เอสรา
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10
เอสรา 1
1 ในปีแรกแห่งรัชกาลไซรัสพระราชาของเปอร์เซีย เพื่อพระวจนะของพระเจ้าทางปากของเยเรมีย์จะสำเร็จ พระเจ้าทรงรบเร้าจิตใจของไซรัสพระราชาแห่งเปอร์เซีย พระราชาจึงทรงมีประกาศตลอดราชอาณาจักรของพระองค์ และทรงบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรลงด้วยว่า
2 "ไซรัสพระราชาแห่งเปอร์เซียตรัสดังนี้ว่า 'พระเยโฮวาห์พระเจ้าของฟ้าสวรรค์ได้พระราชทาน บรรดาราชอาณาจักรแห่งแผ่นดินโลกแก่เรา และพระองค์ทรงกำชับให้เราสร้างพระนิเวศให้พระองค์ที่เยรูซาเล็ม ซึ่งอยู่ในยูดาห์
3 มีผู้ใดในหมู่พวกท่านทั้งหลายที่เป็นประชากรของพระองค์ ขอพระเจ้าของเขาสถิตกับเขา และขอให้เขาขึ้นไปยังเยรูซาเล็ม ซึ่งอยู่ในยูดาห์และสร้างพระนิเวศของพระเยโฮวาห์ พระเจ้าแห่งอิสราเอล คือพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้สถิตในเยรูซาเล็ม
4 และขอให้คนทั้งปวงที่เหลืออยู่ ไม่ว่าเขาจะอาศัยอยู่ณที่ใด ให้คนซึ่งอยู่ในที่ของเขาช่วยเขาด้วยเงินและด้วยทองคำ ด้วยข้าวของและสัตว์ นอกเหนือจากเครื่องบูชาตามใจสมัคร สำหรับพระนิเวศของพระเจ้าซึ่งอยู่ในเยรูซาเล็ม'"
5 แล้วหัวหน้าของตระกูลแห่งยูดาห์และเบนยามินได้ลุกขึ้น ทั้งบรรดาปุโรหิตและคนเลวี คือทุกคนที่พระเจ้าทรงเร้าจิตใจของเขาให้ไปสร้าง พระนิเวศของพระเจ้าซึ่งอยู่ในเยรูซาเล็ม
6 และทุกคนที่อยู่ใกล้เขาก็ได้ช่วยเขาด้วยเครื่องเงิน ด้วยทองคำด้วยข้าวของและด้วยสัตว์ และด้วยของมีค่า นอกเหนือจากสิ่งที่ถวายบูชาตามใจสมัคร
7 ไซรัสพระราชาก็ทรงนำเครื่องใช้ของพระนิเวศ แห่งพระเจ้าออกมา ซึ่งเป็นเครื่องใช้ที่เนบูคัดเนสซาร์ได้ทรงกวาด มาจากเยรูซาเล็ม และทรงเก็บไว้ในพระนิเวศแห่งพระของพระองค์
8 ไซรัสพระราชาแห่งเปอร์เซียทรงนำสิ่งเหล่านี้ออกมา ในความดูแลของมิทเรดาท สมุหพระคลัง ผู้นับออกให้แก่เชชบัสซาร์เจ้านายของยูดาห์
9 และนี่เป็นจำนวนของสิ่งเหล่านั้น อ่างทองคำหนึ่งพัน อ่างเงินหนึ่งพัน มีดยี่สิบเก้าเล่ม
10 ชามทองคำสามสิบ ชามเงินสองพันสี่ร้อยสิบ และภาชนะอย่างอื่นหนึ่งพัน
11 ภาชนะที่ทำด้วยทองคำและทำด้วย เงินทั้งสิ้นรวมห้าพันสี่ร้อยหกสิบเก้า ทั้งหมดนี้เชชบัสซาร์ได้นำขึ้นมา เมื่อได้นำพวกเชลยขึ้นมาจากบาบิโลนถึงกรุงเยรูซาเล็ม
เอสรา 2
1 ต่อไปนี้เป็นประชาชนแห่งมณฑลที่ขึ้นมาจากการ เป็นเชลยในพวกที่ถูกกวาดไป ซึ่งเนบูคัดเนสซาร์พระราชาแห่งบาบิโลนได้กวาด เอาไปเป็นเชลยยังบาบิโลน และกลับไปยังเยรูซาเล็มและยูดาห์ ต่างก็ไปยังเมืองของตน
2 เขาทั้งหลายมากับเศรุบบาเบล เยชูอา เนหะมีย์ เสไรอาห์ เรเอไลยาห์ โมรเดคัย บิลชาน มิสปาร์ บิกวัย เรฮูม และบาอานาห์ จำนวนประชาชนอิสราเอล คือ
3 พงศ์พันธุ์ปาโรช สองพันหนึ่งร้อยเจ็ดสิบสองคน
4 พงศ์พันธุ์เชฟาทิยาห์ สามร้อยเจ็ดสิบสองคน
5 พงศ์พันธุ์อาราห์ เจ็ดร้อยเจ็ดสิบห้าคน
6 พงศ์พันธุ์ปาหัทโมอับ คือพงศ์พันธุ์ของเยชูอา และ โยอาบ สองพันแปดร้อยสิบสองคน
7 พงศ์พันธุ์เอลาม หนึ่งพันสองร้อยห้าสิบสี่คน
8 พงศ์พันธุ์ศัทธู เก้าร้อยสี่สิบห้าคน
9 พงศ์พันธุ์ศักคัย เจ็ดร้อยหกสิบคน
10 พงศ์พันธุ์บานี หกร้อยสี่สิบสองคน
11 พงศ์พันธุ์เบบัย หกร้อยยี่สิบสามคน
12 พงศ์พันธุ์อัสกาด หนึ่งพันสองร้อยยี่สิบสองคน
13 พงศ์พันธุ์อาโดนีคัม หกร้อยหกสิบหกคน
14 พงศ์พันธุ์บิกวัย สองพันห้าสิบหกคน
15 พงศ์พันธุ์อาดีน สี่ร้อยห้าสิบสี่คน
16 พงศ์พันธุ์อาเทอร์ คือ ของเฮเซคียาห์ เก้าสิบแปดคน
17 พงศ์พันธุ์เบไซ สามร้อยยี่สิบสามคน
18 พงศ์พันธุ์โยราห์ หนึ่งร้อยสิบสองคน
19 พงศ์พันธุ์ฮาชูม สองร้อยยี่สิบสามคน
20 พงศ์พันธุ์กิบบาร์ เก้าสิบห้าคน
21 พงศ์พันธุ์ชาวเบธเลเฮม หนึ่งร้อยยี่สิบสามคน
22 ชาวเนโทฟาห์ ห้าสิบหกคน
23 ชาวอานาโธท หนึ่งร้อยยี่สิบแปดคน
24 พงศ์พันธุ์อัสมาเวท สี่สิบสองคน
25 พงศ์พันธุ์ชาวคีริยาทอาริม ชาวเคฟีราห์ และชาวเบเอโรท เจ็ดร้อยสี่สิบสามคน
26 พงศ์พันธุ์ชาวรามาห์ และชาวเกบา หกร้อยยี่สิบเอ็ดคน
27 ชาวมิคมาส หนึ่งร้อยยี่สิบสองคน
28 ชาวเบธเอลและชาวอัย สองร้อยยี่สิบสามคน
29 พงศ์พันธุ์ชาวเนโบ ห้าสิบสองคน
30 พงศ์พันธุ์ชาวมักบีช หนึ่งร้อยห้าสิบหกคน
31 พงศ์พันธุ์เอลามอีกคนหนึ่ง หนึ่งพันสองร้อยห้าสิบสี่คน
32 พงศ์พันธุ์ชาวฮาริม สามร้อยยี่สิบคน
33 พงศ์พันธุ์ชาวโลด ชาวฮาดิด และชาวโอโน เจ็ดร้อยยี่สิบห้าคน
34 พงศ์พันธุ์ชาวเยรีโค สามร้อยสี่สิบห้าคน
35 พงศ์พันธุ์เสนาอาห์ สามพันหกร้อยสามสิบคน
36 บรรดาปุโรหิต คือ พงศ์พันธุ์เยดายาห์ ตระกูลเยชูอา เก้าร้อยเจ็ดสิบสามคน
37 พงศ์พันธุ์อิมเมอร์ หนึ่งพันห้าสิบสองคน
38 พงศ์พันธุ์ปาชเฮอร์ หนึ่งพันสองร้อยสี่สิบเจ็ดคน
39 พงศ์พันธุ์ฮาริม หนึ่งพันสิบเจ็ดคน
40 คนเลวี คือ พงศ์พันธุ์เยชูอา และขัดมีเอล ฝ่ายพงศ์พันธุ์โฮดาวิยาห์ เจ็ดสิบสี่คน
41 พวกนักร้อง คือ พงศ์พันธุ์อาสาฟ หนึ่งร้อยยี่สิบแปดคน
42 พงศ์พันธุ์คนเฝ้าประตู คือ พงศ์พันธุ์ชัลลูม พงศ์พันธุ์อาเทอร์ พงศ์พันธุ์ทัลโมน พงศ์พันธุ์อักขูบ พงศ์พันธุ์ฮาทิธา และพงศ์พันธุ์โชบัย รวมกันหนึ่งร้อยสามสิบเก้าคน
43 คนใช้ประจำพระวิหาร คือพงศ์พันธุ์ศีหะ พงศ์พันธุ์ฮาสูฟา พงศ์พันธุ์ทับบาโอท
44 พงศ์พันธุ์เคโรส พงศ์พันธุ์สีอาฮา พงศ์พันธุ์พาโดน
45 พงศ์พันธุ์เลบานาห์ พงศ์พันธุ์ฮากาบาห์ พงศ์พันธุ์อักขูบ
46 พงศ์พันธุ์ฮากาบ พงศ์พันธุ์ชัมลัย พงศ์พันธุ์ฮานัน
47 พงศ์พันธุ์กิดเดล พงศ์พันธุ์กาฮาร์ พงศ์พันธุ์เรอายาห์
48 พงศ์พันธุ์เรซีน พงศ์พันธุ์เนโคดา พงศ์พันธุ์กัสซาม
49 พงศ์พันธุ์อุสซา พงศ์พันธุ์ปาเสอาห์ พงศ์พันธุ์เบสัย
50 พงศ์พันธุ์อัสนาห์ พงศ์พันธุ์เมอูนิม พงศ์พันธุ์เนฟิสิม
51 พงศ์พันธุ์บัคบูค พงศ์พันธุ์ฮาคูฟา พงศ์พันธุ์ฮารฮูร
52 พงศ์พันธุ์บัสลูท พงศ์พันธุ์เมหิดา พงศ์พันธุ์ฮารชา
53 พงศ์พันธุ์บารโขส พงศ์พันธุ์สิเสรา พงศ์พันธุ์เทมาห์
54 พงศ์พันธุ์เนซิยาห์ และพงศ์พันธุ์ฮาทิฟา
55 พงศ์พันธุ์ข้าราชการของซาโลมอน คือพงศ์พันธุ์โสทัย พงศ์พันธุ์หัสโสเฟเรท พงศ์พันธุ์เปรุดา
56 พงศ์พันธุ์ยาอาลาห์ พงศ์พันธุ์ดารโคน พงศ์พันธุ์กิดเดล
57 พงศ์พันธุ์เชฟาทิยาห์ พงศ์พันธุ์ฮัทธิล พงศ์พันธุ์โปเคเรทหัสซาบาอิม และพงศ์พันธุ์อามี
58 คนใช้ประจำพระวิหารและพงศ์พันธุ์ของข้าราชการ ของซาโลมอนทั้งสิ้น เป็นสามร้อยเก้าสิบสองคน
59 ต่อไปนี้เป็นบรรดาผู้ที่ขึ้นมาจากเทลเมลาห์ เทลหารชา เครูบ อัดดาน และอิมเมอร์ แม้เขาจะพิสูจน์ตระกูลของเขาหรือเชื้อสายของเขาไม่ได้ ว่าเขาเป็นคนอิสราเอลหรือไม่ คือ
60 พงศ์พันธุ์เดไลยาห์ พงศ์พันธุ์โทบีอาห์ และพงศ์พันธุ์เนโคดา รวมหกร้อยห้าสิบสองคน
61 และจากพงศ์พันธุ์ปุโรหิตด้วย คือ พงศ์พันธุ์ฮาบายาห์ พงศ์พันธุ์ฮักโขส และพงศ์พันธุ์บารซิลลัย (ผู้ได้ภรรยาจากธิดาของบารซิลลัย คนกิเลอาด จึงได้ชื่อตามนั้น)
62 คนเหล่านี้เมื่อค้นหาชื่อในทะเบียนที่เขาขึ้นไว้ใน สำมะโนครัวเชื้อสายก็ไม่พบ จึงถือว่าเป็นคนสามัญ และถูกตัดออกจากพวกปุโรหิต
63 ผู้ว่าราชการเมืองสั่งเขามิให้รับอาหารบริสุทธิ์ที่สุด จนกว่าจะมีปุโรหิตที่จะปรึกษากับอูริมและทูมมิมเสียก่อน
64 ชุมนุมชนทั้งหมดรวมกันมี สี่หมื่น สองพันสามร้อยหกสิบคน
65 นอกเหนือจากคนใช้ชายหญิงซึ่ง มีอยู่เจ็ดพันสามร้อยสามสิบเจ็ดคน และเขามีนักร้องชายหญิงสองร้อยคน
66 ม้าของเขามีเจ็ดร้อยสามสิบหกตัว ล่อสองร้อยสี่สิบห้าตัว
67 อูฐของเขาสี่ร้อยสามสิบห้าตัว และลาของเขาหกพันเจ็ดร้อยยี่สิบตัว
68 หัวหน้าครอบครัวบางคน เมื่อเขามาถึงที่พระนิเวศของพระเจ้า ซึ่งอยู่ในเยรูซาเล็มได้ถวายตามใจ สมัครเพื่อพระนิเวศของพระเจ้า เพื่อจะสร้างพระนิเวศขึ้นในที่เดิม
69 เขาถวายตามกำลังของเขาแก่กองทรัพย์เพื่อพระราชกิจ เป็นทองคำหกหมื่นหนึ่งพันดาริค เงินห้าพันมาเน และเครื่องแต่งกายปุโรหิตหนึ่งร้อยตัว
70 บรรดาปุโรหิต คนเลวี และประชาชนส่วนหนึ่งอาศัยในเยรูซาเล็ม และที่บริเวณล้อมรอบ และนักร้องคนเฝ้าประตู และคนใช้ประจำพระวิหารอยู่ตามเมืองของตน และอิสราเอลทั้งปวงอยู่ตามเมืองของเขา
เอสรา 3
1 เมื่อมาถึงเดือนที่เจ็ด ที่พงศ์พันธุ์อิสราเอลอยู่ตามหัวเมือง ประชาชนได้มาพร้อมหน้ากันที่เยรูซาเล็ม
2 แล้วเยชูอาบุตรโยซาดักได้ลุกขึ้นพร้อม กับเพื่อนปุโรหิตด้วยกัน กับเศรุบบาเบล บุตรเชอัลทิเอล พร้อมกับญาติของเขา และได้สร้างแท่นบูชาของพระเจ้าแห่งอิสราเอล เพื่อถวายเครื่องเผาบูชาบนนั้น ตามที่บันทึกไว้ในธรรมบัญญัติของโมเสสคนของพระเจ้า
3 เขาได้ตั้งแท่นบูชาไว้บนฐานเพราะความกลัวอยู่เหนือเขา เหตุด้วยชนชาติทั้งหลายแห่งแผ่นดินเหล่านั้นและเขาถวาย เครื่องเผาบูชาบนแท่นนั้นต่อพระเจ้า เป็นเครื่องเผาบูชาเวลาเช้าและเวลาเย็น
4 และเขาถือเทศกาลอยู่เพิง ตามที่บันทึกไว้ และถวายเครื่องเผาบูชาประจำวันตามจำนวนที่กำหนดไว้ใน กฎหมายอันเป็นหน้าที่พึงทำทุกวัน
5 ต่อมาก็ถวายเครื่องเผาบูชาเนืองนิตย์ ถวายเครื่องบูชาในวันขึ้นหนึ่งค่ำ และตามเทศกาลกำหนดของพระเจ้า และถวายเครื่องบูชาของทุกคนที่ถวายตามใจสมัครแด่พระเจ้า
6 เขาเริ่มต้นถวายเครื่องเผาบูชาแด่พระเจ้าตั้งแต่วัน ที่หนึ่งของเดือนที่เจ็ด แต่เขายังมิได้วางฐานพระวิหารของพระเจ้า
7 เขาทั้งหลายจึงให้เงินแก่ช่างสกัดหิน และช่างไม้ และมอบอาหารเครื่องดื่มและน้ำมันแก่คนไซดอนและคนไทระ เพื่อให้นำไม้สนสีดาร์มาจากเลบานอนไปถึงทะเล ถึงเมืองยัฟฟาตามที่เขาได้รับอนุญาตมาจากไซรัส พระราชาแห่งเปอร์เซีย
8 ในปีที่สองซึ่งเขามา ถึงพระนิเวศแห่งพระเจ้าที่เยรูซาเล็ม ในเดือนที่สอง เศรุบบาเบล บุตรเชอัลทิเอลและเยชูอา บุตรโยซาดัก ได้ทำการตั้งต้นพร้อมพี่น้องของเขาที่เหลืออยู่ คือ บรรดาปุโรหิตและชนเลวีและคนทั้งปวง ซึ่งมาจากการเป็นเชลยยังเยรูซาเล็ม เขาได้เลือกตั้งคนเลวี ตั้งแต่อายุยี่สิบปีขึ้นไป เพื่อให้ดูแลการงานของพระนิเวศแห่งพระเจ้า
9 และเยชูอา กับบุตรและพี่น้องของท่าน กับขัดมีเอล และบุตรของเขา พงศ์พันธุ์ของยูดาห์รวมกันควบคุมคนงานใน พระนิเวศแห่งพระเจ้า รวมกับบุตรเฮนาดัด พร้อมกับบุตรและญาติของเขาผู้เป็นคนเลวี
10 และเมื่อช่างก่อได้วางรากของพระวิหารแห่งพระเจ้า บรรดาปุโรหิตก็แต่งเครื่องยศออกมาพร้อมกับแตรและคนเลวี พงศ์พันธุ์ของอาสาฟ พร้อมกับฉาบ ถวายสรรเสริญพระเจ้าตามพระราชกำหนดของดาวิด พระราชาแห่งอิสราเอล
11 และเขาร้องเพลงตอบกัน สรรเสริญและโมทนาแด่พระเจ้าว่า "เพราะพระองค์ประเสริฐ เพราะความรักมั่นคงของพระองค์ ดำรงเป็นนิตย์ต่ออิสราเอล" และประชาชนทั้งปวงก็โห่ร้องด้วยเสียงดังเมื่อเขา สรรเสริญพระเจ้า เพราะว่ารากฐานของพระนิเวศแห่งพระเจ้าวางเสร็จแล้ว
12 แต่ปุโรหิตและคนเลวีและหัวหน้าตระกูลเป็นอันมาก คือคนแก่ผู้ได้เห็นพระวิหารหลังก่อน เมื่อเขาเห็นรากฐานของพระวิหารหลังนี้ได้วางแล้ว ได้ร้องไห้ด้วยเสียงดัง คนเป็นอันมากได้โห่ร้องด้วยความชื่นบาน
13 ประชาชนจึงสังเกตไม่ได้ว่าไหน เป็นเสียงโห่ร้องด้วยความชื่นบาน และไหนเป็นเสียงประชาชนร้องไห้ เพราะประชาชนโห่ร้องเสียงดังมาก และเสียงนั้นก็ได้ยินไปไกล
เอสรา 4
1 เมื่อปฏิปักษ์ของยูดาห์และเบนยามินได้ยินว่า พวกที่ถูกกวาดไปเป็นเชลยได้กลับมา กำลังสร้างพระวิหารถวายแด่พระเยโฮวาห์ พระเจ้าแห่งอิสราเอล
2 เขาทั้งหลายได้เข้ามาหา เศรุบบาเบลและหัวหน้าของตระกูล และพูดกับเขาว่า "ให้เราสร้างด้วยกันกับท่าน เพราะว่าพวกเรานมัสการพระเจ้าของท่านอย่างท่านทั้งหลาย และเราได้ถวายสัตวบูชาแก่พระองค์ ตั้งแต่วันที่เอสารฮัดโดนพระราชา แห่งอัสซีเรียได้นำเรามาที่นี่"
3 แต่เศรุบบาเบล เยชูอา และคนอื่นๆ ที่เป็นพวกหัวหน้าของตระกูลที่เหลืออยู่ในอิสราเอล พูดกับเขาทั้งหลายว่า "ท่านทั้งหลายไม่มีส่วนกับเราในการสร้างพระนิเวศ ถวายแด่พระเจ้าของเรา แต่พวกเราจะสร้างแต่ลำพังถวายแด่พระเยโฮวาห์ พระเจ้าแห่งอิสราเอล ตามที่กษัตริย์ไซรัส พระราชาแห่งเปอร์เซียทรงบัญชาไว้แก่เรา"
4 แล้วประชาชนแห่งแผ่นดินนั้น ได้กระทำให้ประชาชนยูดาห์ท้อถอย และกระทำให้เขากลัวที่จะสร้าง
5 และได้จ้างที่ปรึกษาไว้ขัดขวางเขามิให้ เขาสมหวังตามจุดประสงค์ของเขา ตลอดรัชสมัยของไซรัสพระราชาแห่งเปอร์เซีย แม้ถึงรัชสมัยของดาริอัส พระราชาแห่งเปอร์เซีย
6 และในรัชกาลอาหสุเอรัส ต้นรัชกาลของพระองค์ เขาทั้งหลายได้เขียนฟ้องชาวยูดาห์ และเยรูซาเล็ม
7 และในรัชสมัยของอารทาเซอร์ซีสนั้น บิชลาม มิทเรดาท และทาเบเอล และพวกภาคีทั้งปวงของเขาได้เขียนไปทูลอารทาเซอร์ซีส พระราชาแห่งเปอร์เซีย ฎีกานั้นได้เขียนขึ้นเป็นอักขระอารัม แล้วก็แปลเป็นภาษาอารัม
8 เรฮูมผู้บังคับบัญชา และชิมชัยอาลักษณ์ได้เขียนหนังสือปรักปรำเยรูซาเล็ม ถวายอารทาเซอร์ซีสพระราชาดังต่อไปนี้
9 แล้วเรฮูมผู้บังคับบัญชา ชิมชัยอาลักษณ์ กับภาคีทั้งปวงของท่านและบรรดาผู้พิพากษา พวกทูต ข้าราชการ ชาวเปอร์เซีย คนเอเรก ชาวบาบิโลน ชาวสุสา คือคนเอลาม
10 และคนของประชาชาติอื่นๆผู้ซึ่งโอสนัปปาร์ เจ้านายผู้ใหญ่ได้ส่งมาให้ตั้งอยู่ในหัวเมืองสะมาเรีย และในส่วนที่เหลือของมณฑลทางฟากแม่น้ำข้างตะวันตก
11 และนี่เป็นสำเนาจดหมายที่เขาส่งไปว่า "กราบทูลอารทาเซอร์ซีสพระราชา ข้าราชการของฝ่าพระบาท คือคนของมณฑลฟากแม่น้ำข้างตะวันตก
12 บัดนี้ขอพระราชาทรงทราบว่า พวกยิวซึ่งมาจากฝ่าพระบาทมาหาข้าพระบาทนั้น ได้ไปยังเยรูซาเล็ม เขากำลังก่อสร้างเมืองที่มักกบฏและชั่วร้ายขึ้นใหม่ เขากำลังจะทำกำแพงเมืองเสร็จและซ่อมแซมรากฐาน
13 บัดนี้ขอพระราชาทรงทราบว่า ถ้าเมืองนี้ได้สร้างขึ้นใหม่และกำแพงเมืองเสร็จแล้ว เขาจะไม่ส่งบรรณาการ ค่าธรรมเนียม หรือค่าภาษี และเงินรายได้ของหลวงก็จะขาดตกบกพร่องไป
14 เพราะเมื่อข้าบาททั้งหลายได้สาบานว่าจะ ภักดีต่อราชบัลลังก์ จึงไม่สมควรที่ข้าพระบาททั้งหลายจะ เห็นการเสื่อมเกียรติของพระราชา เพราะฉะนั้นข้าพระบาททั้งหลายจึงส่งมา กราบทูลแก่พระราชา
15 เพื่อว่าจะได้ค้นดูในหนังสือบันทึก ของบรรพบุรุษของฝ่าพระบาท ฝ่าพระบาทจะพบในหนังสือบันทึกว่า เมืองนี้เป็นเมืองมักกบฏ เป็นภยันตรายแก่บรรดาพระราชาและมณฑลทั้งหลาย และได้มีการปลุกปั่นขึ้นจากสมัยเก่าก่อน เพราะเหตุนี้เองเมืองนี้จึงถูกทิ้งร้าง
16 ข้าพระบาททั้งหลายขอกราบทูลให้พระราชาทรงทราบว่า ถ้าเมืองนี้ได้สร้างใหม่เสร็จและกำแพงเมืองก็สำเร็จแล้ว พระองค์จะไม่มีกรรมสิทธิ์ในมณฑลฟากแม่น้ำข้างตะวันตก"
17 พระราชาทรงส่งพระราชสารตอบไปว่า "ถึงเรฮูม ผู้บังคับบัญชาและชิมชัยอาลักษณ์ และภาคีทั้งปวงของเขาผู้อาศัยในสะมาเรีย และในส่วนที่เหลือของมณฑลทางฟากแม่น้ำข้างตะวันตก ขอคำนับมา
18 บัดนี้หนังสือที่ท่านส่งไปยังเราได้ให้แปลต่อหน้าเรา
19 และเราได้ออกคำสั่ง และได้สอบสวนแล้ว เห็นว่าเมืองนี้ แต่ก่อนโน้นได้ลุกขึ้นต่อสู้พระราชา และการกบฏและการปลุกปั่นได้เกิดขึ้นในเมืองนั้น
20 เคยมีกษัตริย์ผู้ทรงอำนาจได้ครองเยรูซาเล็ม เป็นผู้ทรงปกครองมณฑลทั้งสิ้นฟากแม่น้ำข้างตะวันตก ซึ่งเขาถวายบรรณาการ ค่าธรรมเนียม และภาษีให้
21 เพราะฉะนั้น ท่านทั้งหลายจงออกคำสั่งว่า ให้คนเหล่านี้หยุดและไม่ต้องสร้างเมืองนี้ใหม่ จนกว่าเราจะออกกฤษฎีกา
22 และขอระวังอย่าหย่อนในเรื่องนี้ ทำไมจะให้ความเสื่อมเสียเกิดขึ้นเป็นภยันตรายต่อพระราชา"
23 แล้วเมื่อได้อ่านสำเนาราชสารของกษัตริย์ อารทาเซอร์ซีสต่อหน้าเรฮูมและชิมชัยอาลักษณ์ และภาคีทั้งหลายของท่าน ท่านทั้งหลายก็รีบไปหายิวที่เยรูซาเล็ม และใช้กำลังและอำนาจกระทำให้เขาหยุด
24 งานพระนิเวศแห่งพระเจ้า ซึ่งอยู่ในเยรูซาเล็มจึงหยุดจนถึงปีที่สองแห่ง รัชกาลดาริอัสพระราชาแห่งเปอร์เซีย
เอสรา 5
1 ฝ่ายผู้เผยพระวจนะมีฮักกัย และเศคาริยาห์ บุตรอิดโด ได้พยากรณ์แก่พวกยิวผู้อยู่ในยูดาห์ และเยรูซาเล็มในพระนามของพระเจ้าแห่งอิสราเอล
2 แล้วเศรุบบาเบล บุตรเชอัลทิเอลและเยชูอาบุตรโยซาดัก ได้ลุกขึ้นตั้งต้นสร้างพระนิเวศแห่งพระเจ้าซึ่งอยู่ใน เยรูซาเล็มขึ้นใหม่ และผู้เผยพระวจนะของพระเจ้าได้อยู่กับท่าน ช่วยเหลือท่าน
3 ในเวลาเดียวกันนั้นทัทเธนัย ผู้ว่าราชการมณฑลฟากแม่น้ำ ข้างตะวันตกและเชธาร์โบเซนัย และคณะของเขาได้มาหาท่าน และพูดกับท่านดังนี้ว่า "ผู้ใดที่ให้กฤษฎีกาแก่ท่าน ให้สร้างพระนิเวศและโครงร่างนี้จนสำเร็จ"
4 เขาถามท่านอย่างนี้ด้วยว่า "ผู้ที่กำลังสร้างตึกนี้นั้นมีชื่อใครบ้าง"
5 แต่พระเนตรของพระเจ้าของเขาทั้งหลายอยู่ เหนือพวกผู้ใหญ่ของพวกยิว และเขาก็ยับยั้งเขาทั้งหลายไม่ได้จนกว่า เรื่องนี้จะทราบถึงดาริอัส และมีคำตอบเป็นหนังสือเกี่ยวกับเรื่องนี้มา
6 สำเนาจดหมายซึ่งทัทเธนัยผู้ว่าราชการ มณฑลฟากแม่น้ำข้างตะวันตก และเชธาร์โบเซนัย และคณะของท่านซึ่งเป็นผู้ตรวจราชการอยู่ในมณฑลฟาก แม่น้ำข้างตะวันตกส่งไปทูลดาริอัสพระราชา
7 ท่านทั้งหลายได้ส่งหนังสือซึ่งมีข้อความต่อไปนี้ "กราบทูลดาริอัสพระราชาขอทรงพระเจริญ
8 ขอพระราชาทรงทราบว่าข้าพระบาททั้งหลายไปยัง มณฑลยูดาห์ ถึงพระนิเวศของพระเจ้าใหญ่ยิ่ง ซึ่งกำลังสร้างขึ้นด้วยหิน และวางไม้ไว้บนผนัง งานนี้ได้ดำเนินไปอย่างขยันขันแข็ง และเจริญขึ้นในมือของเขา
9 แล้วข้าพระบาททั้งหลายได้ถามพวกผู้ใหญ่เหล่านั้นว่า 'ผู้ใดที่ให้กฤษฎีกาแก่ท่านให้สร้างพระนิเวศและ ทำกำแพงนี้จนสำเร็จ'
10 ข้าพระบาททั้งหลายได้ถามชื่อของเขาด้วย เพื่อกราบทูลให้ฝ่าบาททรงทราบเพื่อข้าพระบาท จะได้เขียนชื่อบุคคลเหล่านั้น ที่เป็นหัวหน้าของเขาลงไว้
11 และนี่เป็นคำตอบของเขาแก่ข้าพระบาท 'เราเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก และเรากำลังสร้างพระนิเวศซึ่งได้สร้างมาหลายปีแล้วขึ้นใหม่ ซึ่งพระราชาผู้ยิ่งใหญ่ของอิสราเอลได้ทรงสร้างให้สำเร็จ
12 แต่เพราะว่าบรรพบุรุษของเราได้กระทำให้พระเจ้าแห่ง ฟ้าสวรรค์ทรงกริ้ว พระองค์ทรงมอบท่านเหล่านั้นไว้ในพระหัตถ์ของเนบูคัดเนสซาร์ พระราชาแห่งบาบิโลน คนเคลเดีย ผู้ทรงทำลายพระนิเวศนี้ และทรงกวาดเอาประชาชนไปยังบาบิโลน
13 ถึงอย่างไรก็ดีในปีต้นแห่งรัชกาลไซรัส พระราชาได้ทรงออกกฤษฎีกาให้สร้างพระนิเวศหลังนี้ ของพระเจ้าขึ้นใหม่
14 และเครื่องใช้ทองคำและเงินของพระนิเวศของพระเจ้า ซึ่งเนบูคัดเนสซาร์ได้ทรงกวาดไปจากพระวิหารซึ่งอยู่ใน เยรูซาเล็มนั้น และทรงนำไปยังพระวิหารของบาบิโลน สิ่งเหล่านี้ไซรัสพระราชาทรงนำออก มาจากพระวิหารของบาบิโลน และทรงมอบไว้กับคนหนึ่งชื่อเชชบัสซาร์ ผู้ซึ่งพระองค์ทรงตั้งให้เป็นผู้ว่าราชการเมือง
15 และพระองค์ตรัสกับท่านดังนี้ว่า "จงรับเครื่องใช้เหล่านี้ไปเก็บไว้ในพระวิหารซึ่งอยู่ ในเยรูซาเล็ม และจงสร้างพระนิเวศของพระเจ้าขึ้นใหม่ในที่เดิมนั้น"
16 แล้วเชชบัสซาร์คนนี้ได้มาวางรากพระนิเวศของพระเจ้า ซึ่งอยู่ในเยรูซาเล็มและตั้งแต่เวลานั้นจนบัดนี้ก็ กำลังสร้างอยู่และยังไม่สำเร็จ'
17 เพราะฉะนั้น ถ้าพระราชาทรงเห็นดีก็ขอทรงให้ค้นดู ในที่เก็บเอกสารที่ในบาบิโลน เพื่อดูว่าไซรัสพระราชา ทรงออกกฤษฎีกาให้สร้างพระนิเวศหลังนี้ของ พระเจ้าขึ้นใหม่ในเยรูซาเล็มหรือไม่ และขอพระราชารับสั่งแก่ข้าพระบาททั้งหลาย ตามพอพระทัยของพระองค์ในเรื่องนี้"
เอสรา 6
1 แล้วดาริอัสทรงออกกฤษฎีกา และทรงให้ค้นดูในบาบิโลน ในหอเก็บหนังสือที่คลังราชทรัพย์
2 และในเอกบาทานาเมืองป้อมซึ่งอยู่ในมณฑลมีเดีย ได้พบหนังสือม้วนหนึ่งซึ่งมีข้อความเขียนอยู่ต่อไปนี้ "บันทึก
3 ในปีต้นแห่งรัชกาลไซรัสพระราชา ไซรัสพระราชาทรงออกกฤษฎีกาว่า เรื่องพระนิเวศของพระเจ้าที่เยรูซาเล็ม ให้สร้างพระนิเวศนั้นขึ้นใหม่ คือที่ซึ่งเขานำเครื่องสัตวบูชามาถวาย ให้ลงรากมั่นคง ให้พระนิเวศสูงหกสิบศอกและกว้างหกสิบศอก
4 ให้ก่อด้วยหินสามชั้นและไม้ชั้นหนึ่ง และให้เสียเงินค่าก่อสร้างจากพระคลังหลวง
5 และเครื่องใช้ทองคำและเงินของพระนิเวศแห่งพระเจ้า ซึ่งเนบูคัดเนสซาร์ทรงนำออกมาจากพระวิหารที่อยู่ใน เยรูซาเล็มนำมาไว้ที่บาบิโลนนั้น ให้คืนเสียและให้นำกลับไปยังพระวิหารซึ่งอยู่ในเยรูซาเล็ม ไว้ตามที่ของสิ่งนั้นๆ ท่านจงเก็บไว้ในพระนิเวศแห่งพระเจ้า"
6 "เพราะฉะนั้นทัทเธนัยผู้ว่าราชการมณฑลฟาก แม่น้ำข้างตะวันตก เชธาร์โบเซนัย และภาคีของท่านที่เป็นผู้ตรวจราชการซึ่งอยู่ในมณฑล ฟากแม่น้ำข้างตะวันตก จงไปเสียให้ห่างเถิด
7 จงให้งานสร้างพระนิเวศของพระเจ้าดำเนินไปเถิด ให้ผู้ว่าราชการของพวกยิว และบรรดาพวกผู้ใหญ่ของพวกยิวสร้างพระนิเวศของ พระเจ้านี้ในที่เดิมขึ้นใหม่
8 ยิ่งกว่านั้นอีก เราออกกฤษฎีกาเกี่ยวกับสิ่งที่ท่าน พึงกระทำเพื่อพวกผู้ใหญ่ของพวกยิวในการสร้างพระนิเวศ ของพระเจ้า ให้ชำระเงินค่าก่อสร้างแก่คนเหล่านี้เต็มจำนวนอย่าง ไม่หยุดยั้ง เอาเงินจากราชทรัพย์ คือบรรณาการของมณฑลฟากแม่น้ำข้างตะวันตก
9 และสิ่งใดๆที่เขาต้องการเช่น วัวหนุ่ม แกะผู้ หรือแกะสำหรับเครื่องเผาบูชาถวายพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ ทั้งข้าวสาลี เกลือ เหล้าองุ่นหรือน้ำมัน ตามที่ปุโรหิตเยรูซาเล็มกำหนดไว้ ให้มอบแก่เขาเป็นวันๆไปอย่าได้ขาด
10 เพื่อเขาจะได้ถวายเครื่องสัตวบูชา อันเป็นที่พอพระทัยแก่พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ และให้อธิษฐานเพื่อชีวิตของพระราชาและโอรสของพระองค์
11 และเราออกกฤษฎีกาว่า ถ้าผู้ใดเปลี่ยนแปลงประกาศิตนี้ ก็ให้ดึงไม้ใหญ่อันหนึ่งออกเสียจากเรือนของเขาและให้ เสียบเขาไว้บนไม้นั้น และให้เรือนของเขาเป็นกองขยะเพราะเรื่องนี้
12 และขอพระเจ้าผู้ทรงกระทำให้พระนามของพระองค์ สถิตที่นั่น ทรงคว่ำพระราชาทั้งหมดหรือประชาชาติใดๆที่ยื่นมือออก เปลี่ยนแปลงข้อนี้ คือเพื่อทำลายพระนิเวศของพระเจ้าซึ่งอยู่ในเยรูซาเล็ม ข้าพเจ้าดาริอัสออกกฤษฎีกานี้ ขอให้กระทำกันด้วยความขยันขันแข็ง"
13 แล้วทัทเธนัยผู้ว่าราชการมณฑลฟากแม่น้ำข้างตะวันตก เชธาร์โบเซนัย และภาคีของท่านทั้งสองก็ได้กระทำทุกอย่างด้วยความ ขยันขันแข็งตามพระดำรัสซึ่งดาริอัสพระราชาได้ทรง บัญชามา
14 และพวกผู้ใหญ่ของพวกยิวก็ได้ทำการก่อสร้างให้ก้าวหน้าไป ตามการพยากรณ์ของฮักกัย ผู้เผยพระวจนะ และเศคาริยาห์ บุตรอิดโด เขาสร้างเสร็จตามพระบัญชาแห่งพระเจ้าของอิสราเอล และตามกฤษฎีกาของไซรัสและดาริอัสและ อารทาเซอร์ซีสพระราชาแห่งเปอร์เซีย
15 และพระนิเวศนี้ได้สำเร็จในวันที่สามของเดือนอาดาร์ ในปีที่หกแห่งรัชกาลดาริอัสพระราชา
16 และชนชาติอิสราเอล บรรดาปุโรหิต และคนเลวี และคนอื่นๆ ที่ถูกกวาดไปเป็นเชลยและได้กลับมา ได้ฉลองการมอบถวายพระนิเวศแห่งพระเจ้านี้ด้วยความชื่นบาน
17 ณการถวายพระนิเวศแห่งพระเจ้านี้ เขาทั้งหลายได้ถวายวัวผู้หนึ่งร้อยตัว แกะผู้สองร้อยตัว ลูกแกะสี่ร้อยตัว และส่วนเครื่องบูชาไถ่บาปสำหรับ อิสราเอลทั้งปวงนั้นมีแพะผู้สิบสองตัว ตามจำนวนเผ่าของอิสราเอล
18 และเขาตั้งปุโรหิตไว้ในกองของเขาทั้งหลาย และคนเลวีในเวรของเขา สำหรับการปรนนิบัติพระเจ้า ที่เยรูซาเล็ม ตามที่บันทึกไว้ในหนังสือของโมเสส
19 ในวันที่สิบสี่ของเดือนที่หนึ่ง พวกที่ถูกกวาดไปเป็นเชลย และได้กลับมาได้ถือเทศกาลปัสกา
20 เพราะบรรดาปุโรหิตและคนเลวีได้ชำระตนทุกคนเขาบริสุทธิ์หมดด้วยกัน เขาจึงฆ่าแกะปัสกาสำหรับผู้ที่ถูกกวาดไปเป็นเชลยซึ่งกลับมาทั้งหมด สำหรับพวกพี่น้องที่เป็นปุโรหิต และสำหรับตัวเขาทั้งหลายเอง
21 ประชาชนอิสราเอลผู้ได้กลับมาจากการ ถูกกวาดไปเป็นเชลยและทุกคนที่สมทบกับเขา และแยกตัวออกจากการมลทินของบรรดาประชาชาติ แห่งแผ่นดินนั้น เพื่อจะนมัสการพระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล ก็ได้รับประทาน
22 และเขาได้ถือเทศกาลกินขนมปังไร้เชื้อเจ็ด วันด้วยความชื่นบาน เพราะว่าพระเจ้าได้ทรงกระทำให้เขาชื่นบาน และทรงหันพระทัยของพระราชาอัสซีเรียมาหาเขา เพื่อเสริมกำลังมือของเขาในการสร้างพระนิเวศของพระเจ้า พระเจ้าแห่งอิสราเอล
เอสรา 7
1 ต่อมาในรัชกาลของอารทาเซอร์ซีส พระราชาแห่งเปอร์เซีย เอสราบุตรเสไรอาห์ ผู้เป็นบุตรอาซาริยาห์ ผู้เป็นบุตรฮิลคียาห์
2 ผู้เป็นบุตรชัลลูม ผู้เป็นบุตรศาโดก ผู้เป็นบุตรอาหิทูบ
3 ผู้เป็นบุตรอามาริยาห์ ผู้เป็นบุตรอาซาริยาห์ ผู้เป็นบุตรเมราโยท
4 ผู้เป็นบุตรเศ-ราหิยาห์ ผู้เป็นบุตรอุสซี ผู้เป็นบุตรบุคคี
5 ผู้เป็นบุตรอาบีชูวา ผู้เป็นบุตรฟีเนหัส ผู้เป็นบุตรเอเลอาซาร์ ผู้เป็นบุตรอาโรนมหาปุโรหิต
6 เอสราคนนี้ได้ขึ้นไปจากบาบิโลน ท่านเป็นธรรมาจารย์ชำนาญในเรื่องธรรมบัญญัติของโมเสส ซึ่งพระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลประทานให้ และพระราชาประทานทุกอย่างที่ท่านทูลขอ เพราะว่าพระหัตถ์ของพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านอยู่กับท่าน
7 มีบางคนในคนอิสราเอลและในบรรดาปุโรหิต บรรดาคนเลวี บรรดานักร้องและคนเฝ้าประตู และคนใช้ประจำพระวิหาร ได้ขึ้นไปด้วย ถึงเยรูซาเล็มในปีที่เจ็ดแห่งรัชกาลอารทาเซอร์ซีส พระราชา
8 และท่านมาถึงเยรูซาเล็มในเดือนที่ห้า ซึ่งเป็นปีที่เจ็ดของพระราชา
9 เพราะในวันที่หนึ่งของเดือนที่หนึ่งท่านได้เริ่มขึ้น ไปจากบาบิโลน และในวันที่หนึ่งของเดือนที่ห้าท่านมายังเยรูซาเล็ม เพราะว่าพระหัตถ์ประเสริฐของพระเจ้าของท่านอยู่กับท่าน
10 เพราะเอสราได้ตั้งใจของท่านที่จะศึกษาธรรม บัญญัติของพระเจ้า และกระทำตามและสอนกฎเกณฑ์และกฎหมายของ พระองค์ในอิสราเอล
11 ต่อไปนี้เป็นสำเนาจดหมาย ซึ่งกษัตริย์อารทาเซอร์ซีสพระราชทานแก่เอสราปุโรหิต ผู้เป็นธรรมาจารย์ ผู้เรียนรู้ในเรื่องราวของพระบัญญัติของพระเจ้าและ กฎเกณฑ์ของพระองค์เพื่ออิสราเอลว่า
12 "อารทาเซอร์ซีสพระมหาราชา ถึงเอสราปุโรหิต ธรรมาจารย์ของพระธรรมบัญญัติแห่งพระเจ้าของฟ้าสวรรค์
13 บัดนี้ เราออกกฤษฎีกาว่า ประชาชนอิสราเอลผู้หนึ่งผู้ใดหรือปุโรหิตของเขาทั้งหลาย หรือคนเลวีในราชอาณาจักรของเรา ผู้ซึ่งสมัครใจที่จะไปยังเยรูซาเล็มก็ให้ไปกับเจ้าได้
14 เพราะพระราชาและที่ปรึกษาทั้งเจ็ดได้ใช้เจ้าไป ให้ถามถึงยูดาห์และเยรูซาเล็ม ตามพระธรรมของพระเจ้าของเจ้าซึ่งอยู่ในมือเจ้านั้น
15 และให้นำเงินและทองคำซึ่งพระราชาและที่ ปรึกษาของพระองค์ สมัครใจถวายแด่พระเจ้าแห่งอิสราเอล ผู้ประทับในเยรูซาเล็ม
16 พร้อมทั้งเงินและทองคำทั้งสิ้นซึ่งเจ้าจะหาได้ ทั่วไปในมณฑลบาบิโลนพร้อมกับของถวายด้วยใจ สมัครของประชาชนและปุโรหิต เต็มใจบนไว้ถวายแด่พระนิเวศของพระเจ้าของเขา ซึ่งอยู่ในเยรูซาเล็ม
17 แล้วด้วยเงินนี้เจ้าจงขยันขันแข็ง ซื้อวัวผู้ แกะผู้ และลูกแกะ กับธัญญบูชาคู่กันและเครื่องดื่มบูชาคู่กัน และเจ้าจงถวายสิ่งเหล่านี้บนแท่นบูชา ของพระนิเวศแห่งพระเจ้าของเจ้าซึ่งอยู่ในเยรูซาเล็ม
18 ส่วนเงินและทองคำที่เหลืออยู่นั้น เจ้าและพี่น้องของเจ้าเห็นดีที่จะ ทำประการใดก็จงกระทำเถิด ตามน้ำพระทัยของพระเจ้าของเจ้า
19 และเครื่องใช้ซึ่งได้มอบให้เจ้าสำหรับการปรนนิบัติ ในพระนิเวศของพระเจ้าของเจ้า เจ้าจงมอบถวายไว้ต่อพระพักตร์พระเจ้าแห่งเยรูซาเล็ม
20 และสิ่งใดๆซึ่งยังต้องการสำหรับพระนิเวศของพระเจ้า ของเจ้า ซึ่งเจ้าจะต้องจัดหานั้น เจ้าจงจัดหาด้วยเงินพระคลังของพระราชา
21 "และเรา คือ อารทาเซอร์ซีสพระราชา ได้ออกกฤษฎีกาไปยังนายคลังในมณฑลฟาก แม่น้ำข้างตะวันตกว่า สิ่งใดๆ ที่เอสราปุโรหิตธรรมาจารย์ของ พระธรรมบัญญัติแห่งพระเจ้าของฟ้าสวรรค์ต้องการจากท่าน จงกระทำให้เขาด้วยความสัตย์ซื่อ
22 ถึงจำนวนเงินหนึ่งร้อยตะลันต์ และข้าวสาลีถึงหนึ่งร้อยโคระ เหล้าองุ่นหนึ่งร้อยบัท น้ำมันหนึ่งร้อยบัท และเกลือไม่จำกัดจำนวนว่าเท่าไร
23 สิ่งใดที่พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ทรงบัญชา ก็จงกระทำให้อย่างเต็มขนาดสำหรับพระนิเวศ ของพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ เกลือกว่าพระพิโรธของพระองค์จะมีต่อดินแดนของพระราชา และโอรสของพระองค์
24 เราขอแจ้งแก่ท่านทั้งหลายด้วยว่า ไม่เป็นการถูกต้องตามกฎหมายที่จะเอา บรรณาการค่าธรรมเนียม หรือส่วยจากคนหนึ่งคนใดในบรรดาปุโรหิต คนเลวี นักร้อง คนเฝ้าประตู คนใช้ประจำพระวิหาร หรือผู้รับใช้อื่นๆของพระนิเวศของพระเจ้านี้
25 "ส่วนเจ้า เอสรา ตามพระสติปัญญาแห่งพระเจ้าของเจ้าอันอยู่ในมือของเจ้า จงแต่งตั้งพนักงานผู้ปกครอง และผู้พิพากษาประชาชนทั้งปวงในมณฑลฟากแม่น้ำ ข้างตะวันตก คือทุกคนที่รู้บรรดาธรรมบัญญัติของพระเจ้าของเจ้า และคนเหล่านั้นที่ไม่รู้ เจ้าทั้งหลายจะต้องสอน
26 ผู้ใดที่ไม่เชื่อฟังธรรมบัญญัติของพระเจ้าของเจ้า และกฎหมายของพระราชาก็ให้พิพากษาลงโทษเขาอย่างเคร่งครัด จะเป็นโทษถึงตาย หรือถึงเนรเทศ หรือถึงริบทรัพย์ของเขา หรือถึงจำขังก็ได้"
27 สาธุการแด่พระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่งบรรพบุรุษของเรา ผู้ทรงดลพระทัยของพระราชาให้เสริมความงามแก่ พระนิเวศของพระเจ้าซึ่งอยู่ในเยรูซาเล็ม
28 และทรงบันดาลให้ข้าพเจ้ามีความชอบต่อพระพักตร์พระราชา และที่ปรึกษาของพระองค์ และต่อหน้าเจ้านายผู้ทรงอำนาจของพระราชา และข้าพเจ้าก็มีใจกล้าขึ้น เพราะพระหัตถ์ของพระเยโฮวาห์พระเจ้าของ ข้าพเจ้าอยู่กับข้าพเจ้า และข้าพเจ้าได้รวบรวมบุคคลชั้นผู้นำจาก อิสราเอลขึ้นไปกับข้าพเจ้า
เอสรา 8
1 ต่อไปนี้เป็นหัวหน้าตระกูลของเขาทั้งหลาย และนี่เป็นสำมะโนครัวเชื้อสายของบรรดาผู้ ที่ขึ้นไปกับข้าพเจ้าจากบาบิโลน ในรัชกาลอารทาเซอร์ซีสพระราชา คือ
2 จากพงศ์พันธุ์ฟีเนหัสมี เกอร์โชม จากพงศ์พันธุ์อิธามาร์ มี ดาเนียล จากพงศ์พันธุ์ดาวิด มี ฮัทธัช
3 จากพงศ์พันธุ์เชคานิยาห์ จากพงศ์พันธุ์ปาโรช มี เศคาริยาห์ พร้อมกับท่าน มีผู้ชายผู้ขึ้นทะเบียนไว้หนึ่งร้อยห้าสิบคน
4 จากพงศ์พันธุ์ปาหัทโมอับมี เอลีนัย บุตรเศ-ราหิยาห์ พร้อมกับท่าน มีผู้ชายสองร้อยคน
5 จากพงศ์พันธุ์เชคานิยาห์ มี บุตรยาฮาซีเอล พร้อมกับท่าน มีผู้ชายสามร้อยคน
6 จากพงศ์พันธุ์อาดีน มี เอเบด บุตรโยนาธาน พร้อมกับท่าน มีผู้ชายห้าสิบคน
7 จากพงศ์พันธุ์เอลาม มี เยชายาห์ บุตรอาธาลิยาห์ พร้อมกับท่านมีผู้ชายเจ็ดสิบคน
8 จากพงศ์พันธุ์เชฟาทิยาห์ มี เศบาดิยาห์ บุตรมีคาเอล พร้อมกับท่านมีผู้ชายแปดสิบคน
9 จากพงศ์พันธุ์โยอาบ มี โอบาดีห์บุตรเยฮีเอล พร้อมกับท่านมีผู้ชายสองร้อยสิบแปดคน
10 จากพงศ์พันธุ์เชโลมิท มี บุตรโยสิฟียาห์ พร้อมกับท่านมีผู้ชายหนึ่งร้อยหกสิบคน
11 จากพงศ์พันธุ์เบบัย มี เศคาริยาห์บุตรเบบัย พร้อมกับท่านมีผู้ชายยี่สิบแปดคน
12 จากพงศ์พันธุ์อัสกาด มี โยฮานัน บุตรฮักคาทาน พร้อมกับท่าน มีผู้ชายหนึ่งร้อยสิบคน
13 จากพงศ์พันธุ์อาโดนีคัม มีผู้ที่มาทีหลัง นี่เป็นชื่อของเขาคือ เอลีเฟเลท เยอูเอล และเชไมยาห์ พร้อมกับพวกเขามีผู้ชายหกสิบคน
14 จากพงศ์พันธุ์บิกวัย มี อุธัย และ ศัคเคอร์ พร้อมกับเขาทั้งสอง มีผู้ชายเจ็ดสิบคน
15 ข้าพเจ้าได้รวบรวมเขาทั้งหลายเข้ามายังแม่น้ำที่ไหล ไปสู่อาหะวา เราตั้งค่ายอยู่ที่นั่นสามวัน เมื่อข้าพเจ้าสำรวจดูประชาชน และปุโรหิต ข้าพเจ้าไม่เห็นพงศ์พันธุ์ของเลวีที่นั่นเลย
16 แล้วข้าพเจ้าจึงให้ไปเรียกเอลีเยเซอร์ อารีเอล เชไมยาห์ เอลนาธัน ยารีบ เอลนาธัน นาธัน เศคาริยาห์ และเมชุลลาม บุคคลชั้นหัวหน้า และให้หา โยยาริบ และเอลนาธัน ผู้เป็นคนมีความรอบรู้
17 และส่งเขาไปยังท่านอิดโด บุคคลชั้นหัวหน้ายังสถานที่ที่ชื่อคาสิเฟีย คือให้บอกท่านอิดโดและพี่น้องของท่านผู้ เป็นคนใช้ประจำพระวิหารว่า ขอส่งผู้ปรนนิบัติสำหรับพระนิเวศของพระเจ้า ของเรามายังเรา
18 และโดยพระหัตถ์อันทรงพระคุณของพระเจ้าของเราอยู่กับเรา เขาได้นำคนที่มีความสุขุมมาให้เรา เป็นพงศ์พันธุ์ของมาห์ลีบุตรเลวี ผู้เป็นบุตรอิสราเอล ชื่อเชเรบิยาห์ กับลูกชายและญาติพี่น้อง รวมสิบแปดคน
19 ทั้งฮาชาบิยาห์และเยชายาห์ พงศ์พันธุ์ของเมรารีกับญาติพี่น้องและ บุตรของเขารวมยี่สิบคน
20 และคนใช้ประจำพระวิหาร ซึ่งดาวิดและข้าราชการของพระองค์ได้จัดตั้งขึ้นไว้ เพื่อปรนนิบัติคนเลวี มีคนใช้ประจำพระวิหารสองร้อยยี่สิบคน บุคคลเหล่านี้ทั้งสิ้นมีชื่อระบุไว้
21 แล้วข้าพเจ้าก็ประกาศให้ถืออดอาหารที่นั่น คือที่แม่น้ำอาหะวา เพื่อเราทั้งหลายจะได้ถ่อมตัวลงต่อพระเจ้าของเรา เพื่อจะทูลขอหนทางอันปลอดภัยจากพระองค์สำหรับเรา ลูกหลานของเรา และข้าวของของเรา
22 เพราะข้าพเจ้าละอายที่จะทูลขอกองทหารและพลม้าจากพระราชาเพื่อช่วยเราสู้ศัตรูตามทางของเรา ในเมื่อเราได้กราบทูลพระราชาแล้วว่า "พระหัตถ์ของพระเจ้าของเราอยู่กับบรรดา ผู้ที่แสวงพระองค์ให้ยังผลดี แต่ฤทธานุภาพและพระพิโรธของพระองค์ต่อสู้คนเหล่า นั้นที่ละทิ้งพระองค์
23 เราจึงอดอาหารและวิงวอนพระเจ้าของเราเพื่อเรื่องนี้ และพระองค์ทรงฟังเสียงร้องทูลของเรา
24 และข้าพเจ้าได้เลือกตั้งปุโรหิตใหญ่สิบสองคน คือ เชเรบิยาห์ ฮาชาบิยาห์ และญาติของเขาที่อยู่กับเขาสิบคน
25 และข้าพเจ้าได้ชั่งเงินและทองคำและเครื่องใช้กับเครื่องบูชา สำหรับพระนิเวศของเรามอบให้เขาทั้งหลายซึ่งพระราชา และที่ปรึกษา และเจ้านายของพระองค์ และคนอิสราเอลทั้งปวงที่นั่นได้ถวายไว้
26 ข้าพเจ้าได้ชั่งใส่มือของเขาเป็นเงินหกร้อยห้าสิบตะลันต์ และเครื่องใช้ที่ทำด้วยเงินมีค่าหนึ่งร้อยตะลันต์ และทองคำหนึ่งร้อยตะลันต์
27 ชามทองคำยี่สิบลูกมีค่าหนึ่งพันดาริค และเครื่องใช้ทองสัมฤทธิ์เนื้อละเอียดสุกใสสอง ลูกมีค่าเท่ากับทองคำ
28 และข้าพเจ้าบอกเขาว่า "ท่านทั้งหลายบริสุทธิ์ต่อพระเจ้า และเครื่องใช้ก็บริสุทธิ์ และเงินกับทองคำเป็นของถวายด้วยใจสมัครแด่พระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่งบรรพบุรุษของท่านทั้งหลาย
29 จงเฝ้าดูแลไว้จนกว่าท่านชั่งสิ่งเหล่านั้นต่อหน้าปุโรหิต ใหญ่และคนเลวี และหัวหน้าตระกูลอิสราเอลในเยรูซาเล็มภายในห้อง พระนิเวศของพระเจ้า
30 บรรดาปุโรหิตและคนเลวีจึงรับเงินและทองคำที่ได้ชั่ง และเครื่องใช้ เพื่อนำไปยังเยรูซาเล็ม ยังพระนิเวศของพระเจ้าของเรา
31 และเราก็ออกจากแม่น้ำอาหะวาในวันที่ สิบสองของเดือนต้น เพื่อไปยังเยรูซาเล็ม และพระหัตถ์ของพระเจ้าของเราอยู่กับเรา และพระองค์ทรงช่วยกู้เราให้พ้นจากมือของศัตรู และจากพวกซุ่มคอยอยู่ตามทาง
32 เรามาถึงเยรูซาเล็มและพักอยู่ที่นั่นสามวัน
33 ในวันที่สี่ภายในพระนิเวศของพระเจ้าของเรา ก็ชั่งทองคำ และเครื่องใช้ใส่มือของเมเรโมทปุโรหิต บุตรอุรีอาห์ และคนที่อยู่กับเขา คือเอเลอาซาร์บุตรฟีเนหัสและคนที่อยู่กับเขาทั้งหลายคือ โยซาบาด บุตรเยชูอา และโนอัดยาห์บุตรบินนุย คนเลวี
34 เขาชั่งและนับทั้งหมดและบันทึกน้ำหนักของทุกสิ่งไว้
35 ในวันนั้นบรรดาผู้ที่ถูกกวาดไปเป็นเชลย ซึ่งมาจากการเป็นเชลย ได้ถวายเครื่องเผาบูชาแก่พระเจ้าแห่งอิสราเอล มีวัวผู้สิบสองตัวสำหรับพวกอิสราเอลทั้งปวง แกะผู้เก้าสิบหกตัว ลูกแกะเจ็ดสิบเจ็ดตัว และแพะผู้สิบสองตัวเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป ทั้งสิ้นนี้เป็นเครื่องเผาบูชาถวายพระเจ้า
36 เขาทั้งหลายได้มอบพระราชโองการให้แก่สมุหเทศาภิบาลของพระราชา และแก่ผู้ว่าราชการมณฑลฟากตะวันตกของแม่น้ำยูเฟรติส และท่านเหล่านี้ได้ช่วยเหลือประชาชนและพระนิเวศของพระเจ้า
เอสรา 9
1 ภายหลังเหตุการณ์เหล่านี้ เจ้าหน้าที่ก็เข้ามาหาข้าพเจ้า กล่าวว่า "ชนชาติอิสราเอลและบรรดาปุโรหิตกับคนเลวี หาได้แยกตนออกจากชนชาติทั้งหลายแห่งแผ่นดินเหล่านั้น กับการน่าเกลียดน่าชังของเขาไม่ คือจากคนคานาอัน คนฮิตไทต์ คนเปริสซี คนเยบุส คนอัมโมน คนโมอับ คนอียิปต์ และคนอาโมไรต์
2 เพราะเขารับบุตรหญิงของชนเหล่านี้เป็นภรรยาของเขาเอง และของบุตรชายของเขา ดังนั้นเชื้อสายบริสุทธิ์ได้ปะปนกับชนชาติทั้งหลายของ แผ่นดินเหล่านั้น นี่แหละในความผิดข้อนี้ มือของเจ้าหน้าที่ชั้นหัวหน้าและผู้ครองเมืองได้เด่นที่สุด"
3 เมื่อข้าพเจ้าได้ยินอย่างนี้ ข้าพเจ้าก็ฉีกเสื้อของข้าพเจ้าทั้งเสื้อคลุมของข้าพเจ้า และทึ้งผมออกจากศีรษะของข้าพเจ้าและทึ้งหนวดเครา และนั่งลงตะลึงอยู่
4 แล้วบรรดาคนที่สั่นสะท้านไปด้วยพระวจนะ ของพระเจ้าแห่งอิสราเอล เหตุด้วยความผิดของพวกเชลยที่ได้กลับมา ได้มาประชุมต่อหน้าข้าพเจ้าเมื่อข้าพเจ้า นั่งตะลึงอยู่จนถึงเวลาถวายเครื่องสักการบูชาตอนเย็น
5 ณเวลาสักการบูชาตอนเย็นนั้น ข้าพเจ้าได้ลุกขึ้นจากการอดอาหาร มีเครื่องแต่งกาย และเสื้อคลุมของข้าพเจ้าฉีกขาด และข้าพเจ้าก็คุกเข่าลงและชู มือขึ้นต่อพระเยโฮวาห์พระเจ้าของข้าพเจ้า
6 และข้าพเจ้าทูลว่า "ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ละอายขวยเขินที่จะเงยหน้าหาพระองค์พระเจ้าของข้าพระองค์ เพราะว่าความบาปชั่วของข้าพระองค์ทั้งหลายขึ้นสูงกว่า ศีรษะของข้าพระองค์ และกรรมชั่วของข้าพระองค์ทั้งหลายกองขึ้นไปถึงฟ้าสวรรค์
7 ข้าพระองค์ทั้งหลายมีกรรมชั่วยิ่งใหญ่ตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ ของข้าพระองค์ทั้งหลาย จนถึงทุกวันนี้ และเพราะความบาปชั่วของข้าพระองค์ทั้งหลาย ข้าพระองค์ทั้งหลาย ทั้งบรรดาพระราชาของข้าพระองค์และบรรดาปุโรหิต ของข้าพระองค์ได้ถูกมอบไว้ในมือของบรรดา พระราชาแห่งแผ่นดินเหล่านั้น ให้แก่ดาบ แก่การเป็นเชลย แก่การปล้น และแก่การอดสูอย่างที่สุด อย่างทุกวันนี้
8 แต่บัดนี้พระเยโฮวาห์พระเจ้าของข้าพระองค์ ทั้งหลายทรงสำแดงพระกรุณา พอพระทัยชั่วครู่หนึ่งสั้นๆ และได้ทรงประทานให้ข้าพระองค์ทั้งหลายมีคนที่เหลืออยู่ และมีที่ยึดมั่นในที่บริสุทธิ์ของพระองค์ เพื่อว่าพระเจ้าของข้าพระองค์จะได้ทรง ให้ตาของข้าพระองค์ทั้งหลายแจ่มขึ้น และทรงประสาทความฟื้นคืนมาเล็กน้อย จากการเป็นทาสของข้าพระองค์ทั้งหลาย
9 เพราะว่าข้าพระองค์ทั้งหลายเป็นทาส แต่พระเจ้าของข้าพระองค์มิได้ทรง ละทิ้งข้าพระองค์ไว้ในความเป็นทาส แต่ทรงบันดาลให้ข้าพระองค์ทั้งหลาย มีความชอบต่อพระพักตร์บรรดาพระราชาแห่งเปอร์เซีย ทรงประสาทการฟื้นคืนมาแก่ข้าพระองค์ทั้งหลายบ้าง เพื่อจะตั้งพระนิเวศของพระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลายขึ้นไว้ เพื่อจะซ่อมที่ปรักหักพังเพื่อจะประทานกำแพงแก่ ข้าพระองค์ทั้งหลายในยูดาห์ และในเยรูซาเล็ม
10 "และบัดนี้ ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลาย ต่อจากนี้ข้าพระองค์จะทูลอะไรอีก เพราะข้าพระองค์ทั้งหลายได้ละทิ้งพระบัญญัติของพระองค์
11 ซึ่งพระองค์ได้ทรงบัญชาไว้ โดยผู้เผยพระวจนะผู้รับใช้ของพระองค์ว่า 'แผ่นดินซึ่งเจ้ากำลังเข้าไปเพื่อยึดเป็นกรรมสิทธิ์นั้นเป็น แผ่นดินมลทิน ด้วยเหตุความมลทินของชนชาติทั้งหลายแห่งแผ่นดินเหล่านั้น ด้วยการน่าเกลียดน่าชังของเขา ซึ่งเต็มไปหมดตั้งแต่ปลายข้างนี้ถึงปลายข้างโน้น ด้วยความมลทินของเขาทั้งหลาย
12 เพราะฉะนั้น อย่ามอบพวกบุตรหญิงของเจ้าแก่พวกบุตรชายของเขา หรืออย่ารับพวกบุตรหญิงของเขาให้พวกบุตรชายของเจ้า หรืออย่าเสริมสวัสดิภาพและความเจริญมั่งคั่ง ของเขาทั้งหลายเป็นนิตย์ เพื่อเจ้าทั้งหลายจะแข็งแรงและกินของดีๆแห่งแผ่นดินนั้น และมอบแผ่นดินนั้นไว้เป็น มรดกแก่ลูกหลานของเจ้าทั้งหลายเป็นนิตย์'
13 และเมื่อข้าพระองค์ทั้งหลายรับโทษ เพราะการชั่วร้ายของข้าพระองค์ และเพราะกรรมชั่วใหญ่ยิ่งของข้าพระองค์ และเมื่อพระองค์คือพระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลายได้ ทรงลงโทษข้าพระองค์ เหตุความบาปชั่วของข้าพระองค์น้อยกว่าที่พึงควรได้รับ และทรงประทานคนที่เหลืออยู่แก่ข้าพระองค์ทั้งหลายอย่างนี้
14 สมควรที่ข้าพระองค์ทั้งหลายจะหัก พระบัญญัติของพระองค์อีก และเข้าแต่งงานกับชนชาติทั้งหลายผู้ประพฤติ สิ่งน่าเกลียดน่าชังเหล่านี้หรือ พระองค์จะไม่ทรงกริ้วต่อข้าพระองค์ทั้งหลาย จนพระองค์ผลาญข้าพระองค์ทั้งหลายเสีย จนไม่มีคนที่เหลืออยู่และไม่มีใครรอดได้เลยหรือ
15 ข้าแต่พระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล พระองค์ชอบธรรม เพราะข้าพระองค์ทั้งหลายเป็นคนที่เหลืออยู่ซึ่งรอดพ้น มาอย่างทุกวันนี้ ดูเถิด ข้าพระองค์ทั้งหลายอยู่ต่อพระพักตร์พระองค์ มีกรรมชั่วของข้าพระองค์อยู่ เพราะไม่มีสักคนเดียวที่จะยืนต่อพระพักตร์ พระองค์ได้เหตุเรื่องนี้"
เอสรา 10
1 ขณะที่เอสราอธิษฐานและทำการสารภาพร้องไห้ ทิ้งตัวลงต่อหน้าพระนิเวศของพระเจ้า มีชุมนุมชนหมู่ใหญ่โตมากทั้งชายหญิงและเด็ก จากอิสราเอลประชุมต่อหน้าท่าน เพราะประชาชนได้ร้องไห้อย่างขมขื่น
2 และเชคานิยาห์บุตรเยฮีเอล พงศ์พันธุ์เอลามกล่าวแก่เอสราว่า "พวกเราทั้งหลายได้ทรยศต่อพระเจ้าของเราเสียแล้ว และได้แต่งงานกับหญิงต่างชาติจากชนชาติทั้งหลายของ แผ่นดินนี้ แต่ถึงจะมีเรื่องอย่างนี้ ก็ยังมีความหวังในอิสราเอลอยู่
3 เพราะฉะนั้น ให้เรากระทำพันธสัญญากับพระเจ้าของเรา ที่จะทิ้งภรรยาและลูกเหล่านี้ซึ่งเกิดมาจากเขาทั้งหลายเสียทั้งสิ้น ตามคำปรึกษาของเจ้านายของข้าพเจ้า และของบรรดาผู้ที่สั่นสะท้านด้วย พระบัญญัติของพระเจ้าของเราทั้งหลาย และขอให้กระทำตามกฎหมายเถิด
4 จงลุกขึ้นเถิด เพราะเป็นหน้าที่ของท่าน และเราทั้งหลายสนับสนุนท่าน ขอจงเข้มแข็ง และกระทำเสียเถิด"
5 แล้วเอสราได้ลุกขึ้นให้บรรดาปุโรหิต ใหญ่และเลวีและอิสราเอลทั้งปวง กระทำสัตย์สาบานว่า เขาจะกระทำตามที่ได้พูดแล้ว เขาทั้งหลายจึงกระทำสัตย์สาบาน
6 แล้วเอสราก็ถอยไปจากต่อหน้าพระนิเวศของพระเจ้า เข้าไปในห้องของเยโฮฮานันบุตรเอลียาชีบ เมื่อมาถึงที่นั่นแล้วก็ไม่รับประทานขนมปังหรือดื่มน้ำ เพราะท่านโศกเศร้าด้วยเรื่องพวกเชลยที่กลับมาได้ทรยศ
7 และเขาทำการป่าวร้องทั่วยูดาห์และเยรูซาเล็ม แก่พวกเชลยที่ได้กลับมาทั้งสิ้นว่า ให้มาชุมนุมกันที่เยรูซาเล็ม
8 และถ้าผู้ใดไม่มาภายในสามวัน ตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่และพวกผู้ใหญ่ทั้งหลาย จะต้องริบทรัพย์สมบัติของเขาเสียทั้งสิ้น และผู้นั้นต้องขาดจากชุมนุมชนของพวกเชลย
9 และชายทั้งปวงของยูดาห์และเบนยามิน ได้ชุมนุมกันที่เยรูซาเล็มภายในสามวัน (ในเดือนที่เก้าณวันที่ยี่สิบของเดือนนั้น) และประชาชนทั้งปวงนั่งอยู่ที่ลานหน้าพระนิเวศของพระเจ้า ตัวสั่นสะท้านด้วยเรื่องนี้ และด้วยเรื่องฝนตกหนัก
10 และเอสราปุโรหิตได้ลุกขึ้นพูดกับเขาทั้งหลายว่า "ท่านทั้งหลายได้ละเมิดและได้แต่งงานกับหญิงต่างชาติ จึงได้ทวีกรรมชั่วของอิสราเอล
11 เหตุฉะนั้น จงสารภาพต่อพระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่งบรรพบุรุษของท่าน และกระทำตามน้ำพระทัยของพระองค์ จงแยกตัวท่านออกเสียจากชนชาติทั้งหลายแห่ง แผ่นดินและจากภรรยาต่างชาติ"
12 แล้วชุมนุมชนทั้งสิ้นได้ตอบด้วยเสียงอันดังว่า "เป็นดังนั้นแหละ เราต้องกระทำตามที่ท่านพูดแล้ว"
13 แต่มีประชาชนมากและฝนตกหนัก เราอยู่กลางแจ้งไม่ไหว และจะจัดให้เสร็จในวันสองวันก็ไม่ได้เพราะเราได้ ละเมิดในเรื่องนี้มากนัก
14 ขอให้เจ้าหน้าที่ของเราทำการแทนชุมนุมชนทั้งสิ้น และให้บรรดาคนในหัวเมืองของเราที่ได้รับภรรยา ต่างชาติมาตามเวลากำหนด พร้อมกับพวกผู้ใหญ่และผู้วินิจฉัยของทุกเมือง จนกว่าพระพิโรธอันแรงกล้าของพระเจ้าของเรา ที่ทรงมีในเรื่องนี้หันเหไปจากเราทั้งหลาย"
15 โยนาธานบุตรอาสาเฮล และยาไซอาห์บุตรทิกวาห์เท่านั้นที่คัดค้านเรื่องนี้ และเมชุลลามกับชับเบธัย ชนเลวีสนับสนุนเขาทั้งสอง
16 แล้วพวกที่ถูกกวาดไปเป็นเชลยซึ่งกลับมา ก็ได้กระทำตามเอสราปุโรหิต และหัวหน้าของตระกูลตามตระกูลของเขา แต่ละคนที่ระบุชื่อไว้ได้ถูกเลือก ในวันที่หนึ่งของเดือนที่สิบ เขานั่งประชุมกันพิจารณาเรื่องนี้
17 พอถึงวันที่หนึ่งของเดือนที่หนึ่ง เขาก็จบเรื่องที่ชายทั้งปวงได้แต่งงานกับหญิงต่างชาติ
18 พงศ์พันธุ์ของปุโรหิตผู้ได้แต่งงานกับหญิงต่างชาติ จากพงศ์พันธุ์เยชูอาบุตรโยซาดัก และพี่น้องของท่าน มี มาอาเสอาห์ เอลีเยเซอร์ ยารีบและเกดาลิยาห์
19 เขาทั้งหลายปฏิญาณตนว่าเขาจะทิ้งภรรยาของเขาเสีย และเครื่องบูชาไถ่กรรมชั่วของเขา คือแกะผู้ตัวหนึ่งจากฝูงแพะแกะ เพื่อชำระกรรมชั่วของเขา
20 จากพงศ์พันธุ์อิมเมอร์ มี ฮานานีและเศบาดิยาห์
21 จากพงศ์พันธุ์ฮาริม มี มาอาเสอาห์ เอลียาห์ เชไมอาห์ เยฮีเอล และอุสซียาห์
22 จากพงศ์พันธุ์ปาชเฮอร์ มี เอลีโอนัย มาอาเสอาห์ อิชมาเอล เนธันเอล โยซาบาด และเอลาสาห์
23 จากพวกชนเลวี มี โยซาบาด ชิเมอี เคลายาห์ (คือเคลิทา) เปธาหิยาห์ ยูดาห์ และเอลีเยเซอร์
24 จากพวกนักร้อง มี เอลียาชีบ จากคนเฝ้าประตู มี ชัลลูม เทเลม และอุรี
25 และจากพวกอิสราเอล คือจากพงศ์พันธุ์ปาโรช มี รามียาห์ อิสซียาห์ มัลคีอาห์ มิยามิน เอเลอาซาร์ มัลคีอาห์ และเบไนยาห์
26 จากพงศ์พันธุ์เอลามคือ มัทธานิยาห์ เศคาริยาห์ เยฮีเอล อับดี เยเรโมท เอลียาห์
27 จากพงศ์พันธุ์ศัทธู มี เอลีโอนัย เอลียาชีบ มัทธานิยาห์ เยเรโมท ศาบาด และอาซีซา
28 จากพงศ์พันธุ์เบบัย มี เยโฮฮานัน ฮานันยาห์ ศับบัย อัทลัย
29 จากพงศ์พันธุ์บานี มี เมชุลลาม มัลลูค อาดายาห์ ยาชูบ เชอัล และเยเรโมท
30 จากพงศ์พันธุ์ปาหัทโมอับ มี อัดนา เคลาล เบไนยาห์ มาอาเสอาห์ มัทธานิยาห์ เบซาเลล บินนุย และมนัสเสห์
31 จากพงศ์พันธุ์ฮาริม มี เอลีเบเซอร์ อิสชีอาห์ มัลคีอาห์ เชไมอาห์ ชิเมโอน
32 เบนยามิน มัลลูค เชมาริยาห์
33 จากพงศ์พันธุ์ฮาชูม มี มัทเธนัย มัทธัตตาห์ ศาบาด เอลีเฟเลท เยเรมัย มนัสเสห์ และชิเมอี
34 จากพงศ์พันธุ์บานี มี มาอาดัย อัมราม อูเอล
35 เบไนยาห์ เบดัยยาห์ เคลุฮี
36 วานิยาห์ เมเรโมท เอลียาชีบ
37 มัทธานิยาห์ มัทเธนัย ยาอาสุ
38 บานี บินนุย ชิเมอี
39 เชเลมิยาห์ นาธัน อาดายาห์
40 มัคนาเดบัย ชาชัย ชารัย
41 อาซาเรล เชเลมิยาห์ เชมาริยาห์
42 ชัลลูม อามาริยาห์ และโยเซฟ
43 จากพงศ์พันธุ์เนโบ มี เยอีเอล มัททีธิยาห์ ศาบาด เศบินา ยาดดัย โยเอล และเบไนยาห์
44 บุคคลเหล่านี้ทั้งสิ้นได้แต่งงานกับหญิงต่างชาติ บางคนมีบุตรเกิดจากภรรยาเหล่านั้นด้วย