัชกาลของอุสซียาห์ โยธามอาหัสและเฮเซคียาห์พระราชาแห่งยูดาห์
2 ฟ้าสวรรค์เอ๋ย จงฟัง แผ่นดินโลกเอ๋ย จงเงี่ยหู เพราะพระเจ้าได้ตรัสว่า "เราได้เลี้ยงดูบุตรและให้เติบโตขึ้น แต่เขาทั้งหลายได้กบฏต่อเรา
3 โครู้จักเจ้าของของมัน และลาก็รู้จักรางหญ้าของนายมัน แต่อิสราเอลไม่รู้จัก ชนชาติของเราไม่เข้าใจ"
4 เออ ประชาชาติบาปหนา ชนชาติซึ่งหนักด้วยความบาปชั่ว หน่อเนื้อของผู้กระทำความชั่วร้าย บรรดาบุตรที่ทำความเสียหาย เขาทั้งหลายได้ทอดทิ้งพระเจ้า เขาได้ดูหมิ่นองค์บริสุทธิ์ของอิสราเอล เขาทั้งหลายหันหลังให้เสีย
5 ยังจะให้เฆี่ยนเจ้าตรงไหนอีก ที่เจ้ากบฏอยู่เรื่อยไป ศีรษะก็เจ็บหมด จิตใจก็อ่อนเปลี้ยไปสิ้น
6 ตั้งแต่ฝ่าเท้าจนถึงศีรษะ ไม่มีความปกติในนั้นเลย มีแต่ฟกช้ำและดำเขียว และเป็นแผลเลือดไหล ไม่เห็นบีบออกหรือพันไว้ หรือทำให้อ่อนลงด้วยน้ำมัน
7 ประเทศของเจ้าก็ร้างเปล่า และหัวเมืองของเจ้าก็ถูกไฟเผา ส่วนแผ่นดินของเจ้า คนต่างด้าวก็ทำลายเสียต่อหน้าเจ้า มันก็ร้างเปล่าไป อย่างที่คนต่างด้าวคว่ำมัน
8 ส่วนศิโยนธิดาก็ถูกทิ้งไว้ เหมือนอย่างเพิง ที่ในสวนองุ่น เหมือนเพิงในไร่แตงกวา เหมือนเมืองที่ถูกล้อม
9 ถ้าพระเจ้าจอมโยธา มิได้เหลือคนไว้ให้เราบ้างเล็กน้อยแล้ว เราก็จะได้เป็นเหมือนเมืองโสโดม และเป็นเหมือนเมืองโกโมราห์
10 ดูก่อนท่านผู้ปกครองเมืองโสโดม จงฟังพระวจนะของพระเจ้า ดูก่อนท่านประชาชนเมืองโกโมราห์ จงเงี่ยหูฟังพระธรรมของพระเจ้าของเรา
11 พระเจ้าตรัสว่า "เครื่องบูชาอันมากมายของเจ้านั้น จะเป็นประโยชน์อะไรแก่เรา เราเอือมแกะตัวผู้อันเป็นเครื่องเผาบูชา และไขมันของสัตว์ที่ขุนไว้นั้นแล้ว เรามิได้ปีติยินดีในเลือดของวัวผู้ หรือลูกแกะหรือแพะผู้
12 "เมื่อเจ้าเข้ามาเฝ้าเรา ผู้ใดขอให้เจ้าทำอย่างนี้ ที่เหยียบย่ำเข้ามาในบริเวณพระนิเวศของเรา
13 อย่านำเครื่องถวายอนิจจังมาอีกเลย เครื่องบูชาอันเป็นสิ่งน่าเกลียดน่าชังต่อเรา วันเทศกาลข้างขึ้นและวันสะบาโตและการเรียกประชุม เราทนต่อความบาปชั่วและการประชุมตามพิธีไม่ได้อีก
14 ใจของเราเกลียด วันเทศกาลข้างขึ้นของเจ้าและวันเทศกาล ตามกำหนดของเจ้า มันกลายเป็นภาระแก่เรา เราแบกเหน็ดเหนื่อยเสียแล้ว
15 เมื่อเจ้ากางมือของเจ้าออก เราจะซ่อนหน้าของเราเสียจากเจ้า แม้ว่าเจ้าจะอธิษฐานมากมาย เราจะไม่ฟัง มือของเจ้าเปรอะไปด้วยโลหิต
16 จงชำระตัว จงทำตัวให้สะอาด จงเอากรรมชั่วของเจ้าออกไปให้พ้น จากสายตาของเรา จงเลิกกระทำชั่ว
17 จงฝึกกระทำดี จงแสวงหาความยุติธรรม จงบรรเทาผู้ถูกบีบบังคับ จงป้องกันให้ลูกกำพร้าพ่อ จงสู้ความเพื่อหญิงม่าย
18 พระเจ้าตรัสว่า "มาเถิด ให้เราสู้ความกัน ถึงบาปของเจ้าเหมือนสีแดงเข้ม ก็จะขาวอย่างหิมะ ถึงมันจะแดงอย่างผ้าแดง ก็จะกลายเป็นอย่างขนแกะ
19 ถ้าเจ้าเต็มใจและเชื่อฟัง เจ้าจะได้กินผลดีแห่งแผ่นดิน
20 แต่ถ้าเจ้าปฏิเสธและกบฏ เจ้าจะเป็นเหยื่อของคมดาบ เพราะว่าพระโอษฐ์ของพระเจ้าได้ตรัสแล้ว"
21 เมืองที่ซื่อสัตย์ กลายเป็นแพศยาเสียแล้วหนอ คือเธอที่เคยเปี่ยมด้วยความยุติธรรม ความชอบธรรมเคยพำนักอยู่ในเธอ แต่เดี๋ยวนี้ผู้กระทำฆาตกรรมพำนักอยู่
22 เงินของเจ้าได้กลายเป็นขี้เงินไปแล้ว เหล้าองุ่นของเจ้าปนน้ำแล้ว
23 เจ้านายของเจ้าเป็นพวกกบฏ และเป็นเพื่อนของโจร ทุกคนรักสินบน และวิ่งตามของกำนัล เขามิได้ป้องกันให้ลูกกำพร้าพ่อ และคดีของหญิงม่ายก็ไม่มาถึงเขา
24 ฉะนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้า คือพระเจ้าจอมโยธา ผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ของอิสราเอลตรัสว่า "ดูเถิด เราจะระบายความโกรธของเราเหนือศัตรูของเรา และแก้แค้นข้าศึกของเราเสียเอง
25 เราจะหันมือของเรามาสู้เจ้า และจะถลุงไล่ขี้แร่ของเจ้าออกเสีย อย่างกับล้างด้วยน้ำด่าง และเอาของเจือปนของเจ้าออกให้หมด
26 และเราจะคืนผู้พิพากษาของเจ้าให้ดังเดิม และคืนที่ปรึกษาของเจ้าอย่างกับตอนแรก ภายหลัง เขาจะเรียกเจ้าว่านครแห่งความชอบธรรม นครซื่อสัตย์"
27 ศิโยนจะรับการไถ่ด้วยความยุติธรรม และบรรดาคนในนครที่กลับใจ จะรับการไถ่ด้วยความชอบธรรม
28 แต่พวกกบฏและพวกคนบาปจะถูกทำลายด้วยกัน และบรรดาคนเหล่านั้นที่ละทิ้งพระเจ้าจะถูกล้างผลาญ
29 เพราะเจ้าจะละอายเรื่องต้นก่อหลวง ที่เจ้าปรารถนานั้น และเจ้าจะหน้าแดงเรื่องสวน ซึ่งเจ้าเลือก
30 เพราะเจ้าจะเป็นเหมือนต้นก่อหลวง ที่ใบเหี่ยวแห้ง และเหมือนสวนที่ขาดน้ำ
31 และผู้ที่แข็งแรงจะกลายเป็นใยป่าน และกิจการของเขาเป็นประกายไฟ และทั้งสองจะไหม้เสียด้วยกัน ไม่มีผู้ใดดับได้
อิสยาห์ 2
1 ถ้อยคำซึ่งอิสยาห์บุตรชายของอามอสเห็น เกี่ยวกับยูดาห์และเยรูซาเล็ม
2 ในยุคหลังจะเป็นดังนี้ คือภูเขาแห่งพระนิเวศของพระเจ้า จะถูกสถาปนาขึ้นให้สูงที่สุดในจำพวกภูเขาทั้งหลาย และจะถูกยกขึ้นให้เหนือบรรดาเนินเขา และประชาชาติทั้งสิ้นจะหลั่งไหลเข้ามาหา
3 และชนชาติทั้งหลายเป็นอันมากจะมากล่าวว่า "มาเถิด ให้เราขึ้นไปยังภูเขาของพระเจ้า ยังพระนิเวศแห่งพระเจ้าของยาโคบ เพื่อพระองค์จะทรงสอนวิถีของพระองค์แก่เรา และเพื่อเราจะเดินในมรรคาของพระองค์" เพราะว่าพระธรรมจะออกมาจากศิโยน และพระวจนะของพระเจ้าจะออกมาจากเยรูซาเล็ม
4 พระองค์ทรงวินิจฉัยระหว่างบรรดาประชาชาติ และจะทรงตัดสินเพื่อชนชาติทั้งหลายเป็นอันมาก และเขาทั้งหลายจะตีดาบของเขาให้เป็นผาลไถนา และหอกของเขาให้เป็นขอลิด ประชาชาติจะไม่ยกดาบต่อสู้กันอีก เขาจะไม่ศึกษายุทธศาสตร์อีกต่อไป
5 โอ เชื้อสายของยาโคบเอ๋ย มาเถิด ให้เราทั้งหลายดำเนิน ในสว่างของพระเจ้า
6 เพราะพระองค์ทรงละทิ้งชนชาติของพระองค์เสีย คือเชื้อสายของยาโคบ เพราะว่าเขาเต็มด้วยผู้ทำนายจากตะวันออก และด้วยหมอดูอย่างคนฟีลิสเตีย และเขาตีสนิทกับคนต่างชาติ
7 แผ่นดินของเขาเต็มด้วยเงินและทองคำ ทรัพย์สมบัติของเขาไม่มีสิ้นสุด แผ่นดินของเขาเต็มด้วยม้า รถรบของเขาไม่มีสิ้นสุด
8 แผ่นดินของเขาเต็มด้วยรูปเคารพ เขากราบไหว้ผลงานแห่งมือของเขา ต่อสิ่งซึ่งนิ้วมือของเขาได้กระทำ
9 มนุษย์จึงตกต่ำลง และคนก็ด้อยลง อย่าอภัยเขาเลย
10 จงหลบเข้าไปในหิน และซ่อนอยู่ในผงคลี ให้พ้นจากความน่าเกรงขามของพระเจ้า และจากพระสิริแห่งความโอ่อ่าตระการของ พระองค์
11 และท่าอันผยองของมนุษย์จะตกต่ำลง และความจองหองของคนจะถูกปราบลง พระเจ้าองค์เดียวจะเป็นผู้เทิดทูน ในวันนั้น
12 เพราะว่าพระเจ้าจอมโยธาทรงมีวันหนึ่ง ที่สู้สารพัดที่เย่อหยิ่งและสูงส่ง ที่สู้สารพัดที่ถูกยกขึ้นและสูง
13 ที่สู้ต้นสนสีดาร์ทั้งสิ้นของเลบานอน ที่สูงและที่ถูกยกขึ้น และที่สู้ต้นก่อทั้งสิ้นของบาชาน
14 ที่สู้ภูเขาสูงทั้งสิ้น และที่สู้เนินเขาทั้งปวงที่ถูกยกขึ้น
15 ที่สู้หอคอยสูงทุกแห่ง ที่สู้กำแพงที่เข้มแข็งทุกแห่ง
16 ที่สู้กำปั่นทั้งสิ้นของทารชิช และที่สู้เรืองดงามทั้งสิ้น
17 และความผยองของมนุษย์จะต้องถูกปราบลง และความจองหองของคนจะตกต่ำลง ในวันนั้นพระเจ้าองค์เดียวจะเป็นที่เทิดทูน
18 และรูปเคารพจะสูญสิ้นไปทีเดียว
19 และคนจะเข้าไปในถ้ำ และในโพรงดิน ให้พ้นจากความน่าเกรงขามของพระเจ้า และจากพระสิริแห่งความโอ่อ่าตระการของพระองค์ เมื่อพระองค์ทรงลุกขึ้นกระทำให้โลกสั่นสะท้าน
20 ในวันนั้นคนจะเหวี่ยง รูปเคารพของตนออกไปอันทำด้วยเงินและรูปเคารพ ของตนที่ทำด้วยทองคำ ซึ่งเขาทำไว้เพื่อตนเองจะนมัสการ ไปยังตัวตุ่นและตัวค้างคาว
21 เพื่อเขาจะเข้าถ้ำหิน และเข้าซอกผา ให้พ้นจากความน่าเกรงขามของพระเจ้า และจากพระสิริแห่งความโอ่อ่าตระการของพระองค์ เมื่อพระองค์ทรงลุกขึ้นกระทำให้โลกสั่นสะท้าน
22 จงตัดขาดจากมนุษย์เสียเถิด ซึ่งในจมูกของเขามีลมหายใจ เพราะเขามีคุณค่าอะไรเล่า
อิสยาห์ 3
1 เพราะนี่แน่ะ องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าจอมโยธา ทรงนำออกไปเสียจากเยรูซาเล็มและจากยูดาห์ ซึ่งเครื่องค้ำและเครื่องจุน เครื่องค้ำอันเป็นอาหารทั้งหมด และเครื่องค้ำอันเป็นน้ำทั้งหมด
2 พวกทแกล้วและพวกทหาร ผู้วินิจฉัยและผู้เผยพระวจนะ ผู้ทำนายและพวกผู้ใหญ่
3 นายห้าสิบ และผู้มียศ ที่ปรึกษาและคนเล่นกลที่มีฝีมือ และคนชำนาญการทำอาถรรพณ์
4 และเราจะกระทำให้เด็กๆเป็นเจ้านายของเขา และทารกจะปกครองเขา
5 และประชาชนจะบีบบังคับกันและกัน ทุกคนบีบบังคับเพื่อนของตน และทุกคนบีบบังคับเพื่อนบ้านของตน เด็กๆจะทะลึ่งต่อผู้ใหญ่ และคนถ่อยต่อคนผู้มีเกียรติ
6 เมื่อใครคนหนึ่งไปยึดตัวพี่น้องของเขา ในเรือนของบิดาของเขา กล่าวว่า "เจ้ามีเสื้อคลุมอยู่แล้ว เจ้าจงเป็นผู้นำของเรา และซากที่อยู่นี้ จะอยู่ใต้กำมือของเจ้า"
7 ในครั้งนั้นเขาจะคัดค้านว่า "ข้าพเจ้าไม่ยอมเป็นผู้สมาน ในเรือนของข้าพเจ้าไม่มีทั้งอาหารและเสื้อคลุม ท่านจะตั้งข้าพเจ้าให้เป็น ผู้นำของประชาชนไม่ได้"
8 เพราะเยรูซาเล็มก็สะดุด และยูดาห์ก็ล้มคว่ำ เพราะว่าวาจาของเขาและการกระทำของเขาก็ต่อสู้พระเจ้า กบฏต่อพระพักตร์อันรุ่งโรจน์ของพระองค์
9 ความลำเอียงของเขาเป็นพยานปรักปรำเขาทั้งหลาย เขาป่าวร้องความผิดของเขาอย่างโสโดม เขามิได้ปิดบังไว้ วิบัติแก่เขา เพราะว่าเขาได้นำความชั่วร้ายมาเหนือตัวเขาเอง
10 จงบอกคนชอบธรรมว่าเขาทั้งหลายจะเป็นสุข เพราะเขาจะได้รับผลแห่งการกระทำของเขา
11 วิบัติแก่คนอธรรม ความร้ายจะตกแก่เขา เพราะว่าสิ่งใดที่มือเขาได้กระทำ เขาจะถูกกระทำเช่นกัน
12 ส่วนชนชาติของเรา เด็กๆเป็นผู้บีบบังคับเขา และผู้หญิงปกครองเหนือเขา โอ ชนชาติของเราเอ๋ย ผู้นำของเจ้าทำเจ้าให้ผิด และกระทำให้แนวทางของเจ้าสับสน
13 พระเจ้าทรงเข้าประทับสู้ความ พระองค์ประทับยืนพิพากษาชนชาติของพระองค์
14 พระเจ้าทรงเข้าพิพากษา พวกผู้ใหญ่และเจ้านายชนชาติของพระองค์ "เจ้าทั้งหลายนี่แหละซึ่งได้กลืนกินสวนองุ่นเสีย ของที่ริบมาจากคนจนก็อยู่ในเรือนของเจ้า
15 ซึ่งเจ้าได้บีบคั้นชนชาติของเรา และได้บดบี้หน้าของคนจนนั้น เจ้าหมายความว่ากระไร" พระเจ้าจอมโยธาตรัสดังนี้แหละ
16 พระเจ้าตรัสว่า เพราะธิดาทั้งหลายของศิโยนนั้นก็ผยอง และเดินคอยืดคอยาว ตาของเขาชม้อยชม้าย เดินกระตุ้งกระติ้ง ขยับเท้าให้มีเสียงกรุ๋งกริ๋ง
17 พระเจ้าจะทรงให้เป็นชันนะตุ ที่ศีรษะของบรรดาธิดาของศิโยน และพระองค์จะทรงกระทำให้หน้าผากของเขาทั้งหลายโล้นไป
18 ในวันนั้นพระเจ้าจะทรงนำเอาเครื่องวิจิตรงดงามไปเสีย คือกำไลข้อมือ ปันจุเหร็จ ตุ้มวงเดือน
19 จี้ กำไลมือ ผ้าแถบ
20 ผ้ามาลา กำไลต้นแขน ผ้าคาดเอว หีบเครื่องน้ำอบ ตะกรุดพิสมร
21 แหวนตราและแหวนจมูก
22 เสื้องานและเสื้อคลุม ผ้าคลุมและกระเป๋าถือ
23 เสื้อผ้าโปร่ง เสื้อผ้าลินิน ผ้าโพกศีรษะและผ้าคลุมตัว
24 แทนน้ำอบจะมีแต่ความเน่า แทนผ้าคาดเอวจะมีเชือก แทนผมดัดจะมีแต่ศีรษะล้าน แทนเสื้องามล้ำค่า จะคาดเอวด้วยผ้ากระสอบ แทนความงดงาม จะมีแต่ความขายหน้า
25 พวกผู้ชายของเจ้าจะล้มลงด้วยดาบ และทแกล้วทหารของเจ้าจะล้มในสงคราม
26 ประตูของเธอจะร้องทุกข์และไว้ทุกข์ เธอจะถูกเปลือยแล้วนั่งอยู่บนดิน
อิสยาห์ 4
1 ในวันนั้นหญิงเจ็ดคนจะยึดชายคนหนึ่งไว้ กล่าวว่า "เราจะหากินของเรา หานุ่งหาห่มของเราเอง ขอเพียงให้เขาเรียกเราด้วยชื่อของเธอ ขอจงปลดความอดสูของเราเสีย"
2 ในวันนั้นบรรดาสิ่งที่งอกเพราะพระเจ้าจะงดงามและรุ่งโรจน์ และพืชผลของแผ่นดินนั้นจะเป็นความภูมิใจ และเป็นเกียรติของอิสราเอลผู้รอดตายมา
3 และคนที่เหลืออยู่ในศิโยนและค้างอยู่ในเยรูซาเล็ม เขาจะเรียกว่าบริสุทธิ์ คือทุกคนผู้มีชื่อในทะเบียนชีวิตในเยรูซาเล็ม
4 ในเมื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงล้างความโสโครกของ ธิดาทั้งหลายของศิโยน และชำระรอยโลหิตของเยรูซาเล็มจากท่ามกลางเมืองนั้น ด้วยอานุภาพแห่งการพิพากษาและด้วยอานุภาพของการเผา
5 และพระเจ้าจะทรงสร้างเมฆเพื่อกลางวันควันและแสงแห่ง เปลวเพลิงเพื่อกลางคืน เหนือสถานทั้งสิ้นของภูเขาศิโยนและเหนือประชุมชนเมืองนั้น เพราะจะมีหลังคาและกระโจมเหนือพระสิริ ทั่วสิ้น
6 จะเป็นร่มกลางวันบังแดดและเป็นที่ลี้ภัยและที่ กำบังพายุและฝน
อิสยาห์ 5
1 ขอให้ข้าพเจ้าร้องเพลงถึงที่รักของข้าพเจ้า เป็นเพลงของที่รักของข้าพเจ้าเกี่ยวกับสวนองุ่นของ ท่าน ที่รักของข้าพเจ้ามีสวนองุ่นแปลงหนึ่ง อยู่บนเนินเขาอันอุดมยิ่ง
2 ท่านขุดแล้วเก็บก้อนหินออกหมด และปลูกเถาองุ่นอย่างดีไว้ ท่านสร้างหอเฝ้าไว้ท่ามกลาง และสะกัดบ่อย่ำองุ่นไว้ในสวนนั้นด้วย ท่านมุ่งหวังว่ามันจะบังเกิดลูกองุ่น แต่มันบังเกิดลูกเถาเปรี้ยว
3 บัดนี้ ชาวเยรูซาเล็ม และคนยูดาห์เอ๋ย ขอตัดสินระหว่างเรา และสวนองุ่นของเรา
4 มีอะไรอีกที่จะทำได้เพื่อสวนองุ่นของเรา ซึ่งเรายังไม่ได้ทำให้ ก็เมื่อเรามุ่งหวังว่ามันจะบังเกิดลูกองุ่น ไฉนมันจึงเกิดลูกเถาเปรี้ยว
5 บัดนี้เราจะบอกเจ้าทั้งหลายให้ ว่าเราจะทำอะไรกับสวนองุ่นของเรา เราจะรื้อรั้วหนามของมันเสีย แล้วมันก็จะถูกเผา เราจะพังกำแพงของมันลง มันก็จะถูกเหยียบย่ำลง
6 เราจะกระทำมันให้เป็นที่ร้าง จะไม่มีใครลิดแขนงหรือพรวนดิน หนามย่อยหนามใหญ่ก็จะงอกขึ้น และเราจะบัญชาเมฆ ไม่ให้โปรยฝนรดมัน
7 เพราะว่าสวนองุ่นของพระเจ้าจอมโยธา คือเชื้อวงศ์อิสราเอล และคนยูดาห์ เป็นหมู่ไม้ที่พระองค์ทรงชื่นพระทัย และพระองค์ทรงมุ่งหวังความยุติธรรม แต่ ดูเถิด มีแต่การนองเลือด หวังความชอบธรรม แต่ ดูเถิด เสียงร้องให้ช่วย
8 วิบัติแก่ผู้เหล่านั้นที่เสริมบ้านหลังหนึ่ง เข้ากับอีกหลังหนึ่ง และเสริมนาเข้ากับนา จนไม่มีที่อีกแล้ว และเจ้าทั้งหลายต้องอยู่ลำพัง ในท่ามกลางแผ่นดินนั้น
9 พระเจ้าจอมโยธาทรงกล่าวให้ข้าพเจ้าได้ยิน "แน่ทีเดียวบ้านหลายหลังจะต้องร้างเปล่า บ้านใหญ่บ้านงามจะไม่มีคนอาศัย
10 เพราะว่าสวนองุ่นยี่สิบห้าไร่จะได้ผลแต่เพียงบัทเดียว และเมล็ดพืชหนึ่งโฮเมอร์จะให้ผลแต่เอฟาห์เดียว"
11 วิบัติแก่คนเหล่านั้นที่ลุกขึ้นแต่เช้ามืด เพื่อวิ่งไปตามเมรัย ผู้เฉื่อยแฉะอยู่จนดึก จนเหล้าองุ่นทำให้เขาเมาหยำเป
12 เขามีพิณเขาคู่และพิณใหญ่ รำมะนา ขลุ่ยและเหล้าองุ่น ณการเลี้ยงสัตว์ของเขา แต่เขาทั้งหลายมิได้เอาใจใส่ในพระราชกิจของพระเจ้า หรือพิจารณาพระหัตถกิจของพระองค์
13 เพราะฉะนั้นชนชาติของเราจึงตกไปเป็นเชลย เพราะขาดความรู้ ผู้มีเกียรติของเขาก็หิวแย่ และมวลชนของเขาก็แห้งผากไปเพราะความกระหาย
14 เพราะฉะนั้นแดนคนตายก็ขยายคอของมันออก และอ้าปากเสียเกินขนาด และพวกเจ้านายของเยรูซาเล็ม และมวลชนของเมืองนั้นก็ลงไป ทั้งคนของเมืองนั้นและเขาผู้ลิงโลดอยู่ในนั้น
15 มนุษย์ต้องกราบลงและคนก็ตกต่ำ และนัยน์ตาของผู้ผยองก็ถูกลดต่ำ
16 แต่พระเจ้าจอมโยธาได้รับการเทิดทูน ไว้โดยความยุติธรรม และพระเจ้าองค์บริสุทธิ์ได้ทรงสำแดงความบริสุทธิ์ ศักดิ์สิทธิ์โดยความชอบธรรม
17 แล้วลูกแกะจะเที่ยวหากินที่นั่นเหมือนเป็นลานหญ้าของมัน สัตว์ที่อ้วนและลูกแพะจะหากินอยู่ในที่ปรักหักพัง
18 วิบัติแก่คนเหล่านั้นที่ลากความบาปผิด ด้วยสายของความเท็จเทียม ผู้ลากบาปอย่างกับใช้เชือกโยงเกวียน
19 ผู้กล่าวว่า "ให้พระองค์รีบร้อน ให้พระองค์เร่งงานของพระองค์ เพื่อเราจะได้เห็น ให้พระประสงค์ขององค์ผู้บริสุทธิ์แห่งอิสราเอลเสด็จมาใกล้ ขอให้มา เพื่อเราจะได้รู้"
20 วิบัติแก่คนเหล่านั้นที่เรียกความชั่วร้ายว่าความดี และความดีว่าความชั่วร้าย ผู้ถือเอาว่าความมืดเป็นความสว่าง และความสว่างเป็นความมืด ผู้ถือเอาว่าความขมเป็นความหวาน และความหวานเป็นความขม
21 วิบัติแก่คนเหล่านั้นที่ฉลาดในสายตาของตัว และเฉียบแหลมในสายตาของตน
22 วิบัติแก่คนเหล่านั้นที่เป็นวีรชนในการดื่มเหล้าองุ่น และเป็นคนแกล้วกล้าในการประสมเมรัย
23 ผู้ปล่อยตัวคนทำผิดเพราะเขารับสินบน และเอาความยุติธรรมไปจากผู้ไร้ความผิด
24 ดังนั้น เปลวเพลิงกลืนตอข้าวฉันใด และหญ้าแห้งยุบลงในเพลิงฉันใด รากของเขาก็จะเป็นเหมือนความเน่าเปื่อย และดอกบานของเขาจะฟุ้งไป เหมือนผงคลีฉันนั้น เพราะเขาทั้งหลายปฏิเสธไม่รับพระธรรมของพระเจ้า จอมโยธา และได้ดูหมิ่นพระวจนะขององค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอล
25 เหตุฉะนั้น พระพิโรธของพระเจ้าจึงพลุ่งขึ้นต่อชนชาติของพระองค์ และพระองค์ทรงเหยียดพระหัตถ์ ของพระองค์ออกสู้เขาและตีเขา และภูเขาทั้งหลายก็สั่นสะเทือน และซากศพของเขาทั้งหลายก็เหมือนขยะ ในกลางทาง ถึงกระนั้นก็ดี พระพิโรธของพระองค์ก็มิได้หันกลับ และพระหัตถ์ของพระองค์ก็ยังเหยียดออกอยู่
26 พระองค์จะทรงยกอาณัติสัญญาให้แก่ประชาชาติที่ห่างไกล และทรงผิวพระโอษฐ์เรียกเขามาจากที่สุดปลาย แผ่นดินโลก และนี่แน่ะ เขามาอย่างเร็วและรีบเร่ง
27 ไม่มีผู้ใดในพวกเขาอ่อนเปลี้ย ไม่มีผู้ใดสะดุด ไม่มีผู้ใดหลับสนิทหรือนิทรา ผ้าคาดเอวสักผืนหนึ่งก็ไม่หลุดลุ่ย สายรัดรองเท้าก็ไม่ขาดสักสายหนึ่ง
28 ลูกธนูของเขาก็แหลม คันธนูของเขาก็โก่งไว้ กีบม้าทั้งหลายของเขาเหมือนกับหินเหล็กไฟ และล้อของเขาทั้งหลายเหมือนลมบ้าหมู
29 เสียงคำรามของเขาเหมือนสิงห์ เหมือนสิงห์หนุ่ม เขาเหล่านั้นคำราม เขาจะคำรนและตะครุบเหยื่อของเขา และเขาจะขนเอาไปเสีย และไม่มีผู้ใดช่วยเขา
30 ในวันนั้นเขาทั้งหลายจะคำรนเหนือเหยื่อนั้น เหมือนเสียงคะนองของทะเล และถ้ามีผู้หนึ่งผู้ใดมองที่แผ่นดิน ดูเถิด ความมืดและความทุกข์ใจ และสว่างก็ถูกเมฆของแผ่นดินบดบังเสีย
อิสยาห์ 6
1 ในปีที่กษัตริย์อุสซียาห์สิ้นพระชนม์ ข้าพเจ้าเห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าประทับ ณพระที่นั่งสูงและเทิดทูนขึ้น และชายฉลองพระองค์ของพระองค์เต็มพระวิหาร
2 เหนือพระองค์มีเสราฟิมยืนอยู่ แต่ละตนมีปีกหกปีก ใช้สองปีกบังหน้า และสองปีกคลุมเท้า และด้วยสองปีกบินไป
3 ต่างก็ร้องต่อกันและกันว่า "บริสุทธิ์ บริสุทธิ์ บริสุทธิ์ พระเจ้าจอมโยธา แผ่นดินโลกทั้งสิ้นเต็มด้วยพระสิริของพระองค์"
4 และรากฐานของธรณีประตูทั้งหลาย ก็สั่นสะเทือนด้วยเสียงของผู้ร้อง และพระนิเวศก็มีควันเต็มไปหมด
5 และข้าพเจ้าว่า "วิบัติแก่ข้าพเจ้า เพราะข้าพเจ้าพินาศแล้ว เพราะข้าพเจ้าเป็นคนริมฝีปากไม่สะอาด และข้าพเจ้าอยู่ในหมู่ชนชาติที่ริมฝีปากไม่สะอาด เพราะนัยน์ตาของข้าพเจ้าได้เห็นกษัตริย์ คือพระเจ้าจอมโยธา"
6 แล้วตนหนึ่งในเสราฟิมบินมาหาข้าพเจ้า ในมือมีถ่านเพลิง ซึ่งเขาเอาคีมคีบมาจากแท่นบูชา
7 และเขาถูกต้องปากของข้าพเจ้าพูดว่า "ดูเถิด สิ่งนี้ได้ถูกต้องริมฝีปากของเจ้าแล้ว กรรมชั่วของเจ้าก็ถูกยกเสีย และเจ้าก็จะรับการลบมลทินบาป"
8 และข้าพเจ้าได้ยินพระสุรเสียงขององค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า "เราจะใช้ผู้ใดไป และผู้ใดจะไปแทนเรา" แล้วข้าพเจ้าทูลว่า "ข้าพระองค์อยู่นี่ พระเจ้าข้า ขอทรงใช้ข้าพระองค์ไปเถิด"
9 และพระองค์ตรัสว่า "ไปเถอะและกล่าวแก่ชนชาตินี้ว่า 'ฟังแล้วฟังเล่า แต่อย่าเข้าใจ ดูแล้วดูเล่า แต่อย่ามองเห็น'
10 จงกระทำให้จิตใจของชนชาตินี้มึนงง และให้หูทั้งหลายของเขาหนัก และปิดตาของเขาทั้งหลายเสีย เกรงว่าเขาจะเห็นด้วยตาของเขา และได้ยินด้วยหูของเขา และเข้าใจด้วยจิตใจของเขา และหันกลับมาได้รับการรักษาให้ หาย
11 แล้วข้าพเจ้าว่า "ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า นานสักเท่าใด" และพระองค์ตรัสว่า "จนหัวเมืองทั้งหลายถูกทิ้งร้าง ไม่มีชาวเมือง และเรือนไม่มีคน และแผ่นดินก็ร้างเปล่าอย่างสิ้นเชิง
12 และพระเจ้าทรงกวาดคนออกไปไกล และที่ที่ทอดทิ้งก็มีมากอยู่ท่ามกลางแผ่นดินนั้น
13 และแม้ว่ามีเหลืออยู่ในนั้นสักหนึ่งในสิบ ก็จะถูกเผาไฟอีก เหมือนต้นสนหรือต้นก่อหลวง ซึ่งเหลืออยู่แต่ตอ เมื่อถูกโค่น" ตอของมันเป็นพันธุ์บริสุทธิ์
อิสยาห์ 7
1 ในรัชกาลของอาหัสโอรสของโยธาม โอรสของอุสซียาห์ พระราชาแห่งยูดาห์ เรซีนพระราชาแห่งซีเรีย และเปคาห์โอรสของเรมาลิยาห์ พระราชาแห่งอิสราเอลได้ขึ้นมายังเยรูซาเล็ม เพื่อกระทำสงครามกับเมืองนั้น แต่รบไม่ชนะ
2 เมื่อเขาไปบอกที่ราชสำนักของดาวิดว่า "ซีเรียไปตั้งค่ายอยู่ในเขตเอฟราอิมแล้ว" พระทัยของพระองค์และจิตใจของประชาชน ของพระองค์ก็สั่นเหมือนต้นไม้ในป่าสั่นอยู่หน้าลม
3 และพระเจ้าตรัสกับอิสยาห์ว่า "จงออกไปพบอาหัส ทั้งเจ้าและเชอารยาชูบ บุตรชายของเจ้า ณ ที่ปลายท่อน้ำสระบนที่ถนนลานซักฟอก
4 และจงกล่าวแก่เขาว่า 'จงระวังและสงบใจอย่ากลัว อย่าให้พระทัยของพระองค์ขลาดด้วยเหตุเศษ ดุ้นฟืนที่จวนมอดทั้งสองนี้ เพราะความกริ้วอันร้ายแรงของเรซีน และซีเรีย และโอรสของเรมาลิยาห์
5 เพราะว่าซีเรียพร้อมกับเอฟราอิมและโอรสของ เรมาลิยาห์ได้คิดการชั่วร้ายต่อพระองค์ กล่าวว่า
6 "ให้เราทั้งหลายขึ้นไปต่อสู้กับยูดาห์ และทำให้มันคร้ามกลัว และให้เราทะลวงเอาเมืองของเขาเพื่อเราเอง และตั้งบุตรของทาเบเอลให้เป็นพระราชาท่ามกลางเมืองนั้น"
7 พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า มันจะไม่เป็นไป และจะไม่เกิดขึ้น
8 เพราะเศียรของซีเรียคือดามัสกัส และเศียรของดามัสกัสคือเรซีน (ภายในหกสิบห้าปีเอฟราอิมจะแตกเป็นชิ้นๆ กระทั่งไม่เป็นชนชาติอีกแล้ว)
9 และเศียรของเอฟราอิมคือสะมาเรีย และเศียรของสะมาเรียคือโอรสของเรมาลิยาห์ ถ้าเจ้าไม่มั่นใจ แน่ละ ก็จะตั้งมั่นเจ้าไว้ไม่ได้"
10 พระเจ้าตรัสกับอาหัสอีกว่า
11 "จงขอหมายสำคัญจากพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้า จากที่ลึกคือแดนคนตายหรือที่สูงคือฟ้าสวรรค์ก็ได้"
12 แต่อาหัสตอบว่า "เราจะไม่ทูลขอ และเราจะไม่ทดลองพระเจ้า"
13 และท่านกล่าวว่า "ข้าแต่ข้าราชสำนักของดาวิด ขอจงฟังการที่จะให้มนุษย์อ่อนใจนั้นเล็กน้อยอยู่หรือ และท่านยังให้พระเจ้าของข้าพเจ้าอ่อนพระทัยด้วย
14 เพราะฉะนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าจะประทานหมายสำคัญเอง ดูเถิด หญิงสาว คนหนึ่งจะตั้งครรภ์ และคลอดบุตรชายคนหนึ่ง และเขาจะเรียกนามของท่านว่า อิมมานูเอล
15 ท่านจะรับประทานนมข้นและน้ำผึ้ง เมื่อท่านรู้ที่จะปฏิเสธความชั่วและเลือกความดี
16 เพราะก่อนที่เด็กนั้นจะรู้ที่จะปฏิเสธความชั่ว และเลือกความดีนั้นแผ่นดินซึ่งพระราชาสององค์ เป็นที่เกลียดกลัวของฝ่าพระบาทนั้นจะร้างเปล่าไป
17 พระเจ้าจะทรงนำวันนั้นมาเหนือฝ่าพระบาท เหนือชนชาติของฝ่าพระบาทและเหนือเชื้อสายแห่ง บิดาของฝ่าพระบาท คือวันอย่างที่ไม่เคยพบเห็น ตั้งแต่วันที่เอฟราอิมได้ พรากจากยูดาห์ คือพระราชาของอัสซีเรีย"
18 ในวันนั้น พระเจ้าจะทรงผิว พระโอษฐ์เรียกเหลือบซึ่งอยู่ทางต้นกำเนิดแม่น้ำแห่งอียิปต์ และเรียกผึ้งซึ่งอยู่ในแผ่นดินอัสซีเรีย
19 และมันจะมากันหมดและจับอยู่ที่ห้วยชัน และในซอกหิน และบนต้นหนามขี้แรดทั้งสิ้นและบนลานหญ้าทั้งสิ้น
20 ในวันนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงโกนแผ่นดิน เสียด้วยมีดโกนซึ่งเช่ามาจากฟากตะวันออกของแม่น้ำยูเฟรติส คือพระราชาแห่งอัสซีเรียนั้นเอง จะทรงทำให้แผ่นดินนั้นได้รับความอัปยศ
21 ในวันนั้นชายคนหนึ่งจะเลี้ยงแม่โคสาวไว้ตัวหนึ่งและ แกะสองตัว
22 และเพราะมันให้นมมากมาย เขาจะรับประทานนมข้น เพราะว่าทุกคนที่เหลืออยู่ในแผ่นดินจะรับประทาน นมข้นและน้ำผึ้ง
23 ในวันนั้น ทุกแห่งที่เคยมีเถาองุ่นหนึ่งพันเถา มีค่าเงินหนึ่งพันเชเขล ก็จะกลายเป็นต้นหนามย่อยและหนามใหญ่
24 คนจะมาที่นั่นพร้อมกับคันธนูและลูกธนู เพราะว่าแผ่นดินนั้นจะเป็นที่หนามย่อยและหนามใหญ่
25 ส่วนเนินเขาทั้งสิ้นที่เขาเคยขุดด้วยจอบ เจ้าจะไม่มาที่นั่นเพราะกลัวหนามย่อยและหนามใหญ่ แต่เนินเขาเหล่านั้นจะกลายเป็นที่ซึ่งเขาปล่อยฝูงโค และที่ซึ่งฝูงแกะจะเหยียบย่ำ
อิสยาห์ 8
1 แล้วพระเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า "จงเอาแผ่นใหญ่สำหรับเขียนมาแผ่นหนึ่ง และจงเขียนอักษรง่ายๆลงว่า 'มาเฮอร์ชาลาลหัชบัส'"
2 และข้าพเจ้าได้พยานที่เชื่อถือได้ คือ อุรีอาห์ปุโรหิตและเศคาริยาห์บุตรของเยเบเรคียาห์ ให้เป็นพยานเพื่อข้าพเจ้า
3 และข้าพเจ้าได้เข้าไปหาหญิงผู้เผยพระวจนะ และเธอก็ตั้งครรภ์และ คลอดบุตรชายคนหนึ่ง และพระเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า "จงเรียกชื่อบุตรนั้นว่า มาเฮอร์ชาลาลหัชบัส
4 เพราะก่อนที่เด็กจะร้องเรียก "พ่อ แม่" ได้ทรัพย์สมบัติของดามัสกัสและของที่ริบได้จาก สะมาเรียจะถูกขนเอาไปต่อพระพักตร์พระราชาอัสซีเรีย"
5 แล้วพระเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าอีกว่า
6 "เพราะว่าชนชาตินี้ได้ปฏิเสธน้ำแห่งชิโลอาห์ซึ่งไหลเอื่อยๆ และปีติยินดีต่อเรซีนและโอรสของเรมาลิยาห์
7 เพราะฉะนั้น ดูเถิด องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงนำน้ำแห่งแม่น้ำ ยูเฟรติสมาสู้เขาทั้งหลาย ที่มีกำลังและมากหลายคือพระราชา แห่งอัสซีเรียและพระสิริของพระองค์ และน้ำนั้นจะไหลล้นห้วยทั้งสิ้นของมัน และท่วมฝั่งทั้งสิ้นของมัน
8 และจะกวาดต่อไปเข้าในยูดาห์ และจะไหลท่วมและผ่านไปแม้จนถึงคอ และปีกอันแผ่กว้างของมันจะเต็มแผ่นดินของท่านนะ ท่านอิมมานูเอล"
9 ชนชาติทั้งหลายเอ๋ย จงรู้และจงคร้ามกลัว บรรดาประเทศไกลๆทั้งหมดเจ้าเอ๋ย จงเงี่ยหู จงคาดเอวเจ้าไว้และจงคร้ามกลัว จงคาดเอวเจ้าไว้และจงคร้ามกลัว
10 จงปรึกษากันเถิด แต่ก็จะไร้ผล จงพูดกันเถิด แต่ก็จะไม่สำเร็จผล เพราะว่าพระเจ้าทรงสถิตกับเรา
11 เพราะว่าพระเจ้าตรัสดังต่อไปนี้กับข้าพเจ้า พร้อมด้วยพระหัตถ์อันเข้มแข็ง และทรงตักเตือนข้าพเจ้ามิให้ดำเนินในทางของชนชาตินี้ พระองค์ตรัสว่า
12 "สิ่งที่ชนชาตินี้เรียกว่า การร่วมคิดกบฏ เจ้าอย่าเรียกว่าการร่วมคิดกบฏเสียหมด อย่ากลัวสิ่งที่เขากลัวหรืออย่าครั่นคร้าม
13 แต่พระเจ้าจอมโยธานั้นแหละ เจ้าต้องว่าพระองค์ศักดิ์สิทธิ์ จงให้พระองค์ทรงเป็นผู้ที่เจ้ายำเกรง จงให้พระองค์ทรงเป็นผู้ที่เจ้าครั่นคร้าม
14 แล้วพระองค์จะเป็นสถานศักดิ์สิทธิ์ แต่เป็นหินกระทบเท้า และเป็นศิลาอันเป็นที่สะดุดของเชื้อสายทั้งคู่ของอิสราเอล เป็นกับและเป็นบ่วงดักชาวเยรูซาเล็ม
15 และคนเป็นอันมากจะสะดุดหินนั้น เขาทั้งหลายจะล้มลงและแตกหัก เขาจะติดบ่วงและถูกจับไป"
16 จงมัดถ้อยคำพยานเก็บไว้เสีย และจงตีตราพระโอวาทไว้ในหมู่พวกสาวกของข้าพเจ้าเสีย
17 ข้าพเจ้าจะรอคอยพระเจ้า ผู้ทรงซ่อนพระพักตร์ของพระองค์จากเชื้อสายของยาโคบ และข้าพเจ้าจะหวังใจอยู่ที่พระองค์
18 ดูเถิด ข้าพเจ้าและบุตรผู้ซึ่งพระเจ้าทรงประทาน แก่ข้าพเจ้า เป็นหมายสำคัญและเป็นลางในอิสราเอลจากพระเจ้าจอมโยธา ผู้ทรงประทับบนภูเขาศิโยน
19 และเมื่อเขาทั้งหลายกล่าวแก่พวกท่านว่า "จงปรึกษากับคนทรงและพ่อมดแม่มดผู้ร้องเสียง จ้อกแจ้กและเสียงพึมพำ" ไม่ควรที่ประชาชนจะปรึกษากับพระเจ้าของเขาหรือ ควรเขาจะไปปรึกษาคนตายเพื่อคนเป็นหรือ
20 ไปค้นพระโอวาทและถ้อยคำพยาน ดูเถิด แน่นอนทีเดียวคนที่ไปพูดเช่นนี้ ก็เป็นคนที่ไม่มีรุ่งอรุณเสียเลย
21 เขาทั้งหลายจะผ่านแผ่นดินไปด้วย ความระทมใจอันยิ่งใหญ่และด้วยความหิว และเมื่อเขาหิวเขาจะเกรี้ยวกราด และแช่งด่าพระราชาของเขาและพระเจ้าของเขา และแม้เขาจะแหงนหน้าขึ้นข้างบน
22 หรือจะมองดูที่แผ่นดินโลก แต่ดูเถิด ความทุกข์ใจและความมืด ความกลุ้มแห่งความแสนระทม และเขาจะถูกผลักไสเข้าไปในความมืดทึบ
อิสยาห์ 9
1 เมืองนั้นซึ่งอยู่ในความแสนระทมจะไม่กลัดกลุ้ม ในกาลก่อนพระองค์ทรงนำแคว้นเศบูลุนและแคว้น นัฟทาลีมาสู่ความดูหมิ่น แต่ในกาลภายหลังพระองค์จะทรงกระทำให้หนทางข้างทะเล แคว้นฟากตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดน คือ กาลิลี แห่งบรรดาประชาชาติ ให้รุ่งโรจน์
2 ชนชาติที่ดำเนินในความมืด จะได้เห็นความสว่างยิ่งใหญ่ บรรดาผู้ที่อาศัยอยู่ในแผ่นดิน แห่งเงามัจจุราช สว่างจะได้ส่องมาบนเขา
3 พระองค์จะได้ทรงทวีชนในประชาชาตินั้นขึ้น พระองค์จะทรงเพิ่มความชื่นบานของเขา เขาทั้งหลายจะเปรมปรีดิ์ต่อพระพักตร์พระองค์ ดั่งด้วยความชื่นบานเมื่อฤดูเกี่ยวเก็บ ดั่งคนเปรมปรีดิ์เมื่อเขาแบ่งของริบมานั้นแก่กัน
4 เพราะว่าแอกอันเป็นภาระของเขาก็ดี ไม้พลองที่ตีบ่าเขาก็ดี ไม้ตะบองของผู้บีบบังคับเขาก็ดี พระองค์จะทรงหักเสียอย่างในวันของคนมีเดียน
5 เพราะรองเท้าทุกคู่ที่กระทืบไป อย่างสั่นสะเทือน และเสื้อคลุมทุกตัวที่เกลือกอยู่ในโลหิต จะถูกเผาเป็นเชื้อเพลิงใส่ไฟ
6 ด้วยมีเด็กคนหนึ่งเกิดมาเพื่อเรา มีบุตรชายคนหนึ่งประทานมาให้เรา และการปกครองจะอยู่ที่บ่าของท่าน และท่านจะเรียกนามของท่านว่า "ที่ปรึกษามหัศจรรย์ พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ พระบิดานิรันดร์ องค์สันติราช"
7 เพื่อการปกครองของท่านจะเพิ่มพูนยิ่งขึ้น และสันติภาพจะไม่มีที่สิ้นสุด เหนือพระที่นั่งของดาวิด และเหนือราชอาณาจักรของพระองค์ ที่จะสถาปนาไว้ และเชิดชูไว้ ด้วยความยุติธรรมและด้วยความชอบธรรม ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปจนนิรันดร์กาล ความกระตือรือร้นของพระเจ้าจอมโยธาจะกระทำการนี้
8 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงใช้พระวจนะไปต่อสู้ยาโคบ และจะตกอยู่เหนืออิสราเอล
9 และประชาชนทั้งสิ้นจะรู้เรื่อง คือเอฟราอิมและชาวสะมาเรีย ผู้กล่าวด้วยความเย่อหยิ่งและด้วยจิตใจจองหอง
10 ว่า "ก้อนอิฐพังลงแล้ว แต่เราจะสร้างด้วยศิลาสลัก ต้นมะเดื่อถูกโค่นลง แต่เราจะใส่ต้นสีดาร์เข้าแทนไว้ในที่นั้น"
11 พระเจ้าจึงทรงหนุนปฏิปักษ์ของเรซีนมาสู้เขา และทรงกระตุ้นศัตรูของเขา
12 คือคนซีเรียทางตะวันออกและคนฟีลิสเตียทางตะวันตก และเขาจะอ้าปากออกกลืนอิสราเอลเสีย ถึงกระนั้นก็ดี พระพิโรธของพระองค์ก็ยังมิได้หันกลับ และพระหัตถ์ของพระองค์ยังเหยียดออกอยู่
13 ประชาชนมิได้หันมาหาพระองค์ผู้ทรงตีเขา มิได้แสวงหาพระเจ้าจอมโยธา
14 พระเจ้าจึงทรงตัดหัวตัดหางออกเสียจากอิสราเอล ทั้งใบตาลและต้นอ้อเล็กในวันเดียว
15 ผู้ใหญ่และคนมีเกียรติคือหัว และผู้เผยพระวจนะผู้สอนเท็จเป็นหาง
16 เพราะบรรดาผู้ที่นำชนชาตินี้ได้นำเขาให้หลง และบรรดาผู้ที่เขานำก็ถูกกลืนไป
17 ฉะนั้น พระผู้เป็นเจ้าหาทรงเปรมปรีดิ์ ในคนหนุ่มของเขาไม่ และมิได้ทรงมีพระกรุณาต่อคนกำพร้าพ่อ หรือหญิงม่ายของเขา เพราะว่าทุกคนก็ไร้พระเจ้าและเป็นคนทำความชั่ว และปากทุกปากก็กล่าวคำโฉดเขลา ถึงกระนั้นก็ดี พระพิโรธของพระองค์ก็ยังมิได้หันกลับ และพระหัตถ์ของพระองค์ยังเหยียดออกอยู่
18 เพราะความอธรรมก็ไหม้เหมือนไฟไหม้ มันผลาญทั้งหนามย่อยและหนามใหญ่ มันจุดไฟเข้าที่ป่าทึบ และป่าทึบก็ม้วนขึ้นข้างบนเหมือนควันเป็นลูกๆ
19 แผ่นดินนั้นถูกเผา โดยเหตุพระพิโรธของพระเจ้าจอมโยธา ประชาชนก็เหมือนเชื้อเพลิง ไม่มีคนใดไว้ชีวิตพี่น้องของตน
20 เขาฉวยได้ทางขวา แต่ยังหิวอยู่ เขากินทางซ้ายแต่ก็ยังไม่อิ่ม ต่างก็กินเนื้อพี่น้องของตนเอง
21 มนัสเสห์กินเอฟราอิม เอฟราอิมกินมนัสเสห์ และทั้งคู่ก็สู้กับยูดาห์ ถึงกระนั้นก็ดี พระพิโรธของพระองค์ก็ยังมิได้หันกลับ และพระหัตถ์ของพระองค์ยังเหยียดออกอยู่
อิสยาห์ 10
1 วิบัติแก่คนเหล่านั้นที่ออกกฎหมายอธรรม และแก่ผู้เขียนที่เขียนแต่การบีบคั้นเรื่อยไป
2 เพื่อหันคนขัดสนไปจากความยุติธรรม และปล้นสิทธิของคนจนแห่งชนชาติของเราเสีย เพื่อว่าหญิงม่ายจะเป็นของริบของเขา และเพื่อเขาจะกระทำให้คนกำพร้าพ่อเป็นเหยื่อของเขา
3 พวกเจ้าจะกระทำอย่างไรในวันลงทัณฑ์ ในวันวาตภัยซึ่งมาจากที่ไกล เจ้าจะหนีไปพึ่งใคร และเจ้าจะฝากทรัพย์สมบัติของเจ้าไว้ที่ไหน
4 ไม่มีอะไรเหลือนอกจากจะไปหลังขด หลังงออยู่กับนักโทษ หรือล้มลงในหมู่พวกคนที่ถูกฆ่า ถึงกระนั้นก็ดี พระพิโรธของพระองค์ก็ยังมิได้หันกลับ และพระหัตถ์ของพระองค์ยังเหยียดออกอยู่
5 วิบัติแก่อัสซีเรีย ผู้เป็นตะบองแห่งความกริ้วของเรา และเป็นไม้พลองแห่งความเกรี้ยวกราดของเรา
6 เราจะใช้เขาไปสู้ประชาชาติที่ปฏิเสธพระเจ้า เราจะบัญชาเขาให้ไปสู้ชนชาติที่เรากริ้ว ไปเอาของริบและฉวยของปล้น และให้เหยียบย่ำลงเหมือนเหยียบเลนในถนน
7 แต่เขามิได้ตั้งใจอย่างนั้น และจิตใจของเขาก็มิได้คิดอย่างนั้น แต่ในใจของเขาคิดจะทำลาย และตัดประชาชาติเสียมิใช่เล็กน้อย
8 เพราะเขาพูดว่า "ผู้บังคับบัญชาของข้าเป็นพระราชาหมดมิใช่หรือ
9 เมืองคาลโนก็เหมือนเมืองคารเคมิชมิใช่หรือ เมืองฮามัทก็เหมือนเมืองอารปัดมิใช่หรือ เมืองสะมาเรียก็เหมือนเมืองดามัสกัสมิใช่หรือ
10 เหมือนอย่างมือของเราไปถึงบรรดาราชอาณาจักร ของรูปเคารพ ซึ่งรูปเคารพแกะสลักของเขานั้นใหญ่กว่าของ เยรูซาเล็มและสะมาเรีย
11 เราก็จะไม่ทำแก่เยรูซาเล็มกับรูปเคารพของ เขาดอกหรือ ดังที่เราได้ทำแก่สะมาเรียและรูปเคารพของเขา"
12 เมื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสำเร็จพระราชกิจทั้งสิ้นของพระองค์ที่ภูเขา ศิโยนและที่เยรูซาเล็มแล้ว พระองค์จะทรงลงทัณฑ์แก่ ความโอ้อวดอันจองหองของพระราชาแห่งอัสซีเรีย และความเย่อหยิ่งอย่างยโสของเขา
13 เพราะเขาว่า "ข้าได้กระทำการนี้ด้วยกำลังมือของข้า และด้วยสติปัญญาของข้า เพราะข้ามีความเข้าใจ ข้าได้รื้อเขตแดนของชนชาติทั้งหลาย และได้ปล้นทรัพย์สมบัติของเขา ข้าได้ขวิดคนเหล่านั้นที่นั่ง บนพระที่นั่ง ลงมาเหมือนวัวผู้
14 มือของข้าได้ฉวยทรัพย์สมบัติของชนชาติทั้งหลาย เหมือนฉวยรังนก และอย่างคนเก็บไข่ซึ่งละทิ้งไว้ ข้าก็รวบรวมแผ่นดินโลกทั้งสิ้นดังนั้นแหละ และไม่มีผู้ใดขยับปีกมาปก หรืออ้าปากหรือร้องเสียงจ้อกแจ้ก"
15 เหล็กสะกัดจะคุยข่มคนที่ใช้มันสกัดนั้นหรือ หรือเลื่อยจะทะนงตัวเหนือผู้ที่ใช้มันเลื่อยนั้นหรือ เหมือนกับว่าตะบองจะยกผู้ซึ่งถือมันขึ้นตี หรืออย่างไม้พลองจะยกผู้ที่มิใช่ไม้
16 ฉะนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าจอมโยธา จะทรงให้โรคผอมแห้งมาในหมู่พวกคนอ้วนพีของเขา ภายใต้เกียรติของเขาจะมีการไหม้ใหญ่โต เหมือนอย่างไฟไหม้
17 ความสว่างแห่งอิสราเอลจะเป็นไฟ และองค์บริสุทธิ์ของท่านจะกลายเป็นเปลวเพลิง และจะเผาและกินเสียในวันเดียว ซึ่งหนามใหญ่และหนามย่อยของเขา
18 พระองค์จะทรงทำลาย ศักดิ์ศรีแห่งป่าของเขาและแห่งสวนผลไม้ของเขา ทั้งวิญญาณจิตและร่างกาย และจะเป็นเหมือนเวลาคนเจ็บซูบซีดลงไป
19 ต้นไม้แห่งป่าของเขาจะเหลือน้อยเต็มที จนเด็กๆจะเขียนลงได้
20 ในวันนั้น คนอิสราเอลที่เหลืออยู่ และคนรอดตายแห่งเชื้อสายของยาโคบ จะไม่พิงผู้ที่ตีเขาอีก แต่จะพักพิงที่พระเจ้า องค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอล โดยความสัตย์จริง
21 ส่วนคนที่เหลืออยู่จะกลับมายังพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ คือคนที่เหลืออยู่ของยาโคบ
22 อิสราเอลเอ๋ย เพราะแม้ว่าชนชาติของเจ้าจะเป็นดั่งทรายในทะเล คนที่เหลืออยู่เท่านั้นจะกลับมา การทำลายนั้นกำหนดไว้แล้ว ล้นหลามไปด้วยความชอบธรรม
23 เพราะว่าองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าจอมโยธาจะทรงกระทำให้สิ้นสุดลงตาม ที่กำหนดไว้แล้วในท่ามกลางแผ่นดินโลกทั้งสิ้น
24 ฉะนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าจอมโยธาตรัสดังนี้ว่า "ชนชาติของเราเอ๋ย ผู้อยู่ในศิโยน อย่ากลัวคนอัสซีเรีย เมื่อเขาตีด้วยตะบองและยกไม้พลองของเขาขึ้นสู้ เจ้าอย่างที่ในอียิปต์
25 เพราะอีกสักหน่อยเท่านั้นความกริ้วของเจ้าจะสิ้นสุด และความโกรธของเราจะมุ่งตรงที่การทำลายเขา
26 และพระเจ้าจอมโยธาจะทรงเหวี่ยงแส้มาสู้เขา ดังที่พระองค์ทรงโจมตีคนมีเดียนณศิลาโอเรบ และไม้พลองของพระองค์ที่เคยอยู่เหนือทะเล พระองค์จะทรงยกขึ้นอย่างที่ในอียิปต์
27 และในวันนั้นภาระของเขาจะพรากไปจากบ่าของเจ้า และแอกของเขาจะถูกทำลายเสียจากคอของเจ้า" เขาขึ้นไปจากสะมาเรียแล้ว
28 เขาได้มาถึงอัยยาทแล้ว เขาได้ข้ามมิโกรน เขาเก็บสัมภาระของเขาไว้ที่มิคมาช
29 เขาเหล่านั้นผ่านช่องหว่างเขามาแล้ว เกบาเป็นที่เขาค้างคืน รามาห์สะทกสะท้าน กิเบอาห์ของซาอูลหนีไปแล้ว
30 ธิดาของกัลลิมเอ๋ย ส่งเสียงร้องซี ไลชาห์เอ๋ย ฟังซี อานาโธทเอ๋ย น่าสงสารจริง
31 มัดเมนาห์กำลังหนีอยู่ คนเกบิมหนีให้พ้นภัย
32 ในวันนี้เองเขาจะหยุดอยู่ที่เมืองโนบ เขาจะสั่นกำปั้นของเขา เข้าใส่ภูเขาแห่งธิดาของศิโยน เนินเขาของเยรูซาเล็ม
33 ดูเถิด องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าจอมโยธา จะทรงตัดกิ่งไม้ด้วยกำลังอันน่าคร้ามกลัว ต้นที่สูงยิ่งจะถูกโค่นลงมา และต้นที่สูงจะต้องถูกทลายลง
34 พระองค์จะทรงใช้ขวานฟันป่าทึบ และเลบานอนซึ่งมีต้นไม้สูงตระหง่านจะล้มลง
อิสยาห์ 11
1 จะมีหน่อแตกออกมาจากตอแห่งเจสซี จะมีกิ่งงอกออกมาจากรากทั้งหลาย ของเขา
2 และพระวิญญาณของพระเจ้าจะอยู่บนท่านนั้น คือวิญญาณแห่งปัญญาและความเข้าใจ วิญญาณแห่งการวินิจฉัยและอานุภาพ วิญญาณแห่งความรู้และความยำเกรงพระเจ้า
3 ความพึงใจของท่านก็ในความยำเกรงพระเจ้า ท่านจะไม่พิพากษาตามซึ่งตาท่านเห็น หรือตัดสินตามซึ่งหูท่านได้ยิน
4 แต่ท่านจะพิพากษาคนจนด้วยความชอบธรรม และตัดสินเผื่อผู้มีใจถ่อมแห่งแผ่นดินโลก ด้วยความเที่ยงธรรม ท่านจะตีโลกด้วยตะบองแห่งปากของท่าน และท่านจะประหารคนอธรรมด้วยลมแห่งริมฝีปากของ ท่าน
5 ความชอบธรรมจะเป็นผ้าคาดเอวของท่าน และความสัตย์สุจริตจะเป็นผ้าคาดบั้นเอวของท่าน
6 สุนัขป่าจะอยู่กับลูกแกะ และเสือดาวจะนอนอยู่กับลูกแพะ ลูกโคกับสิงห์หนุ่มจะหากินอยู่ด้วยกัน และเด็กเล็กๆจะนำมันไป
7 แม่โคกับหมีจะกินด้วยกัน ลูกของมันก็จะนอนอยู่ด้วยกัน และสิงห์จะกินฟางเหมือนวัวผู้
8 และทารกกินนมจะเล่นอยู่ที่ปากรูงูเห่า และเด็กที่หย่านมจะเอามือวางบนรังของงูทับทาง
9 สัตว์เหล่านั้นจะไม่ทำให้เจ็บหรือจะทำลาย ทั่วภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของเรา เพราะว่าแผ่นดินโลก จะเต็มไปด้วยความรู้เรื่องของพระเจ้า ดั่งน้ำปกคลุมทะเลอยู่นั้น
10 ในวันนั้น รากแห่งเจสซี ซึ่งตั้งขึ้นเป็นเครื่องหมายแก่ชนชาติทั้งหลาย จะเป็นที่แสวงหาของบรรดาประชาชาติ และที่พำนักของท่านจะรุ่งโรจน์
11 ในวันนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงยื่นพระหัตถ์ของพระองค์ ออกไปเป็นครั้งที่สอง เพื่อจะได้ส่วนชนชาติของพระองค์ที่เหลืออยู่คืนมา เป็นคนเหลือจากอัสซีเรีย จากอียิปต์ จากปัทโรส จากเอธิโอเปีย จากเอลาม จากชินาร์ จากฮามัท และแผ่นดินชายทะเล
12 พระองค์จะทรงยกเครื่องหมายนั้น ขึ้นให้แก่บรรดาประชาชาติ และจะชุมนุมอิสราเอลที่พลัดพราก และรวบรวมยูดาห์ที่กระจัดกระจาย จากสี่มุมแห่งแผ่นดินโลก
13 ความริษยาของเอฟราอิมจะพรากไป และบรรดาผู้ที่รบกวนยูดาห์ จะถูกตัดออกไป เอฟราอิมจะไม่ริษยายูดาห์ และยูดาห์จะไม่รบกวนเอฟราอิม
14 แต่เขาทั้งหลายจะโฉบลงเหนือไหล่เขาของคน ฟีลิสเตียทางตะวันตก และเขาจะร่วมกันปล้นประชาชนทางตะวันออก เขาจะยื่นมือออกต่อสู้เอโดมและโมอับ และคนอัมโมนจะเชื่อฟังเขาทั้งหลาย
15 และพระเจ้าจะทรงทำลาย ลิ้นของทะเลแห่งอียิปต์เสียทีเดียว และจะทรงโบกพระหัตถ์เหนือแม่น้ำนั้น ด้วยลมลวกของพระองค์ และจะโจมตีมันให้เป็นร่องน้ำเจ็ดสาย และคนสวมรองเท้าจะเดินข้ามไปได้
16 และจะมีถนนหลวงจากอัสซีเรีย สำหรับคนที่เหลืออยู่จากชนชาติของพระองค์ ดั่งที่มีอยู่สำหรับอิสราเอล ครั้งเมื่อเขาขึ้นมาจากแผ่นดินอียิปต์
อิสยาห์ 12
1 ในวันนั้น ท่านจะกล่าวว่า "ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์จะโมทนาพระคุณพระองค์ เพราะแม้พระองค์ทรงพระพิโรธต่อข้าพระองค์ ความกริ้วของพระองค์ก็หันกลับไป และพระองค์ทรงเล้าโลมข้าพระองค์
2 "ดูเถิด พระเจ้าเป็นความรอดของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะวางใจและไม่กลัว เพราะพระเจ้าทรงเป็นกำลังและบทเพลงของข้าพเจ้า และพระองค์ทรงเป็นความรอดของข้าพเจ้า แล้ว"
3 เจ้าจะโพงน้ำด้วยความชื่นบาน จากบ่อแห่งความรอด
4 และในวันนั้น เจ้าจะกล่าวว่า "จงโมทนาพระคุณพระเจ้า จงร้องทูลออกพระนามของพระองค์ จงประกาศบรรดาพระราชกิจของพระองค์ ท่ามกลางชนชาติทั้งหลาย จงป่าวร้องว่าพระนามของพระองค์เป็นที่เชิดชู
5 "จงร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า เพราะพระองค์ทรงกระทำกิจอันดีเลิศ ให้เรื่องนี้รู้กันทั่วไปในแผ่นดินโลก
6 ชาวศิโยนเอ๋ย จงโห่ร้องและร้องเพลงด้วยความชื่นบาน เพราะองค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอลนั้น ก็ใหญ่ยิ่งอยู่ในหมู่พวกเจ้า
อิสยาห์ 13
1 ครุวาทเกี่ยวกับบาบิโลน ตามซึ่งอิสยาห์บุตรชายของอามอสได้เห็น
2 จงชูอาณัติสัญญาขึ้นบนภูเขาหัวโล้น จงร้องเรียกเขาทั้งหลาย จงโบกมือให้เขาเข้าไป ในประตูเมืองของเจ้านาย
3 ตัวเราเองได้บัญชาแก่ผู้ที่เลือกสรรของเราได้เกณฑ์ ชายฉกรรจ์ของเรา ให้จัดการตามความโกรธของเรา คือผู้ที่เต้นโลดอย่างภูมิใจของเรา
4 ฟังซิ เสียงอึงอลบนภูเขา ดั่งเสียงมวลชนมหึมา ฟังซี เสียงอึงคะนึงของราชอาณาจักรทั้งหลาย ของบรรดาประชาชาติที่รวมเข้าด้วยกัน พระเจ้าจอมโยธากำลังระดม พลเพื่อสงคราม
5 เขาทั้งหลายมาจากแผ่นดินอันไกล จากสุดปลายฟ้าสวรรค์ พระเจ้าและอาวุธแห่งพระพิโรธของพระองค์ เพื่อจะทำลายแผ่นดินโลกทั้งสิ้น
6 จงพิลาปร่ำไห้ซิ เพราะวันแห่งพระเจ้ามาใกล้แล้ว วันนั้นจะมา เป็นการทำลาย จากองค์ผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์
7 เพราะฉะนั้น ทุกๆมือก็จะอ่อนเปลี้ย และจิตใจของทุกคนก็จะละลายไป
8 และเขาทั้งหลายจะตกใจกลัว ความเจ็บและความปวดจะเกาะเขา เขาจะทุรนทุรายดั่งหญิงกำลังคลอดบุตร เขาจะมองตากันอย่างตกตะลึง หน้าของเขาแดงเป็นแสงไฟ
9 ดูเถิด วันของพระเจ้าจะมา ดุร้ายด้วยความพิโรธและความโกรธอันเกรี้ยวกราด ที่จะกระทำให้แผ่นดินโลกเป็นที่ร้างเปล่า และเพื่อจะทำลายคนบาปของโลกเสียจากโลก
10 เพราะดวงดาวแห่งฟ้าสวรรค์ และหมู่ดาวในนั้น จะไม่ทอแสงของมัน ดวงอาทิตย์ก็จะมืดเมื่อเวลาขึ้น และดวงจันทร์จะไม่ส่องแสงของ มัน
11 เราจะลงโทษโลกเพราะความชั่วร้าย และคนอธรรมเพราะความบาปผิดของเขา เราจะกระทำให้ความเย่อหยิ่งของคนจองหองสิ้นสุด และปราบความยโสของคนโหดร้าย
12 เราจะกระทำให้หาคนยากเสียยิ่งกว่าหาทองคำนพคุณ และหามนุษย์ได้ยากยิ่งกว่าหาทองคำแห่งโอฟีร์
13 เพราะฉะนั้น เราจะกระทำให้ฟ้าสวรรค์สั่นสะเทือน และแผ่นดินโลกจะสะท้านพลัดจากที่ของมัน โดยพระพิโรธของพระเจ้าจอมโยธา ในวันแห่งความโกรธอันเกรี้ยวกราดของพระองค์
14 คนทุกคนจะหันเข้าสู่ชนชาติของตนเอง และคนทุกคนจะหนีไปยังแผ่นดินของตนเอง ดั่งละมั่งที่ถูกล่า หรือเหมือนแกะที่ไม่มีผู้รวมฝูง
15 ถ้าเขาพบใครเข้าก็จะถูกแทงทะลุ และถ้าใครถูกจับก็จะล้มลงด้วยดาบ
16 ทารกของเขาจะถูกฟาดลงอย่างยับเยิน ต่อหน้าต่อตาเขา เรือนของเขาจะถูกปล้น และภรรยาของเขาจะถูกขืนใจ
17 ดูเถิด เรากำลังรบเร้าให้ชาวมีเดียมาสู้เขา ผู้ซึ่งไม่เอาใจใส่ในเรื่องเงิน และไม่ไยดีในเรื่องทองคำ
18 คันธนูของเขาจะสังหารชายหนุ่ม เขาจะไม่ปรานีต่อผลของครรภ์ นัยน์ตาของเขาจะไม่สงสารเด็ก
19 และบาบิโลน ซึ่งโอ่อ่าในบรรดาราชอาณาจักร เมืองที่สง่าและเป็นที่ภูมิใจของชาวเคลเดีย จะเป็นดังเมืองโสโดมและเมืองโกโมราห์ เมื่อพระเจ้าทรงคว่ำมันเสียนั้น
20 จะไม่มีใครเข้าอยู่ในบาบิโลน หรืออาศัยอยู่ตลอดทุกชั่วชาติพันธุ์ คนอาหรับจะไม่กางเต็นท์ของเขาที่นั่น ไม่มีผู้เลี้ยงแกะที่จะให้แกะของเขานอนลงที่นั่น
21 แต่สัตว์ป่าจะนอนลงที่นั่น และบ้านเรือนในนั้นจะเต็มไปด้วยนกทึดทือ นกกระจอกเทศจะอาศัยที่นั่น เมษปีศาจจะเต้นรำอยู่ที่นั่น
22 หมาจิ้งจอกจะเห่าหอนอยู่ในป้อมปราสาทของเมืองนั้น และหมาป่าจะอยู่ในวังแสนสุข เวลาของเมืองนั้นก็ใกล้เข้ามาแล้ว และวันเวลาของมันจะไม่ยืดให้ยาวไป
อิสยาห์ 14
1 พระเจ้าจะทรงมีเมตตาต่อยาโคบและจะ ทรงเลือกอิสราเอลอีก และจะตั้งเขาทั้งหลายไว้ในแผ่นดินของเขา คนต่างด้าวจะสมทบกับเขา และติดพันอยู่กับเชื้อสายของยาโคบ
2 และชนชาติทั้งหลายจะรับเขาและนำเขา ทั้งหลายมายังที่ของเขา และเชื้อสายของอิสราเอลจะมีกรรมสิทธิ์ ในเขาเป็นทาสชายหญิงในแผ่นดินของพระเจ้า ผู้ที่จับเขาเป็นเชลยจะถูกเขาจับเป็นเชลย และจะปกครองผู้ที่เคยบีบบังคับเขา
3 เมื่อพระเจ้าประทานให้เจ้าได้หยุดพักจาก ความเจ็บปวดของเจ้า และจากความวุ่นวายและจากงานหนักซึ่งเจ้า ถูกบังคับให้กระทำ
4 เจ้าจะยกคำเย้ยหยันนี้กล่าวต่อพระราชาแห่งบาบิโลนว่า "เออ ผู้บีบบังคับก็สงบไปแล้วหนอ ความทะลึ่งเกรี้ยวกราดของเขาก็สงบไปด้วยซิ
5 พระเจ้าทรงหักไม้พลองของคนอธรรม คทาของผู้ครอบครอง
6 ซึ่งตีชนชาติทั้งหลายด้วยความพิโรธ ด้วยการตีอย่างไม่หยุดยั้ง ซึ่งได้ครอบครองประชาชาติด้วยความโกรธ ด้วยการข่มเหงอย่างที่ไม่อ่อนข้อ
7 โลกทั้งสิ้นก็พักและสงบอยู่ เขาทั้งหลายร้องเพลงโพล่งออกมา
8 ต้นสนสามใบเปรมปรีดิ์เพราะเจ้า ต้นสนสีดาร์แห่งเลบานอนด้วยและกล่าวว่า 'ตั้งแต่เจ้าตกต่ำ ก็ไม่มีผู้โค่นขึ้นมาต่อสู้เราแล้ว'
9 แดนคนตายเบื้องล่างก็ตื่นเต้น เพื่อต้อนรับเจ้าเมื่อเจ้ามา มันปลุกให้ชาวแดนมาต้อนรับเจ้า คือผู้ซึ่งเคยเป็นผู้นำของโลก มันทำให้บรรดาผู้ที่เคยเป็นพระราชา แห่งประชาชาติทั้งหลาย ลุกขึ้นมาจากพระที่นั่งของเขา
10 ทุกตนจะพูด และกล่าวแก่เจ้าว่า 'เจ้าก็อ่อนเปลี้ยอย่างเราด้วย เจ้ากลายเป็นอย่างพวกเรา'
11 ความโอ่อ่าของเจ้าถูกนำลงมาถึงแดนคนตาย และเสียงพิณของเจ้า ตัวหนอนจะเป็นที่นอนอยู่ใต้ตัวเจ้า และตัวหนอนจะเป็นผ้าห่มของเจ้า
12 "โอ ดาวประจำกลางวันเอ๋ย พ่อโอรสแห่งพระอรุณ เจ้าร่วงลงมาจากฟ้าสวรรค์แล้วซิ เจ้าถูกตัดลงมายังพื้นดินอย่างไรหนอ เจ้าผู้กระทำให้บรรดาประชาชาติตกต่ำน่ะ
13 เจ้ารำพึงในใจของเจ้าว่า 'ข้าจะขึ้นไปยังฟ้าสวรรค์ เหนือดวงดาวทั้งหลายของพระเจ้า ข้าจะตั้งพระที่นั่งของข้าณที่สูงนั้น ข้าจะนั่งบนขุนเขาชุมนุมสถาน ณ ที่อุดรไกล
14 ข้าจะขึ้นไปเหนือความสูงของเมฆ ข้าจะกระทำตัวของข้าเหมือนองค์ผู้สูงสุด'
15 แต่เจ้าถูกนำลงมาสู่แดนคนตาย ยังที่ลึกของปากแดน
16 บรรดาผู้ที่เห็นเจ้าจะเพ่งดูเจ้า และจะพิจารณาเจ้าว่า 'ชายคนนี้หรือที่ทำให้โลกสั่นสะเทือน ผู้เขย่าราชอาณาจักรทั้งหลาย
17 ผู้ที่ได้กระทำให้โลกเป็นเหมือนถิ่นทุรกันดาร และคว่ำหัวเมืองของโลกเสีย ผู้ไม่ยอมให้เชลยกลับไปบ้านของเขา'
18 พระราชาทั้งสิ้นของบรรดาประชาชาตินอนอยู่อย่างมีเกียรติ ต่างก็อยู่ในอุโมงค์ของตน
19 แต่เจ้าถูกเหวี่ยงออกไป ห่างจากหลุมศพของเจ้า เป็นศพที่น่าเกลียด สวมเสื้อของผู้ที่ถูกฆ่า คือที่ถูกแทงด้วยดาบ ซึ่งลงไปยังศิลาของหลุมศพ เป็นศพที่ถูกเหยียบย่ำ
20 เจ้าจะไม่ได้รับการฝังศพร่วมกับเขา เพราะเจ้าได้ทำลายแผ่นดินของเจ้า เจ้าได้สังหารประชาชนของเจ้า "ขออย่าให้ใครเอ่ยถึงชื่อของเชื้อวงศ์ แห่งผู้กระทำความชั่วอีกเลย
21 จงเตรียมสังหารลูกๆของเขาเถิด เพราะกรรมชั่วแห่งบิดาของเขา เกรงว่าเขาทั้งหลายจะลุกขึ้นเป็นเจ้าของโลก และกระทำให้พื้นโลกเต็มไปด้วยหัวเมือง"
22 พระเจ้าจอมโยธา ตรัสว่า "เราจะลุกขึ้นสู้กับเขา และจะตัดชื่อกับคนที่เหลืออยู่เสียจากบาบิโลน และตัดลูกหลานและพงศ์พันธุ์เสีย" พระเจ้าตรัสดังนี้แหละ
23 "และเราจะกระทำให้เป็นกรรมสิทธิ์ของอีกาบ้าน และเป็นสระน้ำ และจะกวาดด้วยไม้กวาดแห่งการทำลาย" พระเจ้าจอมโยธาตรัสดังนี้แหละ
24 พระเจ้าจอมโยธาได้ทรงปฏิญาณว่า 'เรากะแผนงานไว้อย่างไร ก็จะเป็นไปอย่างนั้น และเราได้มุ่งหมายไว้อย่างไร ก็จะเกิดขึ้นอย่างนั้น
25 คือว่าเราจะตีคนอัสซีเรีย ในแผ่นดินของเราให้ย่อยยับไป และบนภูเขาของเรา เหยียบย่ำเขาไว้ และแอกของเขานั้นจะพรากไปจากเขาทั้งหลาย และภาระของเขานั้นจากบ่าของเขาทั้งหลาย"
26 นี่เป็นความมุ่งหมายที่มุ่งหมายไว้ เกี่ยวกับแผ่นดินโลกทั้งสิ้น และนี่เป็นพระหัตถ์ซึ่งเหยียดออก เหนือบรรดาประชาชาติทั้งสิ้น
27 เพราะพระเจ้าจอมโยธาทรงมุ่งไว้แล้ว ผู้ใดเล่าจะลบล้างเสียได้ พระหัตถ์ของพระเจ้าทรงเหยียดออก และผู้ใดจะหันให้กลับได้
28 ในปีที่กษัตริย์อาหัสสิ้นพระชนม์ ครุวาทนี้มีมาว่า
29 "ประเทศฟีลิสเตียเอ๋ย เจ้าทุกคนอย่าเปรมปรีดิ์ไปเลย ว่าตะบองซึ่งตีเจ้านั้นหักเสียแล้ว เพราะงูทับทางจะออกมาจากรากเง่าของงู และผลของมันจะเป็นงูแมวเซา
30 และลูกหัวปีของคนยากจนจะมีอาหารกิน และคนขัดสนจะนอนลงอย่างปลอดภัย แต่เราจะฆ่ารากเง่าของเจ้าด้วยการกันดารอาหาร และคนที่เหลืออยู่ของเจ้าจะถูกสังหารเสีย
31 ประตูเมืองเอ๋ย พิลาปร่ำไห้ซิ กรุงเอ๋ย จงร้องไห้ ประเทศฟีลิสเตียเอ๋ย เจ้าทุกคนจงละลายเสียในความกลัว เพราะควันออกมาจากอุดร และไม่มีคนล้าหลังในแถวของเขาเลย"
32 จะตอบทูตของประชาชาตินั้นว่าอย่างไร ก็ว่า "พระเจ้าได้ทรงสถาปนาศิโยน และผู้ถูกข่มใจในชนชาติของพระองค์ ได้พบที่ลี้ภัยในที่นั้น"
อิสยาห์ 15
1 ครุวาทเกี่ยวกับ โมอับเพราะนครอาร์ถูกทำลายร้างในคืนเดียว โมอับได้ถึงหายนะ เพราะนครคีร์ถูกทำลายร้างในคืนเดียว โมอับได้ถึงหายนะ
2 บายิทและดีโบนได้ขึ้นไป ยังปูชนียสถานสูงเพื่อจะร่ำไห้ โมอับคร่ำครวญ ถึง เมเดบา ศีรษะทุกศีรษะก็โล้น และหนวดเคราทุกคนก็ถูกขลิบ
3 เขาคาดผ้ากระสอบอยู่ในถนนหนทาง ทุกคนร่ำไห้เป็นนักหนา ที่บนหลังคาเรือนและตามลานเมือง
4 เมืองเฮชโบนและเอเลอาเลห์ส่งเสียงร้อง เสียงของเขาได้ยินไปถึงเมืองยาฮาส เพราะฉะนั้น ชายที่ถืออาวุธของโมอับ จึงร้องเสียงดัง จิตใจของเขาสั่นสะเทือน
5 จิตใจของข้าพเจ้าร้องออกมาเพื่อโมอับ ผู้หลบภัยของโมอับนั้นหนีไปยังโศอาร์ ไปยังเอกลัทเชลีชิยาห์ เพราะตามทางขึ้นไปเมืองลูฮีท เขาขึ้นไปคร่ำครวญ ตามถนนสู่เมืองโฮโรนาอิม เขาเปล่งเสียงร้องถึงการทำลาย
6 ธารน้ำที่นิมริมก็ถูกทิ้งร้าง หญ้าก็เหี่ยวแห้ง และหญ้าอ่อนก็ไม่งอก ผักสดไม่มีเลย
7 เพราะฉะนั้น ส่วนที่เหลือซึ่งเขาเก็บได้ และที่เขาสะสมไว้ เขาขนเอาไป ข้ามลำธารต้นไค้
8 เพราะเสียงร้องได้กระจายไป ทั่วแผ่นดินโมอับ เสียงคร่ำครวญไปถึงเอกลาอิม เสียงคร่ำครวญไปถึงเบเออร์เอลิม
9 เพราะน้ำของเมืองดีโมนมีเลือดเต็มไปหมด ถึงกระนั้นเรายังจะเพิ่มภัยแก่ดีโมนอีก คือให้สิงห์สำหรับชาวโมอับที่หนีไป และสำหรับคนที่เหลืออยู่ในแผ่นดิน
อิสยาห์ 16
1 เขาได้ส่งลูกแกะไปยังผู้ปกครองแผ่นดิน จากเส-ลาตามทางถิ่นทุรกันดาร ไปยังภูเขาแห่งธิดาของศิโยน
2 เหมือนนกที่กำลังบินหนี อย่างลูกนกที่พลัดรัง ธิดาของโมอับเป็นอย่างนั้น ตรงท่าลุยข้ามแม่น้ำอารโนน
3 "จงให้คำปรึกษา จงอำนวยความยุติธรรม จงทำร่มเงาของท่านเหมือนกลางคืน ณ เวลาเที่ยงวัน จงช่วยซ่อนผู้ถูกขับไล่ อย่าได้หักหลังผู้ลี้ภัย
4 ให้ผู้ถูกขับไล่ของโมอับอาศัยอยู่ท่ามกลางท่าน จงเป็นที่กำบังภัยแก่เขาให้พ้นจากผู้ทำลาย เมื่อไม่มีผู้บีบบังคับแล้ว และการทำลายได้หยุดยั้งแล้ว และเมื่อผู้เหยียบย่ำไว้ ได้หายตัวไปจากแผ่นดินแล้ว
5 พระที่นั่งก็ได้รับการสถาปนาด้วยความรักมั่นคง บนนั้นจะมีผู้หนึ่งนั่งอยู่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ในเต็นท์ของดาวิด คือท่านผู้พิพากษาและแสวงความยุติธรรม และรวดเร็วในการกระทำความชอบธรรม"
6 เราได้ยินถึงความเย่อหยิ่งของโมอับ ว่าเขาหยิ่งเสียจริงๆ ถึงความจองหองของเขา ความเย่อหยิ่งของเขา และความทะลึ่งของเขา การโอ้อวดของเขาเป็นการเท็จ
7 เพราะฉะนั้น โมอับจะคร่ำครวญเพื่อโมอับ ทุกคนจะคร่ำครวญ เจ้าทั้งหลายจะโอดครวญ ด้วยทุกข์เทวษ เนื่องด้วยขนมองุ่นแห้งของเมืองคีร์หะเรเชท
8 เพราะทุ่งนาแห่งเมืองเฮชโบนอ่อนระทวย ทั้งเถาองุ่นของสิบมาห์ เจ้านายทั้งหลายแห่งบรรดาประชาชาติ ได้ตีกิ่งของมันลง ซึ่งไปถึงเมืองยาอะเศร และเจิ่นไปถึงถิ่นทุรกันดาร หน่อของมันก็แตกกว้างออกไป และผ่านข้ามทะเลไป
9 เพราะฉะนั้น ข้าพเจ้าจึงร้องไห้กับคนร้องไห้ของเมืองยาเซอร์ เนื่องด้วยเถาองุ่นของสิบมาห์ เฮชโบน และเอเลอาเลห์เอ๋ย ข้าพเจ้าจะราดเจ้าด้วยน้ำตาของข้าพเจ้า เพราะเสียงโห่ร้องของสงครามได้มาถึง ผลฤดูร้อนของเจ้าและถึงข้าวที่เกี่ยวเก็บของเจ้าแล้ว
10 เขาเอาความชื่นบาน และความยินดีไปเสีย จากที่สวนผลไม้ เขาไม่ร้องเพลงกันตามสวนองุ่น ไม่มีใครโห่ร้อง ตามบ่อย่ำองุ่นไม่มีคนย่ำให้เหล้าองุ่นออก เสียงเห่ย่ำองุ่นเงียบเสียแล้ว
11 ฉะนั้น จิตของข้าพเจ้าจึงร่ำไห้เหมือนพิณเขาคู่เพื่อโมอับ และใจของข้าพเจ้าร่ำไห้เพื่อคีร์เฮเรส
12 และเมื่อโมอับไปเฝ้า เมื่อเขาเหน็ดเหนื่อยอยู่ที่ปูชนียสถานสูงนั้น และเมื่อเขาเข้ามาในสถานศักดิ์สิทธิ์ของเขาเพื่อจะอธิษฐาน เขาก็จะไม่ได้รับผล
13 นี่เป็นพระวจนะซึ่งพระเจ้าตรัสเกี่ยวกับโมอับในอดีต
14 แต่บัดนี้ พระเจ้าตรัสว่า "ภายในสามปีตามปีจ้างลูกจ้าง ศักดิ์ศรีของโมอับจะถูกเหยียดหยาม แม้มวลชนมหึมาของเขาทั้งสิ้นก็ดี และคนที่เหลืออยู่นั้นก็จะน้อยและกะปลกกะเปลี้ย"
อิสยาห์ 17
1 ครุวาทเกี่ยวกับเมืองดามัสกัส ดูเถิด ดามัสกัสจะหยุดไม่เป็นเมืองหลวง และจะกลายเป็นกองสิ่งปรักหักพัง
2 หัวเมืองของดามัสกัสจะเริศร้างเป็นนิตย์ จะเป็นที่สำหรับฝูงแพะแกะ ซึ่งมันจะนอนลงและไม่มีผู้ใดจะให้มันกลัว
3 ป้อมปราการจะสูญหายไปจากเอฟราอิม และราชอาณาจักรจะศูนย์หายไปจากดามัสกัส และคนที่เหลืออยู่ของซีเรีย จะเป็นเหมือนศักดิ์ศรีของคนอิสราเอล พระเจ้าจอมโยธาตรัสดังนี้แหละ
4 และในวันนั้น ศักดิ์ศรีของยาโคบจะตกต่ำ และความอ้วนที่เนื้อของเขาจะซูบผอมลง
5 และจะเป็นเหมือนเมื่อคนเกี่ยวข้าว เก็บเกี่ยวพืชข้าวที่ตั้งอยู่ และแขนของเขาจะเกี่ยวรวงข้าว และเหมือนเมื่อคนหนึ่งเก็บรวงข้าว ในที่ลุ่มเรฟาอิม
6 จะมีเหลืออยู่บ้างในนั้น เหมือนอย่างเมื่อตีต้นมะกอกเทศให้ลูกหล่น จะมีเหลืออยู่ที่ยอดสูงที่สุด สองสามลูก หรือที่เหลือบนกิ่งไม้ ผลสี่ห้าลูก พระเยโฮวาห์ พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้แหละ
7 ในวันนั้น คนจะเอาใจใส่ในพระผู้สร้างตน และนัยน์ตาเขาจะมองดูองค์บริสุทธิ์ของอิสราเอล
8 เขาจะไม่เอาใจใส่แท่นบูชา ผลงานแห่งมือของเขา และเขาจะไม่มองสิ่งที่นิ้วของเขาเองได้กระทำขึ้น ไม่ว่าจะเป็นอาเชริม หรือแท่นเผาเครื่องหอม
9 ในวันนั้นเมืองเข้มแข็งของเขา จะเป็นเหมือนที่เริศร้างของคนฮีไวต์ และคนอาโมไรต์ ซึ่งเขาได้ทิ้งให้เริศร้างเพราะคนอิสราเอล และจะเป็นที่เริศร้าง
10 เพราะเจ้าได้หลงลืมพระเจ้าแห่งความรอดของเจ้าเสีย และมิได้จดจำองค์พระศิลาลี้ภัยของเจ้า แม้ว่าเจ้าปลูกต้นอภิรมย์ และปักกิ่งแห่งพระต่างด้าวไว้
11 แม้ว่าเจ้าทำให้มันงอกในวันที่เจ้าปลูกมัน และทำให้มันออกดอกในเช้าของวันที่เจ้าหว่าน ถึงกระนั้นผลการเก็บเกี่ยวก็จะหนีไป ในวันแห่งความกลัดกลุ้มและความเจ็บอย่างรักษาไม่ได้
12 เอ๊ะ เสียงกึกก้องของชนชาติทั้งหลายเป็นอันมาก เขากึกก้องเหมือนทะเลก้องกึก เอ๊ะ นั่นเสียงครืนๆของชนชาติทั้งหลาย มันครืนๆเหมือนเสียงครืนๆของน้ำที่มีกำลังมาก
13 ชนชาติทั้งหลายครืนๆเหมือนเสียงครืนๆของน้ำเป็นอันมาก แต่พระองค์จะทรงขนาบไว้ และมันจะหนีไปไกลเสีย ถูกไล่ไปเหมือนแกลบต้องลมบนภูเขา เหมือนพืชแห้งปลิวไปต่อหน้าพายุ
14 ดูเถิด พอเวลาเย็น ก็ความสยดสยอง ก่อนรุ่งเช้า ก็ไม่มีเขาทั้งหลายแล้ว นี่เป็นส่วนของบรรดาผู้ที่ริบของของเรา และเป็นส่วนของผู้ที่ปล้นเรา
อิสยาห์ 18
1 เฮ้ย แผ่นดินแห่งปีกที่กระหึ่ม ซึ่งอยู่เลยแม่น้ำแห่งเอธิโอเปีย
2 ซึ่งส่งทูตไปโดยทางทะเล โดยเรือต้นกกบนน้ำ เจ้าผู้สื่อสารที่รวดเร็วเอ๋ย จงไป ยังประชาชาติที่คนร่างสูงและเกลี้ยงเกลา ยังชนชาติที่เขากลัวทั้งใกล้และไกล ยังประชาชาติที่เข้มแข็งและมักชนะ ซึ่งแผ่นดินของเขามีแม่น้ำแบ่ง
3 ท่านทั้งปวงผู้เป็นชาวพิภพ ท่านอาศัยอยู่บนแผ่นดินโลก เมื่อมีอาณัติสัญญายกขึ้นบนภูเขาจงมองดู เมื่อมีเสียงเขาสัตว์เป่า จงฟัง
4 เพราะพระเจ้าตรัสแก่ข้าพเจ้าดังนี้ว่า "เราจะค่อยๆมองจากที่อาศัยของเรา เหมือนความร้อนที่กระจ่างอยู่ในแสงแดด เหมือนอย่างเมฆแห่งน้ำค้างในความร้อนของฤดูเกี่ยว"
5 เพราะก่อนถึงฤดูเกี่ยว เมื่อดอกบานพ้นไปแล้ว และดอกกลายเป็นผลองุ่นกำลังสุก พระองค์จะทรงตัดกิ่งออกด้วยขอลิดแขนง พระองค์จะทรงโค่นกิ่งสาขานั้นเสีย
6 และเขาทั้งหลายจะถูกทิ้งไว้ทั้งหมด ให้แก่เหยี่ยวที่อยู่บนภูเขา และแก่สัตว์แห่งแผ่นดินโลก และนกกินเหยื่อจะกินเสียในฤดูร้อน และบรรดาสัตว์ทั้งสิ้นแห่งแผ่นดินโลกจะกินเสียในฤดูหนาว
7 ในครั้งนั้น เขาจะนำของกำนัลมาถวายแด่พระเจ้าจอมโยธา จากชนชาติที่คนร่างสูงและเกลี้ยงเกลา จากชนชาติที่เขากลัวทั้งใกล้และไกล จากประชาชาติที่เข้มแข็งและมักชนะ ซึ่งแผ่นดินของเขามีแม่น้ำแบ่งยังสถานที่แห่งพระนาม ของพระเจ้าจอมโยธา คือภูเขาศิโยน
อิสยาห์ 19
1 ครุวาทเกี่ยวกับอียิปต์ ดูเถิด พระเจ้าทรงเมฆอันรวดเร็ว และเสด็จมายังอียิปต์ ต่อพระพักตร์พระองค์ รูปเคารพแห่งอียิปต์จะสั่นสะเทือน และใจของคนอียิปต์จะละลายไปภายในตัวเขา
2 และเราจะกวนให้คนอียิปต์ต่อสู้กับคนอียิปต์ และเขาจะสู้รบกัน ทุกคนรบพี่น้องของตน และทุกคนรบเพื่อนบ้านของตน เมืองรบกับเมือง ราชอาณาจักรรบกับราชอาณาจักร
3 และคนอียิปต์ก็จะจนใจ และเราจะกระทำให้แผนงานของเขายุ่งเหยิง และเขาจะปรึกษารูปเคารพและพวกหมอดู และคนทรง และพ่อมดแม่มด
4 และเราจะมอบคนอียิปต์ไว้ในมือ ของนายที่แข็งกระด้าง และพระราชาดุร้ายคนหนึ่งจะปกครองเหนือเขา องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าจอมโยธาตรัสดังนี้แหละ
5 และน้ำจะแห้งไปจากทะเล และแม่น้ำแห้งผาก
6 และคลองของมันจะเน่าเหม็น และแควของแม่น้ำไนล์แห่งอียิปต์ จะน้อยลงและแห้งไป ต้นอ้อและกอปรือจะเหี่ยวแห้ง
7 กอแขมที่แม่น้ำไนล์ ที่ริมฝั่งแม่น้ำ และทั้งสิ้นที่หว่านลงข้างแม่น้ำนั้นจะแห้งไป จะถูกไล่ไปเสียและไม่มีอีก
8 ชาวประมงจะร้องทุกข์ คือบรรดาผู้ที่ตกเบ็ดในแม่น้ำไนล์จะไว้ทุกข์ และผู้ที่ทอดแหลงในน้ำ จะอ่อนระทวย
9 คนงานที่หวีป่านจะหมดหวัง ทั้งคนที่ทอฝ้ายขาวด้วย
10 บรรดาผู้ที่เป็นหลัก ของแผ่นดินต้องถูกบีบคั้น และบรรดาผู้ที่ทำงานรับจ้างจะเศร้าใจ
11 พวกเจ้านายแห่งโศอันโง่บัดซบทีเดียว ที่ปรึกษาที่ฉลาดของฟาโรห์ให้คำปรึกษาอย่างโง่เขลา พวกเจ้าจะพูดกับฟาโรห์ได้อย่างไรว่า "ข้าบาทเป็นบุตรของนักปราชญ์ เป็นเชื้อสายของกษัตริย์โบราณ"
12 นักปราชญ์ของท่านอยู่ที่ไหน ให้เขาบอกท่านและให้เขาทำให้แจ้งซิ ว่าพระเจ้าจอมโยธามีพระประสงค์อะไรกับอียิปต์
13 เจ้านายแห่งโศอันกลายเป็นคนโง่ และเจ้านายแห่งเมมฟิสถูกหลอกลวงแล้ว บรรดาผู้ที่เป็นศิลามุมเอกของเผ่าของอียิปต์ ได้นำอียิปต์ให้หลงไป
14 พระเจ้าทรงปนดวงจิตแห่งความยุ่งเหยิง ไว้ในอียิปต์ และเขาทั้งหลายได้กระทำให้อียิปต์แชเชือน ในการกระทำทั้งสิ้นของมัน ดั่งคนเมาโซเซอยู่บนสิ่งที่เขาอาเจียน
15 ไม่มีอะไรที่จะกระทำได้เพื่อช่วยอียิปต์ ซึ่งหัวก็ดี หางก็ดี หรือใบตาลก็ดี ต้นอ้อเล็กก็ดี อาจจะทำได้
16 วันนั้น คนอียิปต์จะเป็นเหมือนผู้หญิง สั่นสะเทือนและกลัวต่อพระหัตถ์ ซึ่งพระเจ้าจอมโยธาทรงกวัดแกว่งเหนือเขา
17 และแผ่นดินยูดาห์จะเป็นที่หวาดกลัวแก่คนอียิปต์ เมื่อกล่าวชื่อให้คนหนึ่งคนใดเขาก็กลัว เพราะพระประสงค์ของพระเจ้าจอมโยธา ซึ่งทรงประสงค์ต่อเขาทั้งหลาย
18 ในวันนั้น จะมีห้าหัวเมืองในแผ่นดินอียิปต์ซึ่งพูดภาษาของคานาอัน และสาบานต่อพระเจ้าจอมโยธา เมืองหนึ่งเขาจะเรียกว่า เมืองอาทิตย์
19 ในวันนั้น จะมีแท่นบูชาแท่นหนึ่งแด่พระเจ้าในท่ามกลางแผ่นดินอียิปต์ และมีเสาศักดิ์สิทธิ์แด่พระเจ้าที่พรมแดน
20 จะเป็นหมายสำคัญและเป็นพยานในแผ่นดินอียิปต์ถึง พระเจ้าจอมโยธา เมื่อเขาทั้งหลายร้องทูลต่อพระเจ้าเหตุด้วยผู้บีบบังคับเขา พระองค์จะทรงส่งผู้ช่วยและผู้ป้องกันผู้หนึ่งมาให้เขา ผู้จะช่วยกู้เขาไว้
21 และพระเจ้าจะสำแดงพระองค์ให้เป็นที่รู้จักแก่คนอียิปต์ และคนอียิปต์จะรู้จักพระเจ้าในวันนั้นและนมัสการด้วยถวายเครื่องสักการบูชาและเครื่องถวาย และเขาทั้งหลายจะบนบานและแก้บนต่อพระเจ้า
22 และพระเจ้าจะโจมตีอียิปต์ ทรงโจมตีพลางทรงรักษาพลาง และเขาทั้งหลายจะหันกลับมาหาพระเจ้า และพระองค์จะทรงฟังคำวิงวอนของเขาและทรงรักษาเขา
23 ในวันนั้น จะมีทางหลวงจากอียิปต์ถึงอัสซีเรีย และคนอัสซีเรียจะเข้ามายังอียิปต์ และคนอียิปต์ยังอัสซีเรีย
24 ในวันนั้น อิสราเอลจะเป็นที่สามกับอียิปต์และกับอัสซีเรีย เป็นพรท่ามกลางแผ่นดินโลก
25 เป็นผู้ที่พระเจ้าจอมโยธาทรงอำนวยพระพรว่า "อียิปต์ชนชาติของเราจงได้รับพร และอัสซีเรียผลงานแห่งมือของ เราและอิสราเอลมรดกของเรา"
อิสยาห์ 20
1 ในปีที่ผู้บังคับบัญชาใหญ่ ผู้ซึ่งซาร์กอนพระราชาแห่งอัสซีเรียทรงใช้มานั้น ได้มาถึงอัชโดดและได้ต่อสู้ยึดเมืองนั้นได้
2 ในครั้งนั้นพระเจ้าตรัสโดยอิสยาห์บุตรอามอสว่า "จงไป แก้ผ้ากระสอบออกจากบั้นเอวของเจ้า และเอารองเท้าออกจากเท้าของเจ้า" และท่านก็กระทำตาม เดินเปลือยกายและเท้าเปล่า
3 และพระเจ้าตรัสว่า "อิสยาห์ผู้รับใช้ของเราเดินเปลือยกาย และเท้าเปล่าสามปี เป็นหมายสำคัญและเป็นลางแก่อียิปต์และแก่เอธิโอเปียฉันใด
4 พระราชาแห่งอัสซีเรีย จะนำคนอียิปต์ไปเป็นเชลยและจะกวาดคนเอธิโอเปียไป ทั้งคนหนุ่มสาวและคนแก่ เปลือยกายและเท้าเปล่า เปิดก้น เป็นที่ละอายแก่อียิปต์
5 แล้วเขาทั้งหลายจะท้อถอยและอับอายด้วยเหตุเอธิโอเปียความหวังของเขา และอียิปต์ความโอ้อวดของเขา
6 และชาวแผ่นดินชายทะเลนี้จะกล่าวในวันนั้นว่า 'ดูเถิด นี่แหละผู้ซึ่งเราหวังใจ และผู้ซึ่งเราหนีไปหาความช่วยกู้ให้พ้นจาก พระราชาอัสซีเรีย และเรา เราเล่าจะหนีให้พ้นได้อย่างไร'"
อิสยาห์ 21
1 ครุวาทเกี่ยวกับถิ่นทุรกันดารของทะเล เหมือนลมบ้าหมูในเนเกบพัดเกลี้ยงไป มันมาจากถิ่นทุรกันดาร จากแผ่นดินอันน่าคร้ามกลัว
2 เขาบอกนิมิตที่เหี้ยมหาญแก่ข้าพเจ้า ว่าผู้ปล้นเข้าปล้น ผู้ทำลายเข้าทำลาย เอลามเอ๋ย จงขึ้นไป มีเดียเอ๋ย จงเข้าล้อม ซึ่งมันให้เกิดการถอนหายใจทั้งสิ้น เราได้กระทำให้สิ้นไปแล้ว
3 เพราะฉะนั้น บั้นเอวของข้าพเจ้าจึงเต็มด้วยความแสนระทม ความเจ็บปวดฉวยข้าพเจ้าไว้ อย่างความเจ็บปวดที่หญิงกำลังคลอดบุตร ข้าพเจ้าจนใจเพราะสิ่งที่ได้ยิน ข้าพเจ้าท้อถอยเพราะสิ่งที่ได้เห็น
4 จิตใจของข้าพเจ้าฟุ้งซ่านไป ความหวาดเสียวกระทำให้ข้าพเจ้าครั่นคร้าม แสงโพล้เพล้ซึ่งข้าพเจ้าหวัง กลับทำให้ข้าพเจ้าสั่นสะเทือน
5 เขาเตรียมสำรับไว้ เขาปูพรม เขากิน เขาดื่ม เจ้านายทั้งหลายเอ๋ย จงลุกขึ้น ชโลมโล่ไว้ด้วยน้ำมัน
6 เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าดังนี้ว่า "จงไป ตั้งยาม ให้เขาไปร้องประกาศสิ่งที่เขาเห็น
7 เมื่อเขาเห็นคนขี่ม้า คือพลม้าเป็นคู่ๆ คนขี่ลา คนขี่อูฐ ให้เขาฟังอย่างพินิจพิเคราะห์ อย่างพินิจพิเคราะห์ทีเดียว"
8 แล้วผู้เห็นได้ร้องว่า "ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์ยืนอยู่บนหอคอย ตลอดไปในกลางวัน ข้าพระองค์ประจำอยู่ที่ตำแหน่งของข้าพระองค์ ตลอดหลายคืน
9 และ ดูเถิด มีคนขี่มา คือพลม้าเป็นคู่ๆ" และเขาตอบว่า "บาบิโลนล่มแล้ว ล่มแล้ว บรรดารูปเคารพทั้งสิ้นแห่งพระของเขา พระองค์ทรงทำลายลงถึงพื้นดิน"
10 ท่านผู้ถูกนวดและผู้ถูกฝัดของข้าเอ๋ย ข้าได้ยินอะไรจากพระเจ้าจอมโยธา พระเจ้าแห่งอิสราเอล ข้าพเจ้าก็ร้องประกาศแก่ท่านอย่างนั้น
11 ครุวาทเกี่ยวกับดูมาห์ มีคนหนึ่งเรียกข้าพเจ้าจากเสอีร์ ว่า "คนยามเอ๋ย ดึกเท่าไรแล้ว คนยามเอ๋ย ดึกเท่าไหร่แล้ว"
12 คนยามตอบว่า "เช้ามาถึง กลางคืนมาด้วย ถ้าจะถาม ก็ถามเถิด จงกลับมาอีก" ครุวาทเกี่ยวกับอาระเบีย
13 ครุวาทเกี่ยวกับอาระเบีย โอ กระบวนพ่อค้าของคนเดดานเอ๋ย เจ้าจะพักอยู่ในดงทึบในอาระเบีย
14 ชาวแผ่นดินเทมาเอ๋ย จงเอาน้ำมาให้คนกระหาย เอาขนมปังมาต้อนรับคนลี้ภัย
15 เพราะเขาได้หนีจากกระบี่ จากกระบี่ที่ชักออก จากธนูที่โก่งอยู่ และจากสงครามที่กระชั้นเข้ามา
16 เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าดังนี้ว่า "ศักดิ์ศรีทั้งสิ้นของเคดาร์จะถึงที่สุดภายใน ปีเดียวตามปีจ้างลูกจ้าง
17 และนักธนูที่เหลืออยู่ของทแกล้วทหารแห่งชาว เคดาร์จะเหลือน้อย เพราะพระเยโฮวาห์ พระเจ้าของอิสราเอล ได้ตรัสแล้ว"
อิสยาห์ 22
1 ครุวาทเกี่ยวกับที่ลุ่มแห่งนิมิต ที่เจ้าได้ขึ้นไป เจ้าทุกคน ที่บนหลังคาเรือนนั้น เป็นเรื่องอะไรกัน
2 เจ้าผู้เป็นเมืองที่เต็มด้วยการโห่ร้อง เมืองที่อึกทึกครึกโครม นครที่เต้นโลด ผู้ที่ถูกฆ่าของเจ้ามิได้ถูกฆ่าด้วยดาบ หรือตายในสงคราม
3 ผู้ครองเมืองของเจ้าทั้งหมดหนีกันไปแล้ว เขาถูกจับได้โดยไม่มีคันธนู ชายฉกรรจ์ของเจ้าทุกคนถูกจับ แม้ว่าเขาได้หนีไปไกลแล้ว
4 เพราะฉะนั้น ข้าพเจ้าจึงว่า "อย่ามองข้าพเจ้า ให้ข้าพเจ้าหลั่งน้ำตาอย่างขมขื่น อย่าอุตส่าห์เล้าโลมข้าพเจ้าเลย เหตุด้วยการทำลายชนชาติของข้าพเจ้า"
5 เพราะพระเจ้าจอมโยธาทรงมีวันหนึ่ง เป็นวาระจลาจล วาระเหยียบย่ำ และวาระยุ่งเหยิง ในที่ลุ่มแห่งนิมิต คือการพังกำแพงลง และโห่ร้องให้แก่ภูเขา
6 เอลามหยิบแล่งธนู กับรถรบและพลและพลม้า และคีร์ก็เผยโล่
7 ที่ลุ่มที่ดีที่สุดของท่านเต็มไปด้วยรถรบ และพลม้าก็เข้าประจำที่ประตูเมือง
8 พระองค์ทรงเอาสิ่งปิดบังยูดาห์ไปเสียแล้ว ในวันนั้น ท่านได้มองที่ศาสตราวุธแห่งเรือนพนา
9 ได้เห็นช่องโหว่แห่งนครดาวิดว่ามีหลายแห่ง แล้วท่านทั้งหลายก็เก็บน้ำในบ่อล่าง
10 และท่านก็นับเรือนของเยรูซาเล็ม และท่านก็พังเรือนมาเสริมกำแพงเมือง
11 ท่านทำที่ขังน้ำไว้ระหว่างกำแพงทั้งสอง เพื่อรับน้ำของสระเก่า แต่ท่านมิได้มองดูผู้ที่ได้ทรงบันดาลเหตุ และมิได้เอาใจใส่ผู้ทรงวางแผนงานนี้ไว้นานมาแล้ว
12 ในวันนั้น พระเจ้าจอมโยธา ทรงเรียกให้ร่ำไห้และคร่ำครวญ ให้มีศีรษะโล้นและให้คาดตัวด้วยผ้ากระสอบ
13 และ ดูเถิด มีความชื่นบานและความยินดี มีการฆ่าวัวและฆ่าแกะ มีการกินเนื้อและดื่มเหล้าองุ่น "ให้เรากินและดื่มเถิด เพราะว่าพรุ่งนี้เราจะตาย"
14 พระเจ้าจอมโยธาได้ทรงสำแดงพระองค์ ในหูของข้าพเจ้าว่า แน่ทีเดียวที่จะไม่ลบมลทินบาปอันนี้ให้เจ้า จนกว่าเจ้าจะตาย" พระเจ้าจอมโยธาตรัสดังนี้
15 พระเจ้าจอมโยธาตรัสดังนี้ว่า "ไปเถิด ไปหาพนักงานคนนี้ ไปยังเชบนา ผู้ดูแลราชสำนัก และจงพูดกับเขาว่า
16 เจ้ามีสิทธิ์อะไรที่นี่ และเจ้ามีใครอยู่ที่นี่ เจ้าจึงสกัดอุโมงค์ที่นี่เพื่อตัวเจ้าเอง สกัดอุโมงค์ในที่สูง และสลักที่อยู่สำหรับตนเองในศิลา
17 ดูเถิด เจ้าคนแข็งแรงเอ๋ย พระเจ้าจะทรงเหวี่ยงเจ้าออกไปอย่างแรง พระองค์จะฉวยเจ้าให้แน่น
18 และม้วนเจ้า และขว้างเจ้าไปอย่างลูกบอลล์ยังแผ่นดินกว้าง เจ้าจะตายที่นั่น และที่นั่นจะมีรถรบอันตระการของเจ้า เจ้าผู้เป็นที่อดสูแก่เรือนนายของเจ้า
19 เราจะผลักเจ้าออกไปจากตำแหน่งของเจ้า และเจ้าจะถูกดึงลงมาจากหน้าที่ของเจ้า
20 ในวันนั้น เราจะเรียกผู้รับใช้ของเรา คือเอลียาคิม บุตรชายฮิลคียาห์
21 เราจะเอาเสื้อยศของเจ้ามาสวมให้เขา และจะเอาผ้าคาดของเจ้าคาดเขาไว้ และจะมอบอำนาจปกครองของเจ้าไว้ในมือของเขา และเขาจะเป็นดังบิดาแก่ชาวเยรูซาเล็ม และแก่เชื้อวงศ์ยูดาห์
22 และเราจะวางลูกกุญแจของวังดาวิดไว้บนบ่าของเขา เขาจะเปิดและไม่มีผู้ใดปิด เขาจะปิดและไม่มีผู้ใดเปิด
23 และเราจะตอกเขาไว้ เหมือนตอกหมุดในที่มั่นคง และเขาจะเป็นที่นั่งมีเกียรติแก่เชื้อวงศ์บิดาของเขา
24 และเขาทั้งหลายจะแขวนไว้บนตัวเขา ซึ่งน้ำหนักทั้งสิ้นของเชื้อวงศ์บิดาของเขา ลูกหลานผู้สืบสาย ภาชนะเล็กๆทุกชิ้น ตั้งแต่ถ้วยจนถึงเหยือกทั้งสิ้น
25 พระเจ้าจอมโยธาตรัสว่า ในวันนั้นหมุดที่ปักแน่นอยู่ในที่มั่นคงจะหลุด มันจะถูกโค่นลงและตกลงมา และภาระที่อยู่บนนั้นจะถูกตัดออก เพราะพระเจ้าได้ตรัสไว้แล้ว"
อิสยาห์ 23
1 ครุวาทเกี่ยวกับเมืองไทระ โอ บรรดากำปั่นแห่งทารชิช จงคร่ำครวญ เพราะว่าเมืองนั้นถูกทำลายร้างเสียแล้ว ไม่มีเรือนหรือท่าจอดเรือ เผยให้เขาทั้งหลายประจักษ์ ณแผ่นดินไซปรัส
2 โอ ชาวทะเลเอ๋ย จงนิ่งเสีย เจ้า ซึ่งพ่อค้าแห่งเมืองไซดอน ที่ผู้ผ่านข้ามทะเลไป ได้ทำให้เจ้าเต็มบริบูรณ์
3 และข้ามน้ำมากหลาย รายได้ของเมืองนั้นคือข้าวเมืองชิโหร์ เป็นผลเกี่ยวเก็บของแม่น้ำไนล์ เมืองนั้นเป็นพ่อค้าของบรรดาประชาชาติ
4 โอ ไซดอนเอ๋ย จงอับอายเถิด เพราะทะเลได้พูดแล้ว ที่กำบังเข้มแข็งของทะเลพูดว่า "ข้ามิได้ปวดครรภ์หรือข้ามิได้คลอดบุตร ข้ามิได้เลี้ยงดูคนหนุ่ม หรือบำรุงเลี้ยงหญิงพรหมจารี"
5 เมื่อเรื่องราวมาถึงอียิปต์ เขาทั้งหลายจะแสนระทมอยู่ด้วยเรื่องราวเมืองไทระ
6 จงข้ามไปยังทารชิชเถิด โอ ชาวชายทะเลเอ๋ย จงคร่ำครวญ
7 นี่เป็นเมืองที่สนุกสนานของเจ้าทั้งหลายหรือ ซึ่งกำเนิดมาแต่กาลโบราณ ซึ่งเท้าได้พามันไป ตั้งอยู่ไกล
8 ผู้ใดได้มุ่งหมายไว้เช่นนี้ ต่อเมืองไทระ ผู้ให้มงกุฎ ซึ่งบรรดาพ่อค้าของมันเป็นเจ้านาย ซึ่งพวกพาณิชของมันเป็นคนมีเกียรติของโลก
9 พระเจ้าจอมโยธาทรงมุ่งหมายไว้ เพื่อจะหลู่ความเย่อหยิ่งของศักดิ์ศรีทั้งสิ้น เพื่อหลู่เกียรติของผู้มีเกียรติทั้งสิ้นในแผ่นดินโลก
10 โอ ธิดาแห่งทารชิชเอ๋ย จงท่วมแผ่นดินของเจ้าเหมือนแม่น้ำไนล์ ไม่มีสิ่งขัดขวางใดๆอีกแล้ว
11 พระองค์ทรงเหยียดพระหัตถ์ของพระองค์เหนือทะเล พระองค์ทรงสั่นบรรดาราชอาณาจักร พระเจ้าทรงบัญชาเกี่ยวกับเรื่องคานาอัน เพื่อจะทำลายที่กำบังเข้มแข็งของมันเสีย
12 และพระองค์ตรัสว่า "โอ ธิดาพรหมจารีผู้ถูกบีบบังคับแห่งไซดอนเอ๋ย เจ้าจะไม่ลิงโลดต่อไปอีก จงลุกขึ้นข้ามไปไซปรัสเถิด แม้ที่นั่นเจ้าก็จะไม่มีความสงบ"
13 จงดูแผ่นดินแห่งคนเคลเดียเถิด เป็นชนชาตินี้ ไม่ใช่อัสซีเรีย เขาลิขิตให้ไทระเป็นที่สัตว์ป่าอยู่ เขาได้ก่อเชิงเทินของเขาขึ้น เขาทลายวังทั้งหลายของมันลง เขากระทำให้มันเป็นที่ปรักหักพัง
14 โอบรรดากำปั่นแห่งทารชิชเอ๋ย จงคร่ำครวญเถิด เพราะว่าที่กำบังเข้มแข็งของเจ้าถูกทิ้งร้างเสียแล้ว
15 ในเวลานั้น เขาจะลืมเมืองไทระเจ็ดสิบปี อย่างกับอายุของพระราชาองค์เดียว พอสิ้นเจ็ดสิบปี ก็จะบังเกิดแก่ไทระอย่างเพลงของหญิงแพศยาว่า
16 โอ หญิงแพศยาที่เขาลืมแล้วเอ๋ย จงหยิบพิณ เดินไปทั่วเมือง จงบรรเลงเพลงไพเราะ ร้องเพลงหลายๆบท เพื่อเขาจะระลึกเจ้าได้"
17 เมื่อสิ้นเจ็ดสิบปี พระเจ้าจะทรงเยี่ยมเยียนเมืองไทระ และเมืองนั้นจะกลับไปรับจ้างใหม่ และจะเล่นชู้กับบรรดาราชอาณาจักรทั้งสิ้นบนพื้นโลก
18 สินค้าของมันและสินจ้างของมันจะเป็นของถวายแด่พระเจ้า จะไม่สะสมไว้หรือเก็บนิ่งไว้ แต่สินค้าของมันจะอำนวยอาหารอุดมและเสื้อผ้างาม แก่บรรดาผู้ที่อยู่ต่อพระพักตร์พระเจ้า
อิสยาห์ 24
1 ดูเถิด พระเจ้าจะทรงทิ้งโลกให้ร้าง และทรงกระทำให้ร้างเปล่า และพระองค์จะทรงบิดพื้นโลกและกระจายผู้อาศัยของมัน
2 และจะเป็นอย่างนั้นต่อปุโรหิตอย่างเป็นกับประชาชน ต่อนายของเขา อย่างเป็นกับทาส ต่อนายผู้หญิงของเขา อย่างเป็นกับสาวใช้ ต่อผู้ขาย อย่างเป็นกับผู้ซื้อ ต่อผู้ยืม อย่างเป็นกับผู้ให้ยืม ต่อลูกหนี้ อย่างเป็นกับเจ้าหนี้
3 โลกจะถูกทิ้งร้างอย่างสิ้นเชิง และถูกปล้นหมดสิ้น เพราะพระเจ้าได้ตรัสพระวจนะนี้แล้ว
4 โลกก็ไว้ทุกข์และเหี่ยวแห้งไป พิภพก็อ่อนระทวยและเหี่ยวแห้ง คนสูงศักดิ์ของโลกก็อ่อนระทวยไป
5 โลกนี้มีราคี เพราะผู้อาศัยในนั้น เพราะเขาทั้งหลายละเมิดต่อบทบัญญัติ ได้ฝ่าฝืนกฎเกณฑ์ ได้หักพันธสัญญานิรันดร์นั้น
6 เพราะฉะนั้น คำสาปก็กลืนโลก และผู้ที่อาศัยในนั้นก็มีกรรมชั่ว เพราะฉะนั้น ผู้อาศัยของโลกจึงถูกเผาผลาญ มีคนเหลือน้อย
7 เหล้าองุ่นก็ไว้ทุกข์ เถาองุ่นก็อ่อนระทวย จิตใจที่รื่นเริงทั้งปวงก็ถอนหายใจ
8 เสียงสนุกสนานของรำมะนาก็เงียบ เสียงของผู้เบิกบานก็หยุดเสีย เสียงสนุกสนานของพิณเขาคู่ก็เงียบ
9 เขาไม่ดื่มเหล้าองุ่นพร้อมกับการร้องเพลงอีก เมรัยก็เป็นของขมแก่ผู้ที่ดื่ม
10 เมืองที่จลาจลแตกหักเสียแล้ว บ้านทุกหลังก็ปิดหมดไม่ให้ใครเข้าไป
11 มีเสียงร้องที่กลางถนนด้วยเรื่องเหล้าองุ่น ความชื่นบานทั้งสิ้นก็เยือกเย็นลงแล้ว ความยินดีของแผ่นดินก็หายสูญไป
12 เหลือความร้างเปล่าอยู่ในเมือง ประตูเมืองก็ถูกทุบทำลาย
13 เพราะจะเป็นเช่นนี้อยู่ท่ามกลางโลก ท่ามกลางชนชาติทั้งหลาย อย่างกับเมื่อต้นมะกอกเทศถูกเขย่า อย่างเมื่อการเก็บเล็มตามเถาองุ่นสิ้นลง
14 เขาทั้งหลายเปล่งเสียงของเขาขึ้น เขาร้องเพลงด้วยความชื่นบาน เขาโห่ร้องจากตะวันตก ฉลองความโอ่อ่าตระการของพระเจ้า
15 เพราะฉะนั้น ในทางตะวันออกจงถวายพระสิริแก่พระเจ้า ในแผ่นดินชายทะเล ถวายแด่พระนามแห่งพระเยโฮวาห์ พระเจ้าของอิสราเอล
16 ตั้งแต่ที่สุดปลายโลกเราได้ยินเสียงเพลงสรรเสริญ ว่าศักดิ์ศรีจงมีแก่ผู้ชอบธรรม แต่ข้าพเจ้าว่า "ข้าพเจ้าก็ผ่ายผอม ข้าพเจ้าก็ผ่ายผอม วิบัติแก่ข้าพเจ้า เพราะคนทรยศประพฤติอย่างทรยศ คนทรยศประพฤติอย่างทรยศยิ่ง"
17 โอ ชาวแผ่นดินโลกเอ๋ย ความสยดสยองและหลุมพราง และกับก็มาทันเจ้าแล้ว
18 ผู้ใดหนีเมื่อได้ยินเสียงความสยดสยองนั้น จะตกในหลุมพราง และผู้ที่ปีนออกมาจากหลุมพราง ก็จะติดกับ เพราะว่าหน้าต่างของฟ้าสวรรค์ก็ถูกเปิด และรากฐานของแผ่นดินโลกก็หวั่นไหว
19 โลกแตกสลายสิ้นเชิงแล้ว โลกแตกเป็นเสี่ยงๆ โลกถูกเขย่าอย่างรุนแรง
20 โลกก็ซวนเซไปอย่างคนเมา มันแกว่งไปอย่างเพิง การทรยศของโลกหนักอยู่บนมัน และมันล้มและจะไม่ลุกอีก
21 ในวันนั้น พระเจ้าจะทรงลงโทษบริวารของฟ้าสวรรค์ ในฟ้าสวรรค์ และบรรดาพระราชาของแผ่นดินโลก ในแผ่นดินโลก
22 เขาทั้งหลายจะถูกรวบรวมไว้ด้วยกัน ดั่งนักโทษในคุกมืด เขาทั้งหลายจะถูกกักขังไว้ในคุก และต่อมาหลายวันเขาจึงจะถูกลงโทษ
23 แล้วดวงจันทร์จะอดสู และดวงอาทิตย์จะอับอาย เพราะว่าพระเจ้าจอมโยธาจะทรงราชย์ บนภูเขาศิโยนและในเยรูซาเล็ม และพระสิริจะปรากฏต่อหน้าพวกผู้ใหญ่ของพระองค์
อิสยาห์ 25
1 ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของข้าพระองค์ ข้าพระองค์จะยอพระเกียรติพระองค์ ข้าพระองค์จะสรรเสริญพระนามของพระองค์ เพราะพระองค์ได้ทรงกระทำการอัศจรรย์ ตามแผนงานที่ทรงดำริไว้นาน มาแล้ว อันมั่นคงและแน่นอน
2 เพราะพระองค์ได้ทรงกระทำให้เมืองเป็นกองขยะ เมืองมีป้อมเป็นที่ปรักหักพัง วังของชนต่างด้าวไม่เป็นเมืองต่อไปอีก จะไม่ก่อสร้างขึ้นอีกเลย
3 เพราะฉะนั้น ประชาชาติที่แข็งแรง จะถวายพระสิริแก่พระองค์ หัวเมืองของบรรดาประชาชาติที่ทารุณจะเกรงกลัวพระองค์
4 เพราะพระองค์ได้ทรงเป็นที่กำบังเข้มแข็งของคนยากจน ทรงเป็นที่กำบังเข้มแข็งของคนขัดสนเมื่อเขาทุกข์ใจ ทรงเป็นที่กำบังจากพายุและเป็นร่มกันความร้อน เพราะลมของผู้ที่ทารุณก็เหมือนพายุพัดกำแพง
5 เหมือนความร้อนในที่แห้ง พระองค์ทรงระงับเสียงของคนต่างด้าว ร่มเมฆระงับความร้อนฉันใด เสียงเพลงของผู้ทารุณก็เงียบไปฉันนั้น
6 บนภูเขานี้ พระเจ้าจอมโยธาจะทรง จัดการเลี้ยงสำหรับบรรดาชนชาติทั้งหลาย เป็นการเลี้ยงด้วยของอ้วนพี เป็นการเลี้ยงด้วยเหล้าองุ่นที่ตกตะกอนแล้ว ด้วยของอ้วนพีมีไขมันในกระดูกเต็มด้วย เหล้าองุ่นตกตะกอนที่กรองแล้ว
7 และบนภูเขานี้ พระองค์จะทรงทำลายผ้าคลุมหน้าซึ่งคลุม หน้าบรรดาชนชาติทั้งหลาย และม่านซึ่งกางอยู่เหนือบรรดาประชาชาติ
8 พระองค์จะทรงกลืนความตายเสียเป็นนิตย์ และพระเจ้าจะทรงเช็ดน้ำตาจากหน้าทั้งปวง และพระองค์จะทรงเอาการลบหลู่ชนชาติของพระองค์ไป เสียจากทั่วแผ่นดินโลก เพราะพระเจ้าได้ตรัสแล้ว
9 ในวันนั้น เขาจะกล่าวกันว่า "นี่แน่ะ นี่คือพระเจ้าของเราทั้งหลาย เราได้รอคอยพระองค์ เพื่อว่าพระองค์จะทรงช่วยเราให้รอด นี่คือพระเจ้า เราได้รอคอยพระองค์ ให้เรายินดีและเปรมปรีดิ์ใน ความรอดของพระองค์"
10 เพราะพระหัตถ์ของพระเจ้าจะพักอยู่บนภูเขานี้ และโมอับ จะถูกเหยียบย่ำลงในที่ของเขาเหมือนเหยียบ ฟางลงในหลุมมูลสัตว์
11 และถึงเขาจะกางมือของเขาท่ามกลางหลุมนั้น ดั่งคนว่ายน้ำกางแขนว่ายน้ำ แต่พระองค์จะทรงให้ความเย่อหยิ่งของเขาต่ำลง พร้อมกับฝีมือชำนาญของเขา
12 ป้อมสูงของกำแพงเมืองของเจ้านั้น พระองค์จะทรงให้ต่ำลง ทรงเหยียดลงและเหวี่ยงลงถึงดินแม้กระทั่งถึงผงคลี
อิสยาห์ 26
1 ในวันนั้น เขาจะร้องเพลงนี้ในแผ่นดินยูดาห์ "เรามีเมืองเข้มแข็งเมืองหนึ่ง พระองค์ทรงตั้งความรอดไว้ เป็นผนังและกำแพง
2 จงเปิดประตูเมืองเถิด เพื่อประชาชาติที่ชอบธรรมซึ่งรักษาความซื่อสัตย์ไว้ จะได้เข้ามา
3 ใจแน่วแน่นั้น พระองค์ทรงรักษาไว้ในศานติภาพอันสมบูรณ์ เพราะเขาวางใจในพระองค์
4 จงวางใจในพระเจ้าเป็นนิตย์ เพราะพระเจ้า ทรงเป็นศิลานิรันดร์
5 เพราะพระองค์ทรงให้ชาวเมืองที่สูงส่งนั้น คือเมืองที่สูงส่งนั้นต่ำลง พระองค์ทรงให้มันต่ำลง ต่ำลงถึงดิน ให้มันลงที่ผงคลี
6 เท้าเหยียบมัน คือเท้าของคนยากจน คือย่างเท้าของคนขัดสน"
7 หนทางของคนชอบธรรมก็ราบเรียบ พระองค์ผู้เที่ยงธรรมทรงกระทำให้วิถีของคนชอบธรรมราบรื่น
8 ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์รอคอยพระองค์อยู่ ในวิถีแห่งการพิพากษาของพระองค์ พระนามอันเป็นที่ระลึกของพระองค์ เป็นที่จิตวิญญาณของข้าพระองค์ปรารถนา
9 วิญญาณของข้าพระองค์อยากได้พระองค์ในกลางคืน จิตใจภายในข้าพระองค์แสวงหาพระองค์อย่างร้อนรน เพราะเมื่อการพิพากษาของพระองค์อยู่ในแผ่นดินโลก ชาวพิภพได้เรียนรู้ถึงความชอบธรรม
10 ถ้าสำแดงพระคุณแก่คนอธรรม เขาก็ไม่เรียนรู้ความชอบธรรม เขาประพฤติชั่วในแผ่นดินที่เที่ยงธรรม และมองไม่เห็นความโอ่อ่าตระการของพระเจ้า
11 ข้าแต่พระเจ้า พระหัตถ์ของพระองค์ชูขึ้น แต่เขาก็มองไม่เห็น ขอให้เขามองเห็นความร้อนพระทัยเพื่อชนชาติของพระองค์ และได้อับอาย ส่วนปฏิปักษ์ของพระองค์ ขอให้ไฟเผาผลาญเขา
12 ข้าแต่พระเจ้า พระองค์จะสถาปนาศานติภาพเพื่อข้าพระองค์ทั้งหลาย พระองค์ได้ทรงกระทำบรรดากิจการของ พระองค์เพื่อข้าพระองค์
13 ข้าแต่พระเยโฮวาห์ พระเจ้าของข้าพระองค์ เจ้านายอื่นนอกเหนือพระองค์ได้ครอบครองพวกข้าพระองค์ แต่ข้าพระองค์รับรู้แต่พระนามของพระองค์เท่านั้น
14 เขาทั้งหลายตายแล้ว เขาจะไม่มีชีวิตอีก เขาเป็นชาวแดนคนตาย เขาจะไม่เป็นขึ้นอีก เพื่อเป็นเช่นนั้นพระองค์ได้ทรงเยี่ยมเยียนและทรงทำลายเขา และทรงกวาดอนุสรณ์ทั้งสิ้นของเขาเสีย
15 ข้าแต่พระเจ้า แต่พระองค์ทรงเพิ่มประชาชนขึ้น พระองค์ทรงเพิ่มประชาชนขึ้น พระองค์ได้ทรงรับพระสิริ พระองค์ทรงขยายเขตแดนทั้งสิ้นของแผ่นดินให้กว้างใหญ่
16 ข้าแต่พระเจ้า ในยามทุกข์ใจ เขาได้แสวงหาพระองค์ เขาทั้งหลายหลั่งคำอธิษฐานออกมา ในเมื่อการตีสอนอยู่เหนือเขาทั้งหลาย
17 ดั่งหญิงมีครรภ์ ผู้บิดตัวและร้องด้วยความเจ็บปวด เมื่อนางใกล้ถึงกำหนดเวลาคลอด ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์ทั้งหลายก็เป็นเช่นนั้น ต่อเบื้องพระพักตร์พระองค์
18 ข้าพระองค์มีครรภ์ ข้าพระองค์บิดตัว เป็นเหมือนข้าพระองค์คลอดลม ข้าพระองค์มิได้ทำการช่วยกู้ในแผ่นดินโลก และชาวพิภพมิได้เกิด
19 คนตายของพระองค์จะมีชีวิต ศพของเขาทั้งหลายจะลุกขึ้น โอ ผู้อาศัยอยู่ในผงคลี จงตื่นเถิด และร้องเพลงเพราะความชื่นบาน เพราะน้ำค้างของเจ้าเป็นน้ำค้างของความสว่าง และแผ่นดินโลกจะให้ชาวแดนคนตายเป็นขึ้น
20 มาเถิด ชนชาติของข้าพเจ้าเอ๋ย จงเข้าในห้องของเจ้า และปิดประตูเสีย จงซ่อนตัวเจ้าอยู่สักพักหนึ่ง จนกว่าพระพิโรธจะผ่านไป
21 เพราะ ดูเถิด พระเจ้ากำลังเสด็จออกมาจากสถานที่ของพระองค์ เพื่อลงโทษชาวแผ่นดินโลก เพราะความบาปผิดของเขาทั้งหลาย และแผ่นดินโลกจะเปิดเผยโลหิต ซึ่งหลั่งอยู่บนมัน และจะไม่ปิดบังผู้ถูกฆ่าของมันไว้อีก
อิสยาห์ 27
1 ในวันนั้น พระเจ้าจะทรงลงโทษด้วยพระแสงอันแข็งกระด้างอันใหญ่ และอันแรงกล้าของพระองค์ต่อเลวีอาธาน คือพญานาคที่หนีไปนั้น เลวีอาธาน พญานาคที่ขด และพระองค์จะทรงประหารมังกรที่อยู่ในทะเล
2 ในวันนั้น "สวนองุ่นอันแสนสุข จงร้องเพลงถึงสวนนั้น
3 เราคือพระเจ้า เป็นผู้รักษาดูแลมัน เรารดน้ำมันอยู่ทุกขณะ เกรงว่าผู้หนึ่งผู้ใดจะทำอันตรายมัน เราจึงเฝ้ามันไว้ทั้งกลางคืนกลางวัน
4 เราไม่มีความพิโรธ เราจะใคร่ให้มีหนามใหญ่หนามย่อยขึ้นมาสู้รบ เราจะออกรบกับมัน เราจะเผามันเสียด้วยกัน
5 หรือให้เขาเกาะอยู่กับการป้องกันของเรา ให้เขาทำศานติภาพกับเรา ให้เขาทำศานติภาพกับเรา"
6 ในวันข้างหน้า ยาโคบจะหยั่งราก อิสราเอลจะผลิดอกและแตกหน่อ กระทำให้พิภพทั้งสิ้นมีผลเต็ม
7 พระองค์ทรงโบยตีเขาอย่างที่พระองค์โบยตี ผู้ที่โบยตีเขาทั้งหลายหรือ หรือเขาถูกฆ่าอย่างผู้ฆ่าเขาถูกฆ่า
8 ด้วยการขับไล่ ด้วยการกวาดไปเป็นเชลย พระองค์ทรงต่อสู้แย้งกับเขา พระองค์ทรงกวาดเขาไปด้วยลมดุเดือดของพระองค์ ในวันแห่งลมตะวันออก
9 เพราะฉะนั้น จะลบมลทินกรรมชั่วของยาโคบอย่างนี้แหละ และนี่จะเป็นผลเต็มขนาดในการปลดบาปของเขา คือเมื่อเขาทำศิลาทั้งสิ้นของแท่นบูชา ให้เป็นเหมือนหินดินสอพอง ที่ถูกบดเป็นชิ้นๆ จะไม่มีอาเช-รา หรือแท่นเครื่องหอมตั้งอยู่ได้
10 เพราะเมืองมีป้อมก็มีอยู่โดดเดี่ยว ที่อาศัยก็เริศร้างถูกทอดทิ้งอย่างกับถิ่นทุรกันดาร ลูกวัวหากินอยู่ที่นั่น มันนอนลงที่นั่นและทึ้งกิ่งไม้
11 เมื่อกิ่งนั้นแห้ง มันก็หัก พวกผู้หญิงก็มาเอามันไปก่อไฟ เพราะนี่เป็นชนชาติที่ไร้ความเข้าใจ เพราะฉะนั้น ผู้ที่ทรงสร้างเขา ก็จะไม่สงสารเขา ผู้ที่ทรงปั้นเขาจะไม่ทรงสำแดงพระคุณแก่เขา
12 ในวันนั้น ตั้งแต่แม่น้ำยูเฟรติส ไปจนถึงลำธารอียิปต์ พระเจ้าจะทรงนวดเอาข้าว โอ ประชาชนอิสราเอลเอ๋ย เจ้าจะถูกเก็บรวมเข้ามาทีละคนๆ
13 และในวันนั้นเขาจะเป่าเขาสัตว์ใหญ่ และบรรดาผู้ที่กำลังพินาศอยู่ในแผ่นดินอัสซีเรีย และบรรดาผู้ถูกขับไล่ออกไปยังแผ่นดินอียิปต์จะ มานมัสการพระเจ้า บนภูเขาบริสุทธิ์ที่เยรูซาเล็ม
อิสยาห์ 28
1 วิบัติแก่มงกุฎอันโอ่อ่าของคนขี้เมาแห่งเอฟราอิม และแก่ดอกไม้ที่กำลังร่วงโรยแห่งความงาม อันรุ่งเรืองของเขา ซึ่งอยู่บนยอดเขาในที่ลุ่มอันอุดมของบรรดา ผู้ที่เหล้าองุ่นมีชัย
2 ดูเถิด องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงมีผู้หนึ่งที่มีกำลังและแข็งแรง เหมือนพายุลูกเห็บอันเป็นพายุทำลาย เหมือนพายุน้ำที่กำลังไหลท่วม ซึ่งจะเหวี่ยงลงถึงดินด้วยความรุนแรง
3 มงกุฎอันโอ่อ่าของคนขี้เมาแห่งเอฟราอิม จะถูกเหยียบอยู่ใต้เท้า
4 และดอกไม้ที่กำลังร่วงโรยแห่งความงามอันรุ่งโรจน์ของเขา ซึ่งอยู่บนยอดเขาในที่ลุ่มอันอุดม จะเป็นเหมือนมะเดื่อที่แรกสุกก่อนฤดูร้อน เมื่อคนเห็นเข้าก็กินมันเสีย พอถึงมือเขาเท่านั้น
5 ในวันนั้น พระเจ้าจอมโยธา จะเป็นมงกุฎศักดิ์ศรี และเป็นมกุฎแห่งความงามแก่คนที่เหลืออยู่แห่งชนชาติของพระองค์
6 และเป็นอานุภาพแห่งความยุติธรรมแก่เขาผู้นั่งพิพากษา และเป็นกำลังของผู้เหล่านั้นผู้หันการสงครามกลับเสียที่ประตูเมือง
7 เขาเหล่านี้ซมซานไปด้วยเหล้าองุ่นเหมือนกัน และโซเซไปด้วยเมรัย ปุโรหิตและผู้เผยพระวจนะก็ซมซานไปด้วยเมรัย เขาทั้งหลายมึนตื้อไปด้วยเหล้าองุ่น เขาโซเซไปด้วยเมรัย เขาเห็นผิดไป เขาสะดุดในการให้คำพิพากษา
8 เพราะสำรับทุกสำรับก็มีอาเจียนเต็ม ไม่มีที่ใดที่ไม่สกปรก
9 "เขาจะสอนความรู้ให้แก่ใคร เขาจะบรรยายข่าวแก่ผู้ใด ให้แก่คนเหล่านั้นที่หย่านมหรือ หรือให้แก่คนเอามาจากอก
10 เพราะเป็นกฎซ้อนกฎ กฎซ้อนกฎ บรรทัดซ้อนบรรทัด บรรทัดซ้อนบรรทัด ที่นี่นิด ที่นั่นหน่อย"
11 เปล่า แต่พระองค์จะตรัสกับชนชาตินี้ โดยต่างภาษา และด้วยปากของคนต่างด้าว
12 คือแก่บรรดาผู้ที่พระองค์ตรัสว่า "นี่คือการหยุดพัก จงให้การหยุดพักแก่คนเหน็ดเหนื่อย และนี่คือการพักผ่อน" ถึงกระนั้นเขาก็ยังไม่ฟัง
13 เพราะฉะนั้น พระวจนะของพระเจ้าจึงเป็นอย่างนี้แก่เขา เป็นกฎซ้อนกฎ กฎซ้อนกฎ เป็นบรรทัดซ้อนบรรทัด บรรทัดซ้อนบรรทัด ที่นี่นิด ที่นั่นหน่อย เพื่อเขาจะไปและถอยหลัง และจะแตก และจะติดบ่วง และจะถูกจับไป
14 เพราะฉะนั้น เจ้าทั้งหลายคนมักเยาะเย้ยเอ๋ย จงฟังพระวจนะของพระเจ้า คือเจ้าผู้ปกครองชนชาตินี้ในเยรูซาเล็ม
15 เพราะเจ้าทั้งหลายได้กล่าวแล้วว่า "เราได้กระทำพันธสัญญาไว้กับความตาย และเราทำความตกลงไว้กับแดนคนตาย เมื่อภัยพิบัติอันท่วมท้นผ่านไป จะไม่มาถึงเรา เพราะเราทำให้ความเท็จเป็นที่ลี้ภัยของเรา และเราได้กำบังอยู่ในความมุสา"
16 เพราะฉะนั้น พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า "ดูเถิด เราวางศิลาไว้ในศิโยนเพื่อเป็นรากฐาน คือศิลาที่ทดสอบแล้ว เป็นศิลามุมเอกอย่างประเสริฐ เป็นรากฐานอันมั่นคง 'เขาผู้นั้นที่วางใจจะไม่รีบร้อน'
17 และเราจะกระทำความยุติธรรมให้เป็นเชือกวัด และความชอบธรรมให้เป็นลูกดิ่ง และลูกเห็บจะกวาดเอาความเท็จอันเป็นที่ลี้ภัยไปเสีย และน้ำจะท่วมท้นที่กำบัง"
18 แล้วพันธสัญญาของเจ้ากับความตายเป็นโมฆะ และข้อตกลงของเจ้ากับแดนคนตายจะไม่ดำรง เมื่อภัยพิบัติอันท่วมท้นผ่านไป เจ้าจะถูกเหยียบย่ำลงด้วยโทษนั้น
19 มันผ่านไปบ่อยเท่าใดมันก็จะเอาตัวเจ้า เพราะมันจะผ่านไปเช้าแล้วเช้าเล่า ทั้งกลางวันและกลางคืน เมื่อเข้าใจข่าว ก็จะเกิดแต่ความสยดสยองเท่านั้น
20 เพราะที่นอนนั้นสั้นเกินที่คนหนึ่งคนใด จะเหยียดอยู่บนนั้น และผ้าห่มก็แคบไม่พอคลุมตัว
21 เพราะว่าพระเจ้าจะทรงลุกขึ้น อย่างที่บนภูเขาเปริซิม พระองค์จะพิโรธอย่างที่ในหุบเขากิเบโอน เพื่อกระทำพระราชกิจของพระองค์ พระราชกิจของพระองค์นั้นประหลาด และเพื่อกระทำงานของพระองค์ งานของพระองค์ก็แปลก
22 เพราะฉะนั้น อย่าเป็นคนเยาะเย้ย เกลือกว่าพันธะของเจ้าจะเข้มงวดขึ้น เพราะข้าพเจ้าได้ยินกฤษฎีกากำหนดการทำลาย เหนือแผ่นดินทั้งสิ้นแล้ว จากพระเจ้าจอมโยธา
23 เงี่ยหูลงซิ และฟังเสียงข้าพเจ้า สดับซี และฟังคำพูดของข้าพเจ้า
24 เขาผู้ไถนาเพื่อหว่าน ไถอยู่เสมอหรือ เขาเบิกดินและคราดอยู่เป็นนิตย์หรือ
25 เมื่อเขาปราบผิวลงแล้ว เขาไม่หว่านเทียนแดงและยี่หร่า เขาไม่ใส่ข้าวสาลีเป็นแถว และข้าวบารลีในที่อันเหมาะของมัน และหว่านข้าวสแปลต์ไว้เป็นคันแดนหรือ
26 เพราะพระองค์ทรงสั่งสอนเขาถูกต้อง พระเจ้าของเขาได้สอนเขา
27 เขาไม่นวดเทียนแดงด้วยเลื่อนนวดข้าว และเขาไม่เอาล้อเกวียนกลิ้งทับยี่หร่า แต่เขาเอาไม้พลองตีเทียนแดงให้หลุดออก และเอาตะบองตียี่หร่า
28 คนใดบดข้าวที่ทำขนมปังหรือ เปล่าเลย เขาไม่นวดมันเป็นนิตย์ เมื่อเขาขับล้อเกวียนเทียมม้าทับมันแล้ว เขามิได้บดมัน
29 เรื่องนี้มาจากพระเจ้าจอมโยธาด้วย พระองค์อัศจรรย์นักในการปรึกษา และวิเศษในเรื่องสติปัญญา
อิสยาห์ 29
1 โอ้โฮ อารีเอล อารีเอล นครซึ่งดาวิดทรงตั้งค่าย จงเพิ่มปีเข้ากับปี จงให้มีเทศกาลตามรอบของมัน
2 เรายังจะให้อารีเอลทุกข์ใจ จะมีการร้องคร่ำครวญและร้องทุกข์ และเมืองนั้นจะเป็นเหมือนชั้นเพลิงแท่นบูชาแก่เรา
3 และเราจะตั้งค่ายอยู่รอบเจ้า และเราจะล้อมเจ้ากับบรรดาหอรบ และเราจะยกเชิงเทินขึ้นสู้เจ้า
4 และเจ้าจะพูดมาจากที่ลึกของแผ่นดินโลก คำของเจ้าจะมาจากที่ต่ำลงในผงคลี เสียงของเจ้าจะมาจากพื้นดินเหมือนเสียงผี และคำพูดของเจ้าจะกระซิบออกมาจากผงคลี
5 แต่มวลศัตรูของเจ้าจะเหมือนผงคลีละเอียด และผู้น่ากลัวทั้งมวลจะเหมือนแกลบที่ฟุ้งหายไป ชั่วประเดี๋ยวเดียวและในทันทีทันใด
6 พระเจ้าจอมโยธาจะเยี่ยมเยียนเจ้า ด้วยฟ้าร้องและด้วยแผ่นดินไหว และด้วยเสียงกัมปนาท ด้วยลมบ้าหมูและพายุ ด้วยเปลวแห่งเพลิงเผาผลาญ
7 และมวลประชาชาติทั้งสิ้นที่ต่อสู้กับอารีเอล ทั้งหมดที่ต่อสู้กับเขาและกับที่กำบังเข้มแข็งของเขา และทำให้เขาทุกข์ใจ จะเป็นเหมือนความฝัน คือนิมิตในกลางคืน
8 อย่างเมื่อคนหิวฝันว่าเขากำลังกินอยู่ และตื่นขึ้นก็ยังหิวอยู่ไม่อิ่ม หรือเหมือนเมื่อคนกระหายฝันว่า เขากำลังดื่มอยู่ แล้วตื่นขึ้นมาอ่อนเปลี้ย คอของเขายังแห้งผาก มวลประชาชาติทั้งสิ้น ที่ต่อสู้กับภูเขาศิโยนก็จะเป็นเช่นนั้น
9 จงกระทำตัวให้งงงวยและอยู่ในสภาพงวยงง จงกระทำตัวให้บอดและเป็นคนตาบอด เขามึนเมา แต่ไม่ใช่ด้วยเหล้าองุ่น เขาโซเซ แต่ไม่ใช่ด้วยเมรัย
10 เพราะว่าพระเจ้าทรงเทอานุภาพแห่งความหลับสนิทลงเหนือเจ้า และปิดตา คือท่านผู้เผยพระวจนะของเจ้าแล้วนะ และคลุมศีรษะ คือท่านผู้เล็งญาณของเจ้าไว้แล้วนะ
11 และแก่ท่านทั้งหลาย นิมิตนี้ทั้งสิ้นได้กลายเป็นเหมือนถ้อยคำในหนังสือที่ประทับตรา เมื่อคนให้แก่คนหนึ่งที่อ่านได้ กล่าวว่า "อ่านนี่ซี" เขาว่า "ข้าอ่านไม่ได้เพราะมีตราประทับ"
12 และเมื่อเขาให้หนังสือแก่คนหนึ่งที่อ่านไม่ได้ กล่าวว่า "อ่านนี่ซี" เขาว่า "ข้าไม่รู้หนังสือ"
13 และองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า "เพราะชนชาตินี้เข้ามาใกล้ด้วยปากของเขา และให้เกียรติเราด้วยริมฝีปากของเขา แต่เขาให้จิตใจของเขาห่างไกลจากเรา เขายำเกรงเราเพียงแต่เหมือนเป็นบัญญัติของมนุษย์ที่ท่องจำกันมา
14 เพราะฉะนั้น ดูเถิด เราจะกระทำ สิ่งมหัศจรรย์กับชนชาตินี้อีก ประหลาดและอัศจรรย์ สติปัญญาของคนมีปัญญาของเขาจะพินาศไป และความเข้าใจของคนที่เข้าใจจะถูกปิดบังไว้"
15 วิบัติแก่ผู้ที่พยายามซ่อนแผนงานของเขาไว้ลึกจากพระเจ้า ซึ่งการกระทำของเขาอยู่ในความมืด ผู้ซึ่งกล่าวว่า "ใครเห็นเรา ใครจำเราได้"
16 เจ้ากลับตาลปัตรเสีย จะถือว่าช่างปั้นเท่ากับดินเหนียว และสิ่งที่ถูกสร้างจะพูดเรื่องผู้สร้างมันว่า "เขาไม่ได้สร้างข้า" หรือสิ่งที่ถูกปั้นขึ้นจะพูดเรื่องผู้ปั้นมันว่า "เขาไม่มีความเข้าใจอะไรเลย" อย่างนี้หรือ
17 ไม่ใช่อีกนิดหน่อยเท่านั้นหรือ ที่เลบานอนจะถูกเปลี่ยนให้เป็นสวนผลไม้ และสวนผลไม้จะถือว่าเป็นป่า
18 ในวันนั้น คนหูหนวกจะได้ยิน ถ้อยคำของหนังสือ และตาของคนตาบอดจะเห็น ออกมาจากความคลุ้มและความมืดของเขา
19 คนใจอ่อนสุภาพจะได้ความชื่นบานสดใสในพระเจ้า และคนยากจนท่ามกลางมนุษย์จะลิงโลดในองค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอล
20 เพราะว่า ผู้น่ากลัวจะสูญไป และคนมักเยาะเย้ยจะหมดไป และคนทั้งปวงที่หาโอกาสกระทำชั่วจะถูกตัดขาด
21 คือผู้ที่ใส่ความคนอื่นด้วยถ้อยคำของเขา และวางบ่วงไว้ดักเขาผู้กล่าวคำขนาบที่ประตูเมือง และด้วยถ้อยคำที่ไม่เป็นแก่นสาร เขากีดกันคนที่อยู่ฝ่ายถูกเสีย
22 เพราะฉะนั้น พระเจ้าผู้ทรงไถ่อับราฮัม ตรัสดังนี้เกี่ยวกับเชื้อสายของยาโคบว่า "ยาโคบจะไม่ต้องอับอายอีก หน้าของเขาจะไม่ซีดลงอีกต่อไป
23 เพราะเมื่อเขาเห็นลูกหลานของเขา ซึ่งเป็นผลงานแห่งมือของเราในหมู่พวกเขา เขาทั้งหลายจะถือว่านามของเราศักดิ์สิทธิ์ เขาทั้งหลายจะถือว่าองค์บริสุทธิ์ของยาโคบศักดิ์สิทธิ์ และจะกลัวเกรงพระเจ้าแห่งอิสราเอล
24 และบรรดาผู้ที่ผิดฝ่ายจิตใจจะมาถึงความเข้าใจ และบรรดาผู้ที่บ่นพึมพำจะยอมรับความรอบรู้"
อิสยาห์ 30
1 พระเจ้าตรัสว่า "วิบัติแก่ลูกหลานที่ดื้อดึง ผู้กระทำแผนงาน แต่ไม่ใช่ของเรา ผู้กระทำสนธิสัญญา แต่ไม่ใช่ตามน้ำใจเรา เขาจะเพิ่มบาปซ้อนบาป
2 ผู้ออกเดินไปยังอียิปต์ โดยไม่ขอคำปรึกษาของเรา เพื่อจะไปลี้ภัยในความอารักขาของฟาโรห์ เพื่อจะหาที่กำบังในร่มเงาของอียิปต์
3 เพราะฉะนั้น การอารักขาของฟาโรห์ จะกลับเป็นความอับอายของเจ้า และที่กำบังในร่มเงาของอียิปต์กลับเป็นที่ขายหน้าของเจ้า
4 เพราะแม้ว่าข้าราชการของเขาอยู่ที่โศอัน และทูตของเขาไปถึงฮาเนส
5 ทุกคนได้รับความอับอาย โดยชนชาติหนึ่งซึ่งช่วยเขาไม่ได้ ซึ่งมิได้นำความช่วยเหลือหรือประโยชน์มาให้ ได้แต่ความอับอายและความขายหน้า
6 ครุวาทเรื่องสัตว์ป่าแห่งเนเกบ เขาทั้งหลายบรรทุกทรัพย์สมบัติของเขา บนหลังลา และบรรทุกทรัพย์สินของเขาบนโหนกอูฐ ไปตลอดแผ่นดินแห่งความยากลำบากแสนระทม ที่ซึ่งนางสิงห์และสิงห์ตัวผู้ งูปากกะบะ และงูแมวเซาออกมา ไปยังชนชาติหนึ่งซึ่งจะช่วยเขาไม่ได้
7 เพราะความช่วยเหลือของอียิปต์นั้นไร้ค่าและเปล่าประโยชน์ เพราะฉะนั้น เราจึงเรียกเขาว่า "ราหับผู้นั่งเฉย"
8 บัดนี้ ไปเถอะ เขียนลงไว้บนแผ่นจารึกต่อหน้าเขา และจดไว้ในหนังสือ เพื่อในเวลาที่จะมาถึง จะเป็นสักขีพยานเป็นนิตย์
9 เพราะว่าเขาทั้งหลายเป็นชนชาติดื้อดึง เป็นลูกขี้ปด เป็นหลานที่ไม่ยอมฟัง พระธรรมของพระเจ้า
10 ผู้ตรัสแก่ผู้เล็งญาณว่า "อย่าเห็นเลย" และแก่ศาสดาพยากรณ์ว่า "อย่าพยากรณ์สิ่งที่ถูกต้องแก่เราเลย จงพูดสิ่งราบรื่นแก่เรา จงพยากรณ์มายา
11 ออกจากทางเสีย หันเสียจากวิถี ให้องค์บริสุทธิ์ของอิสราเอลพ้นหน้าพ้นตาของเราเสีย"
12 เพราะฉะนั้น องค์บริสุทธิ์ของอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า "เพราะเจ้าดูหมิ่นถ้อยคำนี้ และวางใจในการบีบบังคับ และการทุจริต และพึ่งอาศัยสิ่งเหล่านั้น
13 เพราะฉะนั้น ความบาปผิดนี้จะเป็นแก่เจ้า เหมือนกำแพงสูงแยกออกโผล่ออกไป กำลังจะพัง ซึ่งจะพังอย่างปัจจุบันทันด่วน ในพริบตาเดียว
14 พระองค์จะทรงกระทำให้แตกเหมือนภาชนะของช่างหม้อแตก ซึ่งแตกแยกอย่างไม่ปรานี ชิ้นที่แตกนั้นไม่พบชิ้นดี พอที่จะตักไฟออกจากเตา หรือใช้ตักน้ำออกจากบ่อเก็บน้ำ"
15 เพราะพระเจ้าองค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า "ในการกลับและหยุดพัก เจ้าทั้งหลายจะรอด กำลังของเจ้าจะอยู่ในความสงบ และความไว้วางใจ" และเจ้าก็ไม่ยอมทำตาม
16 แต่เจ้าทั้งหลายว่า "อย่าเลย เราจะขี่ม้าหนีไป" เพราะฉะนั้น เจ้าก็จะหนีไป และ "เราจะขี่ม้าเร็วจัด" เพราะฉะนั้น ผู้ไล่ตามเจ้าทั้งหลายจะเร็วจัด
17 คนพันหนึ่งจะหนีเพราะคำขู่เข็ญของคนคนเดียว เจ้าทั้งหลายจะหนีเพราะคำขู่เข็ญของคนห้าคน จนจะเหลือแต่เจ้า เหมือนเสาธงบนยอดภูเขา เหมือนอาณัติสัญญาบนเนิน
18 เพราะฉะนั้น พระเจ้าทรงคอยที่จะทรงพระกรุณาเจ้าทั้งหลาย เพราะฉะนั้น พระองค์จึงทรงลุกขึ้นเพื่อเมตตาเจ้า เพราะพระเจ้าเป็นพระเจ้าแห่งความยุติธรรม ผู้ที่คอยท่าพระองค์จะได้รับพระพร
19 เออ ประชาชนผู้อาศัยในศิโยน ณเยรูซาเล็มเอ๋ย เจ้าจะไม่ร้องไห้อีกต่อไป เมื่อได้ยินเสียงเจ้าร้องทูล พระองค์จะทรงเมตตาต่อเจ้า เมื่อพระองค์ทรงได้ยิน พระองค์จะตอบเจ้า
20 และถึงแม้องค์พระผู้เป็นเจ้าประทานอาหาร แห่งความยากลำบากและน้ำแห่งความทุกข์ใจให้แก่เจ้า ถึงกระนั้นพระครูของเจ้าจะไม่ซ่อนตัวอีกเลย แต่ตาของเจ้าจะเห็นพระครูของเจ้า
21 และเมื่อเจ้าหันไปทางขวา หรือหันไปทางซ้าย หูของเจ้าจะได้ยินวจนะข้างหลังเจ้า ว่า "นี่เป็นหนทาง จงเดินในทางนี้"
22 แล้วเจ้าจะทำลายรูปเคารพสลักอาบเงินของเจ้า และรูปเคารพหล่อชุบทองคำของเจ้า เจ้าจะกระจายมันไปอย่างของไม่สะอาด และเจ้าจะกล่าวแก่มันว่า "ไปให้พ้น"
23 และพระองค์จะประทานฝนให้แก่เมล็ดพืชซึ่งเจ้าหว่านลงที่ดิน และประทานข้าว ซึ่งเป็นผลิตผลของดิน และข้าวจะอุดมและสมบูรณ์ ในวันนั้น โคของเจ้าจะกินอยู่ในลานหญ้าใหญ่
24 และวัวกับลาที่ใช้ทำนาจะกินข้าวใส่เกลือ ซึ่งใช้พลั่วและส้อมซัด
25 และบนภูเขาสูงทุกแห่ง และบนเนินสูงทุกแห่งจะมีลำธารมีน้ำไหล ในวันที่มีการฆ่ากันใหญ่ เมื่อหอคอยพังลง
26 ยิ่งกว่านั้นอีก แสงสว่างของดวงจันทร์จะเหมือนแสงสว่างของอาทิตย์ และแสงสว่างของดวงอาทิตย์จะเป็นเจ็ดเท่า และเป็นอย่างแสงสว่างของเจ็ดวัน ในวันที่พระเจ้าทรงพันรอยบาดเจ็บแห่งชนชาติของพระองค์ และรักษาบาดแผลซึ่งเขาถูกพระองค์ทรงตีนั้น
27 ดูเถิด พระนามของพระเจ้ามาจากที่ไกล ร้อนด้วยความกริ้วของพระองค์ ในควันทึบที่ลอยสูงขึ้นไป ริมพระโอษฐ์ของพระองค์เต็มด้วยความกริ้ว และพระชิวหาของพระองค์เหมือนไฟเผาผลาญ
28 พระปัสสาสะของพระองค์เหมือนลำธารท่วมท้น ที่ท่วมถึงคอ เพื่อจะร่อนบรรดาประชาชาติ ด้วยตะแกรงแห่งการทำลาย และจะมีบังเหียนซึ่งพาให้เจิ่น ที่ขากรรไกรของชนชาติทั้งหลาย
29 เจ้าจะมีบทเพลงอย่างคืนที่มีเทศกาลศักดิ์สิทธิ์ และมีใจยินดี อย่างคนที่ออกเดินตามเสียงปี่ เพื่อไปยังภูเขาของพระเจ้า ถึงพระศิลาแห่งอิสราเอล
30 และพระเจ้าจะทรงกระทำให้พระสุรเสียง กัมปนาทของพระองค์เป็นที่ได้ยิน และจะทรงให้เห็นพระกรฟาดลงของพระองค์ ด้วยความกริ้วอย่างเกรี้ยวกราด และเปลวแห่งเพลิงเผาผลาญ พร้อมกับฝนกระหน่ำ และพายุ และลูกเห็บ
31 คนอัสซีเรียจะสยดสยองด้วยพระสุรเสียงของพระเจ้า พระองค์ทรงโบยตีด้วยพระคทาของพระองค์
32 และจังหวะไม้เรียวลงโทษทุกจังหวะ ซึ่งพระเจ้าโบยลงเหนือเขา จะเข้ากับเสียงรำมะนาและพิณเขาคู่ พระองค์จะทรงต่อสู้เขาด้วยสงครามฟาดฟัน
33 เพราะที่สำหรับเผาก็จัดไว้นานแล้ว เออ เตรียมไว้สำหรับพระราชา เชิงตะกอนก็ลึกและกว้าง พร้อมไฟและฟืนมากมาย คือ พระปัสสาสะของพระเจ้าเหมือนธารกำมะถันมาจุดให้ลุก
อิสยาห์ 31
1 วิบัติแก่คนเหล่านั้นผู้ลงไปที่อียิปต์ เพื่อขอความช่วยเหลือ และหมายพึ่งม้า ผู้ที่วางใจในรถรบเพราะมีมาก และวางใจในพลม้า เพราะเขาทั้งหลายแข็งแรงนัก แต่มิได้หมายถึงองค์บริสุทธิ์ของอิสราเอล หรือปรึกษากับพระเจ้า
2 แต่ถึงกระนั้น พระองค์ยังทรงเฉลียวฉลาดและนำภัยพิบัติมาให้ พระองค์มิได้ทรงเรียกพระวจนะของพระองค์คืนมา แต่จะทรงลุกขึ้นต่อสู้กับวงผู้กระทำความผิด และต่อสู้กับผู้ช่วยเหลือของคนเหล่านั้นที่กระทำความบาปผิด
3 คนอียิปต์เป็นคน และไม่ใช่พระเจ้า และม้าทั้งหลายของเขาเป็นเนื้อหนัง และไม่ใช่วิญญาณ เมื่อพระเจ้าทรงเหยียดพระหัตถ์ของพระองค์ออก ผู้ช่วยเหลือก็จะสะดุด และผู้ที่รับการช่วยเหลือก็จะล้ม และเขาทั้งหลายจะพินาศเสียด้วยกัน
4 เพราะพระเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าดังนี้ว่า ดังสิงห์หรือสิงห์หนุ่มคำรามอยู่เหนือเหยื่อของมัน และเมื่อเขาเรียกผู้เลี้ยงแกะหมู่หนึ่งมาสู้มัน มันไม่คร้ามกลัวต่อเสียงโห่ร้องของเขาทั้งหลาย หรือย่อย่นต่อเสียงอึงคะนึงของเขา ดั่งนั้นแหละพระเจ้าจอมโยธาจะเสด็จลงมา เพื่อสู้รบบนภูเขาศิโยนและบนเนินเขาของมัน
5 เหมือนนกบินร่อนอยู่ ดั่งนั้นแหละพระเจ้าจอมโยธา จะทรงอารักขาเยรูซาเล็ม พระองค์จะทรงอารักขาและช่วยกู้ พระองค์จะทรงเว้นเสีย และช่วยชีวิต
6 โอ ประชาชนอิสราเอลเอ๋ย จงกลับมาหาพระองค์ผู้ที่พวกเจ้าได้กบฏอย่างร้าย
7 เพราะในวันนั้น ทุกคนจะทิ้งรูปเคารพของตนที่ทำด้วยเงินและ รูปเคารพของตนที่ทำด้วยทองคำ ซึ่งมือของเจ้าได้ทำขึ้นอย่างบาปหนาสำหรับตัวเจ้า
8 "และคนอัสซีเรียจะล้มลงด้วยดาบ ซึ่งไม่ใช่ของคน และดาบซึ่งไม่ใช่ของมนุษย์จะกินเขาเสีย และเขาจะหนีจากดาบ และชายฉกรรจ์ของเขาจะถูกบังคับให้ทำงานโยธา
9 ศิลาของเขาจะสิ้นไปด้วยความสยดสยอง และนายๆของเขาจะทิ้งธงไปด้วยอาการอกสั่นขวัญหาย พระเจ้า ผู้ที่ไฟของพระองค์อยู่ในศิโยน และผู้ที่เตาของพระองค์อยู่ในเยรูซาเล็ม ตรัสดังนี้แหละ
อิสยาห์ 32
1 ดูเถิด พระราชาองค์หนึ่งจะครอบครองด้วยความชอบธรรม และเจ้านายจะครอบครองด้วยความยุติธรรม
2 และผู้หนึ่งจะเหมือนที่กำบังจากลม เป็นที่คุ้มให้พ้นจากพายุฝน เหมือนธารน้ำในที่แห้ง เหมือนร่มเงาศิลามหึมาในแผ่นดินที่อ่อนเปลี้ย
3 แล้วตาของคนที่เห็นจะมิได้หลับ และหูของคนที่ฟังจะได้ยิน
4 จิตใจของคนที่หุนหันจะรอบคอบ และลิ้นของคนติดอ่างจะพูดฉะฉานอย่างทันควัน
5 เขาจะไม่เรียกคนโง่ว่าคนศรัทธาอีก หรือคนถ่อยว่าเป็นคนอารี
6 เพราะคนโง่พูดความโฉด และใจของเขาก็ปองความบาปผิด เพื่อประกอบการอธรรม เพื่อออกปากพูดความผิดเกี่ยวกับพระเจ้า เพื่อทำคนหิวให้อดอยาก และไม่ให้คนกระหายได้ดื่ม
7 อุบายของคนถ่อยก็ชั่วร้าย เขาคิดขึ้นแต่กิจการชั่ว เพื่อทำลายคนยากจนด้วยถ้อยคำเท็จ แม้ว่าเมื่อคำร้องของคนขัดสนนั้นถูกต้อง
8 แต่เขาที่เป็นผู้ดีก็ประดิษฐ์แต่สิ่งที่ดี เขาดำรงอยู่เพื่อสิ่งที่ดี
9 หญิงทั้งหลายที่อยู่อย่างสบายนั้น จงลุกขึ้นเถิด และฟังเสียงของข้าพเจ้า ท่านบุตรีที่อิ่มใจเอ๋ย จงเงี่ยหูฟังคำพูดของข้าพเจ้า
10 อีกสักปีกว่าๆ หญิงที่อิ่มใจเอ๋ยท่านจะสะดุ้งตัวสั่น เพราะไร่องุ่นก็จะไร้ผล ฤดูเก็บผลไม้ก็จะไม่มาถึง
11 หญิงที่อยู่สบายเอ๋ย ตัวสั่นเถิด ท่านผู้อิ่มใจเอ๋ย สะดุ้งตัวสั่นเถิด จงแก้ผ้า ปล่อยตัวล่อนจ้อน และเอาผ้ากระสอบคาดเอวไว้
12 จงทุบอกด้วยเรื่องไร่นาที่แสนสุข ด้วยเรื่องเถาองุ่นผลดก
13 ด้วยเรื่องที่ดินของชนชาติของเรา ซึ่งงอกแต่หนามใหญ่และหนามย่อย ด้วยเรื่องบ้านเรือนที่ชื่นบาน ในนครที่สนุกสนาน
14 เพราะว่าพระราชวังจะถูกทอดทิ้ง เมืองที่มีคนหนาแน่นจะถูกทิ้งร้าง เนินและหอคอย จะกลายเป็นที่ร้างเป็นนิตย์ เป็นที่ชื่นบานของลาป่า เป็นลานหญ้าของฝูงแพะแกะ
15 จนกว่าพระวิญญาณจะเทลงมาบนเราจากเบื้องบน และถิ่นทุรกันดารกลายเป็นสวนผลไม้ และสวนผลไม้นั้นจะถือว่าเป็นป่า
16 แล้วความยุติธรรมจะอาศัยอยู่ในถิ่นทุรกันดาร และความชอบธรรมพักอยู่ในสวนผลไม้
17 และผลของความชอบธรรมจะเป็นศานติภาพ และผลของความชอบธรรม คือความสงบและความวางใจเป็นนิตย์
18 ชนชาติของเราจะอาศัยอยู่ในที่อยู่อย่างศานติ ในที่อาศัยอันปลอดภัย ในที่พักอันสงบ
19 เมื่อป่าพังทลาย ลูกเห็บตก และเมืองจะยุบลงทีเดียว
20 ท่านที่หว่านอยู่ข้างห้วงน้ำทั้งปวงก็เป็นสุข ผู้ที่ปล่อยให้ตีนวัวและตีนลาเที่ยวอยู่อย่างอิสระ
อิสยาห์ 33
1 วิบัติแก่เจ้าผู้ทำลาย ผู้ซึ่งตัวเจ้าเองมิได้ถูกทำลาย เจ้าผู้เป็นคนทรยศ ซึ่งไม่มีผู้ใดได้ทรยศต่อเจ้าเลย เมื่อเจ้าหยุดทำลาย เจ้าจะถูกทำลาย และเมื่อเจ้าหยุดยั้งการประพฤติทรยศเสีย เขาทั้งหลายจะทรยศต่อเจ้า
2 ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงพระกรุณาแก่ข้าพระองค์ทั้งหลาย ข้าพระองค์ทั้งหลายรอคอยพระองค์ ขอทรงเป็นแขนของข้าพระองค์ทั้งหลายทุกเช้า เป็นความรอดของเราในยามทุกข์ลำบาก
3 เมื่อได้ยินเสียงกัมปนาท ชนชาติทั้งหลายหนีไป พระองค์ทรงลุกขึ้น บรรดาประชาชาติก็กระจัดกระจายไป
4 ของที่ริบได้ของเจ้าก็ถูกรวบรวมเหมือนตั๊กแตน วัยคลานเก็บรวบรวม คนก็กระโดดตะครุบอย่างตั๊กแตนว้าว่อนโดดตะครุบ
5 พระเจ้าทรงเป็นที่เยินยอ เพราะพระองค์ประทับณที่สูง พระองค์จะทรงให้ความยุติธรรมและความชอบธรรมเต็มศิโยน
6 และพระองค์จะทรงเป็นเสถียรภาพแห่งเวลาของเจ้า ทรงเป็นความรอด สติปัญญา และความรู้อันอุดม ความยำเกรงพระเจ้าเป็นทรัพย์สมบัติของเขา
7 ดูเถิด ผู้แกล้วกล้าของเขาร้องทูลอยู่ภายนอก คณะทูตสันติภาพร่ำไห้อย่างขมขื่น
8 ทางหลวงก็ร้าง คนสัญจรไปมาก็หยุดเดิน เขาหักพันธสัญญาเสีย เขาดูหมิ่นพยาน เขาไม่นับถือคน
9 แผ่นดินไว้ทุกข์และอ่อนระทวย เลบานอนอับอายและเหี่ยวแห้งไป ชาโรนเหมือนทะเลทราย บาชานและคารเมลก็สลัดใบ
10 พระเจ้าตรัสว่า "เราจะลุกขึ้นละ เราจะเป็นที่ยกย่อง เราจะเป็นที่เชิดชูละ
11 เจ้าอุ้มท้องแต่แกลบ เจ้าคลอดแต่ตอ ลมหายใจของเจ้าเป็นไฟที่จะเผาผลาญเจ้า
12 และชนชาติทั้งหลายก็จะเหมือนถูกเผาเป็นปูน เหมือนหนามใหญ่ที่ถูกตัดลงที่เผาในไฟ"
13 เจ้าผู้อยู่ไกล ฟังซิ ว่าเราได้ทำอะไร เจ้าผู้อยู่ใกล้ จงรับรู้เรื่องกำลังของเรา
14 คนบาปในศิโยนก็กลัว ความสะทกสะท้านเข้าสิงคนไร้พระ "ใครในพวกเราที่อยู่กับไฟที่เผาผลาญได้ ใครในพวกเราจะอาศัยอยู่กับการไหม้เป็นนิตย์ได้"
15 คือเขาผู้ดำเนินอย่างชอบธรรม และพูดอย่างเที่ยงธรรม เขาผู้ดูหมิ่นผลได้จากการบีบบังคับ ผู้สลัดมือของเขา เกรงว่าจะถือสินบนไว้ ผู้อุดหูไม่ฟังเรื่องเลือดตกยางออก และหลับตาไม่มองความชั่วร้าย
16 เขาจะอาศัยอยู่บนที่สูง ที่กำบังของเขาจะเป็นป้อมหิน จะมีผู้ให้อาหารเขา น้ำของเขามีแน่
17 ตาของเจ้าจะเห็นพระราชาทรงสง่าราศี จะเป็นแผ่นดินที่ยืดออกไกล
18 จิตใจของเจ้าจะคิดถึงความสยดสยอง "เขาผู้ที่ทำการนับอยู่ที่ไหน เขาผู้ที่ชั่งบรรณาการอยู่ที่ไหน เขาผู้ที่นับหอคอยอยู่ที่ไหน"
19 ท่านจะไม่เห็นชนชาติที่ดุร้ายอีก ชนชาติที่พูดคลุมเครือซึ่งท่านฟังไม่ออก ที่พูดต่างภาษาซึ่งท่านเข้าใจไม่ได้
20 จงมองศิโยน เมืองแห่งเทศกาลของเรา ตาของท่านจะเห็นเยรูซาเล็ม เป็นที่อยู่ที่สงบ เป็นเต็นท์ที่ไม่ต้องขนย้าย หลักหมุดเต็นท์จะไม่รู้จักถอนขึ้น เชือกผูกก็ไม่รู้จักขาด
21 แต่นั่นพระเจ้าจะทรงอยู่กับเราด้วยความโอ่อ่าตระการ ในที่ที่มีแม่น้ำและลำธารกว้าง ที่ไม่มีเรือกรรเชียงใหญ่แล่นไป ที่ไม่มีเรืองามโอ่อ่าผ่านไป
22 เพราะพระเจ้าทรงเป็นผู้พิพากษาของเรา พระเจ้าทรงเป็นผู้ครอบครองของเรา พระเจ้าทรงเป็นบรมมหากษัตริย์ของเรา พระองค์จะทรงช่วยเราให้รอด
23 สายโยงของเจ้าห้อยหย่อน มันจะยึดเสาให้แน่นไม่ได้ หรือยึดใบให้กางไม่ได้ แล้วเขาจะแบ่งเหยื่อและของที่ริบได้เป็นอันมากนั้น แม้คนง่อยก็จะเอาเหยื่อได้
24 ไม่มีชาวเมืองคนใดจะกล่าวว่า "ข้าป่วยอยู่" ประชาชนผู้อาศัยอยู่ที่นั่นจะได้รับอภัยความบาปผิดของเขา
อิสยาห์ 34
1 โอ บรรดาประชาชาติเอ๋ย จงเข้ามาใกล้จะได้ฟัง และ โอ ชนชาติทั้งหลายเอ๋ยฟังซิ ขอให้แผ่นดินโลก และสรรพสิ่งในนั้นฟัง ทั้งพิภพและบรรดาสิ่งที่มาจากพิภพ
2 เพราะพระเจ้าทรงเกรี้ยวกราดต่อประชาชาติทั้งสิ้น และดุเดือดต่อพลโยธาทั้งสิ้นของเขา พระองค์ทรงคาดโทษเขา และมอบเขาไว้แก่การฆ่า
3 คนที่ถูกฆ่าของเขาจะถูกเหวี่ยงออกไป และกลิ่นเหม็นแห่งศพของเขาจะฟุ้งไป โลหิตของเขาจะนองภูเขา
4 บริวารทั้งสิ้นของฟ้าสวรรค์จะเน่าไป และท้องฟ้าก็จะม้วนเหมือนหนังสือม้วน บริวารทั้งสิ้นของมันจะร่วงหล่น เหมือนใบไม้หล่นจากเถาองุ่น อย่างใบไม้หล่นจากต้นมะเดื่อ
5 เพราะว่าดาบของเราได้ดื่มจนอิ่มในฟ้าสวรรค์ ดูเถิด มันลงมาเพื่อการพิพากษาเอโดม เราได้คาดโทษชนชาตินี้แล้ว
6 พระเจ้ามีพระแสงดาบอาบโลหิต เกรอะกรังไปด้วยไขมัน กับเลือดของลูกแกะและแพะ กับไขมันของไตแกะผู้ เพราะพระเจ้ามีการฆ่าบูชาในเมืองโบสราห์ การฆ่าขนาดใหญ่ในแผ่นดินเอโดม
7 วัวกระทิงล้มลงพร้อมกับเขาด้วย และวัวหนุ่มล้มอยู่กับวัวที่ฉกรรจ์ แผ่นดินของเขาจะโชกไปด้วยเลือด และดินจะได้อุดมด้วยไขมัน
8 เพราะพระเจ้าทรงมีวันเพื่อการแก้แค้น มีปีแห่งการตอบแทนเพื่อเหตุของศิโยน
9 และลำธารแห่งเอโดมจะกลายเป็นยางมะตอย และดินของเมืองนี้จะกลายเป็นกำมะถัน แผ่นดินนี้จะกลายเป็นยางมะตอยที่ลุกอยู่
10 ทั้งกลางคืนและกลางวันจะไม่ดับ ควันของมันจะขึ้นอยู่เสมอเป็นนิตย์ มันจะถูกทิ้งร้างอยู่ชั่วชาติพันธุ์ ไม่มีใครผ่านไปเนืองนิตย์
11 แต่นกกระทุงและอีกาบ้านจะยึดมันเป็นกรรมสิทธิ์ นกทึดทือและกาจะอาศัยอยู่ที่นั่น พระองค์จะทรงขึงสายแห่งความยุ่งเหยิงเหนือมัน และปล่อยลูกดิ่งแห่งความว่างเปล่า
12 ฝ่ายเจ้านายของมันเขาจะให้ชื่อว่า ไม่มีราชอาณาจักรที่นั่น และเจ้านายของมันจะไม่มีค่าเลย
13 หนามไก่ไห้จะงอกเหนือที่กำบังเข้มแข็งของมัน ตำแยและต้นกระชับจะงอกในป้อมปราการของมัน จะเป็นที่หมาป่าอยู่ และเป็นลานของนกกระจอกเทศ
14 และสัตว์ป่าจะพบกับหมาจิ้งจอก เมษปีศาจจะร้องหาเพื่อนของมัน เออ ผีลงมาที่นั่น และหาที่ตัวพัก
15 นกฮูกจะทำรังและตกฟองที่นั่น และกกไข่และรวบรวมลูกอ่อนไว้ในเงาของมัน เออเหยี่ยวปีกดำจะรวมกันที่นั่น ต่างคู่ก็อยู่กับของมัน
16 จงเสาะหาและอ่านจากหนังสือของพระเจ้า สัตว์เหล่านี้จะไม่ขาดไปสักอย่างเดียว ไม่มีตัวใดที่จะไม่มีคู่ เพราะพระโอษฐ์ของพระเจ้าได้บัญชาไว้แล้ว และพระวิญญาณของพระองค์ได้รวบรวมไว้
17 พระองค์ทรงจับฉลากให้มันแล้ว พระหัตถ์ของพระองค์ได้ปันส่วนให้มันด้วยเชือกวัด มันทั้งหลายจะได้กรรมสิทธิ์เป็นนิตย์ มันจะอาศัยอยู่ในนั้นทุกชั่วชาติพันธุ์
อิสยาห์ 35
1 ถิ่นทุรกันดารและที่แห้งแล้งจะยินดี ทะเลทรายจะเปรมปรีดิ์และผลิดอก อย่างต้นดอกฝรั่น
2 มันจะออกดอกอุดม และเปรมปรีดิ์ด้วยความชื่นบานและการร้องเพลง ศักดิ์ศรีของเลบานอนก็จะประทานให้มัน ทั้งความโอ่อ่าตระการของคารเมลและชาโรน ที่เหล่านี้จะเห็นพระสิริของพระเจ้า ความโอ่อ่าตระการของพระเจ้าของพวกเรา
3 จงหนุนกำลังของมือที่อ่อน และกระทำหัวเข่าที่อ่อนให้มั่นคง
4 จงกล่าวกับคนที่มีใจคร้ามกลัวว่า "จงแข็งแรงเถอะ อย่ากลัว ดูเถิด พระเจ้าของท่านทั้งหลาย จะเสด็จมาด้วยการแก้แค้น พระองค์จะเสด็จมาและช่วยท่านให้รอด ด้วยการตอบแทนของพระเจ้า"
5 แล้วนัยน์ตาของคนตาบอดจะเปิดออก แล้วหูของคนหูหนวกจะเบิก
6 แล้วคนง่อยจะกระโดดได้อย่างกวาง และลิ้นของคนใบ้จะร้องเพลง ด้วยความชื่นบาน เพราะน้ำจะพลุ่งขึ้นมาในป่าดอน และลำธารจะพลุ่งขึ้นในทะเลทราย
7 ทรายที่ร้อนจัดจะเป็นสระน้ำ และดินที่แตกระแหงจะเป็นน้ำพุ ในที่ที่หมาป่านอนอยู่ หญ้าจะกลายเป็นต้นอ้อและต้นกก
8 และจะมีทางหลวงที่นั่น และเขาจะเรียกทางนั้นว่า วิสุทธิมรรค คนไม่สะอาดจะไม่เดินทางนั้น แม้คนโง่ก็จะไม่หลงในนั้น
9 จะไม่มีสิงห์ที่นั่น หรือจะไม่มีสัตว์ร้ายมาบนทางนั้น จะหามันที่นั่นไม่พบ แต่ผู้ที่ไถ่ไว้แล้วจะเดินบนนั้น
10 ผู้ที่รับการไถ่แล้วของพระเจ้าจะกลับ และจะมายังศิโยนด้วยร้องเพลง มีความชื่นบานเป็นนิตย์บนศีรษะของเขาทั้งหลาย เขาจะได้รับความชื่นบานและความยินดี ความโศกเศร้าและการถอนหายใจจะปลาตไปเสีย
อิสยาห์ 36
1 ในปีที่สิบสี่แห่งรัชกาลกษัตริย์เฮเซคียาห์ เซนนาเคอริบพระราชาแห่งอัสซีเรียได้ ยกขึ้นมาต่อสู้บรรดานครที่มีป้อมของยูดาห์ และยึดได้
2 และพระราชาแห่งอัสซีเรียได้รับสั่ง ให้รับชาเคห์ ไปจากเมืองลาคีชถึงกรุงเยรูซาเล็ม เข้าเฝ้ากษัตริย์เฮเซคียาห์ พร้อมกับกองทัพใหญ่ และท่านมายืนอยู่ทางรางระบายน้ำสระบนที่ถนนลานซักฟอก
3 เอลียาคิมบุตรฮิลคียาห์ก็ออกมาหาท่าน เอลียาคิมเป็นผู้บัญชาการราชสำนัก พร้อมกับเชบนาราชเลขาและโยอาห์บุตรชายอาสาฟ เจ้ากรมสารบรรณ
4 และรับชาเคห์พูดกับเขาว่า "จงทูลเฮเซคียาห์ว่า 'พระมหาราชา คือพระราชาแห่งอัสซีเรียตรัสดังนี้ว่า ท่านวางใจในอะไร
5 ท่านคิดว่า เพียงแต่ถ้อยคำก็เป็นยุทธศาสตร์และแสนยานุภาพหรือ เดี๋ยวนี้ท่านพึ่งใคร ท่านจึงได้กบฏต่อเรา
6 ดูเถิด เดี๋ยวนี้ท่านพึ่งไม้เท้าอ้อที่เดาะ คืออียิปต์ ซึ่งจะตำมือของคนใดๆ ที่ใช้ไม้เท้านั้นยันฟาโรห์พระราชาแห่งอียิปต์ เป็นเช่นนั้นต่อผู้ที่หวังพึ่งเขา
7 แต่ถ้าท่านจะบอกเราว่า "เราวางใจในพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเรา" ก็ปูชนียสถานที่สูงและแท่นบูชาของพระนั้นมิใช่ หรือที่เฮเซคียาห์รื้อทิ้งเสียแล้ว พลางกล่าวแก่ยูดาห์และเยรูซาเล็มว่า "ท่านทั้งหลายจงนมัสการที่หน้าแท่นบูชานี้"
8 มาเถิด มาทำสัญญากันกับพระราชาแห่งอัสซีเรียนายของข้า เราจะให้ม้าสองพันตัวแก่เจ้า ถ้าฝ่ายเจ้าหาคนที่ขี่ม้าเหล่านั้นได้
9 แล้วอย่างนั้นเจ้าจะขับไล่นายกองแต่เพียงคนเดียว ในหมู่ข้าราชการผู้น้อยที่สุดของนายของเราอย่างไรได้ แต่เจ้ายังวางใจพึ่งอียิปต์เพื่อรถรบและเพื่อพลม้า
10 ยิ่งกว่านั้นอีกที่เรามาต่อสู้แผ่นดินนี้เพื่อทำลายเสีย ก็ขึ้นมาโดยปราศจากพระเจ้าหรือ พระเจ้าตรัสแก่ข้าว่า จงขึ้นไปต่อสู้แผ่นดินนี้และทำลายเสีย'"
11 แล้วเอลียาคิม เชบนา และโยอาห์ เรียนรับชาเคห์ว่า "ขอทีเถอะ ขอพูดกับผู้รับใช้ของท่านเป็นภาษาอารัมเถิด เพราะเราเข้าใจภาษานั้น ขออย่าพูดกับเราเป็นภาษายฮูดาห์ให้ประชาชนผู้อยู่บนกำแพงได้ยินเลย"
12 แต่รับชาเคห์ว่า "นายของเราใช้ให้เรามาพูดถ้อยคำ เหล่านี้แก่นายของเจ้าและแก่เจ้า และไม่ให้พูดกับคนที่นั่งอยู่บนกำแพง ผู้ที่จะต้องกินขี้และกินเยี่ยวของเขา พร้อมกับเจ้าอย่างนั้นหรือ"
13 แล้วรับชาเคห์ได้ยืนร้องตะโกนเสียงดังเป็นภาษายฮูดาห์ว่า "จงฟังพระวจนะของพระมหาราชา คือพระราชาแห่งอัสซีเรีย
14 พระราชาตรัสดังนี้ว่า 'อย่าให้เฮเซคียาห์ลวงเจ้า เพราะเขาไม่สามารถที่จะช่วยกู้เจ้า
15 อย่าให้เฮเซคียาห์กระทำให้เจ้าพึ่งในพระเจ้า โดยกล่าวว่า 'พระเจ้าจะทรงช่วยกู้เราแน่จะไม่ทรงมอบเมืองนี้ไว้ใน มือของพระราชาแห่งอัสซีเรีย"
16 อย่าฟังเฮเซคียาห์เพราะพระราชาแห่งอัสซีเรียตรัสดังนี้ว่า ดีกันเถอะน่ะ และออกมาหาเรา แล้วทุกคนจะได้กินจากเถาองุ่นของตน และกินจากต้นมะเดื่อของตน และทุกคนจะดื่มน้ำจากที่ขังน้ำของตน
17 จนเราจะนำเจ้าไปยังแผ่นดินที่เหมือนแผ่นดินของเจ้าเอง เป็นแผ่นดินที่มีข้าวและเหล้าองุ่น แผ่นดินที่มีขนมปังและสวนองุ่น
18 จงระวัง เกลือกว่าเฮเซคียาห์จะนำเจ้าผิดไป โดยกล่าวว่า "พระเจ้าจะทรงช่วยกู้เรา" มีพระแห่งบรรดาประชาชาติองค์ใดเคยกู้แผ่นดิน ของตนให้พ้นจากพระหัตถ์แห่งพระราชาของอัสซีเรียได้หรือ
19 พระของเมืองฮามัท และเมืองอารปัดอยู่ที่ไหน พระของเมืองเสฟารวาอิมอยู่ที่ไหน เขาได้ช่วยกู้สะมาเรียจากมือของเราหรือ
20 พระองค์ใดในบรรดาพระทั้งหลายของ ประเทศเหล่านี้ได้ช่วยกู้ประเทศของตนจากมือของเรา แล้วพระเจ้าจะทรงช่วยกู้เยรูซาเล็ม จากมือของเราหรือ"
21 แต่เขาทั้งหลายนิ่ง ไม่ตอบเขาสักคำเดียว เพราะพระบัญชาของพระราชามีว่า "อย่าตอบเขาเลย"
22 แล้วเอลียาคิมบุตรฮิลคียาห์ ผู้บัญชาการราชสำนัก และเชบนาราชเลขา และโยอาห์บุตรอาสาฟ เจ้ากรมสารบรรณ ได้เข้าเฝ้าเฮเซคียาห์ด้วยเสื้อผ้าฉีกขาด และกราบทูลถ้อยคำของรับชาเคห์
อิสยาห์ 37
1 เมื่อกษัตริย์เฮเซคียาห์ทรงได้ยิน พระองค์ก็ฉีกฉลองพระองค์เสีย และทรงเอาผ้ากระสอบคลุมพระองค์ และเสด็จเข้าในพระนิเวศของพระเจ้า
2 และพระองค์ทรงใช้เอลียาคิม ผู้บัญชาการราชสำนัก และเชบนาราชเลขา และปุโรหิตผู้อาวุโสคลุมตัวด้วยผ้ากระสอบ ไปหาอิสยาห์ผู้เผยพระวจนะ บุตรชายของอามอส
3 เขาทั้งหลายเรียนท่านว่า "เฮเซคียาห์ตรัสดังนี้ว่า 'วันนี้เป็นวันทุกข์ใจ วันถูกขนาบและอดสู เด็กที่ถึงกำหนดคลอดก็ไม่มีกำลังเบ่งให้คลอด
4 ชะรอยพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านคงได้ยินถ้อยคำ ของรับชาเคห์ ผู้ซึ่งพระราชาแห่งอัสซีเรียนายของเขาได้สั่งมา ให้เย้ยพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์ และจะทรงขนาบถ้อยคำซึ่งพระเยโฮวาห์ พระเจ้าของท่านทรงสดับ เพราะฉะนั้น ก็ขอท่านถวายคำอธิษฐานเพื่อส่วนคนที่เหลืออยู่นี้'"
5 เมื่อข้าราชการของกษัตริย์เฮเซคียาห์มาถึงอิสยาห์
6 อิสยาห์ก็บอกเขาทั้งหลายว่า "จงทูลนายของท่านเถิดว่า พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า อย่ากลัวเพราะถ้อยคำที่เจ้าได้ยินนั้น ซึ่งข้าราชการของพระราชาของ อัสซีเรียได้กล่าวหยาบช้าต่อเรา
7 ดูเถิด เราจะบรรจุจิตใจอย่างหนึ่งในเขา เพื่อเขาจะได้ยินข่าวลือ และกลับไปยังแผ่นดินของเขา และเราจะให้เขาล้มลงด้วยดาบในแผ่นดินของเขาเอง"
8 รับชาเคห์ได้กลับไป และได้พบพระราชาแห่งอัสซีเรียสู้รบเมืองลิบนาห์ เพราะเขาได้ยินว่าพระราชาออกจากลาคีชแล้ว
9 พระองค์ทรงได้ยินเกี่ยวกับทีรหะคาห์ พระราชาแห่งเอธิโอเปียว่า "เขาได้ออกมาสู้รบกับพระองค์แล้ว" และเมื่อพระองค์ทรงสดับแล้ว จึงส่งผู้สื่อสารไปเฝ้าเฮเซคียาห์ทูลว่า
10 "เจ้าจงพูดกับเฮเซคียาห์พระราชาแห่งยูดาห์ดังนี้ว่า อย่าให้พระเจ้าของท่านซึ่งท่านพึ่งนั้นลวงท่าน ว่าเยรูซาเล็มจะมิได้ถูกมอบไว้ในมือของ พระราชาแห่งอัสซีเรีย
11 ดูเถิด ท่านได้ยินแล้วว่าบรรดาพระราชาแห่งอัสซีเรีย ได้กระทำอะไรกับประเทศทั้งสิ้นบ้างทำลายเสีย หมดอย่างสิ้นเชิง ส่วนท่านเองจะรับการช่วยกู้ให้พ้นหรือ
12 บรรดาพระของบรรดาประชาชาติ ได้ช่วยกู้เขาให้พ้นหรือ คือ ประชาชาติซึ่งบรรพบุรุษของเราได้ทำลาย คือ โกเซน ฮาราน เรเซฟ และประชาชนของเอเดน ซึ่งอยู่ในเทลอัสสาร์
13 พระราชาของฮามัท พระราชาของอารปัด พระราชาของเมืองเสฟารวาอิม เฮนาและอิฟวาห์อยู่ที่ไหน"
14 เฮเซคียาห์ทรงรับจดหมายจากมือผู้สื่อสาร และทรงอ่าน
15 และเฮเซคียาห์ได้ขึ้นไปยังพระนิเวศของพระเจ้า และทรงคลี่จดหมายนั้นออกต่อพระพักตร์พระเจ้า และเฮเซคียาห์ทรงอธิษฐานต่อพระเจ้าว่า
16 "ข้าแต่พระเจ้าจอมโยธา พระเจ้าแห่งอิสราเอล ผู้ทรงประทับเหนือเครูบ พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าแห่งบรรดาราช อาณาจักรของแผ่นดินโลก พระองค์แต่องค์เดียว พระองค์ได้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก
17 ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงเงี่ยพระกรรณสดับ ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงเบิกพระเนตรทอดพระเนตรและขอ ทรงฟังบรรดาถ้อยคำของเซนนาเคอริบ ซึ่งเขาได้ใช้มาเย้ยพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์
18 ข้าแต่พระเจ้า เป็นความจริงที่บรรดาพระราชา แห่งอัสซีเรียได้กระทำให้ประเทศทั้งสิ้น และแผ่นดินของเขานั้นร้างเปล่า
19 และได้เหวี่ยงพระของเขาเข้าไปในไฟ เพราะเขามิใช่พระ เป็นแต่ผลงานของมือมนุษย์เป็นไม้และหิน เพราะฉะนั้นเขาจึงถูกทำลายเสีย
20 ฉะนั้น บัดนี้ ข้าแต่พระเยโฮวาห์พระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลาย ขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้พ้นมือของเขา เพื่อราชอาณาจักรทั้งสิ้นแห่งแผ่นดินโลกจะทราบว่า พระองค์แต่พระองค์เดียวทรงเป็นพระเจ้า"
21 แล้วอิสยาห์บุตรอามอสได้ใช้ให้ไปเฝ้าเฮเซคียาห์ทูลว่า "พระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า เพราะเจ้าได้อธิษฐานต่อเราเกี่ยวกับเซนนาเคอริบ พระราชาแห่งอัสซีเรีย
22 ต่อไปนี้เป็นพระวจนะ ซึ่งพระเจ้าตรัสเกี่ยวกับท่านนั้นว่า 'ธิดาพรหมจารีแห่งศิโยน ดูถูกเจ้า และเย้ยเจ้า ธิดาแห่งเยรูซาเล็ม สั่นศีรษะตามหลังใส่เจ้า
23 'เจ้าเย้ยและกล่าวหยาบช้าต่อผู้ใด เจ้าขึ้นเสียงของเจ้าต่อผู้ใด และเบิ่งตาของเจ้าอย่างเย่อหยิ่งต่อผู้ใด ต่อองค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอลน่ะซิ
24 เจ้าได้เย้ยพระผู้เป็นเจ้าด้วยผู้รับใช้ของเจ้า และเจ้าได้ว่า ด้วยรถรบเป็นอันมากของข้า ข้าได้ขึ้นที่สูงของภูเขา ถึงที่ไกลสุดของเลบานอน ข้าโค่นต้นสนสีดาร์ที่สูงที่สุดของมันลง ทั้งต้นสนสามใบที่ดีที่สุดของมัน ข้าเข้าไปยังที่ยอดลิบที่สุดของมัน ที่ป่าไม้ที่ทึบที่สุดของมัน
25 ข้าขุดบ่อ และดื่มน้ำ ข้าจะเอาฝ่าเท้าของข้ากวาด ธารน้ำทั้งสิ้นของอียิปต์ให้แห้งไป
26 'เจ้าไม่ได้ยินหรือว่า เราได้จัดไว้นานแล้ว เราได้กะแผนงานไว้แต่ดึกดำบรรพ์ ซึ่งณบัดนี้เราให้เป็นไปแล้ว คือเจ้าจะทำเมืองที่มีป้อมให้พังลง ให้เป็นกองสิ่งปรักหักพัง
27 ส่วนชาวเมืองนั้นถูกตัดมือตัดตีน ก็แย่และอับอาย และกลายเป็นเหมือนต้นไม้ที่ทุ่งนา และเหมือนหญ้าอ่อน เหมือนหญ้าที่บนยอดหลังคาเรือน เหมือนผักก่อนมันจะได้งอกงามอย่างนั้นหรือ
28 'แต่เราได้รู้จักการที่เจ้านั่งลง กับการออกไปและเข้ามาของเจ้า และการเกรี้ยวกราดของเจ้าต่อเรา
29 เพราะเจ้าได้เกรี้ยวกราดต่อเรา และความจองหองของเจ้าได้มาเข้าหูของเรา ฉะนั้น เราจะเอาขอของเราเกี่ยวจมูกเจ้า และบังเหียนของเราใส่ปากเจ้า และเราจะหันเจ้ากลับไปตามทาง ซึ่งเจ้ามานั้น'
30 "และนี่จะเป็นหมายสำคัญแก่เจ้า คือปีนี้เจ้าจะกินสิ่งที่งอกขึ้นเอง และในปีที่สองสิ่งที่ผลิจากเดิม แล้วในปีที่สาม จงหว่าน และเกี่ยว และทำสวนองุ่นและกินผลของมัน
31 ส่วนที่รอดและคนที่เหลืออยู่แห่งเชื้อวงศ์ของ ยูดาห์จะหยั่งรากลงไป และเกิดผลขึ้นบน
32 เพราะว่าส่วนคนที่เหลืออยู่จะออกไปจากเยรูซาเล็ม และส่วนที่รอดมาจะออกมาจากภูเขาศิโยน ความกระตือรือร้นของพระเจ้าจอมโยธาจะกระทำการนี้
33 "เพราะฉะนั้น พระเจ้าจึงตรัสเกี่ยวกับพระราชา แห่งอัสซีเรียดังนี้ว่า ท่านจะไม่เข้าในนครนี้หรือยิงลูกธนูไปที่นั่น หรือถือโล่เข้ามาข้างหน้านครหรือสร้างเชิงเทินสู้มัน
34 ท่านมาทางใด ท่านจะต้องกลับไปทางนั้น ท่านจะไม่เข้ามาในนครนี้ พระเจ้าตรัสดังนี้แหละ
35 และเราจะป้องกันนครนี้ไว้เพื่อให้รอด เพื่อเห็นแก่เราเอง และเห็นแก่ดาวิดผู้รับใช้ของเรา"
36 ทูตของพระเจ้าได้ออกไป และได้ประหารคนในค่ายแห่งคนอัสซีเรียเสียหนึ่งแสน แปดหมื่นห้าพันคน และเมื่อลุกขึ้นในเวลาเช้ามืด ดูเถิด พวกเหล่านั้นเป็นศพทั้งนั้น
37 แล้วเซนนาเคอริบพระราชาแห่งอัสซีเรียก็ได้ ยกไปและกลับบ้าน และอยู่ในนีนะเวห์
38 ขณะเมื่อท่านนมัสการในโบสถ์ของพระนิสโรกพระเจ้าของท่าน อัดรัมเมเลค และชาเรเซอร์ โอรสของท่านก็ประหารท่านเสียด้วยดาบ และหนีไปยังแผ่นดินอารารัต และเอสารฮัดโดนโอรสของท่านขึ้นครอบครองแทนท่าน
อิสยาห์ 38
1 ครั้งนั้น เฮเซคียาห์ทรงประชวรใกล้จะสิ้นพระชนม์ และผู้เผยพระวจนะอิสยาห์บุตรอามอสเข้ามาเฝ้าพระองค์ และทูลพระองค์ว่า "พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า จงจัดการการบ้านการเมืองให้เรียบร้อย เจ้าจะต้องตาย เจ้าจะไม่ฟื้น"
2 แล้วเฮเซคียาห์ทรงหันพระพักตร์เข้าข้างฝา และอธิษฐานต่อพระเจ้าว่า
3 "ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงระลึกถึงว่า ข้าพระองค์ได้ดำเนินอยู่ต่อพระพักตร์พระองค์ด้วย ความซื่อสัตย์และสิ้นสุดใจ และได้กระทำสิ่งที่ดีในสายพระเนตรของพระองค์" และเฮเซคียาห์ทรงกันแสงมากยิ่ง
4 แล้วพระวจนะของพระเจ้ามาถึงอิสยาห์ว่า
5 "จงไปบอกเฮเซคียาห์ว่า พระเยโฮวาห์พระเจ้าของดาวิด บรรพบุรุษของเจ้าตรัสดังนี้ว่า เราได้ยินคำอธิษฐานของเจ้าแล้ว เราได้เห็นน้ำตาของเจ้าแล้ว ดูเถิด เราจะเพิ่มชีวิตให้เจ้าสิบห้าปี
6 เราจะช่วยกู้เจ้าและเมืองนี้จาก มือของพระราชาอัสซีเรีย และป้องกันเมืองนี้ไว้
7 นี่เป็นหมายสำคัญสำหรับฝ่าพระบาทจากพระเจ้า ที่พระเจ้าจะทรงกระทำสิ่งนี้ตามที่พระองค์ได้ทรงสัญญาไว้
8 ดูเถิด เราจะกระทำให้เงาที่ดวงอาทิตย์ ทอดมาบนนาฬิกาแดดของอาหัสย้อนกลับมาสิบขั้น" ดวงอาทิตย์ก็ได้ย้อนกลับบนนาฬิกาแดดสิบขั้น ตามขั้นที่ได้ตกไป
9 บทประพันธ์ของเฮเซคียาห์พระราชาแห่งยูดาห์ หลังจากที่พระองค์ได้ทรงประชวร และทรงฟื้นจากการประชวรของพระองค์นั้น มีว่า
10 ข้าพเจ้าว่า เมื่อชีวิตของข้าพเจ้ามาถึงกลางคน ข้าพเจ้าจะต้องพรากไป ข้าพเจ้าถูกมอบไว้ที่ประตูแดนคนตาย ตลอดชีวิตบั้นปลายของข้าพเจ้า
11 ข้าพเจ้าว่า ข้าพเจ้าจะไม่เห็นพระเจ้า ในแผ่นดินของผู้มีชีวิต ข้าพเจ้าจะมองไม่เห็นมนุษย์อีก ที่ในหมู่ชาวแผ่นดินโลก
12 ที่อยู่ของข้าพเจ้าถูกรื้อถอนออกไปจากข้าพเจ้า อย่างกับเต็นท์ของผู้เลี้ยงแกะ ข้าพเจ้าได้ม้วนชีวิตของข้าพเจ้าเหมือนอย่างคนทอผ้า พระองค์ทรงตัดข้าพเจ้าออกจากหูก พระองค์ทรงนำข้าพเจ้ามาถึงอวสานทั้งวันและคืน
13 ข้าพเจ้าได้ถ่อมตัวลงจนรุ่งเช้า พระองค์ทรงหักกระดูกทั้งสิ้นของข้าพเจ้าเหมือนอย่างสิงห์ พระองค์ทรงนำข้าพเจ้ามาถึงอวสานทั้งวันและคืน
14 ข้าพเจ้าร้องอย่างนกนางแอ่นหรือนกกรอด ข้าพเจ้าพิลาปอย่างนกพิราบ ตาของข้าพเจ้าเหนื่อยอ่อนด้วยมองขึ้นข้างบน ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์ถูกบีบบังคับ ขอพระองค์ทรงเป็นผู้ประกันของข้าพระองค์
15 แต่ข้าพเจ้าจะพูดอะไรได้ เพราะพระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าแล้ว และพระองค์เองได้ทรงกระทำเช่นนั้น ข้าพเจ้าก็ดำเนินไปด้วยความสงบเสงี่ยม ตลอดชีวิตของข้าพเจ้า เพราะความขมขื่นแห่งจิตใจของข้าพเจ้า
16 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า มนุษย์ดำรงชีพอยู่ได้ด้วย สิ่งเหล่านี้ และชีวิตแห่งวิญญาณของข้าพระองค์ก็อยู่ในสิ่งเหล่านี้ ขอทรงให้ข้าพระองค์หายดีและขอทรง ทำให้ข้าพระองค์มีชีวิต
17 นี่แน่ะ เพราะเห็นแก่สวัสดิภาพของข้าพระองค์ ข้าพระองค์จึงมีความขมขื่นมากยิ่ง แต่พระองค์ทรงรักชีวิตของข้าพระองค์ ไม่ให้ตกหลุมแห่งความพินาศ เพราะพระองค์ทรงเหวี่ยงบาปทั้งสิ้นของข้าพระองค์ ไว้เบื้องพระปฤษฎางค์ของพระองค์
18 เพราะแดนคนตายโมทนาพระคุณพระองค์ไม่ได้ ความมรณาสรรเสริญพระองค์ไม่ได้ บรรดาคนที่ลงไปยังปากแดนคนตายนั้น จะหวังในสัจธรรมของพระองค์ไม่ได้
19 คนเป็น คนเป็น เขาโมทนาพระคุณพระองค์ อย่างที่ข้าพระองค์กระทำในวันนี้ บิดาได้สำแดง ถึงสัจธรรมของพระองค์แก่ลูกของเขา
20 พระเจ้าจะทรงช่วยข้าพเจ้าให้รอด และข้าพเจ้าทั้งหลายจะเล่นเครื่องสายของข้าพเจ้า ตลอดวันเวลาแห่งชีวิตของข้าพเจ้าทั้งหลาย ที่พระนิเวศของพระเจ้า
21 ฝ่ายอิสยาห์ได้กล่าวว่า "ให้เขาเอาขนมมะเดื่อมาแผ่นหนึ่ง และแปะไว้ที่พระยอด เพื่อพระองค์จะฟื้น"
22 เฮเซคียาห์ได้ตรัสด้วยว่า "อะไรจะเป็นหมายสำคัญว่า ข้าพเจ้าจะได้ขึ้นไปยังพระนิเวศของพระเจ้า"
อิสยาห์ 39
1 คราวนั้น เมโรดัคบาลาดันโอรสของบาลาดัน พระราชาแห่งบาบิโลน ทรงส่งราชสารและเครื่องบรรณาการมายังเฮเซคียาห์ เพราะพระองค์ทรงได้ยินว่าเฮเซคียาห์ทรงประชวร และทรงหายประชวรแล้ว
2 และเฮเซคียาห์ทรงเปรมปรีดิ์เพราะเขาเหล่านั้น และทรงพาเขาชมคลังทรัพย์ของพระองค์ ชมเงิน ทองคำ และเครื่องเทศ และน้ำมันประเสริฐ และคลังแสงของพระองค์ ทุกอย่างซึ่งมีในท้องพระคลัง ไม่มีสิ่งใดที่ในพระราชวังหรือในราชอาณาจักร ของพระองค์ซึ่งเฮเซคียาห์มิได้ทรงสำแดงแก่เขา
3 แล้วผู้เผยพระวจนะอิสยาห์ก็เข้าเฝ้ากษัตริย์ เฮเซคียาห์และทูลพระองค์ว่า "คนเหล่านี้ทูลอะไรบ้าง และเขามาแต่ไหนเข้าเฝ้าพระองค์" เฮเซคียาห์ตรัสว่า "เขาได้มาหาเราจากเมืองไกล จากบาบิโลน"
4 ท่านทูลว่า "เขาเห็นอะไรในพระราชวังของพระองค์บ้าง" และเฮเซคียาห์ตรัสตอบว่า "เขาเห็นทุกอย่างในวังของเรา ไม่มีสิ่งใดในพระคลังของเราซึ่งเรามิได้สำแดงแก่เขา"
5 แล้วอิสยาห์ทูลเฮเซคียาห์ว่า "ขอทรงฟังพระวจนะของพระเจ้าจอมโยธา
6 ดูเถิด วันเวลากำลังย่างเข้ามา เมื่อสรรพสิ่งทั้งสิ้นในวังของเจ้า และสิ่งซึ่งบรรพบุรุษของเจ้าได้สะสมจนถึงทุกวันนี้จะ ต้องถูกเอาไปยังบาบิโลน จะไม่มีสิ่งใดเหลือเลย พระเจ้าตรัสดังนี้แหละ
7 และลูกบางคนซึ่งถือกำเนิดจากเจ้า ผู้ซึ่งเกิดมา แก่เจ้าจะถูกนำเอาไป และเขาจะเป็นขันทีในวังของราชาแห่ง บาบิโลน
8 แล้วเฮเซคียาห์ตรัสกับอิสยาห์ว่า "พระวจนะของพระเจ้าซึ่งท่านกล่าวนั้นก็ดีอยู่" เพราะพระองค์ดำริว่า "จะมีความอยู่เย็นเป็นสุขและความปลอดภัย ในวันเวลาของเรานี้"
อิสยาห์ 40
1 พระเจ้าของเจ้าตรัสว่า จงเล้าโลม จงเล้าโลมชนชาติของเรา
2 จงพูดกับเยรูซาเล็มอย่างเห็นใจ และจงบอกเมืองนั้นว่า การสงครามของเธอสิ้นสุดลงแล้ว และความบาปผิดของเธอก็อภัยเสียแล้ว และได้รับโทษจากพระหัตถ์ของพระเจ้าแล้ว เป็นสองเท่าของความบาปผิดของเธอ
3 เสียงหนึ่งร้องว่า "จงเตรียมมรรคาแห่งพระเจ้าในถิ่นทุรกันดาร จงทำทางหลวงสำหรับพระเจ้าของเราให้ตรงไปในทะเลทราย
4 หุบเขาทุกแห่งจะถูกยกขึ้น ภูเขาและเนินทุกแห่งจะให้ต่ำลง ที่ลุ่มๆดอนๆ จะให้เสมอ และที่สูงๆต่ำๆ ให้เป็นที่ราบ
5 และจะเผยพระสิริของพระเจ้า และมนุษย์ทั้งสิ้นจะได้เห็นด้วยกัน เพราะพระโอษฐ์ของพระเจ้าตรัสไว้แล้ว"
6 เสียงหนึ่งร้องว่า "ร้องซิ" และข้าพเจ้าว่า "ข้าจะร้องว่ากระไร" บรรดามนุษย์และสัตว์ก็เป็นเหมือนต้นหญ้า และความงามทั้งสิ้นของมันก็เหมือนดอกไม้แห่งทุ่งนา
7 หญ้านั้นก็เหี่ยวแห้ง ดอกไม้นั้นก็ร่วงโรยไป เมื่อพระปัสสาสะของพระเจ้าเป่ามาถูกมัน มนุษยชาติเป็นหญ้าแน่ทีเดียว
8 หญ้านั้นก็เหี่ยวแห้ง ดอกไม้นั้นก็ร่วงโรยไป แต่พระวจนะของพระเจ้าของเรา จะยั่งยืนอยู่เป็นนิตย์
9 โอ ศิโยนเอ๋ย ผู้นำข่าวดี เจ้าจงขึ้นไปบนภูเขาสูง โอ เยรูซาเล็มเอ๋ย ผู้นำข่าวดี จงเปล่งเสียงของเจ้าด้วยเต็มกำลัง จงเปล่งเสียงเถิด อย่ากลัวเลย จงกล่าวแก่หัวเมืองแห่งยูดาห์ว่า "ดูเถิด นี่พระเจ้าของเจ้า"
10 ดูเถิด พระเจ้าเสด็จมาด้วยอานุภาพ และพระกรของพระองค์ครอบครองเพื่อพระองค์ ดูเถิด รางวัลของพระองค์ก็อยู่กับพระองค์ และค่าตอบแทนของพระองค์ ก็อยู่ต่อพระพักตร์พระองค์
11 พระองค์จะทรงเลี้ยงฝูงแพะแกะ ของพระองค์อย่างผู้เลี้ยงแกะ พระองค์จะทรงรวบรวมลูกแกะไว้ในพระกรของพระองค์ พระองค์จะทรงอุ้มไว้ที่พระทรวง และทรงค่อยๆนำบรรดาที่มีลูกอ่อนไป พระเจ้าผู้หาที่เปรียบมิได้ของอิสราเอล
12 ผู้ใดได้เคยตวงน้ำทั้งสิ้นด้วยอุ้งมือของตน และวัดฟ้าสวรรค์ด้วยคืบเดียว บรรจุผงคลีของแผ่นดินโลกไว้ในถังเดียว และชั่งภูเขาในตาชั่ง และชั่งเนินด้วยตราชู
13 ผู้ใดได้ให้กำหนดแก่พระวิญญาณของพระเจ้า หรือเป็นที่ปรึกษาของพระองค์ ให้คำแนะนำแก่พระองค์
14 พระองค์ทรงปรึกษาผู้ใดเพื่อพระองค์จะทรงรู้แจ้ง และผู้ใดสอนทางแห่งความยุติธรรมให้พระองค์ และสอนความรู้แก่พระองค์ และสำแดงให้พระองค์เห็นทางแห่งความเข้าใจ
15 ดูเถิด บรรดาประชาชาติก็เหมือนน้ำหยดหนึ่งจากถัง และนับว่าเหมือนผงบนตาชั่ง ดูเถิด พระองค์ทรงหยิบเกาะทั้งหลายขึ้นมาเหมือนผงคลี
16 เลบานอนไม่พอเป็นฟืน และสัตว์ของป่านั้นก็ไม่พอเป็นเครื่องเผาบูชา
17 ต่อพระองค์บรรดาประชาชาติทั้งสิ้น ก็เหมือนไม่มีอะไรเลย พระองค์ทรงนับว่าเขาน้อยยิ่งกว่าศูนย์และศูนยภาพ
18 ท่านจะเปรียบพระเจ้าเหมือนผู้ใด หรือเปรียบพระองค์คล้ายกับอะไร
19 รูปเคารพน่ะหรือ ช่างเขาหล่อมันไว้ ช่างทองเอาทองคำปิดไว้ และหล่อสร้อยเงินให้
20 เขาผู้ที่ยากจนก็เลือกสิ่งที่เป็นเครื่องบูชา เป็นไม้ที่ไม่ผุ เขาเสาะหาช่างที่มีฝีมือ มาตกแต่งให้เป็นรูปเคารพที่ไม่หวั่นไหว
21 ท่านทั้งหลายไม่เคยรู้หรือ ท่านไม่เคยได้ยินหรือ ไม่มีผู้ใดบอกท่านตั้งแต่แรกแล้วหรือ ท่านไม่เข้าใจรากฐานของแผ่นดินโลกหรือ
22 คือพระองค์ผู้ประทับเหนือปริมณฑลของแผ่นดินโลก และชาวแผ่นดินโลกก็เหมือนอย่างตั๊กแตนโม ผู้ทรงขึงฟ้าสวรรค์เหมือนขึงม่าน และกางออกเหมือนเต็นท์ที่อาศัย
23 ผู้ทรงกระทำเจ้านายให้เป็นเหมือนเปล่า และทรงกระทำให้ผู้ครอบครอง แผ่นดินโลกเป็นเหมือนศูนยภาพ
24 พอปลูกเขาเหล่านั้นเสร็จ พอหว่านเสร็จ พอที่รากหยั่งลง พระองค์ก็เป่ามาบนเขา เขาก็เหี่ยวแห้งไป และพายุก็พัดพาเขาไปเหมือนตอข้าว
25 องค์บริสุทธิ์ตรัสว่า เจ้าจะเปรียบเรากับผู้ใดเล่า ซึ่งเราจะเหมือนเขา
26 จงแหงนหน้าขึ้นดูว่า ผู้ใดสร้างสิ่งเหล่านี้ พระองค์ผู้ทรงนำบริวารออกมาตามจำนวน เรียกชื่อมันทั้งหมด โดยอานุภาพอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ และเพราะพระองค์ทรงฤทธิ์เข้มแข็ง จึงไม่ขาดไปสักดวงเดียว
27 โอ ยาโคบเอ๋ย ทำไมเจ้าจึงว่า โอ อิสราเอลเอ๋ย ทำไมจึงพูดว่า "ทางของข้าพเจ้าปิดบังไว้จากพระเจ้า และความยุติธรรมอันควรตกแก่ข้าพเจ้านั้น ก็ผ่านพระเจ้าของข้าพเจ้าไปเสีย
28 ท่านไม่เคยรู้หรือ ท่านไม่เคยได้ยินหรือ พระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าเนืองนิตย์ คือพระผู้สร้างที่สุดปลายแผ่นดินโลก พระองค์มิได้ทรงอ่อนเปลี้ยหรือเหน็ดเหนื่อย ความเข้าพระทัยของพระองค์ก็เหลือที่จะหยั่งรู้ได้
29 พระองค์ประทานกำลังแก่คนอ่อนเปลี้ย และแก่ผู้ที่ไม่มีกำลัง พระองค์ทรงเพิ่มแรง
30 แม้คนหนุ่มๆจะอ่อนเปลี้ยและเหน็ดเหนื่อย และชายฉกรรจ์จะล้มลงทีเดียว
31 แต่เขาทั้งหลายผู้รอคอยพระเจ้าจะเสริมเรี่ยวแรงใหม่ เขาจะบินขึ้นด้วยปีกเหมือนนกอินทรี เขาจะวิ่งและไม่เหน็ดเหนื่อย เขาจะเดินและไม่อ่อนเปลี้ย
อิสยาห์ 41
1 โอ แผ่นดินชายทะเลเอ๋ย จงสงบใจฟังเรา จงให้ชนชาติทั้งหลายฟื้นกำลังของเขาเสียใหม่ ให้เขาเข้ามาใกล้ แล้วให้เขาพูด ให้เราพากันเข้ามาใกล้เพื่อการพิพากษา
2 ใครได้เร้าใจให้ผู้หนึ่งมาจากตะวันออก ซึ่งพบความมีชัยทุกฝีก้าว พระองค์ทรงมอบบรรดาประชาชาติให้แก่ท่าน และท่านจึงเหยียบกษัตริย์ไว้ใต้เท้า ดาบของท่านได้กระทำให้เขาเหมือนผงคลี คันธนูของท่านกระทำให้เหมือนตอข้าวที่ถูกพัดไป
3 ท่านไล่ตามเขาและผ่านเขาไปอย่างปลอดภัย ตามทางที่เท้าของท่านไม่เคยเหยียบ
4 ผู้ใดได้ประกอบกิจและกระทำเช่นนี้ เรียกบรรดาชาติพันธุ์ทั้งหลายออกมาตั้งแต่ปฐมกาล เราเองคือพระเจ้าผู้เป็นปฐม และกับกาลอวสาน เราคือผู้นั้น
5 แผ่นดินชายทะเลเห็นแล้วก็กลัว ปลายแผ่นดินโลกก็สั่นสะเทือน เขาทั้งหลายได้เข้ามาใกล้
6 ทุกคนช่วยเพื่อนบ้านของตน และกล่าวแก่พี่น้องของตนว่า "จงกล้าเถิด"
7 ช่างฝีมือก็หนุนใจช่างทอง ผู้ที่ทำให้เรียบด้วยค้อนก็หนุนใจผู้ที่ตีทั่ง พูดเรื่องการบัดกรีว่า "ดีแล้ว" และเขาก็เอาตะปูตรึงไว้เพื่อไม่ให้หวั่นไหว
8 แต่เจ้า อิสราเอล ผู้รับใช้ของเรา ยาโคบผู้ซึ่งเราได้เลือกไว้ เผ่าพันธุ์ของอับราฮัมสหายของเรา
9 เจ้าผู้ซึ่งเรายุดไว้จากที่สุดปลายแผ่นดินโลก และเรียกมาจากที่ไกลสุดของโลก กล่าวแก่เจ้าว่า "เจ้าเป็นผู้รับใช้ของเรา เราได้เลือกเจ้าและไม่เหวี่ยงเจ้าออกไป"
10 อย่ากลัวเลย เพราะเราอยู่กับเจ้า อย่าขยาด เพราะเราเป็นพระเจ้าของเจ้า เราจะหนุนกำลังเจ้า เออ เราจะช่วยเจ้า เออ เราจะชูเจ้าด้วยมือขวาอันมีชัยของเรา
11 ดูเถิด บรรดาผู้ที่ขัดเคืองกับเจ้า จะต้องได้ความอายและอดสู คนเหล่านั้นที่ฝืนสู้เจ้า จะศูนย์และพินาศไป
12 เจ้าจะแสวงผู้ที่ต่อสู้กับเจ้า แต่เจ้าจะไม่พบเขา ผู้ที่ทำสงครามกับเจ้า จะเป็นศูนย์และศูนยภาพ
13 เพราะเราคือพระเยโฮวาห์ พระเจ้าของเจ้า ยุดมือขวาของเจ้าไว้ คือเราเองพูดกับเจ้าว่า "อย่ากลัวเลย เราจะช่วยเจ้า"
14 พระเจ้าตรัสว่า "อย่ากลัวเลย เจ้าหนอนยาโคบ เจ้าคนอิสราเอล เราจะช่วยเจ้า ผู้ไถ่ของเจ้าคือองค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอล
15 ดูเถิด เราจะกระทำเจ้าให้เป็นเลื่อนนวดข้าว ใหม่ คม และมีฟัน เจ้าจะนวดและบดภูเขา และเจ้าจะทำเนินเขาให้เหมือนแกลบ
16 เจ้าจะซัดมันและลมจะพัดมันไปเสีย และพายุจะกระจายมัน และเจ้าจะเปรมปรีดิ์ในพระเจ้า เจ้าจะอวดอ้างในองค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอล
17 คนจนและคนขัดสนแสวงน้ำ และไม่มี และลิ้นของเขาก็แห้งผากเพราะความกระหาย เราคือพระเจ้า จะตอบเขาเอง เรา พระเจ้าของอิสราเอล จะไม่ละทิ้งเขา
18 เราจะเปิดแม่น้ำบนที่สูงโล้นทั้งหลาย และน้ำพุที่ท่ามกลางหุบเขา เราจะทำถิ่นทุรกันดารให้เป็นสระน้ำ และที่ดินแห้งเป็นน้ำพุ
19 เราจะใส่ใจในถิ่นทุรกันดารซึ่งต้นสนสีดาร์ ต้นกระถินเทศ ต้นน้ำมันเขียวและมะกอกเทศ เราจะวางไว้ในทะเลทรายซึ่งต้นสนสามใบ ทั้งต้นสนเขาและต้นช้องรำพันด้วยกัน
20 เพื่อคนจะได้เห็นและทราบ เขาจะใคร่ครวญและเข้าใจด้วยกัน ว่าพระหัตถ์ของพระเจ้าได้ทรงกระทำการนี้ องค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอลได้สร้างสิ่งนี้
21 พระเจ้าตรัสว่า จงนำข้อคดีของเจ้าขึ้นมา กษัตริย์ของยาโคบตรัสว่า จงนำข้อพิสูจน์ของเจ้ามา
22 ให้เขานำมา และแจ้งแก่เราว่า จะเกิดอะไรขึ้น จงแจ้งสิ่งล่วงแล้วให้เราทราบว่ามีอะไรบ้าง เพื่อเราจะพิจารณา เพื่อเราจะทราบถึงอวสานของสิ่งเหล่านั้น หรือจงเล่าให้เราฟังถึงสิ่งที่จะบังเกิดมา
23 จงแจ้งแก่เราว่าต่อไปนี้อะไรจะเกิดขึ้น เพื่อเราจะรู้ว่าเจ้าเป็นพระ เออ จงทำดีหรือจงทำร้าย เพื่อเราจะได้ขยาดและดูกัน
24 ดูเถิด เจ้าไม่เป็นอะไรเลย และการงานของเจ้าก็เปล่า ผู้ที่เลือกเจ้าก็เป็นที่น่าเกลียดน่าชัง
25 เราได้เร้าผู้หนึ่งจากทิศเหนือและเขามาแล้ว จากที่ดวงอาทิตย์ขึ้น เขาจะเรียกนามของเรา เขาจะเหยียบผู้ครอบครองเหมือนเหยียบปูนสอ เหมือนช่างหม้อย่ำดินเหนียว
26 ใครแจ้งไว้ตั้งแต่ประถม เพื่อเราจะทราบ และล่วงหน้าเพื่อเราจะพูดว่า "ถูกแล้ว" เออ ไม่มีผู้ใดได้แจ้งให้ทราบ เออ ไม่มีผู้ใดได้เล่าให้ฟัง เออ ไม่มีผู้ใดได้ยินถ้อยคำของเจ้า
27 เราจะส่งผู้นำข่าวให้แก่ศิโยนว่า "ดูเถิด ดูเขาทั้งหลาย" และส่งผู้นำข่าวดีให้แก่เยรูซาเล็ม
28 แต่เมื่อเรามองก็ไม่มีใคร ไม่มีที่ปรึกษาในหมู่พวกคนเหล่านี้ คือผู้ที่เมื่อเราถามก็ได้ให้คำตอบ
29 ดูเถิด พระเหล่านั้นเป็นศูนย์ทั้งหมด บรรดากิจการของมันก็เป็นศูนยภาพ รูปเคารพหล่อของมันก็เป็นแต่ลมเปล่า
อิสยาห์ 42
1 จงดูผู้รับใช้ของเรา ผู้ซึ่งเราเชิดชู ผู้เลือกสรรของเรา ผู้ซึ่งใจเราปีติยินดี เราได้เอาวิญญาณของเราสวมท่านไว้แล้ว ท่านจะส่งความยุติธรรมออกไปให้แก่บรรดาประชาชาติ
2 ท่านจะไม่ร้องหรือเปล่งเสียงของท่าน หรือกระทำให้ได้ยินในถนน
3 ไม้อ้อช้ำแล้วท่านจะไม่หัก และไส้ตะเกียงที่ลุกริบหรี่อยู่ ท่านจะไม่ดับ ท่านจะส่งความยุติธรรมออกไปด้วยความสัตย์จริง
4 ท่านจะไม่ริบหรี่หรือชอกช้ำ จนกว่าท่านจะสถาปนาความยุติธรรมไว้ในโลก และแผ่นดินชายทะเลรอคอยพระธรรมของท่าน
5 พระเจ้า คือ พระเยโฮวาห์ ผู้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และทรงขึงมัน ผู้ทรงแผ่แผ่นดินโลกและสิ่งที่บังเกิดจากโลกออกไป ผู้ประทานลมหายใจแก่ประชาชนที่บนโลก และจิตวิญญาณแก่ผู้ดำเนินอยู่บนโลก ตรัสดังนี้ว่า
6 "เราคือพระเจ้า เราได้เรียกเจ้ามาด้วยความชอบธรรม เราได้ยุดเจ้าและรักษาเจ้าไว้ เราได้ให้เจ้าเป็นตัวพันธสัญญาของมนุษยชาติ เป็นความสว่างแก่บรรดาประชาชาติ
7 เพื่อเบิกตาคนที่ตาบอด เพื่อนำผู้ถูกจำจองออกมาจากคุก นำผู้ที่นั่งในความมืดออกมาจากเรือนจำ
8 เราคือเยโฮวาห์ นั่นเป็นนามของเรา พระสิริของเรา เรามิได้ให้แก่ผู้อื่น หรือให้คำที่สรรเสริญเราแก่รูปแกะสลัก
9 ดูเถิด สิ่งล่วงแล้วนั้นก็สำเร็จแล้ว และเราก็แจ้งสิ่งใหม่ๆ ก่อนที่สิ่งเหล่านั้นจะเกิดขึ้น เราก็ได้เล่าให้ฟังแล้ว
10 จงร้องเพลงบทใหม่ถวายพระเจ้า เพลงยอพระเกียรติของพระองค์จากปลายแผ่นดินโลก ทั้งผู้ที่ไปทะเล และบรรดาสิ่งที่อยู่ในนั้น ทั้งแผ่นดินชาวทะเลและชาวถิ่นนั้น
11 จงให้ถิ่นทุรกันดารและหัวเมืองในนั้นเปล่งเสียง ทั้งชนบทที่เคดาร์อาศัยอยู่ จงให้ชาวเส-ลาร้องเพลงด้วยความชื่นบาน ให้เขาโห่ร้องมาจากยอดภูเขา
12 จงให้เขาถวายพระสิริแด่พระเจ้า และถวายสรรเสริญพระองค์ในแผ่นดินทะเลทราย
13 พระเจ้าเสด็จออกไปอย่างคนแกล้วกล้า พระองค์ทรงเร้าความกระตือรือร้น ของพระองค์ขึ้นอย่างนักรบ พระองค์ทรงร้อง พระองค์ทรงโห่ดัง พระองค์ทรงแผลงฤทธิ์ต่อศัตรูของพระองค์
14 เราได้นิ่งอยู่นานแล้ว เราเงียบอยู่และรั้งตนเองไว้ บัดนี้เราจะร้องออกมาเหมือนผู้หญิงกำลังคลอดบุตร เราจะหายใจถี่และหอบ
15 เราจะทิ้งภูเขาและเนินให้ร้าง และให้พืชผักบนนั้นแห้งไป เราจะให้แม่น้ำกลายเป็นเกาะ และให้สระแห้งไป
16 เราจะจูงคนตาบอด ไปในทางที่เขาทั้งหลายไม่รู้จัก เราจะนำเขาไป ในทางทั้งหลายที่เขาไม่รู้จัก เราจะให้ความมืดข้างหน้าเขากลับเป็นสว่าง ที่ขรุขระให้เป็นที่ราบ สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เราควรจะกระทำ และเราจะไม่ละทิ้งสิ่งเหล่านี้
17 เขาทั้งหลายจะหันกลับ และต้องขายหน้าอย่างที่สุด คือผู้ที่วางใจในรูปแกะสลัก ผู้ที่กล่าวแก่รูปเคารพหล่อว่า "ท่านเป็นพระของเรา"
18 ท่านผู้หูหนวกเอ๋ย ฟังซิ และท่านผู้ตาบอดเอ๋ย มองซิ เพื่อท่านจะเห็นได้
19 ใครเป็นคนตาบอด ก็ผู้รับใช้ของเราน่ะซิ หรือใครหูหนวกอย่างกับทูตของเราที่เราใช้ไป ใครตาบอดอย่างผู้ที่รับมาครบแล้ว หรือตาบอดอย่างผู้รับใช้ของพระเจ้า
20 เจ้าเห็นหลายอย่าง แต่มิได้สังเกต หูของเขาผึ่ง แต่เขามิได้ยิน
21 เพราะเห็นแก่ความชอบธรรมของพระองค์ พระเจ้าทรงพอพระทัย ที่จะเชิดชูพระธรรมและกระทำให้พระธรรมนั้นมีเกียรติ
22 แต่นี่เป็นชนชาติที่ถูกขโมยและถูกปล้น เขาทุกคนติดอยู่ในรู และซ่อนอยู่ในคุก เขาตกเป็นเหยื่อซึ่งไม่มีผู้ใดช่วยให้รอด เป็นของริบซึ่งไม่มีผู้ใดพูดว่า "คืนซิ"
23 ผู้ใดในพวกเจ้าจะเงี่ยหูฟังในเรื่องนี้ ที่จะมุ่งหน้าตั้งใจฟัง
24 ใครมอบยาโคบให้แก่ผู้ริบ และอิสราเอลให้แก่ผู้ปล้น ไม่ใช่พระเจ้าหรือ ผู้ซึ่งเราได้ทำบาปต่อ ซึ่งเขาไม่ยอมดำเนินในทางของพระองค์ และซึ่งเขามิได้เชื่อฟังพระธรรมของพระองค์
25 ฉะนั้นพระองค์จึงทรงหลั่งความโกรธจัดลงมาบนเขา และหลั่งอานุภาพของสงคราม ทำให้เขาติดเพลิงอยู่โดยรอบ แต่เขาไม่เข้าใจ มันไหม้เขา แต่เขามิได้เอาใจใส่
อิสยาห์ 43
1 บัดนี้ พระเจ้าผู้ได้สร้างท่านยาโคบ พระองค์ผู้ได้ทรงปั้นท่าน อิสราเอลตรัสดังนี้ว่า "อย่ากลัวเลย เพราะเราได้ไถ่เจ้าแล้ว เราได้เรียกเจ้าตามชื่อ เจ้าเป็นของเรา
2 เมื่อเจ้าลุยข้ามน้ำ เราจะอยู่กับเจ้า เมื่อข้ามแม่น้ำ น้ำจะไม่ท่วมเจ้า เมื่อเจ้าลุยไฟ เจ้าจะไม่ไหม้ และเปลวเพลิงจะไม่เผาผลาญเจ้า
3 เพราะเราเป็นพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้า องค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอลผู้ช่วยให้รอดของเจ้า เราให้อียิปต์เป็นค่าไถ่ของเจ้า ให้เอธิโอเปียและเสบาเพื่อแลกกับเจ้า
4 เพราะว่าเจ้าประเสริฐในสายตาของเรา และได้รับเกียรติและเรารักเจ้า เราจึงให้คนเพื่อแลกกับเจ้า ให้ชนชาติทั้งหลายเพื่อแลกกับชีวิตของเจ้า
5 อย่ากลัวเลย เพราะเราอยู่กับเจ้า เราจะนำเผ่าพันธุ์ของเจ้ามาจากตะวันออก และเราจะรวบรวมเจ้ามาจากตะวันตก
6 เราจะพูดกับทิศเหนือว่า ปล่อยเถิด และกับทิศใต้ว่า อย่ายึดไว้ จงนำบรรดาบุตรชายของเรามาแต่ไกล และเหล่าธิดาของเราจากปลายแผ่นดินโลก
7 คือทุกคนที่เขาเรียกตามชื่อของเรา คือผู้ที่เราได้สร้างเพื่อพระสิริของเรา ผู้ที่เราได้ปั้นและได้กระทำไว้"
8 จงนำประชาชาติทั้งหลายผู้ตาบอดแต่ยังมีตา ผู้ที่หูหนวกแต่เขายังมีหู ออกมา
9 ให้บรรดาประชาชาติประชุมพร้อมกัน และให้ชนชาติทั้งหลายชุมนุมกัน ในท่ามกลางเขามีผู้ที่แจ้งอย่างนี้ได้ และเล่าสิ่งล่วงแล้วให้เราฟังได้ ให้เขาทั้งหลายนำพยานของเขามาพิสูจน์ตัวเขา และให้เขาได้ยินและกล่าวว่าจริงแล้ว
10 พระเจ้าตรัสว่า "เจ้าทั้งหลายเป็นพยานของเรา และเป็นผู้รับใช้ของเราซึ่งเราได้เลือกไว้แล้ว เพื่อเจ้าจะรู้จักและเชื่อถือเรา และเข้าใจว่าเราเป็นผู้นั้นแหละ ก่อนหน้าเรา ไม่มีพระใดถูกปั้นขึ้น และภายหลังเราก็จะไม่มี
11 เรา เราคือพระเจ้า และนอกจากเราไม่มีพระเจ้าผู้ช่วยให้รอด
12 เราแจ้งให้ทราบและช่วยให้รอดและเล่าให้ฟัง และก็ไม่มีพระเจ้าอื่นในหมู่พวกเจ้า และเจ้าทั้งหลายเป็นพยานของเรา" พระเจ้าตรัสดังนี้แหละ
13 "เราเป็นพระเจ้า มิหนำซ้ำตั้งแต่นี้ไป เราก็เป็นพระองค์นั้นอยู่ ไม่มีผู้ใดช่วยกู้จากมือของเราได้ เราประกอบกิจใดๆ ใครจะขัดขวางกิจการนั้นได้"
14 พระเจ้าผู้ไถ่ของเจ้า องค์บริสุทธิ์ของอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า "เพื่อเห็นแก่เจ้า เราจะส่งไปยังบาบิโลน และเราจะนำเขาทั้งหลายลงมาเป็นผู้ลี้ภัยสิ้น คือพวกเคลเดียในกำปั่นที่เขาทั้งหลายเคยโห่ร้อง
15 เราคือพระเจ้า องค์บริสุทธิ์ของเจ้า เป็นผู้สร้างของอิสราเอล เป็นกษัตริย์ของเจ้า"
16 พระเจ้า ผู้ทรงสร้างทางในทะเล สร้างวิถีในน้ำที่มีอานุภาพ
17 ผู้ทรงนำรถรบและม้า กองทัพ และนักรบออกมา เขาทั้งหลายนอนลงด้วยกันและลุกขึ้นไม่ได้ เขาทั้งหลายศูนย์ไปและดับเสียเหมือนไส้ตะเกียง
18 ตรัสดังนี้ว่า "อย่าจดจำสิ่งล่วงแล้วนั้น อย่าพิเคราะห์สิ่งเก่าก่อน
19 ดูเถิด เรากำลังกระทำสิ่งใหม่ งอกขึ้นมาแล้ว เจ้าไม่เห็นหรือ เราจะทำทางในถิ่นทุรกันดาร และแม่น้ำในที่แห้งแล้ง
20 สัตว์ป่าทุ่งจะให้เกียรติเรา คือหมาป่าและนกกระจอกเทศ เพราะเราให้น้ำในถิ่นทุรกันดาร ให้แม่น้ำในที่แห้งแล้ง เพื่อให้น้ำดื่มแก่ชนชาติผู้เลือกสรรของเรา
21 คือชนชาติที่เราปั้นเพื่อเราเอง เพื่อเขาจะถวายสรรเสริญเรา
22 "โอ ยาโคบเอ๋ย ถึงกระนั้นก็ไม่ใช่เราที่เจ้าเรียกหา โอ อิสราเอลเอ๋ย เจ้าไม่เหน็ดเหนื่อยเพื่อเราเสียเลย
23 เจ้ามิได้นำแพะแกะของเจ้ามาเป็นเครื่องเผาบูชาแก่เรา หรือให้เกียรติเราด้วยเครื่องสักการบูชาของเจ้า เรามิได้ให้เป็นภาระแก่เจ้าด้วยเรื่องเครื่องบูชา หรือให้เจ้าเหน็ดเหนื่อยด้วยเรื่องกำยาน
24 เจ้ามิได้เอาเงินซื้ออ้อยให้เรา หรือให้เราพอใจด้วยไขมันของเครื่องสักการบูชาของเจ้า แต่เจ้าได้ให้เราเป็นภาระด้วยเรื่องบาปของเจ้า เจ้าให้เราเหน็ดเหนื่อยด้วยเรื่องความบาปผิดของเจ้า
25 "เรา เราคือพระองค์นั้น ผู้ลบล้างความทรยศของเจ้าด้วยเห็นแก่เราเอง และเราจะไม่จดจำบรรดาบาปของเจ้าไว้
26 จงฟื้นความให้เราฟัง ให้เรามาโต้ด้วยกัน เจ้าจงให้การมา เพื่อจะพิสูจน์ว่าเจ้าถูก
27 บิดาเดิมของเจ้าทำบาป และทนายของเจ้าได้ทรยศต่อเรา
28 ฉะนั้น เราจึงถอดเจ้านายแห่งสถานศักดิ์สิทธิ์เสีย เรามอบยาโคบให้ถูกทำลายถึงที่สุด และอิสราเอลให้แก่การกล่าวหยาบช้า
อิสยาห์ 44
1 โอ ยาโคบผู้รับใช้ของเรา อิสราเอลผู้ซึ่งเราเลือกสรรไว้จงฟังซิ
2 พระเจ้าผู้ทรงสร้างเจ้า ผู้ทรงปั้นเจ้าตั้งแต่ในครรภ์ และจะช่วยเจ้า ตรัสดังนี้ว่า โอ ยาโคบผู้รับใช้ของเรา เยชูรูน ผู้ซึ่งเราเลือกสรรไว้อย่ากลัวเลย
3 เพราะเราจะเทน้ำลงบนแผ่นดินที่กระหาย และลำธารลงบนดินแห้ง เราจะเทวิญญาณของเราเหนือเชื้อสายของเจ้า และพรของเราเหนือลูกหลานของเจ้า
4 เขาทั้งหลายจะงอกขึ้นมาท่ามกลางหญ้า เหมือนต้นไม้ข้างลำธารน้ำไหล
5 ผู้นี้จะว่า 'ข้าเป็นของพระเจ้า' และอีกผู้หนึ่งจะเรียกชื่อตนเองด้วยนามของยาโคบ และอีกผู้หนึ่งจะเขียนไว้บนมือของตนว่า 'ของพระเจ้า' และขนานนามสกุลของตนด้วยนามของอิสราเอล"
6 พระเจ้า พระบรมมหากษัตริย์แห่งอิสราเอล และผู้ไถ่ของเขา พระเจ้าจอมโยธา ตรัสดังนี้ว่า "เราเป็นผู้ต้นและเราเป็นผู้ปลาย นอกจากเราแล้วไม่มีพระเจ้า
7 ใครเหมือนเรา จะป่าวร้องได้ ให้เขาแจ้งให้ทราบและให้เขาลำดับเรื่องต่อหน้าเรา ตั้งแต่เราได้สถาปนาประชาชนโบราณ และให้เขาบอกแก่เขาทั้งหลาย ถึงสิ่งต่างๆที่จะเป็นมา และอะไรจะเกิดขึ้นนั้น
8 อย่ากลัวเลย และอย่าขามเลย เรามิได้เล่าให้เจ้าฟังตั้งแต่ดึกดำบรรพ์และแจ้งให้ทราบแล้วหรือ และเจ้าเป็นพยานทั้งหลายของเรา มีพระเจ้านอกเหนือเราหรือ เออ ไม่มีพระศิลา เราไม่รู้จักเลย"
9 บรรดาผู้ที่ทำรูปเคารพก็เป็นศูนย์ และสิ่งที่เขาปีติยินดีนั้นก็ไม่เป็นประโยชน์ พยานของเขานั้นทั้งไม่เห็นและไม่รู้ เพื่อเขาจะต้องอับอาย
10 ใครเล่าแต่งพระหรือหล่อรูปเคารพซึ่งไม่เป็นประโยชน์อะไรเลย
11 ดูเถิด เพื่อนทั้งสิ้นของเขาจะต้องอับอาย และช่างฝีมือนั้นก็เป็นแต่มนุษย์ ให้เขาชุมนุมกันทั้งหมด ให้เขายืนขึ้น เขาจะสยดสยอง เขาจะรับความอับอายด้วยกัน
12 ช่างเหล็กก็ทำงาน อยู่เหนือก้อนถ่าน ใช้เครื่องมือของเขา และทุบมันด้วยแขนที่แข็งแรงของเขา เออเขาหิวและกำลังของเขาอ่อนลง เขาไม่ได้ดื่มน้ำเลย และอ่อนเปลี้ย
13 ช่างไม้ขึงเชือกวัด เขาเอาดินสอขีดไว้ เขาแต่งมันด้วยกบ และขีดไว้ด้วยวงเวียน เขาแต่งรูปนั้นให้เป็นรูปคนตามความงามของคนให้อยู่ในเรือน
14 เขาตัดต้นสนสีดาร์ลง หรือเขาเลือกต้นสนฉัตร หรือต้นก่อและปล่อยให้มันงอกขึ้น อย่างแข็งแรงท่ามกลางต้นไม้ในป่า เขาปลูกต้นเทพทาโรและฝนก็เลี้ยงมัน
15 แล้วมันก็กลายเป็นพืชของคน เขาเอามันมาส่วนหนึ่งและให้อบอุ่นตัวเขา เออ เขาก่อไฟและปิ้งขนมปัง และเขาเอามาทำพระองค์หนึ่งและนมัสการมันด้วย เออ เขาทำเป็นรูปแกะสลักและกราบรูปนั้น
16 เขาเผาในกองไฟครึ่งหนึ่ง บนครึ่งนี้เขาได้กินเนื้อ เขาย่างเนื้อและกินอิ่ม และเขาอบอุ่นตัวของเขาด้วย แล้วว่า "เอ้อเฮอ ข้าอุ่นจัง ข้าเห็นไฟแล้ว"
17 และที่เหลือนั้นเขาทำเป็นพระองค์หนึ่ง เป็นรูปเคารพของเขา และกราบลงนมัสการรูปนั้น และอธิษฐานต่อรูปนั้นและว่า "ขอทรงช่วยกู้ข้าพระองค์ เพราะพระองค์เป็นพระเจ้าของข้าพระองค์"
18 เขาทั้งหลายไม่รู้ หรือเขาทั้งหลายไม่เข้าใจ เพราะตาของเขาถูกปิด เขาจึงเห็นอะไรไม่ได้ และจิตใจของเขาเล่าก็ถูกปิด เขาจึงเข้าใจไม่ได้
19 ไม่มีใครตรึกตรองเลย และไม่มีความรู้หรือมีการพินิจพิเคราะห์ ที่จะว่า ข้าเผามันเสียครึ่งหนึ่งในกองไฟ และข้าก็เอาถ่านมันมาปิ้งขนมปัง ข้าย่างเนื้อกินแล้ว และควรที่ข้าจะทำส่วนที่เหลือให้เป็นสิ่งน่าเกลียดน่าชังหรือ ควรข้าจะกราบลงต่อท่อนไม้ท่อนหนึ่งไหม
20 เขากินขี้เถ้า ใจที่หลอกหลอนนำเขาให้เจิ่น เขาช่วยกู้ตัวเขาเองหรือพูดว่า "ไม่มีความมุสา อยู่ในมือข้างขวาของข้าหรือ" ก็ไม่ได้
21 โอ ยาโคบเอ๋ย จงจำสิ่งเหล่านี้ อิสราเอลเอ๋ย เพราะเจ้าเป็นผู้รับใช้ของเรา เราได้ปั้นเจ้า เจ้าเป็นผู้รับใช้ของเรา โอ อิสราเอลเอ๋ย เราจะไม่ลืมเจ้า
22 เราได้ลบล้างการทรยศของเจ้าเสียเหมือนเมฆ และลบล้างบาปของเจ้าเหมือนหมอก จงกลับมาหาเรา เพราะเราได้ไถ่เจ้าแล้ว
23 โอ ฟ้าสวรรค์เอ๋ย จงร้องเพลง เพราะพระเจ้าทรงกระทำการนี้ โอ ห้วงลึกของแผ่นดินโลกเอ๋ย จงโห่ร้อง โอ ภูเขาเอ๋ย จงร้องเป็นเพลงออกมา โอ ป่าไม้เอ๋ย และต้นไม้ทุกต้นในนั้นด้วย เพราะว่าพระเจ้าทรงไถ่ยาโคบ และจะทรงรับเกียรติในอิสราเอล
24 พระเจ้าผู้ไถ่ของเจ้า ผู้ปั้นเจ้าตั้งแต่ในครรภ์ ตรัสดังนี้ว่า "เราคือพระเจ้า ผู้ทรงสร้างสิ่งสารพัด ผู้ทรงขึงฟ้าสวรรค์แต่ลำพัง ผู้ทรงกางแผ่นดินโลก ผู้ใดอยู่กับเราเล่า
25 ผู้กระทำให้ลางของคนมุสาไม่ขลัง และกระทำคนทำนายให้บ้าๆบอๆ ผู้หันคนฉลาดให้กลับหลัง และกระทำให้ความรู้ของเขาเขลาไป
26 ผู้รับรองถ้อยคำของผู้รับใช้ของพระองค์ และให้สัมฤทธิ์ผลตามแผนงานแห่งทูตของพระองค์ ผู้กล่าวถึงเยรูซาเล็มว่า 'จะมีคนอาศัยอยู่' และถึงหัวเมืองยูดาห์ว่า 'จะมีคนมาสร้างขึ้น และเราจะยกสิ่งปรักหักพังของมันขึ้น'
27 ผู้กล่าวแก่ที่ลึกว่า 'จงแห้งเสีย เราจะให้แม่น้ำของเจ้าแห้ง'
28 ผู้กล่าวถึงไซรัสว่า 'เขาเป็นเมษบาลของเรา และเขาจะให้ความมุ่งหมายทั้งสิ้น ของเราสำเร็จ' กล่าวถึงเยรูซาเล็มว่า 'จะมีคนมาสร้างขึ้น' และถึงพระวิหารว่า 'จะวางรากฐานของเจ้า'"
อิสยาห์ 45
1 พระเจ้าตรัสกับผู้ที่พระองค์ทรงเจิมไว้คือไซรัส ผู้ซึ่งเราได้จับมือขวาไว้ เพื่อปราบหลายประชาชาติให้อยู่ข้างหน้าท่าน และให้ปลดเจียระบาดจากบั้นเอวของบรรดาพระราชา ให้เปิดประตูที่อยู่ข้างหน้าท่าน และมิให้ประตูเมืองปิด ดังนี้ว่า
2 "เราจะไปข้างหน้าเจ้า และปราบภูเขาให้ราบลง เราจะพังประตูทองสัมฤทธิ์ให้เป็นชิ้นๆ และตัดลูกกรงเหล็กให้ขาด
3 เราจะให้ทรัพย์สมบัติแห่งความมืดแก่เจ้า และขุมทรัพย์ในที่ลี้ลับ เพื่อเจ้าจะได้รู้ว่า คือเรา พระเจ้า พระเจ้าแห่งอิสราเอล ซึ่งเรียกเจ้าตามชื่อของเจ้า
4 เพื่อเห็นแก่ยาโคบผู้รับใช้ของเรา และอิสราเอลผู้เลือกสรรของเรา เราจึงเรียกเจ้าตามชื่อของเจ้า เราให้นามสกุลเจ้า ทั้งๆที่เจ้าไม่รู้จักเรา
5 เราเป็นพระเจ้า และไม่มีอื่นใดอีก นอกจากเราไม่มีพระเจ้า เราคาดเอวเจ้า แม้เจ้าไม่รู้จักเรา
6 เพื่อคนจะได้รู้ตั้งแต่ที่ตะวันขึ้น และจากที่ตะวันตก ว่าไม่มีใคร นอกจากเรา เราเป็นพระเจ้า และไม่มีอื่นใดอีก
7 เราปั้นความสว่างและสร้างความมืด เราทำโชคและสร้างวิบัติ เราคือพระเจ้า ผู้กระทำสิ่งเหล่านี้ทั้งสิ้น
8 "โอ ฟ้าสวรรค์เอ๋ย จงโปรยฝนมาจากเบื้องบน และให้ท้องฟ้าหลั่งความชอบธรรมลงมา ให้แผ่นดินโลกเปิดออก เพื่อความรอด จะได้งอกขึ้นมา และยังความชอบธรรมให้พลุ่งขึ้นมาด้วย เรา คือพระเจ้าได้สร้างมัน
9 "วิบัติแก่ผู้ที่ขืนสู้กับผู้สร้างของเขา หม้อดินสู้กับช่างปั้นหม้อ ดินเหนียวพูดกับผู้ที่ปั้นมันหรือว่า 'ท่านกำลังทำอะไร' หรือ 'ผลงานของท่านไม่มีหูหิ้ว'
10 วิบัติแก่ผู้ที่พูดกับบิดาว่า 'ท่านให้เกิดอะไร' หรือกับผู้หญิงว่า 'เธอคลอดอะไร'
11 พระเจ้า องค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอล ผู้สร้างของเขาตรัสดังนี้ว่า "เจ้าถามเราถึงสิ่งที่จะเกิดมีมา ถึงลูกหลานของเราและถึงการงานแห่งมือของเรา เจ้าสั่งเราเชียว
12 เราสร้างแผ่นดินโลก และเนรมิตมนุษย์บนนั้น เราเอง มือของเราขึงฟ้าสวรรค์ และเราบัญชาบริวารทั้งสิ้นของมัน
13 ด้วยความชอบธรรมเราได้เร้าท่าน และเราจะกระทำทางทั้งสิ้นของท่านให้ตรง ท่านจะสร้างนครของเรา และให้พวกเชลยของเราเป็นอิสระ ไม่ใช่เพื่อสินจ้างหรือเพื่อสินบน" พระเจ้าจอมโยธาตรัสดังนี้แหละ
14 พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า "ทรัพยากรของอียิปต์และสินค้ากำไรของเอธิโอเปีย และคนเสบา คนร่างสูง จะมาหาเจ้าและเป็นของเจ้า เขาจะติดตามเจ้า เขาจะติดตรวนมาหาและกราบไหว้เจ้า เขาจะวิงวอนเจ้าว่า 'พระเจ้าอยู่กับท่านแน่ และไม่มีอื่นใดอีก ไม่มีพระเจ้าอื่น'"
15 แท้จริงพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงซ่อนพระองค์ ข้าแต่พระเจ้าแห่งอิสราเอลพระผู้ช่วยให้รอด
16 เขาทุกคนต้องอับอายและขายหน้า ผู้สร้างรูปเคารพก็อดสูไปด้วยกัน
17 แต่อิสราเอลนั้น พระเจ้าทรงช่วยให้รอด ด้วยความรอดเนืองนิตย์ เจ้าจะไม่ต้องอับอายหรือขายหน้า ตลอดไปเป็นนิตย์
18 เพราะพระเจ้า ผู้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์ (พระองค์คือพระเจ้า) ผู้ทรงปั้นแผ่นดินโลกและทำมันไว้ (พระองค์ทรงสถาปนามันไว้ พระองค์มิได้ทรงสร้างมันไว้ให้ยุ่งเหยิง พระองค์ทรงปั้นมันไว้ให้มีคนอาศัย) ตรัสดังนี้ว่า "เราคือพระเจ้า และไม่มีอื่นใดอีก
19 เรามิได้พูดในที่ลี้ลับ ในที่หนึ่งที่ใดของแผ่นดินมืด เรามิได้กล่าวแก่เผ่าพันธุ์ของยาโคบว่า 'จงแสวงเราในที่ยุ่งเหยิง' เราคือพระเจ้า พูดความจริง เราแจ้งสิ่งที่ถูกต้องให้ทราบ
20 "จงชุมนุม และมา มาให้ใกล้กันเข้า คือเจ้าทั้งหลายผู้รอดตายแห่งบรรดาประชาชาติ เขาทั้งหลายไม่มีความรู้ คือผู้ที่ยกรูปเคารพไม้ของเขาไป และอธิษฐานขออยู่เสมอต่อพระ ซึ่งช่วยเขาให้รอดไม่ได้
21 จงแจ้งเรื่องและนำเข้ามาใกล้ เออ ให้เขาทั้งหลายปรึกษาหารือกัน ใครเล่าสิ่งนี้ให้ฟังนมนานแล้ว ใครแจ้งให้ทราบมาตั้งแต่เก่าก่อน ไม่ใช่เราหรือ คือพระเจ้า นอกจากเราไม่มีพระเจ้าอื่นเลย พระเจ้าผู้ชอบธรรมและพระผู้ช่วยให้รอด ไม่มีอื่นใดนอกเหนือเรา
22 มวลมนุษย์ทั่วแผ่นดินโลกเอ๋ย จงหันมาหาเราและรับการช่วยให้รอด เพราะเราเป็นพระเจ้า และไม่มีอื่นใดอีก
23 เราได้ปฏิญาณโดยตัวเราเอง ด้วยความชอบธรรม ถ้อยคำได้ออกไป จากปากของเรา ซึ่งจะไม่กลับ ว่า 'ทุกเข่าจะกราบลง ทุกลิ้นจะปฏิญาณต่อเรา'
24 "เขาจะพูดถึงเราได้ว่า ในพระเจ้าเท่านั้น มีความชอบธรรมและอานุภาพ บรรดาผู้ที่แค้นเคืองต่อพระองค์ จะมาหาพระองค์และอับอายขายหน้า
25 เผ่าพันธุ์ทั้งสิ้นของอิสราเอล จะมีชัยและสดุดีภูมิใจในพระเจ้า"
อิสยาห์ 46
1 พระเบลก็เลื่อนลง พระเนโบก็ทรุดลง ปฏิมากรของพระนี้อยู่บนสัตว์และวัว สิ่งเหล่านี้ที่เจ้าหามอยู่ ก็มาบรรทุกเป็นภาระบนหลังสัตว์ที่เหน็ดเหนื่อย
2 มันทรุดลงและมันเลื่อนลงด้วยกัน มันช่วยป้องกันภาระนั้นไม่ได้ มันเองก็ตกไปเป็นเชลย
3 "โอ วงศ์ของยาโคบเอ๋ย จงฟังเรา คือคนที่เหลืออยู่ในวงศ์ของอิสราเอล ผู้ซึ่งเราอุ้มมาตั้งแต่กำเนิด ชูมาตั้งแต่ในครรภ์
4 จนกระทั่งเจ้าแก่ เราก็คือ พระองค์นั้น เราจะอุ้มเจ้าจนเจ้าถึงผมหงอก เราได้สร้าง เราจะชูไว้ เราจะอุ้มและเราจะช่วยให้รอด
5 "เจ้าจะเทียบเราและทำเราให้เท่ากับผู้ใด และเปรียบเรา ว่าเราเหมือนกัน
6 บรรดาผู้ที่โกยทองคำออกจากไถ้ และชั่งเงินในตาชั่ง จ้างช่างทองคนหนึ่ง และเขาก็ทำให้เป็นพระ แล้วเขาทั้งหลายก็กราบลง เออ นมัสการเลย
7 เขาทั้งหลายเอารูปนั้นใส่บ่า เขาหามไป เขาตั้งไว้ประจำที่ รูปนั้นก็อยู่ที่นั่น รูปนั้นไปจากที่ไม่ได้ แม้ผู้ใดจะมาร้องขอ รูปนั้นก็ไม่ตอบ หรือช่วยเขาให้รอดจากความยากลำบากของเขาได้
8 "จำข้อนี้ไว้และตรึกตรอง เจ้าผู้ทรยศทั้งหลาย จงนึกไว้ในใจ
9 จงจำสิ่งล่วงแล้วในสมัยก่อนไว้ เพราะเราเป็นพระเจ้า และไม่มีอื่นใดอีก เราเป็นพระเจ้า และไม่มีอื่นใดเหมือนเรา
10 ผู้แจ้งตอนจบให้ทราบตั้งแต่เริ่มต้น และแจ้งถึงสิ่งที่ยังไม่ได้ทำเลย ให้ทราบตั้งแต่กาลโบราณ กล่าวว่า 'แผนงานของเราจะยั่งยืน และเราจะกระทำให้ความประสงค์ของเราสำเร็จทั้งสิ้น'
11 เรียกเหยี่ยวมาจากตะวันออก คือเรียกชายที่ทำตามแผนงานของเราจากเมืองไกล เออ เราพูดแล้ว และเราจะให้เป็นไป เรามุ่งแล้ว และเราจะกระทำ
12 "เจ้าผู้จิตใจดื้อดึง เจ้าผู้ห่างไกลจากการช่วยกู้ จงฟังเราซิ
13 เราจะนำการช่วยกู้ของเรามาใกล้มันไม่ไกลเลย และความรอดของเราจะไม่รอช้า เราจะใส่ความรอดที่ศิโยน เพื่ออิสราเอล พระสิริของเรา"
อิสยาห์ 47
1 โอ ธิดาพรหมจารีแห่งบาบิโลนเอ๋ย จงลงมานั่งในผงคลี โอ ธิดาแห่งชาวเคลเดียเอ๋ย จงนั่งลงบนพื้นดินไม่มีบัลลังก์ เพราะเขาจะไม่เรียกเจ้าอีกว่า แม่เนื้ออ่อนแม่เนื้อละเอียด
2 จับโม่เข้า โม่แป้งซี เอาผ้าคลุมหน้าของเจ้าออกเสีย ถอดเสื้อคลุมของเจ้าเสีย ไม่ต้องคลุมขาของเจ้า ลุยน้ำไป
3 เจ้าจะต้องถูกเปลือย และเขาจะเห็นความอายของเจ้า เราจะทำการแก้แค้น และเราจะไม่สงวนคนใดไว้
4 พระผู้ไถ่ของเรา พระนามของพระองค์คือ พระเยโฮวาห์จอมโยธา ทรงเป็นองค์บริสุทธิ์ของอิสราเอล
5 โอ ธิดาแห่งชาวเคลเดียเอ๋ย นั่งเงียบๆ และจงเข้าไปในความมืด เพราะเขาจะไม่เรียกเจ้าอีกว่า นางพญาแห่งราชอาณาจักรทั้งหลาย
6 เรากริ้วต่อชนชาติของเรา เราถอดมรดกของเราเสีย เรามอบเขาไว้ในมือของเจ้า เจ้ามิได้แสดงความกรุณาต่อเขา เจ้าวางแอกอย่างหนัก ไว้บนบ่าของคนชรา
7 เจ้าว่า "ข้าจะเป็นนางพญาเป็นนิตย์" เจ้าจึงมิได้เอาเรื่องเหล่านี้เป็นที่สอนใจ หรือจดจำบั้นปลายของเรื่องเหล่านี้ไว้
8 ฉะนั้น เจ้าผู้รักความเพลิดเพลิน จงฟังเรื่องนี้ คือผู้นั่งอยู่อย่างปลอดภัย ผู้คิดในใจของตนว่า "ข้านี่แหละ และไม่มีผู้ใดอื่นอีก ข้าจะไม่นั่งอยู่ เป็นแม่ม่าย หรือรู้จักที่จะพรากจากลูก"
9 ทั้งสองเรื่องนี้จะมาถึงเจ้า ในขณะเดียวกัน ในวันเดียว คือความที่ต้องพรากจากลูก และความที่เป็นแม่ม่าย จะมาถึงเจ้าอย่างเต็มขนาด ทั้งที่มีวิทยาคมเป็นอันมาก และอานุภาพใหญ่ยิ่งในเวทมนตร์ของเจ้า
10 เจ้ารู้สึกมั่นอยู่ในความอธรรมของเจ้า เจ้าว่า "ไม่มีผู้ใดเห็นข้า" สติปัญญาของเจ้าและความรู้ของเจ้า ทำให้เจ้าเจิ่นไป และเจ้าจึงว่าในใจของเจ้าว่า "ข้านี่แหละ และไม่มีผู้ใดอื่นอีก"
11 แต่ความชั่วร้ายจะมาเหนือเจ้า ซึ่งเจ้าจะปัดเป่าไม่ได้ ภัยพิบัติจะตกเหนือเจ้า ซึ่งเจ้าจะไม่สามารถคลาดแคล้ว และความพินาศจะมาถึงเจ้าทันทีทันใด ซึ่งเจ้าไม่รู้เรื่องเลย
12 จงตั้งมั่นอยู่ในเวทมนตร์ของเจ้า และวิทยาคมเป็นอันมากของเจ้า ซึ่งเจ้าทำมาหนักนักหนาตั้งแต่สาวๆ ชะรอยเจ้าจะสำเร็จได้ ชะรอยเจ้าจะดลใจให้สยดสยองได้
13 เจ้าเหน็ดเหนื่อยกับที่ปรึกษาเป็นอันมากของเจ้า ให้เขาลุกขึ้นออกมาและช่วยเจ้าให้รอด คือบรรดาผู้ที่แบ่งฟ้าสวรรค์ และเพ่งดูดวงดาว ผู้ซึ่งทำนายให้เจ้าในวันขึ้นค่ำ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นแก่เจ้า
14 ดูเถิด เขาจะเป็นเหมือนตอข้าว ไฟจะเผาผลาญเขา เขาจะช่วยกู้ตัวเขาเอง จากกำลังของเปลวเพลิงไม่ได้ นี่ไม่ใช่ถ่านที่จะให้ใครอุ่น ไม่ใช่ไฟที่จะให้ใครผิง
15 บรรดาที่เจ้าทำงานด้วยกันนั้นจะเป็นเช่นนี้แก่เจ้า ผู้ซึ่งค้ามากับเจ้าตั้งแต่สาวๆ เขาต่างจะพเนจรไปมาในทางของเขาเอง ไม่มีผู้ใดจะช่วยเจ้าให้รอดได้
อิสยาห์ 48
1 ฟังข้อนี้ซิ โอวงศ์ของยาโคบเอ๋ย ผู้ซึ่งเขาเรียกด้วยนามของอิสราเอล และผู้ซึ่งออกมาจากบั้นเอวของยูดาห์ ผู้ซึ่งปฏิญาณในพระนามของพระเจ้า และเชิดชูพระเจ้าของอิสราเอล แต่มิใช่ด้วยสัจจะและความชอบธรรม
2 เพราะเขาขนานนามของเขาเองตามนครบริสุทธิ์ และพึ่งอาศัยพระเจ้าของอิสราเอล พระนามของพระองค์ว่าพระเยโฮวาห์จอมโยธา
3 "สิ่งล่วงแล้วเราได้แจ้งให้ทราบแต่เก่าก่อน เออ มันไปจากปากของเรา และเราได้เล่าให้ฟังทั่ว แล้วในทันใดนั้นเราก็ได้กระทำและก็เป็นไปตามนั้น
4 เพราะเรารู้อยู่ว่าเจ้าดื้อด้าน และคอของเจ้าก็คือเอ็นเหล็ก และหน้าผากของเจ้าเป็นทองเหลือง
5 เราก็แจ้งเรื่องเหล่านั้นแก่เจ้าให้ทราบตั้งแต่เก่าก่อน ก่อนที่มันจะเกิดขึ้น เราก็ได้ว่าให้เจ้าฟังแล้ว เกรงเจ้าจะว่า 'รูปเคารพของข้ากระทำเอง รูปเคารพสลักและรูปเคารพหล่อของข้าบัญชามันมา'
6 "เจ้าได้ยินแล้ว จงคอยดูสิ่งทั้งปวงนี้ และเจ้าจะไม่แจ้งให้ทราบหรือ ตั้งแต่เวลานี้ไปเราเล่าสิ่งใหม่ให้เจ้าฟัง เป็นสิ่งที่ปิดซ่อนไว้ซึ่งเจ้าไม่รู้
7 เป็นสิ่งที่สร้างขึ้นใหม่ ไม่ใช่นานแล้ว ก่อนวันนี้เจ้าไม่เคยได้ยินถึง เกรงเจ้าจะพูดว่า 'ดูเถิด เรารู้แล้ว'
8 เออ เจ้าไม่เคยได้ยิน เออ เจ้าไม่เคยรู้ เออ ตั้งแต่ก่อนมา หูของเจ้ายังไม่เปิด เพราะเรารู้ว่าเจ้าจะประพฤติอย่างทรยศหนัก และรู้ว่า ตั้งแต่กำเนิดเขาเรียกเจ้าว่า ผู้กบฏ
9 "เพราะเห็นแก่นามของเรา เราหน่วงเหนี่ยวความกริ้วของเราไว้ เพราะเห็นแก่ความสรรเสริญของเรา เราจึงระงับไว้เพื่อเจ้า เพื่อเราจะมิได้ตัดเจ้าออกไปเสีย
10 ดูเถิด เราได้ถลุงเจ้าแล้ว แต่ไม่เหมือนเงิน เราได้ทดลองดูเจ้าในเตาของความทุกข์ใจ
11 เรากระทำเช่นนั้นเพราะเห็นแก่เราเอง เพราะเห็นแก่เราเอง เพราะว่านามของเราจะถูกเหยียดหยามอย่างไรได้ พระสิริของเรา เราจะไม่ให้ใครอื่น
12 "ฟังเราซิ โอ ยาโคบเอ๋ย และอิสราเอล ผู้ซึ่งเราเรียก เราคือพระองค์ทีเดียว เราเป็นต้นและเราเป็นปลาย
13 เออ มือของเราได้วางรากฐานแผ่นดินโลก และมือของเราได้กางฟ้าสวรรค์ออก เมื่อเราเรียกมัน มันก็ออกมาอยู่ด้วยกัน
14 "เจ้าทั้งปวง จงชุมนุมกันและคอยฟัง ผู้ใดในท่ามกลางพวกนั้นได้ประกาศสิ่งเหล่านี้ พระเจ้าทรงรักท่าน ท่านจะกระทำตามพระทัยของพระองค์ต่อบาบิโลน และพระกรของพระองค์จะต่อสู้กับชาวเคลเดีย
15 เรา นี่เราเองได้พูด เออ เราได้เรียกท่าน เราได้นำท่านมา และท่านจะจำเริญในทางของท่าน
16 จงเข้ามาใกล้เรา ฟังเรื่องนี้ ตั้งแต่เริ่มต้นเรามิได้พูดในที่ลี้ลับ ตั้งแต่มันเกิดมาเราก็ได้อยู่ที่นั่นแล้ว" และบัดนี้พระเจ้าได้ทรงใช้ข้าพเจ้า และพระวิญญาณของพระองค์
17 พระเจ้าผู้ไถ่ของเจ้า องค์บริสุทธิ์ของอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า "เราคือพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้า ผู้สั่งสอนเจ้าเพื่อประโยชน์ของเจ้า ผู้นำเจ้าในทางที่ควรเจ้าจะไป
18 โอ ถ้าเจ้าได้เชื่อฟังบัญญัติของเรา แล้วความสุขสมบูรณ์ของเจ้า จะเป็นเหมือนแม่น้ำ และความชอบธรรมของเจ้า จะเป็นเหมือนคลื่นทะเล
19 ลูกหลานของเจ้าจะเป็นเหมือนทราย และเชื้อสายของเจ้าเหมือนเม็ดทราย ชื่อของเขาจะไม่ถูกตัดออกเลย หรือถูกทำลายเสียจากหน้าเรา"
20 จงไปเสียจากบาบิโลน จงหนีออกจากเคลเดีย จงประกาศข้อนี้ด้วยโห่ร้องชื่นบาน จงเล่าให้ฟัง จงส่งออกไปถึงสุดปลายแผ่นดินโลก ว่า "พระเจ้าทรงไถ่ยาโคบผู้รับใช้ของพระองค์แล้ว"
21 เมื่อพระองค์ทรงนำเขาทั้งหลายไปทางทะเลทราย เขาก็มิได้กระหาย พระองค์ทรงกระทำให้น้ำไหลจากศิลาเพื่อเขา พระองค์ทรงผ่าหินและน้ำก็ทะลักออกมา
22 พระเจ้าตรัสว่า "ไม่มีสันติสุข แก่คนอธรรม"
อิสยาห์ 49
1 โอ แผ่นดินชายทะเลเอ๋ย จงฟังข้าพเจ้า เจ้าชนชาติทั้งหลายแต่ไกลเอ๋ย จงฟัง พระเจ้าทรงเรียกข้าพเจ้าตั้งแต่ในครรภ์ พระองค์ทรงตั้งชื่อข้าพเจ้าตั้งแต่อยู่ ในท้องมารดาข้าพเจ้า
2 พระองค์ทรงทำปากของข้าพเจ้าเหมือน ดาบคม พระองค์ทรงซ่อนข้าพเจ้าไว้ในร่มพระหัตถ์ของพระองค์ พระองค์ทรงทำข้าพเจ้าให้เป็นลูกศรขัดมัน พระองค์ทรงซ่อนข้าพเจ้าไว้เสียในแล่งของพระองค์
3 และพระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า "เจ้าเป็นผู้รับใช้ของเรา อิสราเอลซึ่งเราจะได้รับเกียรติในเจ้า"
4 แต่ข้าพเจ้าว่า "ข้าพเจ้าได้ทำงานเปล่าดาย ข้าพเจ้าเปลืองแรงของข้าพเจ้าเปล่าๆ อนิจจัง แต่แน่ละ ความยุติธรรมอันควรตกแก่ข้าพเจ้าอยู่กับพระเจ้า และค่าตอบแทนของข้าพเจ้าอยู่กับพระเจ้าของข้าพเจ้า"
5 และบัดนี้ พระเจ้าผู้ทรงปั้นข้าพเจ้าตั้งแต่ในครรภ์ ให้เป็นผู้รับใช้ของพระองค์ เพื่อจะนำยาโคบกลับมาหาพระองค์ และเพื่ออิสราเอลจะรวบรวมกันมายังพระองค์ เพราะข้าพเจ้าได้รับเกียรติในสายพระเนตรของพระเจ้า และพระเจ้าของข้าพเจ้าได้ทรงเป็นแรงของข้าพเจ้าแล้ว
6 พระองค์ตรัสว่า ซึ่งเจ้าจะเป็นผู้รับใช้ของเรา เพื่อจะยกบรรดาเผ่าของยาโคบขึ้น เพื่อจะให้อิสราเอลที่เหลืออยู่กลับสู่สภาพดีนั้น ดูเป็นการเล็กน้อยเกินไป เราจะมอบให้เจ้าเป็นความสว่างแก่บรรดา ประชาชาติ เพื่อความรอดของเราจะถึงที่สุดปลาย แผ่นดินโลก"
7 พระเจ้า ผู้ไถ่และองค์บริสุทธิ์ของอิสราเอล ตรัสแก่ผู้ที่คนดูหมิ่นและแก่ผู้ที่ประชาชาติรังเกียจ ผู้เป็นผู้รับใช้ของผู้ครอบครองทั้งหลาย ดังนี้ว่า "พระราชาจะทอดพระเนตรและทรงลุกยืน บรรดาเจ้านายจะเห็น และเขาทั้งหลายจะกราบลง เพราะเหตุพระเจ้าผู้เที่ยงธรรม องค์บริสุทธิ์ของอิสราเอลผู้ได้เลือกสรรเจ้า"
8 พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า "ในเวลาโปรดปราน เราตอบเจ้าแล้ว ในวันแห่งความรอดเราได้ช่วยเจ้า เราได้ดูแลเจ้า และมอบให้เจ้า เป็นตัวพันธสัญญาของมนุษยชาติ เพื่อสถาปนาแผ่นดิน เพื่อจะให้รับที่ร้างเปล่าเป็นมรดก
9 พลางกล่าวแก่ผู้ถูกจำจองว่า 'ออกมาเถิด' ต่อบรรดาผู้ที่อยู่ในความมืดว่า'จงปรากฏตัว' เขาทั้งหลายจะเลี้ยงชีวิตตามทาง และตามที่สูงโล้นทั้งหลายจะเป็นที่หากินของเขา
10 เขาทั้งหลายจะไม่หิวหรือกระหาย ลมที่แผดเผาหรือดวงอาทิตย์จะไม่ทำลายเขา เพราะพระองค์ซึ่งสงสารเขาจะทรงนำเขาไป และจะนำเขาไปตามน้ำพุ
11 เราจะทำภูเขาของเราทั้งหมดเป็นทางเดิน และทางหลวงของเราจะสูง
12 นี่แน่ะ พวกเหล่านี้จะมาจากเมืองไกล และนี่แน่ะ บ้างมาจากเหนือและจากตะวันตก และบ้างมาจากแผ่นดินสเวเน
13 โอ ฟ้าสวรรค์เอ๋ย จงร้องเพลงเพราะความชื่นบาน โอ แผ่นดินโลกเอ๋ย จงลิงโลดเถิด โอ ภูเขาเอ๋ย จงเปรมปรีดิ์ร้องเพลง เพราะพระเจ้าได้ทรงเล้าโลมชนชาติของพระองค์แล้ว และจะทรงเมตตาแก่คนของพระองค์ ผู้ที่ถูกข่มใจ
14 แต่ศิโยนกล่าวว่า "พระเจ้าได้ทรงละทิ้งข้าพเจ้าแล้ว องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้าทรงลืมข้าพเจ้าเสียแล้ว"
15 "ผู้หญิงจะลืมบุตรที่ยังกินนมของนาง และจะไม่เมตตาบุตรจากครรภ์ของนางได้หรือ" แม้ว่าคนเหล่านี้ยังลืมได้ กระนั้นเราก็จะไม่ลืมเจ้า
16 ดูเถิด เราได้สลักเจ้าไว้บนฝ่ามือของเรา กำแพงเมืองของเจ้าอยู่ต่อหน้าเราเสมอ
17 ผู้ก่อสร้างเจ้าก็เอาชนะผู้ทำลายเจ้า และบรรดาผู้ที่ทำให้เจ้าถูกทิ้งร้างก็ออกไปจากเจ้า
18 จงเงยหน้าเงยตาขึ้นดูรอบๆ เขาทั้งหลายชุมนุมกัน เขาทั้งหลายมาหาเจ้า พระเจ้าตรัสว่า เรามีชีวิตอยู่ตราบใด เจ้าจะสวมเขาทั้งหลายไว้หมดอย่างเครื่องอาภรณ์ เจ้าจะผูกเขาไว้อย่างเจ้าสาวประดับอาภรณ์
19 "แน่ละ ที่ทิ้งร้างและที่ร้างเปล่าของเจ้า และแผ่นดินที่ถูกทำลายของเจ้า แน่ะละ เจ้าจะแคบเกินไปสำหรับชาวเมืองของเจ้า และบรรดาผู้ที่กลืนเจ้าจะอยู่ห่างไกล
20 เด็กที่เกิดในยามที่เจ้าทุกข์ระทมเพราะลูกตาย จะพูดที่หูของเจ้าว่า 'ที่นี้แคบเกินสำหรับฉันแล้ว จงหาที่ให้ฉันอยู่'
21 แล้วเจ้าจะว่าในใจของเจ้าว่า 'ใครหนอได้คลอดคนเหล่านี้ให้ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าทุกข์ระทมเพราะลูกตายและเป็นหมัน ถูกกวาดไปเป็นเชลยและถูกขับไล่ แต่ใครหนอชุบเลี้ยงคนเหล่านี้ ดูเถิด เราถูกทิ้งอยู่แต่ลำพัง แล้วคนเหล่านี้มาจากไหนกัน'"
22 พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า "ดูเถิด เราจะยกมือของเรากวักบรรดาประชาชาติ และยกสัญญาณของเราต่อชนชาติทั้งหลาย และเขาทั้งหลายจะอุ้มบรรดาบุตรชายของเจ้ามา และบรรดาบุตรหญิงของเจ้านั้น เขาจะใส่บ่าแบกมา
23 บรรดาพระราชาจะเป็นพ่อเลี้ยงของเจ้า และพระราชินีทั้งหลายจะเป็นแม่เลี้ยงของเจ้า เขาเหล่านั้นจะก้มหน้าลงถึงดินกราบเจ้า เขาจะเลียผงคลีที่เท้าของเจ้า แล้วเจ้าจะรู้ว่าเราคือพระเจ้า ผู้ที่รอคอยเราจะไม่ประสบความอาย"
24 จะเอาเหยื่อไปจากผู้มีกำลัง หรือจะช่วยเชลยของผู้ชนะให้พ้นได้หรือ
25 แน่นอนละ พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า "แม้เชลยของผู้มีกำลังก็จะต้องเอาไป และเหยื่อของผู้น่ากลัวก็ต้องช่วยให้พ้น เพราะเราจะต่อสู้กับผู้ที่ต่อสู้เจ้า และจะช่วยบุตรของเจ้าให้รอด
26 เราจะให้ผู้บีบบังคับเจ้ากินเนื้อของตนเอง และเขาจะเมาโลหิตของเขาเองเหมือนเมาเหล้าองุ่น แล้วมนุษย์ทั้งปวงจะทราบว่า เราคือพระเจ้าเป็นพระผู้ช่วยของเจ้า และพระผู้ไถ่ของเจ้า องค์อานุภาพของยาโคบ"
อิสยาห์ 50
1 พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า "หนังสือหย่าของแม่เจ้า ซึ่งเราได้ใช้ไล่นางไปเสียนั้น อยู่ที่ไหนเล่า หรือเจ้าหนี้ของเราคนไหนเล่า ที่เราได้ขายตัวเจ้าไป ดูเถิด เพราะความบาปชั่วของเจ้า เจ้าจึงถูกขาย และเพราะความทรยศของเจ้า แม่ของเจ้าจึงถูกไล่ไป
2 ทำไมนะ เมื่อเรามาจึงไม่มีใครเลย เมื่อเราร้องเรียกจึงไม่มีใครตอบ มือของเราสั้น ไถ่ไม่ได้หรือ และเราไม่มีกำลังที่จะช่วยกู้หรือ ดูเถิด เราให้น้ำทะเลแห้งด้วยการขนาบของเรา เรากระทำให้แม่น้ำเป็นถิ่นทุรกันดาร ปลาของแม่น้ำนั้นก็เหม็นเพราะขาดน้ำ และตายเพราะกระหาย
3 เราห่มฟ้าสวรรค์ไว้ด้วยความดำมืด และเอาผ้ากระสอบมาคลุม"
4 พระเจ้าได้ประทานให้ข้าพเจ้ามี ลิ้นของบรรดาผู้ที่พระองค์ทรงสอน เพื่อข้าพเจ้าจะได้รู้ที่จะค้ำชู ผู้ที่เหน็ดเหนื่อยไว้ด้วยถ้อยคำ ทุกๆเช้าพระองค์ทรงปลุก ทรงปลุกหูของข้าพเจ้า เพื่อให้ฟังอย่างผู้ที่พระองค์ทรงสอน
5 พระเจ้าได้ทรงเบิกหูข้าพเจ้า และข้าพเจ้าก็ไม่ดื้อดัน ข้าพเจ้าไม่หันกลับ
6 ข้าพเจ้าหันหลังให้แก่ผู้ที่โบยตีข้าพเจ้า และหันแก้มให้แก่คนที่ดึงเคราข้าพเจ้าออก ข้าพเจ้าไม่หนีหน้า จากความอายแก่การถ่มน้ำลายรด
7 เพราะว่าพระเจ้าทรงช่วยข้าพเจ้า เพราะฉะนั้น ข้าพเจ้าจึงไม่ขายหน้า เพราะฉะนั้น ข้าพเจ้าจึงตั้งหน้าของข้าพเจ้าอย่างหินเหล็กไฟ และข้าพเจ้าทราบว่าข้าพเจ้าจะไม่ได้อาย
8 พระองค์ผู้ทรงแก้แทนข้าพเจ้าก็อยู่ใกล้ ใครจะสู้คดีกับข้าพเจ้า ก็ให้เรายืนอยู่ด้วยกัน ใครเป็นปฏิปักษ์ของข้าพเจ้า ก็ให้เขามาใกล้ข้าพเจ้า
9 ดูเถิด พระเจ้าทรงช่วยข้าพเจ้า ใครจะกล่าวโทษข้าพเจ้าว่ามีความผิด ดูเถิด บรรดาเขาทุกคนจะร่อยหรอไปเหมือนอย่างเสื้อผ้า ตัวแมลงจะกินเขาเหล่านั้นเสีย
10 ใครบ้างในพวกเจ้าเกรงกลัวพระเจ้า และเชื่อฟังเสียงของผู้รับใช้ของพระองค์ ผู้ดำเนินในความมืด และไม่มีความสว่าง แต่ยังวางใจในพระนามพระเจ้า และพึ่งอาศัยพระเจ้าของเขา
11 ดูเถิด เจ้าทั้งสิ้นผู้ก่อไฟ ผู้เอาดุ้นไฟคาดตัวเจ้าไว้ จงเดินด้วยแสงไฟของเจ้า และด้วยแสงดุ้นไฟซึ่งเจ้าได้ก่อ เจ้าจะได้รับอย่างนี้จากมือของเรา คือ เจ้าจะต้องนอนลงในที่ทรมาน
อิสยาห์ 51
1 "จงฟังเราซี เจ้าทั้งหลายผู้ขวนขวายหาการช่วยกู้ เจ้าผู้แสวงพระเจ้า จงมองดูหินซึ่งได้ทรงสกัดตัวเจ้ามา และจงมองดูบ่อหินซึ่งทรงขุดเอาตัวเจ้าทั้งหลายมา
2 จงมองอับราฮัมบรรพบุรุษของเจ้าทั้งหลาย และดูซาราห์ผู้คลอดเจ้า เพราะเมื่อมีเขาอยู่แต่คนเดียว เราได้ร้องเรียกเขา และเราอวยพรเขาและกระทำให้เป็นคนมากมาย
3 เพราะว่าพระเจ้าจะทรงเล้าโลมศิโยน พระองค์จะทรงเล้าโลมที่ทิ้งร้างทั้งสิ้นของเธอ และจะทำถิ่นทุรกันดารของเธอเหมือนสวนเอเดน และทะเลทรายของเธอเหมือนอุทยานของพระเจ้า จะพบความชื่นบานและความยินดีในเธอ ทั้งการโมทนาและเสียงเพลง
4 "ชนชาติของเราเอ๋ย จงฟังเสียงของเรา ชาติของเราเอ๋ย จงเงี่ยหูฟังเรา เพราะพระธรรมจะออกไปจากเรา และความยุติธรรมจะออกไป เป็นความสว่างของชนชาติทั้งหลาย
5 การช่วยกู้ของเราใกล้เข้ามาโดยเร็ว และความรอดของเราได้ออกไปแล้ว แขนของเราจะปกครองชนชาติทั้งหลาย แผ่นดินชายทะเลรอคอยเรา และเขาหวังคอยกำลังแขนของเรา
6 จงแหงนตาดูฟ้าสวรรค์ และมองดูโลกเบื้องล่าง เพราะว่าฟ้าสวรรค์จะศูนย์สิ้นไปเหมือนควัน และแผ่นดินโลกจะร่อยหรอไปเหมือนอย่างเสื้อผ้า และเขาทั้งหลายผู้อาศัยอยู่ในนั้นจะตายไปเหมือนริ้น แต่ความรอดของเราจะอยู่เป็นนิตย์ และการช่วยกู้ของเราจะไม่สิ้นสุดเลย
7 "จงฟังเรา เจ้าทั้งหลายผู้รู้ถึงความชอบธรรม ชนชาติซึ่งพระธรรมของเราอยู่ในใจ อย่ากลัวการตำหนิของมนุษย์ และอย่าวิตกต่อการกล่าวหยาบช้าของเขา
8 เพราะว่าตัวแมลงจะกินเขาเหมือนกินเสื้อผ้า และตัวหนอนจะกินเขาเหมือนกินขนแกะ แต่การช่วยกู้ของเราจะอยู่เป็นนิตย์ และความรอดของเราจะอยู่ตลอดทุกชั่วชาติพันธุ์"
9 ข้าแต่พระกรของพระเจ้า จงตื่นเถิด ตื่นเถิด จงสวมกำลัง จงตื่นอย่างสมัยเก่าก่อน ในชั่วชาติพันธุ์ที่นานมาแล้ว ท่านไม่ใช่หรือที่ทอนราหับเป็นชิ้นๆ และแทงมังกรทะลุ
10 ท่านไม่ใช่หรือที่ทำให้ทะเลแห้งไป คือน้ำของมหาสมุทรใหญ่ด้วย ซึ่งทำที่ลึกของทะเลให้เป็นหนทาง เพื่อให้ผู้ที่ได้ไถ่ไว้แล้วเดินผ่านไป
11 และผู้ที่ไถ่ไว้แล้วของพระเจ้าจะกลับ และร้องเพลงมาศิโยน ความชื่นบานเป็นนิตย์จะอยู่บนศีรษะของเขา เขาจะได้รับความชื่นบานและความยินดี ความโศกเศร้าและการถอนหายใจจะหนีไปเสีย
12 "เรา คือเราเองผู้เล้าโลมเจ้า เจ้าเป็นผู้ใดเล่าที่กลัวมนุษย์ผู้ซึ่งต้องตาย คือกลัวบุตรของมนุษย์ซึ่งถูกทำให้เหมือนหญ้า
13 และที่ได้ลืมพระเจ้าผู้สร้างของตนเสีย ผู้ทรงขึงฟ้าสวรรค์ และวางรากฐานของแผ่นดินโลก และที่กลัวอยู่เรื่อยไปตลอดวัน เพราะความเกรี้ยวกราดของผู้บีบบังคับ เมื่อเขาตั้งตัวเขาที่จะทำลาย และความเกรี้ยวกราดของผู้บีบบังคับอยู่ที่ไหนเล่า
14 ผู้ใดที่ค้อมลงจะได้รับการปลดปล่อยโดยเร็ว เขาจะไม่ตายและลงไปสู่ปากแดนมรณา ทั้งอาหารของเขาจะไม่ขาด
15 เพราะเราคือพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้า ผู้กวนทะเลและคลื่นก็คะนอง พระนามของพระองค์คือพระเยโฮวาห์จอมโยธา
16 และเราได้ใส่ถ้อยคำของเราในปากของเจ้า และซ่อนเจ้าไว้ในร่มมือของเรา ซึ่งขึงฟ้าสวรรค์ และวางรากฐานของแผ่นดินโลก และกล่าวแก่ศิโยนว่า 'เจ้าเป็นชนชาติของเรา'"
17 โอ เยรูซาเล็มเอ๋ย จงปลุกตัวเอง จงปลุกตัวเอง จงยืนขึ้นเถิด เจ้าผู้ได้ดื่มจากพระหัตถ์ของพระเจ้า ซึ่งจอกแห่งพระพิโรธของพระองค์ ผู้ได้ดื่มถึงตะกอน ซึ่งขันแห่งความโซเซ
18 ในบรรดาบุตรชายที่นางคลอดมา ก็ไม่มีผู้ใดนำนาง ในบรรดาบุตรชายที่นางชุบเลี้ยงมา ก็ไม่มีใครจูงนาง
19 สองสิ่งนี้ได้เกิดขึ้นแก่เจ้า ผู้ใดเล่าจะปลอบโยนเจ้า คือการล้างผลาญและการทำลาย การกันดารอาหารและดาบ ผู้ใดจะเล้าโลมเจ้า
20 บุตรชายของเจ้าสลบไปแล้ว เขานอนอยู่ที่ทุกหัวถนน เหมือนโครำขาวติดข่าย เขาทั้งหลายโชกโชนด้วยพระพิโรธของพระเจ้า และการขนาบของพระเจ้าของเจ้า
21 ฉะนั้น เจ้าผู้ถูกข่มใจ ผู้ซึ่งมึนเมา แต่มิใช่ด้วยเหล้าองุ่น จงฟังข้อนี้เถิด
22 องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเยโฮวาห์ พระเจ้าของเจ้า พระเจ้าของเจ้าผู้ทรงสู้คดีแห่งชนชาติของพระองค์ พระเจ้าของเจ้าตรัสดังนี้ว่า "ดูเถิด เราได้เอาจอกแห่งความโซเซ มาจากมือของเจ้าแล้ว ขันแห่งความพิโรธของเรา เจ้าจะไม่ต้องดื่มอีก
23 และเราจะใส่มันไว้ในมือของผู้ทรมานเจ้า ผู้ได้พูดกับเจ้าว่า 'ก้มลง เราจะได้ข้ามไป' และเจ้าได้กระทำให้หลังของเจ้าเหมือนพื้นดิน และเหมือนถนนเพื่อให้เขาข้ามไป"
อิสยาห์ 52
1 โอ ศิโยนเอ๋ย ตื่นเถิด ตื่นเถิด จงสวมกำลังของเจ้า โอ เยรูซาเล็ม กรุงบริสุทธิ์เอ๋ย จงสวมเสื้อผ้างามของเจ้า เพราะผู้ที่ไม่เข้าสุหนัตและผู้ไม่สะอาด จะไม่เข้ามาในเจ้าอีกเลย
2 โอ เยรูซาเล็ม จงสลัดตัวจากผงคลี จงลุกขึ้น และนั่งลง โอ ธิดาแห่งศิโยนที่เป็นเชลยเอ๋ย จงแก้พันธนะออกจากคอของเจ้า
3 เพราะพระเจ้าตรัสดังนี้ว่า "เจ้าถูกขายเปล่าๆ และเจ้าจะถูกไถ่โดยไม่ใช้เงิน
4 เพราะพระเจ้าตรัสดังนี้ว่า ทีแรกชนชาติของเราลงไปสู่อียิปต์เพื่ออาศัยอยู่ที่นั่น และชาวอัสซีเรียบีบบังคับเขาเปล่าๆ
5 พระเจ้าตรัสว่าบัดนี้เรามีอะไรอยู่ที่นี่ ด้วยว่าชนชาติของเราถูกนำเอาไปเสียเปล่าๆ พระเจ้าตรัสว่า ผู้ครอบครองของเขาก็ร้องและเขากล่าวหยาบหยาม ต่อชื่อของเราตลอดไป
6 เหตุฉะนั้น ชนชาติของเราจะรู้จักชื่อของเรา เพราะฉะนั้นในวันนั้น เขาจะรู้ว่าคือเรานี่แหละผู้พูด เราอยู่ที่นี่"
7 เท้าของผู้นำข่าวดีมา ก็งามสักเท่าใดที่บนภูเขา ผู้โฆษณาสันติภาพ ผู้นำข่าวดีของ เรื่องดี ผู้โฆษณาความรอด ผู้กล่าวแก่ศิโยนว่า "พระเจ้าของเจ้าทรงครอบครอง"
8 ฟังซี พวกยามของเจ้าเปล่งเสียง เขาร้องเพลงกันด้วยความชื่นบาน เพราะเขาได้เห็นกับตา ที่พระเจ้าทรงกลับยังศิโยน
9 เจ้าคือที่ทิ้งร้างแห่งเยรูซาเล็มเอ๋ย จงเปล่งเสียงร้องเพลงด้วยกัน เพราะพระเจ้าได้ทรงเล้าโลมชนชาติของพระองค์ พระองค์ได้ทรงไถ่เยรูซาเล็มแล้ว
10 พระเจ้าทรงเปลือยพระกรอันบริสุทธิ์ของพระองค์ ต่อหน้าต่อตาประชาชาติทั้งปวง และที่สุดปลายแผ่นดินโลกทั้งสิ้นจะเห็น ความรอดของพระเจ้าของเรา
11 เจ้าทั้งหลายผู้ถือเครื่องภาชนะของพระเจ้า ไปซี จงไป ออกไปจากที่โน่น อย่าแตะต้องสิ่งไม่สะอาด จงออกไปจากท่ามกลางเมือง จงชำระตัวของเจ้าให้บริสุทธิ์
12 เพราะเจ้าจะไม่ต้องรีบออกไป และเจ้าจะไม่ต้องหลบหนีไป เพราะพระเจ้าจะเสด็จนำหน้าเจ้า และพระเจ้าแห่งอิสราเอลจะทรงระวังหลังเจ้า
13 ดูเถิด ผู้รับใช้ของเราจะทำอย่างมีสติปัญญา ท่านจะสูงเด่นและเป็นที่เทิดทูน และท่านจะสูงนัก
14 ด้วยคนเป็นอันมากตะลึงเพราะท่านฉันใด (หน้าตาของท่านเสียโฉมมาก เหลือที่จะเหมือนมนุษย์ และรูปร่างของท่านก็เสียโฉมเหลือที่จะเหมือนบุตรของมนุษย์)
15 ท่านก็จะกระทำให้บรรดาประชาชาติเป็นอันมากตกตะลึงฉันนั้น บรรดาพระราชาก็จะปิดพระโอษฐ์เพราะท่านนั้น เพราะเขาทั้งหลายจะเห็นสิ่งที่ไม่มีใครบอกเขา และเขาจะเข้าใจสิ่งซึ่งเขาไม่เคยได้ยิน
อิสยาห์ 53
1 ใครเล่าจะเชื่อสิ่งที่เราทั้งหลายได้ยิน พระกรของพระเจ้าได้ทรงสำแดงแก่ผู้ใด
2 เพราะท่านได้เจริญขึ้นต่อพระพักตร์พระองค์อย่างต้นไม้อ่อน และเหมือนรากแตกหน่อมาจากพื้นดินแห้ง ท่านไม่มีรูปร่างหรือความสวยงาม ซึ่งเราทั้งหลายจะมองท่าน และไม่มีความงามที่เราจะพึงปรารถนาท่าน
3 ท่านได้ถูกมนุษย์ดูหมิ่นและทอดทิ้ง เป็นคนที่รับความเจ็บปวด และคุ้นเคยกับความเจ็บไข้ และดังผู้หนึ่งซึ่งคนทนมองดูไม่ได้ ท่านถูกดูหมิ่น และเราทั้งหลายไม่ได้นับถือท่าน
4 แน่ทีเดียวท่านได้แบกความเจ็บไข้ของเราทั้งหลาย และหอบความเจ็บปวดของเราไป กระนั้นเราทั้งหลายก็ยังถือว่าท่านถูกตี คือพระเจ้าทรงโบยตีและข่มใจ
5 แต่ท่านถูกบาดเจ็บเพราะความทรยศของเราทั้งหลาย ท่านฟกช้ำเพราะความบาปผิดของเรา การตีสอนอันทำให้เราทั้งหลายสมบูรณ์นั้น ตกแก่ท่าน ที่ท่านต้องฟกช้ำนั้นก็ให้เราหายดี
6 เราทุกคนได้เจิ่นไปเหมือนแกะ เราทุกคนต่างได้หันไปตามทางของตนเอง และพระเจ้าทรงวางลงบนท่าน ซึ่งความบาปผิดของเราทุกคน
7 ท่านถูกบีบบังคับและท่านถูกข่มใจ ถึงกระนั้นท่านก็ไม่ปริปาก เหมือนลูกแกะที่ถูกนำไปฆ่า และเหมือนแกะที่เป็นใบ้อยู่หน้าผู้ตัดขนของมันฉันใด ท่านก็ไม่ปริปากของท่านเลยฉันนั้น
8 ท่านถูกนำเอาไปด้วยการบีบบังคับและการตัดสิน และเกี่ยวกับเชื้อสายของท่าน ผู้ใดเล่าคิดว่า ท่านต้องถูกตัดออกไปจากแดนคนเป็น ต้องถูกตีเพราะการทรยศของชนชาติของเรา
9 และเขาจัดหลุมศพของท่านไว้กับคนอธรรม ในความตายของท่าน เขาจัดไว้กับเศรษฐี แม้ว่าท่านมิได้กระทำการทารุณประการใดเลย และไม่มีการหลอกลวงในปากของท่าน
10 แต่ก็ยังเป็นน้ำพระทัยของพระเจ้าที่จะให้ท่านฟกช้ำ ด้วยความเจ็บไข้ เมื่อพระองค์ทรงกระทำให้วิญญาณของท่านเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป ท่านจะเห็นพงศ์พันธุ์ของท่าน ท่านจะยืดวันทั้งหลายของท่าน น้ำพระทัยของพระเจ้าจะเจริญขึ้นในมือของท่าน
11 ท่านจะเห็นผลแห่งความทุกข์ลำบากแห่งวิญญาณจิตของท่าน และพอใจ โดยความรู้ของท่านผู้ชอบธรรมคือผู้รับใช้ของเรา จะกระทำให้คนเป็นอันมากนับได้ว่าเป็นคนชอบธรรม และท่านจะแบกบรรดาความบาปผิดของเขาทั้งหลาย
12 ฉะนี้ เราจะแบ่งส่วนหนึ่งให้ท่านกับผู้ยิ่งใหญ่ และท่านจะแบ่งรางวัลกับคนแข็งแรง เพราะท่านเทวิญญาณจิตของท่านถึงความมรณะ และถูกนับเข้ากับคนทรยศ ถึงกระนั้นท่านก็แบกบาปของคนเป็นอันมาก และทำการอ้อนวอนเพื่อผู้ทรยศ
อิสยาห์ 54
1 "จงร้องเพลงเถิด โอ หญิงหมันเอ๋ย ผู้ไม่คลอดบุตร จงเปล่งเสียงร้องเพลงและร้องให้ดัง เจ้าผู้ไม่ได้เจ็บครรภ์ ด้วยว่าบุตรของแม่ร้างก็ยังจะมีมากกว่า บุตรของนางที่แต่งงาน พระเจ้าตรัสดังนี้
2 จงขยายสถานที่แห่งเต็นท์ของเจ้า และให้ม่านของที่อาศัยของเจ้าขึงออก อย่าหน่วงไว้ ต่อเชือกของเจ้าให้ยาว และเสริมกำลังหลักหมุดของเจ้า
3 เพราะเจ้าจะกระจายออกไปทางขวาและทางซ้าย และเชื้อสายของเจ้าจะได้บรรดาประชาชาติเป็นกรรมสิทธิ์ และจะให้มีคนอยู่ในหัวเมืองร้างเปล่า
4 "อย่ากลัวเลย เพราะเจ้าจะไม่ต้องอับอาย อย่าอดสูเลย เพราะเจ้าจะไม่ต้องละอาย เพราะเจ้าจะลืมความอายในวัยสาวของเจ้า และเจ้าจะไม่จำที่เขาติความเป็นม่ายของเจ้าอีก
5 เพราะผู้สร้างเจ้าเป็นสามีของเจ้า พระนามของพระองค์คือพระเยโฮวาห์จอมโยธา และองค์บริสุทธิ์ของอิสราเอลเป็นผู้ไถ่ของเจ้า เขาเรียกพระองค์ว่าพระเจ้าของสากลโลก
6 เพราะพระเจ้าได้ทรงเรียกเจ้า ดังภรรยาผู้ถูกละทิ้งและโทมนัสในใจ เหมือนภรรยาสาวเมื่อนางถูกทิ้ง พระเจ้าของเจ้าตรัสดังนี้
7 เราได้ละทิ้งเจ้าอยู่หน่อยเดียว แต่เราจะรวบรวมเจ้าด้วยความสมเพชยิ่ง
8 เราได้ซ่อนหน้าของเราจากเจ้า ด้วยความพิโรธอันท่วมท้นอยู่ครู่หนึ่ง แต่ด้วยความรักนิรันดร์ เรามีความสมเพชเจ้า พระเจ้า พระผู้ไถ่เจ้าตรัสดังนี้
9 "สำหรับเราเรื่องนี้เหมือนสมัยของโนอาห์ เราได้ปฏิญาณว่าน้ำของโนอาห์ จะไม่ท่วมแผ่นดินโลกอีกเลยฉันใด เราจึงได้ปฏิญาณว่าเราจะไม่โกรธเจ้า และจะไม่ขนาบเจ้าฉันนั้น
10 เพราะภูเขาอาจจะพรากจากไป และเนินอาจจะคลอนแคลน แต่ความรักมั่นคงของเราจะไม่พรากไปจากเจ้า และพันธสัญญาแห่งสันติภาพของเราจะไม่คลอนแคลนไป พระเจ้าผู้มีความสมเพชต่อเจ้าตรัสดังนี้ เยรูซาเล็มใหม่
11 "โอ เจ้าผู้ถูกข่มใจ ถูกพายุพัดพาและขาดการเล้าโลม ดูเถิด เราจะวางศิลาของเจ้าไว้ในพลวง และวางรากฐานของเจ้าไว้ด้วยไพฑูรย์
12 เราจะทำปิ่นเมืองของเจ้าด้วยโมรา และประตูเมืองของเจ้าด้วยเบริล และกำแพงทั้งสิ้นของเจ้าด้วยเพชรนิลจินดา
13 บุตรทั้งสิ้นของเจ้านั้นพระเจ้าจะทรงสั่งสอน และบุตรของเจ้าจะมีความสุขสมบูรณ์อย่างยิ่ง
14 เจ้าจะได้รับสถาปนาไว้ในความชอบธรรม เจ้าจะห่างไกลจากการบีบบังคับ เพราะเจ้าจะไม่ต้องกลัว และห่างจากความสยดสยอง เพราะมันจะไม่มาใกล้เจ้า
15 ดูเถิด ถ้าผู้ใดปลุกปั่นให้เกิดการแก่งแย่ง ก็มิใช่เพราะมาจากเรา ผู้ใดปลุกปั่นให้เกิดการแก่งแย่งกับเจ้า ผู้นั้นจะล้มลงเพราะเจ้า
16 ดูเถิด เราได้สร้างช่างเหล็ก ผู้เป่าไฟถ่าน และทำให้เกิดอาวุธเหมาะกับงานของมัน เราได้สร้างผู้ผลาญเพื่อทำลายด้วย
17 ไม่มีอาวุธใดที่สร้างเพื่อต่อสู้เจ้าจะจำเริญได้ และเจ้าจะปรับโทษลิ้นทุกลิ้น ที่ลุกขึ้นต่อสู้เจ้าในการพิพากษา นี่เป็นมรดกของบรรดาผู้รับใช้ของพระเจ้า และการให้ความยุติธรรมต่อเขาจากเรา พระเจ้าตรัสดังนี้"
อิสยาห์ 55
1 "เชิญทุกคนที่กระหาย จงมาถึงน้ำ และผู้ที่ไม่มีเงิน มาซื้อกินเถิด มาซื้อเหล้าองุ่นและน้ำนมเถิด โดยไม่ต้องเสียเงินเสียค่า
2 ทำไมเจ้าจึงใช้เงินของเจ้าเพื่อของซึ่งไม่ใช่อาหาร และใช้ทรัพยากรซื้อสิ่งซึ่งมิให้อิ่มใจ จงเอาใจใส่ฟังเรา และรับประทานของดี และให้ตัวปีติยินดีในไขมัน
3 เอียงหูของเจ้า และมาหาเรา จงฟัง เพื่อจิตวิญญาณของเจ้าจะมีชีวิต และเราจะทำพันธสัญญานิรันดร์กับเจ้า อนุสนธิ์ ความรักอันมั่นคงแน่นอน ของเราต่อดาวิด
4 ดูเถิด เรากระทำให้ท่านเป็นพยานต่อชนชาติทั้งหลาย เป็นหัวหน้าและเป็นผู้บัญชาการเพื่อชนชาติทั้งปวง
5 ดูเถิด เจ้าจะร้องเรียกประชาชาติซึ่งเจ้าไม่รู้จัก และประชาชาติซึ่งไม่รู้จักเจ้าจะวิ่งมาหาเจ้า เหตุด้วยพระเจ้าของเจ้า และเพราะองค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอล เพราะพระองค์ทรงให้เจ้าได้รับเกียรติ
6 "จงแสวงหาพระเจ้า เมื่อจะพบพระองค์ได้ จงทูลพระองค์ ขณะพระองค์ทรงอยู่ใกล้
7 ให้คนอธรรมละทิ้งทางของเขา และคนไม่ชอบธรรมสละความคิดของเขา ให้เขากลับยังพระเจ้า เพื่อพระองค์จะทรงกรุณาเขา และยังพระเจ้าของเรา เพราะพระองค์จะทรงอภัย อย่างล้นเหลือ
8 เพราะความคิดของเราไม่เป็นความคิดของเจ้า ทั้งทางของเจ้าไม่เป็นวิถีของเรา" พระเจ้าตรัสดังนี้
9 "เพราะฟ้าสวรรค์สูงกว่าแผ่นดินโลกฉันใด วิถีของเราสูงกว่าทางของเจ้า และความคิดของเราก็สูงกว่าความคิดของเจ้าฉันนั้น"
10 "เพราะฝนและหิมะลงมาจากฟ้าสวรรค์ และไม่กลับที่นั่นเว้นแต่รดแผ่นดินโลก กระทำให้มันบังเกิดผลและแตกหน่อ อำนวยเมล็ดแก่ผู้หว่านและอาหาร แก่ผู้กิน
11 คำของเราซึ่งออกไปจากปากของเรา จะไม่กลับมาสู่เราเปล่า แต่จะสัมฤทธิ์ผลซึ่งเรามุ่งหมายไว้ และให้สิ่งซึ่งเราใช้ไปทำนั้นจำเริญขึ้นฉันนั้น
12 "เพราะเจ้าจะออกไปด้วยความชื่นบาน และถูกนำไปด้วยสวัสดิภาพ ภูเขาและเนินเขา เปล่งเสียงร้องเพลงข้างหน้าเจ้า และต้นไม้ทั้งสิ้นในท้องทุ่งจะตบมือของมัน
13 แทนต้นหนามขี้แรด ต้นสนสามใบจะงอกขึ้น แทนต้นไมยราบ ต้นน้ำมันเขียวจะงอกขึ้น และแด่พระเจ้า มันจะเป็นอนุสรณ์ เพื่อเป็นหมายสำคัญนิรันดร์ซึ่งจะไม่ตัดออกเลย"
อิสยาห์ 56
1 พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า "จงรักษาความยุติธรรมไว้และกระทำความชอบธรรม เพราะความรอดของเราใกล้จะมา และการช่วยกู้ของเราจะเผยออก
2 ความสุขย่อมมีแก่ผู้กระทำเช่นนี้ และแก่บุตรของมนุษย์ผู้ยึดไว้มั่น ผู้รักษาวันสะบาโต ไม่เหยียดหยามวันนั้น และระวังมือของเขาจากการกระทำชั่วร้ายใดๆ"
3 อย่าให้คนต่างชาติผู้เข้าจารีตถือพระเจ้ากล่าวว่า "พระเจ้าจะทรงแยกข้าแน่จากชนชาติของพระองค์" และอย่าให้ขันทีพูดว่า "ดูเถิด ข้าเป็นต้นไม้แห้ง"
4 เพราะพระเจ้าตรัสดังนี้ว่า "เรื่องขันทีทั้งหลายผู้รักษาวันสะบาโตของเรา ผู้เลือกบรรดาสิ่งที่พอใจเรา และยึดพันธสัญญาของเราไว้มั่น
5 ภายในนิเวศของเราและภายในกำแพงของเรา เราจะให้อนุสาวรีย์และชื่อแก่เขาเหล่านั้น ที่ดีกว่าบุตรชายและบุตรหญิง เราจะให้ชื่อนิรันดร์แก่เขาทั้งหลาย ซึ่งจะไม่ตัดออกเลย
6 "และบรรดาชนต่างชาติผู้เข้าจารีตถือพระเจ้า ปรนนิบัติพระองค์และรักพระนามของพระเจ้า และเป็นผู้รับใช้ของพระองค์ ทุกคนผู้รักษาวันสะบาโต และมิได้เหยียดหยาม และยึดพันธสัญญาของเรามั่นไว้
7 คนเหล่านี้เราจะนำมายังภูเขาบริสุทธิ์ของเรา และกระทำให้เขาชื่นบานอยู่ในนิเวศอธิษฐานของเรา เครื่องเผาบูชาของเขาและเครื่องสักการบูชาของเขา จะเป็นที่โปรดปรานบนแท่นบูชาของเรา เพราะนิเวศของเราเขาจะเรียกว่าเป็นนิเวศอธิษฐาน สำหรับบรรดาชนชาติทั้งหลาย
8 พระเจ้า ผู้ทรงรวบรวมอิสราเอลที่กระจัดกระจาย ตรัสว่า เราจะรวบรวมคนอื่นมาไว้กับเขา นอกจากคนเหล่านั้นที่ได้รวบรวมไว้แล้ว"
9 เจ้า บรรดาสัตว์ป่าทุ่ง มากินซิ ทั้งเจ้าบรรดาสัตว์ในป่า
10 ยามของเขาตาบอด เขาทั้งปวงไร้ความรู้ เขาทั้งปวงเป็นสุนัขใบ้ เขาเห่าไม่ได้ ได้แต่ฝัน ได้แต่นอน รักแต่หลับ
11 เออ สุนัขเหล่านั้นหิวจัด กินไม่รู้จักอิ่ม ผู้เลี้ยงแกะก็ไม่มีความเข้าใจเสียด้วย เขาทุกคนกลับไปตามทางเขาเอง ต่างก็หากำไรใส่ตนเอง ไม่เว้นสักคน
12 เขาทั้งหลายว่า "มาเถิด ให้เราเอาเหล้าองุ่น ให้เราเติมเมรัยให้เต็มตัวเรา และพรุ่งนี้ก็จะเหมือนวันนี้ ใหญ่โตเกินขนาด"
อิสยาห์ 57
1 คนชอบธรรมพินาศ และไม่มีใครเอาใจใส่ ภักติชนถูกเอาไปเสีย ไม่มีใครเข้าใจ เพราะคนชอบธรรมถูกเอาไปเสียจากความลำบากยากเย็น
2 เขาเข้าไปในสันติภาพ ผู้ดำเนินในความเที่ยงธรรมของเขา ก็พักอยู่บนที่นอนของเขา
3 แต่เจ้าทั้งหลาย บรรดาลูกชายของแม่มด ลูกหลานของคนล่วงประเวณี และหญิงแพศยา จงเข้ามาใกล้ที่นี่
4 เจ้าทั้งหลายพูดเย้ยหยันใคร เจ้าอ้าปากเย้ย แลบลิ้นหลอกผู้ใด เจ้าเป็นลูกที่ทรยศ เป็นลูกที่หลอกลวงมิใช่หรือ
5 คือเจ้าผู้ร้อนเร่าด้วยราคะท่ามกลางต้นก่อ ภายใต้ต้นไม้เขียวทุกต้น ผู้ฆ่าลูกของเจ้าในหุบเขา ใต้ซอกหิน
6 สวนของเจ้าอยู่ท่ามกลางหินเกลี้ยงเกลาแห่งหุบเขา มัน มันเป็นส่วนของเจ้า เจ้าได้เทเครื่องดื่มบูชา และถวายธัญญบูชาให้แก่มัน เราจะระงับโทสะของเราในเรื่องสิ่งเหล่านี้หรือ
7 บนภูเขาสูงเด่น เจ้าได้ตั้งที่นอนของเจ้าไว้ และที่นั่นเจ้าไปถวายเครื่องสักการบูชา
8 เจ้าได้ตั้งสัญลักษณ์ของเจ้า ไว้หลังประตูและเสาประตู เพราะทิ้งเราแล้ว เจ้าจึงเปิดผ้าคลุมที่นอนของเจ้า เจ้าขึ้นไปบนนั้น เจ้าทำให้มันกว้าง และเจ้าตกลงกับมันเพื่อเจ้าเอง เจ้ารักที่นอนของมัน และเจ้าได้มองดูการเปลือย
9 เจ้าเดินทางไปหาพระโมเลคพร้อมกับน้ำมัน และทวีน้ำหอมของเจ้า เจ้าได้ส่งทูตของเจ้าไปไกล แม้ให้ลงไปจนถึงแดนคนตาย
10 เจ้าเหน็ดเหนื่อยเพราะระยะทางไกลของเจ้า แต่เจ้ามิได้พูดว่า "หมดหวัง" เจ้าประสบการฟื้นฟูกำลังของเจ้า และเจ้าจึงมิได้อ่อนเปลี้ยไป
11 เจ้าครั่นคร้ามและกลัวใคร เจ้าจึงได้มุสาอยู่นั่นเอง และไม่นึกถึงเรา และไม่เอาใจใส่เราสักนิด เรามิได้ระงับปากอยู่เป็นเวลานานแล้วดอกหรือ อย่างนั้นซีเจ้าจึงไม่ยำเกรงเรา
12 เราจะบอกถึงความชอบธรรมและการกระทำของเจ้า แต่มันก็จะไม่ช่วยเจ้า
13 เมื่อเจ้าร้องออกมาก็ให้สิ่งที่เจ้าสะสมไว้ช่วยกู้เจ้าซี ลมจะพัดมันไปเสีย เพียงลมหายใจจะหอบมันออกไป แต่ผู้ที่ลี้ภัยอยู่ในเราจะได้แผ่นดินนั้นเป็นกรรมสิทธิ์ และจะได้ภูเขาบริสุทธิ์ของเราเป็นมรดก
14 และจะมีเสียงว่า "พูนดิน พูนดินขึ้น และจงเตรียมทาง รื้อถอนอุปสรรคเสียจากทางของชนชาติของเรา"
15 องค์ผู้สูงเด่น คือผู้อยู่ในนิรันดร์กาล ผู้ทรงพระนามว่าบริสุทธิ์ ตรัสดังนี้ว่า "เราอยู่ในที่ที่สูงและบริสุทธิ์ และอยู่กับผู้ที่มีจิตใจสำนึกผิดและถ่อม เพื่อจะรื้อฟื้นจิตใจของผู้ใจถ่อม และรื้อฟื้นใจของผู้สำนึกผิด
16 เพราะเราจะไม่ต่อสู้แย้งอยู่เป็นนิตย์ หรือโกรธอยู่เสมอ เพราะจิตวิญญาณออกมาจากเรา และเราได้สร้างลมปราณ
17 เราโกรธเพราะความบาปผิดแห่งความโลภของเขา เราตีเขา เราซ่อนตัวและโกรธ แต่เขายังหันกลับเดินตามชอบใจของเขาอยู่
18 เราได้เห็นวิธีการของเขาแล้ว แต่เราจะรักษาเขาให้หาย เราจะนำเขาและสนองเขาด้วยการเล้าโลม และสร้างผลของริมฝีปากให้ผู้ไว้ทุกข์เขา
19 พระเจ้าตรัสว่า สันติภาพ สันติภาพแก่คนไกลและคนใกล้ และเราจะรักษาเขาให้หาย
20 แต่คนอธรรมนั้นเหมือนทะเลที่กำเริบ เพราะมันนิ่งอยู่ไม่ได้ และน้ำของมันก็กวนตมและเลนขึ้นมา
21 พระเจ้าของข้าพเจ้าตรัสว่า "ไม่มีสันติสุข แก่คนอธรรม"
อิสยาห์ 58
1 จงร้องดังๆ อย่าออมไว้ จงเปล่งเสียงของเจ้าเหมือนเป่าเขาสัตว์ จงแจ้งแก่ชนชาติของเราให้ทราบถึงเรื่องการทรยศของเขา แก่เชื้อสายของยาโคบเรื่องบาปของเขา
2 แต่เขายังแสวงเราทุกวัน และปีติยินดีที่จะรู้จักทางของเรา เหมือนกับว่าเขาเป็นประชาชาติที่ได้ทำความชอบธรรม และมิได้ละทิ้งกฎหมายแห่งพระเจ้าของเขา เขาก็ขอข้อกฎหมายอันชอบธรรมจากเรา เขาทั้งหลายก็ปีติยินดีที่จะเข้ามาใกล้พระเจ้า
3 'ทำไมข้าพระองค์ทั้งหลายได้อดอาหาร และพระองค์มิได้ทอดพระเนตร ทำไมข้าพระองค์ทั้งหลายได้ถ่อมตัวลง และพระองค์มิได้ทรงสนพระทัย' ดูเถิด ในวันที่เจ้าอดอาหาร เจ้าทำตามใจของเจ้า และบีบบังคับคนงานของเจ้าทั้งหมด
4 ดูเถิด เจ้าอดอาหารเพียงเพื่อวิวาทและต่อสู้ และเพื่อต่อยด้วยหมัดอธรรม การอดอาหารอย่างของเจ้าในวันนี้ จะไม่กระทำให้เสียงของเจ้าได้ยินไปถึงที่สูง
5 อย่างนี้หรือเป็นการอดอาหารที่เราเลือก คือวันที่คนข่มตัว การก้มศีรษะของเขาลงเหมือนอ้อเล็ก และปูผ้ากระสอบและขี้เถ้ารองใต้เขา อย่างนี้หรือ เจ้าจะเรียกการอย่างนี้ว่าการอดอาหาร และเป็นวันที่พระเจ้าโปรดปรานอย่างนั้นหรือ
6 "การอดอาหารอย่างนี้ไม่ใช่หรือที่เราต้องการ คือการแก้พันธนะของความอธรรม การแก้สายรัดแอก และการปล่อยให้ผู้ถูกบีบบังคับเป็นอิสระ และการหักแอกเสียทุกอัน
7 ไม่ใช่การที่จะปันอาหารของเจ้าให้กับผู้หิว และนำคนยากจนไร้บ้านเข้ามาในบ้านของเจ้า เมื่อเจ้าเห็นคนเปลือยกายก็คลุมกายเขาไว้ และไม่ซ่อนตัวของเจ้าจากญาติของเจ้าเอง ดอกหรือ
8 แล้วความสว่างจะพุ่งออกมาแก่เจ้าอย่างอรุณ และแผลของเจ้าจะเรียกเนื้อขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ความชอบธรรมของเจ้าจะเดินนำหน้าเจ้า และพระสิริของพระเจ้าจะระวังหลังเจ้า
9 แล้วเจ้าจะทูล และพระเจ้าจะทรงตอบ เจ้าจะร้องทูล และพระองค์จะตรัสว่า เราอยู่นี่ "ถ้าเจ้าจะเอาออกไปจากท่ามกลางเจ้าเสีย ซึ่งแอก ซึ่งการชี้หน้า และซึ่งการพูดอธรรม
10 ถ้าเจ้าทุ่มเทชีวิตของเจ้าแก่คนหิว และให้ผู้ถูกข่มใจได้อิ่มใจ แล้วความสว่างจะโผล่ขึ้นแก่เจ้าในความมืด และความมืดคลุ้มของเจ้าจะเป็นเหมือนเที่ยงวัน
11 และพระเจ้าจะนำเจ้าอยู่เป็นนิตย์ และให้เจ้าอิ่มด้วยของดี และกระทำให้กระดูกของเจ้าแข็ง และเจ้าจะเป็นเหมือนสวนที่มีน้ำรด เหมือนน้ำพุ ที่น้ำของมันไม่ขาด
12 และสิ่งปรักหักพังโบราณของเจ้าจะได้รับการสร้าง ขึ้นใหม่ เจ้าจะได้ซ่อมเสริมรากฐานของคนหลายชั่วอายุมาแล้วขึ้น เจ้าจะได้ชื่อว่าเป็นผู้ซ่อมกำแพงที่พัง ผู้ซ่อมแซมถนนให้คืนคงเพื่อจะได้อาศัยอยู่ การถือวันสะบาโต
13 "ถ้าเจ้าหยุดเหยียบย่ำวันสะบาโต คือจากการทำตามใจของเจ้าในวันบริสุทธิ์ของเรา และเรียกสะบาโตว่า วันปีติยินดี และเรียกวันบริสุทธิ์ของพระเจ้าว่า วันมีเกียรติ ถ้าเจ้าให้เกียรติมัน ไม่ไปตามทางของเจ้าเอง หรือทำตามใจของเจ้า หรือพูดแต่เรื่องไร้สาระ
14 แล้วเจ้าจะได้ความปีติยินดีในพระเจ้า และเราจะให้เจ้าขึ้นขี่อยู่บนที่สูงของแผ่นดินโลก และเราจะเลี้ยงเจ้าด้วยมรดกของยาโคบบิดาของเจ้า เพราะโอษฐ์ของพระเจ้าได้ตรัสแล้ว"
อิสยาห์ 59
1 ดูเถิด พระหัตถ์ของพระเจ้ามิได้สั้นลง ที่จะช่วยให้รอดไม่ได้ หรือพระกรรณตึง ซึ่งจะไม่ทรงได้ยิน
2 แต่ว่าความบาปชั่วของเจ้าทั้งหลายได้กระทำให้เกิดการแยก ระหว่างเจ้ากับพระเจ้าของเจ้า และบาปของเจ้าทั้งหลาย ได้บังพระพักตร์ของพระองค์เสียจากเจ้า พระองค์จึงมิได้ยิน
3 เพราะมือของเจ้ามลทินด้วยโลหิต และนิ้วมือของเจ้าด้วยความบาปชั่ว ริมฝีปากของเจ้าได้พูดคำเท็จ ลิ้นของเจ้าพึมพำความอธรรม
4 ไม่มีผู้ใดฟ้องอย่างยุติธรรม ไม่มีผู้ใดขึ้นศาลอย่างซื่อสัตย์ เขาทั้งหลายวางใจอยู่กับสิ่งที่ไม่เป็นสาระ เขาพูดเท็จ เขาตั้งท้องความชั่วและคลอดความบาปผิด
5 เขาฟักไข่งูทับทาง เขาทอใยแมงมุม เขาผู้กินไข่นั้นก็ตาย แม้ไข่ลูกใดถูกทุบ งูปากกะบะก็เป็นตัวขึ้นมา
6 ใยของมันจะใช้เป็นเสื้อผ้าไม่ได้ คนจะเอาสิ่งที่มันทำมาคลุมตัวไม่ได้ กิจการของมันเป็นการชั่ว และการกระทำอันทารุณก็อยู่ในมือของเขา
7 เท้าของเขาวิ่งไปหาความชั่ว และเขาเร่งไปหลั่งโลหิตไร้ความผิดให้ถึงตาย ความคิดของเขาเป็นความคิดชั่ว การล้างผลาญและการทำลายอยู่ในหนทางของเขา
8 เขาไม่รู้จักทางแห่งศานติภาพ ไม่มีความยุติธรรมในวิถีของเขา เขาได้ทำให้ถนนของเขาคดโค้ง ผู้ใดที่เดินในนั้นไม่รู้จักศานติภาพ
9 เพราะฉะนั้น ความยุติธรรมจึงอยู่ห่างจากเราทั้งหลาย และความชอบธรรมตามเราไม่ทัน เราทั้งหลายมองหาความสว่างและดูเถิด ความมืด หาความสุกใส แต่เราดำเนินในความมืดคลุ้ม
10 เราทั้งหลายคลำหากำแพงเหมือนคนตาบอด เออ เราคลำหาเหมือนคนไม่มีลูกตา เราสะดุดในเวลาเที่ยงเหมือนในเวลาโพล้เพล้ ท่ามกลางคนที่มีกำลังเต็มที่เราเหมือนคนตาย
11 เราทุกคนครางเหมือนหมี เราพิลาป และพิลาปเหมือนนกพิราบ และมองหาความยุติธรรม แต่ไม่มีเลย หาความรอด แต่ก็อยู่ไกลจากเรา
12 เพราะการทรยศของข้าพระองค์ทั้งหลายทวีขึ้นต่อพระองค์ และบาปของข้าพระองค์ก็ปรักปรำข้าพระองค์ เพราะการทรยศของข้าพระองค์อยู่กับข้าพระองค์ ส่วนความบาปชั่วของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ก็รู้จัก
13 คือการทรยศ การปฏิเสธพระเจ้า การหันไปจากการติดตามพระเจ้าของเรา การพูดที่เป็นการบีบบังคับและการกบฏ การก่อและการกล่าวคำเท็จจากใจ
14 ความยุติธรรมก็หันกลับ และความชอบธรรมก็ยืนอยู่แต่ไกล เพราะความจริงล้มเสียแล้วที่ตรงลานเมือง และความเที่ยงตรงเข้าไปไม่ได้
15 สัจจะ ขาดอยู่ และผู้ใดที่พรากจากความชั่วก็ทำตัวให้เป็นเหยื่อ พระเจ้าทรงเห็น แล้วไม่เป็นที่พอพระทัยพระองค์ ที่ไม่มีความยุติธรรม
16 พระองค์ทรงเห็นว่าไม่มีคนใดเลย ทรงประหลาดพระทัยว่าไม่มีใครอ้อนวอนเผื่อ แล้วพระกรของพระองค์เองก็นำความรอดมา และความชอบธรรมของพระองค์ชูพระองค์ไว้
17 พระองค์ทรงสวมความชอบธรรมเป็นทับทรวง และพระมาลาแห่งความรอดอยู่เหนือพระเศียรของ พระองค์ พระองค์ทรงสวมฉลองพระองค์แห่งการ แก้แค้นเป็นของคลุมพระกาย และเอาความกระตือรือร้นห่มพระองค์
18 พระองค์จะทรงชำระให้ตามการกระทำของเขา คือพระพิโรธแก่ปรปักษ์ของพระองค์ และสิ่งสนองแก่ศัตรูของพระองค์ พระองค์จะทรงมอบการสนองแก่แผ่นดินชายทะเล
19 เขาจึงจะยำเกรงพระนามพระเจ้าจากตะวันตก และพระสิริของพระองค์จากที่ตะวันขึ้น เพราะพระองค์จะเสด็จมาอย่างแม่น้ำเชี่ยว ซึ่งพระวาตะของพระเจ้าขับส่ง
20 พระเจ้าตรัสว่า "และพระองค์จะเสด็จมายังศิโยนเป็นพระผู้ไถ่ มายังบรรดาผู้อยู่ในยาโคบผู้หันจาก การทรยศ"
21 พระเจ้าตรัสว่า "และฝ่ายเรา นี่เป็นพันธสัญญาของเรากับเขาทั้งหลาย คือวิญญาณของเราซึ่งอยู่เหนือเจ้า และคำของเราซึ่งเราใส่ไว้ในปากของเจ้า จะไม่พรากไปจากปากของเจ้า หรือจากปากลูกของเจ้า หรือจากปากของลูกของลูกของเจ้า ตั้งแต่เวลานี้ไปจนกาลนิรันดร์" พระเจ้าตรัสดังนี้
อิสยาห์ 60
1 จงลุกขึ้น ฉายแสง เพราะว่าความสว่างของเจ้ามาแล้ว และพระสิริของพระเจ้าขึ้นมาเหนือเจ้า
2 เพราะว่าดูเถิด ความมืดจะคลุมแผ่นดินโลก และความมืดทึบคลุมชนชาติทั้งหลาย แต่พระเจ้าจะทรงขึ้นมาเหนือเจ้า และเขาจะเห็นพระสิริของพระองค์เหนือเจ้า
3 และบรรดาประชาชาติจะมายังความสว่างของเจ้า และพระราชาทั้งหลาย ยังความสุกใสแห่งการขึ้นของเจ้า
4 จงเงยตาของเจ้ามองให้รอบ และดู เขาทั้งปวงมาอยู่ด้วยกัน เขาทั้งหลายมาหาเจ้า บุตรชายทั้งหลายของเจ้าจะมาจากที่ไกล และเขาจะอุ้มบุตรหญิงของเจ้ามา
5 แล้วเจ้าจะเห็นและปลาบปลื้ม ใจของเจ้าจะตื่นเต้นและเปรมปรีดิ์ เพราะความมั่งคั่งของทะเลจะหันมาหาเจ้า ทรัพย์สมบัติของบรรดาประชาชาติจะมายังเจ้า
6 มวลอูฐจะมาห้อมล้อมเจ้า อูฐหนุ่มจากมีเดียนและเอฟาห์ บรรดาเหล่านั้นจากเชบาจะมา เขาจะนำทองคำและกำยาน และจะบอกข่าวดีถึงกิจการอันน่าสรรเสริญของพระเจ้า
7 ฝูงแพะแกะทั้งสิ้นแห่งเคดาร์จะรวมมาหาเจ้า แกะผู้ของเนบาโยทจะปรนนิบัติเจ้า มันจะขึ้นไปบนแท่นบูชาของเราอย่างเป็นที่โปรดปราน และเราจะให้นิเวศอันเรืองรุ่งของเรา ได้รับความรุ่งเรือง
8 เหล่านี้เป็นใครนะที่บินมาเหมือนเมฆ และเหมือนนกพิราบไปยังหน้าต่างของมัน
9 เพราะว่าแผ่นดินชายทะเลจะรอคอยเรา กำปั่นแห่งทารชิชก่อน เพื่อนำบุตรชายของเจ้ามาแต่ไกล นำเงินและทองคำของเขามาด้วย เพื่อพระนามแห่งพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้า และเพื่อองค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอล เพราะพระองค์ได้ทรงกระทำให้เจ้ารุ่งเรือง
10 คนต่างด้าวจะสร้างกำแพงของเจ้าขึ้น และพระราชาของเขาจะปรนนิบัติเจ้า เพราะด้วยความพิโรธของเรา เราเฆี่ยนเจ้า แต่ด้วยความโปรดปรานของเรา เราได้กรุณาเจ้า
11 ประตูเมืองของเจ้าจะเปิดอยู่เสมอ ทั้งกลางวันและกลางคืนมันจะไม่ปิด เพื่อคนจะนำความมั่งคั่งของบรรดา ประชาชาติมาให้เจ้า พร้อมด้วยพระราชาทั้งหลาย
12 เพราะว่าประชาชาติและราชอาณาจักร ที่ไม่ปรนนิบัติเจ้าจะพินาศ เออ บรรดาประชาชาติเหล่านั้นจะถูกทิ้งร้างอย่างสิ้นเชิง
13 ศักดิ์ศรีแห่งเลบานอนจะมายังเจ้า คือต้นสนสามใบ ต้นสนเขาและต้นช้องรำพันด้วยกัน เพื่อจะกระทำให้ที่แห่งสถานศักดิ์สิทธิ์ของเรางดงาม และเราจะกระทำให้ที่แห่งเท้าของเรารุ่งโรจน์
14 ลูกชายของคนเหล่านั้นที่ได้บีบบังคับเจ้า จะมาโค้งลงต่อเจ้า และบรรดาผู้ที่ดูหมิ่นเจ้า จะกราบลงที่ฝ่าเท้าของเจ้า เขาทั้งหลายจะเรียกเจ้าว่าเป็นพระนครของพระเจ้า ศิโยนแห่งองค์บริสุทธิ์ของอิสราเอล
15 ในเมื่อเจ้าได้ถูกละทิ้งและเป็นที่เกลียดชัง และไม่มีใครผ่านเจ้ามาเลย เราจะกระทำให้เจ้าโอ่อ่าตระการเป็นนิตย์ เป็นความชื่นบานทุกชั่วชาติพันธุ์
16 เจ้าจะได้ดื่มน้ำนมของบรรดาประชาชาติ เจ้าจะได้ดูดนมของบรรดาพระราชา และเจ้าจะรู้ว่า เราพระเจ้า เป็นพระผู้ช่วยของเจ้า และพระผู้ไถ่ของเจ้า องค์อานุภาพของยาโคบ
17 แทนทองสัมฤทธิ์ เราจะนำมาซึ่งทองคำ และแทนเหล็ก เราจะนำมาซึ่งเงิน แทนไม้ ทองสัมฤทธิ์ แทนหิน เหล็ก เราจะกระทำให้ศานติภาพเป็นผู้ครอบครองของเจ้า และความชอบธรรมเป็นนายงานของเจ้า
18 ในแผ่นดินของเจ้าเขาจะไม่ได้ยินถึงความทารุณอีก ในเขตแดนของเจ้า ถึงการล้างผลาญหรือการทำลาย เจ้าจะเรียกกำแพงของเจ้าว่าความรอด และประตูเมืองของเจ้าว่าความสรรเสริญ
19 ดวงอาทิตย์จะไม่เป็น ความสว่างของเจ้าในกลางวันอีก หรือดวงจันทร์ให้แสงแก่เจ้า ในกลางคืนเพื่อเป็นความสุกใส แต่พระเจ้าจะทรงเป็นความสว่างเป็นนิตย์ของเจ้า และพระเจ้าของเจ้าจะเป็นศักดิ์ศรีของ เจ้า
20 ดวงอาทิตย์ของเจ้าจะไม่ตกอีก หรือดวงจันทร์ของเจ้าจะไม่มีข้างแรม เพราะพระเจ้าจะทรงเป็นความสว่างนิรันดร์ของเจ้า และวันที่เจ้าไว้ทุกข์จะหมดสิ้นไป
21 ชนชาติของเจ้าจะชอบธรรมทั้งสิ้น เขาจะได้ที่ดินนั้นเป็นกรรมสิทธิ์เป็นนิตย์ หน่อที่เราปลูก และผลงานแห่งมือของเรานั้น เพื่อเราจะสำแดงพระสิริ
22 ผู้เล็กน้อยที่สุดจะเป็นตระกูล และผู้นิดที่สุดจะเป็นประชาชาติอันมีอานุภาพ เราคือพระเจ้า ถึงเวลาเราก็จะเร่ง
อิสยาห์ 61
1 พระวิญญาณแห่งพระเจ้าทรงอยู่เหนือข้าพเจ้า เพราะว่าพระเจ้าได้ทรงเจิมข้าพเจ้าไว้ เพื่อนำข่าวดีมายังผู้ที่ทุกข์ใจ พระองค์ทรงใช้ข้าพเจ้ามาให้เล้าโลมคนที่ชอกช้ำระกำใจ และร้องประกาศอิสรภาพแก่บรรดาเชลย และบอกการเปิดเรือนจำออก ให้แก่ผู้ที่ถูกจำจอง
2 เพื่อประกาศปีแห่งความโปรดปรานของพระเจ้า และวันแห่งการแก้แค้นของพระเจ้าของเรา เพื่อเล้าโลมบรรดาผู้ที่ไว้ทุกข์
3 เพื่อจัดให้บรรดาผู้ที่ไว้ทุกข์ในศิโยน เพื่อประทานมาลัยแทนขี้เถ้าให้เขา น้ำมันแห่งความยินดีแทนการไว้ทุกข์ ผ้าห่มแห่งการสรรเสริญแทนจิตใจที่ท้อถอย เพื่อคนจะเรียกเขาว่าต้นก่อหลวงแห่งความชอบธรรม ที่ซึ่งพระเจ้าทรงปลูกไว้เพื่อพระองค์จะทรงสำแดงพระสิริของพระองค์
4 เขาทั้งหลายจะสร้างสิ่งปรักหักพังโบราณขึ้นใหม่ เขาจะซ่อมเสริมที่ทิ้งร้างแต่เก่าก่อนขึ้น เขาจะซ่อมหัวเมืองที่ปรักหักพัง คือที่ทิ้งร้างมาหลายชั่วอายุคนแล้วนั้น
5 คนต่างถิ่นจะยืนเลี้ยงฝูงแพะแกะของเจ้าทั้งหลาย คนต่างด้าวจะเป็นคนไถนาและคนแต่งเถาองุ่นของเจ้า
6 แต่เขาจะเรียกเจ้าทั้งหลายว่าปุโรหิตของพระเจ้า คนจะพูดถึงเจ้าว่าเป็นผู้ปรนนิบัติของพระเจ้าของเรา เจ้าทั้งหลายจะได้รับประทานความมั่งคั่งของ บรรดาประชาชาติ และเจ้าจะอวดความมั่งมีของเขาทั้งหลาย
7 แทนความอายของเจ้าทั้งหลายเจ้าจะได้ส่วนสองส่วน แทนความอดสู เขาทั้งหลายจะเปรมปรีดิ์ในส่วนของเขา เพราะฉะนั้น ในแผ่นดินของเขาทั้งหลาย เขาจะได้สองส่วนเป็นกรรมสิทธิ์ ความชื่นบานเป็นนิตย์จะเป็นของเขา
8 เพราะเราคือพระเจ้ารักความยุติธรรม เราเกลียดการโจรกรรมและความผิด เราจะให้การตอบแทนแก่เขาทั้งหลายอย่างแน่นอน และเราจะกระทำพันธสัญญานิรันดร์กับเขา
9 เชื้อสายของเขาทั้งหลายจะเป็นที่รู้จักกันท่ามกลาง บรรดาประชาชาติ และลูกหลานของเขาในท่ามกลางชนชาติทั้งหลาย ทุกคนที่ได้เห็นเขาจะจำเขาได้ ว่าเขาเป็นประชาชนซึ่งพระเจ้าทรงอำนวยพระพร
10 ข้าพเจ้าจะเปรมปรีดิ์อย่างยิ่งในพระเจ้า จิตใจของข้าพเจ้าจะลิงโลดในพระเจ้าของข้าพเจ้า เพราะพระองค์ได้ทรงสวมข้าพเจ้าด้วยเสื้อผ้าแห่งความรอด พระองค์ทรงคลุมข้าพเจ้าด้วยเสื้อแห่งความชอบธรรม อย่างเจ้าบ่าวประดับตัวด้วยพวงมาลัย และอย่างเจ้าสาวตกแต่งตัวด้วยเพชรนิลจินดา
11 เพราะแผ่นดินโลกได้เกิดหน่อของมัน และสวนทำให้สิ่งที่หว่านในนั้นงอกขึ้นมาฉันใด พระเจ้าจะทรงทำให้ความชอบธรรมและความสรรเสริญ งอกขึ้นมาต่อหน้าบรรดาประชาชาติฉันนั้น
อิสยาห์ 62
1 เพื่อเห็นแก่ศิโยน ข้าพเจ้าจะไม่ระงับเสียง และเพื่อเห็นแก่เยรูซาเล็มข้าพเจ้าจะไม่นิ่งเฉยอยู่ จนกว่าการช่วยกู้กรุงนี้จะออกไปอย่างความสุกใส และความรอดของกรุงนี้อย่างคบเพลิงที่ลุกอยู่
2 บรรดาประชาชาติจะเห็นการช่วยกู้เจ้า และพระราชาทั้งหลายเห็นศักดิ์ศรีของเจ้า และเขาจะเรียกเจ้าด้วยชื่อใหม่ ซึ่งพระโอษฐ์ของพระเจ้าจะประทาน
3 เจ้าจะเป็นมงกุฎงามในพระหัตถ์ของพระเจ้า และเป็นราชมงกุฎในพระหัตถ์แห่งพระเจ้าของเจ้า
4 เขาจะไม่ขนานนามเจ้าอีกว่า ถูกทอดทิ้ง และเขาจะไม่เรียกแผ่นดินของเจ้าอีกว่า ซึ่งร้างเปล่า แต่เขาจะเรียกเจ้าว่า ความปีติยินดีของเราอยู่ในเธอ และเรียกแผ่นดินของเจ้าว่า สมรสแล้ว เพราะพระเจ้าทรงปีติยินดีในเจ้า และแผ่นดินของเจ้าจะแต่งงาน
5 เพราะชายหนุ่มแต่งงานกับหญิงพรหมจารีฉันใด บุตรชายทั้งหลายของเจ้าจะแต่งกับเจ้าฉันนั้น และเจ้าบ่าวเปรมปรีดิ์เพราะเจ้าสาวฉันใด พระเจ้าของเจ้าจะเปรมปรีดิ์เพราะเจ้าฉันนั้น
6 โอ เยรูซาเล็มเอ๋ย บนกำแพงของเจ้า เราได้วางยามไว้ ตลอดกลางวันและตลอดกลางคืน เขาทั้งหลายจะไม่ระงับเสียงเลย เจ้าทั้งหลายผู้ที่คอยฟื้นความทรงจำของพระเจ้า ไม่ต้องหยุดพัก
7 และอย่าให้พระองค์หยุดพัก จนกว่าพระองค์จะสถาปนา และกระทำกรุงเยรูซาเล็มให้เป็นที่สรรเสริญในแผ่นดินโลก
8 พระเจ้าทรงปฏิญาณด้วยพระหัตถ์ขวาของพระองค์ และด้วยพระกรอานุภาพของพระองค์ ว่า "เราจะไม่ให้ข้าวของเจ้า เป็นอาหารของศัตรูของเจ้าอีก และคนต่างด้าวจะไม่ดื่มเหล้าองุ่นของเจ้า ซึ่งเจ้าตรากตรำได้มานั้น
9 แต่ผู้ใดที่เกี่ยวเก็บไว้จะได้กิน และสรรเสริญพระเจ้า และบรรดาผู้ที่เก็บรวบรวมจะได้ดื่ม ในลานสถานศักดิ์สิทธิ์ของเรา"
10 จงไป จงไปทางประตูเมือง จัดเตรียมทางไว้ให้ชนชาตินี้ จงพูน จงพูนทางหลวงขึ้น เก็บกวาดหินเสียให้หมด จงยกสัญญาณไว้เหนือชนชาติทั้งหลาย
11 ดูเถิด พระเจ้าได้ทรงร้องประกาศให้ได้ยิน ถึงปลายแผ่นดินโลกว่า จงกล่าวแก่ธิดาของศิโยนว่า "ดูเถิด ความรอดของเจ้ามา ดูเถิด รางวัลของพระองค์ก็อยู่กับพระองค์ และค่าตอบแทนของพระองค์ก็อยู่ต่อพระพักตร์ของ พระองค์"
12 และคนจะเรียกเขาทั้งหลายว่า ประชาชนบริสุทธิ์ ผู้รับไถ่ไว้แล้วของพระเจ้า และเขาจะเรียกเจ้าว่า หามาได้ เมืองที่มิได้ถูกทอดทิ้ง
อิสยาห์ 63
1 นี่ใครหนอที่มาจากเมือง เอโดม สวมเสื้อผ้าย้อมสีแดงจากเมืองโบสราห์ พระองค์ผู้ซึ่งโอ่อ่าในเครื่องทรงของพระองค์ เสด็จมาด้วยกำลังยิ่งใหญ่ของพระองค์ "นี่เราเองร้องประกาศการช่วยกู้ และมีอานุภาพที่จะช่วยให้รอด"
2 ทำไมเครื่องทรงของพระองค์จึงสีแดง และเสื้อผ้าของพระองค์เหมือนกับ ของคนที่ย่ำในบ่อย่ำองุ่น
3 "เราได้ย่ำบ่อองุ่น แต่ลำพัง และไม่มีใครจากชนชาติทั้งหลายอยู่กับเราเลย เราย่ำมันด้วยความโกรธของเรา เราเหยียบมันด้วยความพิโรธของเรา โลหิตของเขาพรมอยู่บนเสื้อผ้าของเรา และเราได้ทำให้เสื้อผ้าของเราเปื้อนหมด
4 เพราะวันแก้แค้นอยู่ในใจของเรา และปีแห่งการไถ่ของเราได้มาถึง
5 เรามอง แต่ไม่มีผู้ใดหนุนมา เราประหลาดใจ แต่ไม่มีผู้ชูไว้ มือของเราเองจึงนำชัยมาให้เรา และความพิโรธของเราชูเราไว้
6 เราย่ำชนชาติทั้งหลายลงด้วยความโกรธของเรา เราได้ทำให้เขาเมาด้วยความพิโรธของเรา และเราได้เทโลหิตของเขาบนแผ่นดินโลก"
7 ข้าพเจ้าจะกล่าวให้คิดถึงความรักมั่นคงแห่งพระเจ้า บรรดากิจการอันน่าสรรเสริญของพระเจ้า ตามบรรดาซึ่งพระเจ้าประทานแก่พวกเรา และความดียิ่งใหญ่ต่อวงศ์ของอิสราเอล ซึ่งพระองค์ทรงอนุมัติให้ตามพระกรุณาของพระองค์ ตามความรักมั่นคงอันอุดมสมบูรณ์ของพระองค์
8 เพราะพระองค์ตรัสว่า แน่ทีเดียวเขาเป็นชนชาติของเรา บุตรผู้จะไม่ประพฤติคดโกงเรา และพระองค์ได้เป็นพระผู้ช่วยให้รอดของเขา
9 พระองค์ทรงทุกข์พระทัยในความทุกข์ใจทั้งสิ้นของเขา และทูตสวรรค์ที่อยู่ต่อพระพักตร์ พระองค์ช่วยเขาทั้งหลายให้รอด พระองค์ทรงไถ่เขาด้วยความรักของพระองค์ และด้วยความสงสารของพระองค์ พระองค์ทรงยกเขาขึ้นและหอบเขาไปตลอดกาลก่อน
10 แต่เขาทั้งหลายได้กบฏ และทำให้วิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์เสียพระทัย ฉะนั้นพระองค์จึงทรงหันเป็นศัตรูของเขาทั้งหลาย และพระองค์ทรงต่อสู้กับเขาทั้งหลายเอง
11 แล้วพระองค์ทรงระลึกถึงสมัยเก่าก่อน ถึงโมเสส ถึงชนชาติของพระองค์ พระองค์ทรงนำเขาทั้งหลายขึ้นมาจากทะเล พร้อมกับผู้เลี้ยงแพะแกะของพระองค์อยู่ที่ไหน พระองค์ทรงอยู่ที่ไหน ผู้ซึ่งบรรจุวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์ ท่ามกลางเขาทั้งหลาย
12 ผู้ให้พระกรอันรุ่งโรจน์ของพระองค์ ไปกับมือขวาของโมเสส ผู้แยกน้ำออกต่อหน้าเขาทั้งหลาย เพื่อสร้างพระนามนิรันดร์ให้พระองค์เอง
13 ผู้ได้นำเขาข้ามทะเลนั้น เหมือนม้าในถิ่นทุรกันดาร เขาทั้งหลายมิได้สะดุด
14 อย่างสัตว์เลี้ยงไปยังหุบเขาฉันใด พระวิญญาณของพระเจ้าประทาน ให้เขาหยุดพักฉันนั้น ฉะนั้นพระองค์จึงทรงนำชนชาติของพระองค์ เพื่อจะสร้างพระนามอันรุ่งโรจน์แด่พระองค์เอง
15 ขอทอดพระเนตรลงมาจากฟ้าสวรรค์ และทรงเพ่งดู จากสถานบริสุทธิ์และรุ่งโรจน์ของพระองค์ ความกระตือรือร้นและอานุภาพของพระองค์ อยู่ที่ไหน พระทัยกรุณาของพระองค์และความสมเพชของพระองค์ ได้ถูกยึดไว้จากข้าพระองค์
16 เพราะพระองค์ทรงเป็นพระบิดาของข้าพระองค์ทั้งหลาย แม้อับราฮัมมิได้รู้จักข้าพระองค์ และอิสราเอลหาจำข้าพระองค์ได้ไม่ ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ทรงเป็นพระบิดาของข้าพระองค์ทั้งหลาย พระนามของพระองค์คือพระผู้ไถ่ของข้าพระองค์แต่เก่าก่อน
17 ข้าแต่พระเจ้า ไฉนพระองค์ทรงกระทำให้ ข้าพระองค์ทั้งหลายผิดไปจากพระมรรคาของพระองค์ และกระทำใจของข้าพระองค์ ให้แข็งกระด้างจนข้าพระองค์ไม่ยำเกรงพระองค์ ขอพระองค์ทรงกลับมาเพื่อเห็นแก่บรรดา ผู้รับใช้ของพระองค์ คือ เผ่าทั้งหลายอันเป็นมรดกของพระองค์
18 เขาขับไล่ชนชาติบริสุทธิ์ของพระองค์ ออกไปประเดี๋ยวหนึ่ง ปฏิปักษ์ของข้าพระองค์ทั้งหลายได้เหยียบย่ำสถานศักดิ์สิทธิ์ ของพระองค์ลง
19 ข้าพระองค์ทั้งหลายเป็นอย่างกับ ผู้ที่พระองค์ไม่เคยปกครองเลย อย่างกับผู้ซึ่งเขาไม่ได้เรียกโดยพระนามของพระองค์
อิสยาห์ 64
1 โอ ถ้าหากว่าพระองค์ทรงแหวกฟ้าสวรรค์ลงมาได้หนอ เพื่อภูเขาจะสั่นสะเทือนต่อพระพักตร์พระองค์
2 ดังเมื่อไฟติดกองแขนงไม้ และไฟกระทำให้น้ำเดือด เพื่อให้พระนามของพระองค์เป็นที่รู้จัก แก่ปฏิปักษ์ของพระองค์ เพื่อบรรดาประชาชาติจะสะเทือนต่อพระพักตร์พระองค์
3 เมื่อพระองค์ทรงกระทำสิ่งน่ากลัว ที่พวกข้าพระองค์คาดไม่ถึง พระองค์เสด็จลงมา ภูเขาก็หวั่นไหวต่อพระพักตร์พระองค์
4 ตั้งแต่เก่าก่อนไม่มีผู้ใดได้ยิน หรือทราบด้วยหู หรือตาได้เห็นพระเจ้าสักองค์นอกเหนือพระองค์ ผู้ทรงกระทำเพื่อบรรดาผู้ที่รอคอยพระองค์
5 พระองค์ทรงพบเขา ที่กระทำความชอบธรรมอย่างชื่นบาน บรรดาผู้ที่จำพระองค์ได้ในวิธีการของพระองค์ ดูเถิด พระองค์ทรงกริ้ว และข้าพระองค์ทั้งหลายบาป ข้าพระองค์ทั้งหลายอยู่ในบาปเป็นเวลานาน และข้าพระองค์ทั้งหลายจะรอดหรือ
6 ข้าพระองค์ทุกคนได้กลายเป็นเหมือนคนที่ไม่สะอาด และการกระทำอันชอบธรรมของข้าพระองค์ทั้งสิ้น เหมือนเสื้อผ้าที่สกปรก ข้าพระองค์ทุกคนเหี่ยวลงอย่างใบไม้ และความบาปผิดของข้าพระองค์ ทั้งหลายได้พัดพาข้าพระองค์ไปเหมือนลม
7 ไม่มีผู้ใดร้องทูลต่อพระนามของพระองค์ ที่เร้าตนเองให้ยึดพระองค์ไว้ เพราะพระองค์ทรงซ่อนพระพักตร์ของ พระองค์จากข้าพระองค์ทั้งหลาย และได้มอบข้าพระองค์ทั้งหลายไว้ในมือของความ บาปผิดของข้าพระองค์
8 ข้าแต่พระเจ้า แต่พระองค์ยังทรงเป็นพระบิดาของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ทั้งหลาย เป็นดินเหนียว และพระองค์ทรงเป็นช่างปั้น ข้าพระองค์ทุกคนเป็นผลพระหัตถกิจของพระองค์
9 ข้าแต่พระเจ้า ขออย่าทรงกริ้วนัก และขออย่าทรงจดจำความบาปผิดไว้เป็นนิตย์ ดูเถิด ขอทรงพิเคราะห์ ข้าพระองค์ ทั้งสิ้นเป็นชนชาติของพระองค์
10 หัวเมืองบริสุทธิ์ของพระองค์กลายเป็น ถิ่นทุรกันดาร ศิโยนได้กลายเป็นถิ่นทุรกันดาร เยรูซาเล็มเป็นที่ร้างเปล่า
11 นิเวศอันบริสุทธิ์และงามของข้าพระองค์ทั้งหลาย ที่ซึ่งบรรพบุรุษของข้าพระองค์สรรเสริญพระองค์ ถูกไฟเผาเสียแล้ว และสิ่งอันมีค่าของข้าพระองค์ทั้งสิ้นได้ถูกทิ้งร้าง
12 ข้าแต่พระเจ้า เป็นอย่างนี้แล้วพระองค์ ยังจะทรงยับยั้งพระองค์ไว้หรือ พระองค์จะทรงเงียบอยู่ และข่มใจพวกข้าพระองค์อย่างถึงขนาดหรือ
อิสยาห์ 65
1 เราพร้อมที่จะให้ผู้ที่มิได้ขอพบเรา หาเราได้ เราพร้อมที่จะให้ผู้ที่ไม่แสวงเรา พบเราได้ เราว่า "เราอยู่ที่นี่ เราอยู่ที่นี่" 'ต่อประชาชาติที่ไม่ออกนามของเรา'
2 เรายื่นมือของเราออกตลอดวัน ต่อชนชาติที่มักกบฏ ผู้ดำเนินในทางที่ไม่ดี ติดตามอุบายของตนเอง
3 ชนชาติที่ยั่วเย้าเรา ซึ่งๆหน้าอยู่เสมอ ทำการสักการบูชาตามสวน และเผาเครื่องหอมอยู่บนกองอิฐ
4 ผู้นั่งอยู่ในอุโมงค์ศพ และค้างคืนในที่ลึกลับ ผู้กินเนื้อหมู และในภาชนะของเขามีแกงซึ่งทำด้วยเนื้อที่น่าเกลียดน่าชัง
5 ผู้กล่าวว่า "ออกไปห่างๆ อย่าเข้ามาใกล้ เพราะข้าบริสุทธิ์กว่าเจ้า" เหล่านี้เป็นควันอยู่ในจมูกของเรา เป็นไฟซึ่งไหม้อยู่วันยังค่ำ
6 ดูเถิด มีเขียนไว้ต่อหน้าเราว่า "เราจะไม่นิ่งเฉย แต่เราจะตอบสนอง เออ เราจะตอบสนองไว้ในอกของเขา
7 ทั้งความบาปชั่วของเขา และความบาปชั่วของบรรพบุรุษของเขาทั้งหลายรวมกันด้วย พระเจ้าตรัสดังนี้ เพราะเขาได้เผาเครื่องหอมบนภูเขา และกล่าวหยาบช้าต่อเราบนเนิน เราจะตวงกรรมเก่า เข้าไปในอกของเขา"
8 พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า "เหล้าองุ่นหาได้จากพวงองุ่น และเขากล่าวว่า 'อย่าทำลายมันเสีย เพราะมีพระพรอยู่ในนั้น' ฉันใด เราก็จะกระทำด้วยเห็นแก่ผู้รับใช้ของเรา และไม่ทำลายเขาหมดทีเดียวฉันนั้น
9 เราจะนำเชื้อสายออกมาจากยาโคบ และผู้รับมรดกภูเขาทั้งหลายของเราจากยูดาห์ ผู้เลือกสรรของเราจะได้รับมันเป็นมรดก และบรรดาผู้รับใช้ของเราจะอาศัยอยู่ที่นั่น
10 ชาโรนจะเป็นลานหญ้าสำหรับฝูงแพะแกะ และที่ลุ่มอาโคร์ เป็นที่ให้ฝูงโคนอน เพื่อชนชาติของเราที่ได้แสวงเรา
11 แต่เจ้าทั้งหลายจะทอดทิ้งพระเจ้า ผู้ลืมภูเขาบริสุทธิ์ของเรา ผู้จัดสำรับไว้ให้แก่ พระโชค และเติมเหล้าองุ่นประสมให้แก่ พระเคราะห์
12 เราจะเอาเจ้าทั้งหลายฟาดเคราะห์ให้ดาบไป และเจ้าทุกคนจะต้องหมอบลงต่อการสังหาร เพราะเมื่อเราเรียก เจ้าไม่ตอบ เมื่อเราพูด เจ้าไม่ฟัง แต่เจ้าได้กระทำสิ่งที่ชั่วร้ายในสายตาของเรา และเลือกสิ่งที่เราไม่ปีติยินดีด้วย"
13 เพราะฉะนั้น พระเจ้าจึงตรัสดังนี้ว่า "ดูเถิด ผู้รับใช้ทั้งหลายของเราจะได้รับประทาน แต่เจ้าทั้งหลายจะหิว ดูเถิด ผู้รับใช้ของเราจะได้ดื่ม แต่เจ้าจะกระหาย ดูเถิด ผู้รับใช้ของเราจะเปรมปรีดิ์ แต่เจ้าจะได้อาย
14 ดูเถิด ผู้รับใช้ของเราจะร้องเพลงเพราะใจยินดี แต่เจ้าทั้งหลายจะร้องออกมาเพราะเสียใจ และจะครวญครางเพราะจิตระทม
15 เจ้าทั้งหลายจะทิ้งชื่อของเจ้าไว้ แก่ผู้เลือกสรรของเราเพื่อใช้แช่ง และพระเจ้าจะทรงสังหารเจ้า แต่จะทรงเรียกชื่อผู้รับใช้ของพระองค์ด้วยชื่ออื่น
16 ดังนั้น ผู้ใดที่ขอพรให้ตนเองในแผ่นดิน จะขอพรให้ตนเองในพระนามพระเจ้าแห่งสัจจะ และผู้ใดที่สาบานในแผ่นดิน จะสาบานในนามพระเจ้าแห่งสัจจะ เพราะความลำบากเก่าแก่นั้นก็ลืมเสียแล้ว และซ่อนเสียจากตาของเรา
17 "เพราะดูเถิด เราจะสร้างฟ้าสวรรค์ใหม่ และแผ่นดินโลกใหม่ เพราะสิ่งเก่าก่อนนั้นจะไม่จำกัน หรือนึกได้อีก
18 แต่จงชื่นบานและเปรมปรีดิ์เป็นนิตย์ ในสิ่งซึ่งเราสร้างขึ้น เพราะดูเถิด เราสร้างเยรูซาเล็มให้เป็นที่เปรมปรีดิ์ และชนชาติของเมืองนั้นให้เป็นความชื่นบาน
19 เราจะเปรมปรีดิ์ด้วยเยรูซาเล็ม และชื่นบานด้วยชนชาติของเรา จะไม่ได้ยินเสียงร้องไห้ในเมืองนั้นอีก และเสียงครวญคราง
20 ในนั้นจะไม่มี ทารกที่มีชีวิตเพียงสองสามวัน หรือคนแก่ที่มีอายุไม่ครบกำหนด เพราะเด็กมักจะมีอายุหนึ่งร้อยปีจึงตาย และคนบาปที่มีอายุเพียงหนึ่งร้อยปีจะเป็นที่แช่ง
21 เขาจะสร้างบ้านและเข้าอาศัยอยู่ในนั้น เขาจะปลูกสวนองุ่นและกินผลของมัน
22 เขาจะไม่สร้างและคนอื่นเข้าอาศัยอยู่ เขาจะไม่ปลูกและคนอื่นกิน เพราะอายุชนชาติของเราจะเป็นเหมือนอายุของต้นไม้ และผู้เลือกสรรของเราจะใช้ผลงานน้ำมือของเขานาน
23 เขาทั้งหลายจะไม่ทำงานโดยเปล่าประโยชน์ หรือคลอดบุตรเพื่อความสยดสยอง เพราะเขาเป็นลูกหลานของผู้ที่ได้รับพรของพระเจ้า กับลูกๆของเขาด้วย
24 ก่อนที่เขาร้องเรียก เราจะตอบ ขณะที่เขายังพูดอยู่ เราจะฟัง
25 สุนัขป่าและลูกแกะจะหากินอยู่ด้วยกัน สิงห์จะกินฟางเหมือนวัว และผงคลีจะเป็นอาหารของงู มันทั้งหลายจะไม่ทำอันตรายหรือทำลาย ทั่วภูเขาบริสุทธิ์ของเรา" พระเจ้าตรัสดังนี้
อิสยาห์ 66
1 พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า "สวรรค์เป็นบัลลังก์ของเรา และแผ่นดินโลกเป็นแท่นวางเท้าของเรา นิเวศซึ่งเจ้าจะสร้างให้เรานั้นจะอยู่ที่ไหนเล่า และที่พำนักของเราจะอยู่ที่ไหน
2 สิ่งเหล่านี้มือของเราได้กระทำทั้งสิ้น สิ่งเหล่านั้นจึงเป็นขึ้นมา พระเจ้าตรัสดังนี้ แต่นี่ต่างหากที่เราจะมอง คือเขาผู้ที่ถ่อมและสำนึกผิดในใจ และตัวสั่นเพราะคำของเรา
3 "เขาผู้ฆ่าวัวอย่างกับเขาผู้ฆ่าคน เขาผู้ฆ่าลูกแกะถวายอย่างกับเขาผู้หักคอสุนัข เขาผู้นำธัญญบูชามาอย่างกับเขาผู้ถวายเลือดหมู เขาผู้ทำอนุสรณ์บูชาด้วยกำยาน อย่างกับเขาผู้นั้นสาธุการรูปเคารพ คนเหล่านี้ต่างก็เลือกทางของเขาเอง และจิตใจของเขาปีติยินดีอยู่ในสิ่งน่าสะอิดสะเอียนของเขา
4 เราก็จะเลือกความทุกข์ใจให้เขาด้วย และนำสิ่งที่เขากลัวมาให้เขา เพราะเมื่อเราได้เรียก ไม่มีสักคนหนึ่งตอบ เมื่อเราพูด เขาไม่ฟัง แต่เขาได้กระทำความชั่วร้ายในสายตาของเรา และเลือกสิ่งซึ่งเราไม่ปีติยินดีด้วย"
5 เจ้าผู้ตัวสั่นเพราะพระวจนะของพระองค์ จงฟังพระวจนะของพระเจ้า "พี่น้องของเจ้าผู้ซึ่งเกลียดชังเจ้า และเหวี่ยงเจ้าออกไปเพราะเห็นแก่นามของเรา ได้พูดว่า 'ขอพระเจ้าทรงรับเกียรติ เพื่อเราจะได้เห็นความชื่นบานของเจ้า' แต่เขาเหล่านั้นแหละจะต้องได้รับความอาย
6 "ฟังซิ เสียงอึงคะนึงจากในเมือง แน่ะ เสียงจากพระวิหาร พระสุรเสียงของพระเจ้า กำลังให้การตอบแทนต่อศัตรูของพระองค์
7 "ก่อนที่นางจะปวดครรภ์ นางก็คลอดบุตร ก่อนที่ความเจ็บปวดจะมาถึงนาง นางก็ให้กำเนิดบุตรชายคนหนึ่ง
8 ใครเคยได้ยินสิ่งอย่างนี้บ้าง ใครเคยได้เห็นสิ่งอย่างนี้บ้าง แผ่นดินจะเกิดขึ้นในวันเดียวหรือ ประชาชาติจะคลอดมาในครู่เดียวหรือ เพราะพอศิโยนปวดครรภ์ เธอก็คลอดบุตรทั้งหลายของเธอ
9 เราจะนำมาถึงกำหนดคลอดแล้วจะไม่ให้คลอดหรือ พระเจ้าตรัสดังนี้ เราผู้เป็นเหตุให้คลอด จะปิดครรภ์หรือ พระเจ้าของท่านตรัสดังนี้
10 "จงเปรมปรีดิ์กับเยรูซาเล็มและยินดีกับเธอ นะบรรดาเจ้าที่รักเธอ จงเปรมปรีดิ์กับเธอด้วยความชื่นบาน นะบรรดาเจ้าที่ไว้ทุกข์เพื่อเธอ
11 เพื่อเจ้าจะได้ดูดและอิ่มใจ ด้วยอกอันประเล้าประโลมของเธอ เพื่อเจ้าจะได้ดื่มให้เกลี้ยง ด้วยความปีติยินดีจากศักดิ์ศรีอันอุดมของเธอ
12 เพราะพระเจ้าตรัสดังนี้ว่า "ดูเถิด เราจะนำสวัสดิภาพมาถึงเธออย่างกับแม่น้ำ และทรัพย์สมบัติของบรรดาประชาชาติ เหมือนลำน้ำที่กำลังล้น และเจ้าทั้งหลายจะได้ดูด เธอจะอุ้มเจ้าไว้ที่บั้นเอวของเธอ และเขย่าขึ้นลงที่เข่าของเธอ
13 ดั่งผู้ที่มารดาของตนเล้าโลม เราจะเล้าโลมเจ้าเช่นนั้น และเจ้าจะรับการเล้าโลมในเยรูซาเล็ม
14 เจ้าจะเห็น และใจของเจ้าจะเปรมปรีดิ์ กระดูกของเจ้าจะกระชุ่มกระชวยอย่างหญ้าอ่อน และเขาจะรู้กันว่าหัตถ์ของพระเจ้าอยู่กับ ผู้รับใช้ของพระองค์ และความพิโรธต่อสู้ศัตรูของพระองค์
15 "เพราะดูเถิด พระเจ้าจะเสด็จมาด้วยไฟ และรถรบของพระองค์เหมือนลมพายุ เพื่อสนองเขาด้วยความกริ้วของพระองค์อย่างเกรี้ยวกราด และด้วยการขนาบของพระองค์พร้อมด้วยเปลวเพลิง
16 เพราะพระเจ้าจะทรงกระทำการพิพากษาด้วยไฟ และด้วยพระแสงของพระองค์เหนือเนื้อหนังทั้งสิ้น และผู้ที่พระองค์ทรงสังหารเสียจะมีมากมาย
17 "บรรดาผู้ที่ล้างตัวและชำระ ตัวให้บริสุทธิ์เพื่อเข้าไปในสวน ติดตามผู้หนึ่งที่อยู่ท่ามกลางกินเนื้อ หมูและสิ่งที่น่าเกลียดน่าชังและหนู จะถึงสิ้นสุดด้วยกัน พระเจ้าตรัสดังนี้
18 "เพราะเราทราบการงานของเขาและความคิดของเขา และเราจะมารวบรวมบรรดาประชาชาติและภาษาทั้งสิ้น และเขาจะมาเห็นพระสิริของเรา
19 และเราจะตั้งหมายสำคัญไว้ท่ามกลางเขา และเราจะส่งผู้รอดตาย จากพวกเขานั้นไปยังบรรดาประชาชาติยังทารชิช พูตและลูด ผู้โก่งธนู ยังทูบัลและยาวาน ยังแผ่นดินชายทะเลที่ไกลออกไป ที่เขายังไม่ได้ยินชื่อเสียงของเราและเห็นพระสิริของเรา และเขาจะประกาศพระสิริของเราท่ามกลางบรรดาประชาชาติ
20 และเขาจะนำพี่น้องทั้งสิ้นของเจ้าทั้งหลายจาก บรรดาประชาชาติทั้งสิ้นเป็นเครื่องถวายบูชาพระเจ้า มาด้วยม้า ด้วยรถรบ ด้วยเกวียนประทุน ด้วยล่อและด้วยอูฐโหนกเดียว ยังเยรูซาเล็มภูเขาบริสุทธิ์ของเรา พระเจ้าตรัสดังนี้ เช่นเดียวกับคนอิสราเอลนำธัญญบูชาใส่ภาชนะสะอาดมา ยังพระนิเวศของพระเจ้า
21 และเราจะเอาเขาบางคนเป็นปุโรหิตและเป็นพวกเลวี พระเจ้าตรัสดังนี้
22 "เพราะสวรรค์ใหม่ และแผ่นดินโลก ใหม่ ซึ่งเราจะสร้าง จะยังอยู่ต่อหน้าเราฉันใด พระเจ้าตรัสดังนี้ เชื้อสายของเจ้าและชื่อของเจ้าจะยังอยู่ฉันนั้น
23 พระเจ้าตรัสว่า ทุกวันขึ้นค่ำ และทุกวันสะบาโต มนุษย์ทั้งสิ้นจะมานมัสการต่อเรา
24 "และเขาจะออกไปมองดูซากศพของคนที่ได้กบฏต่อเรา เพราะว่าหนอนของคนเหล่านี้จะไม่ตายไป ไฟของเขาจะไม่ดับ และเขาจะเป็นที่น่าสะอิดสะเอียนต่อมนุษย์ทั้งสิ้น"