๒พงศาวดาร
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
2พงศาวดาร 1
1 ซาโลมอนโอรสของดาวิดได้สถาปนาราชอาณาจักร ของพระองค์ และพระเยโฮวาห์พระเจ้าของพระองค์ทรงสถิตกับพระองค์ และทรงกระทำให้พระองค์ใหญ่โตอย่างยิ่ง
2 ซาโลมอนตรัสกับอิสราเอลทั้งปวง กับนายพันและนายร้อย ทั้งกับผู้วินิจฉัยและกับเจ้านายทั้งปวงในอิสราเอลทั้งสิ้น ผู้เป็นหัวหน้าของบรรดาตระกูลของเขา
3 และซาโลมอนกับชุมนุมชนทั้งปวงที่อยู่ กับพระองค์ได้ขึ้นไปที่ปูชนียสถานสูง ซึ่งอยู่ที่กิเบโอนเพราะเต็นท์นัดพบของพระเจ้า ซึ่งโมเสสผู้รับใช้ของพระเจ้าได้สร้างขึ้นใน ถิ่นทุรกันดารอยู่ที่นั่น
4 (แต่ดาวิดได้ทรงนำหีบของพระเจ้ามาจาก คีริยาทเยอาริมถึงสถานที่ซึ่งดาวิดทรงเตรียมไว้ให้ เพราะพระองค์ได้ทรงตั้งเต็นท์ไว้ให้ในกรุงเยรูซาเล็ม)
5 ยิ่งกว่านั้น แท่นบูชาทองสัมฤทธิ์ ซึ่งเบซาเลลบุตรอุรีผู้เป็นบุตรเฮอร์ได้สร้าง ไว้นั้นก็อยู่ที่หน้าพลับพลาของพระเจ้า และซาโลมอนกับชุมนุมชนก็ได้แสวงหาพระเจ้า
6 และซาโลมอนเสด็จไปที่นั่นยังแท่นบูชาทอง สัมฤทธิ์ต่อพระพักตร์พระเจ้า ซึ่งอยู่ที่เต็นท์นัดพบ และทรงถวายเครื่องเผาบูชาหนึ่งพันตัวบนแท่นนั้น
7 ในคืนนั้น พระเจ้าทรงปรากฏแก่ซาโลมอน และตรัสกับพระองค์ว่า "เจ้าอยากให้เราให้อะไรเจ้า ก็จงขอเถิด"
8 และซาโลมอนทูลพระเจ้าว่า "พระองค์ได้ทรงสำแดงความรักมั่นคง และยิ่งใหญ่แก่ดาวิดเสด็จพ่อของข้าพระองค์ และทรงกระทำให้ข้าพระองค์เป็นกษัตริย์แทน
9 ข้าแต่พระเจ้า ขอให้พระสัญญาของพระองค์ ที่มีต่อดาวิดเสด็จพ่อของข้าพระองค์เป็นจริง ณ บัดนี้ เพราะพระองค์ได้ทรงตั้งให้ข้าพระองค์เป็นกษัตริย์เหนือ ชนชาติที่มากอย่างผงคลีแห่งแผ่นดินโลก
10 ขอทรงประทานสติปัญญาและความรู้แก่ข้าพระองค์ ที่จะเข้านอกออกในต่อหน้าชนชาตินี้ เพราะผู้ใดเล่าที่จะวินิจฉัยประชากรของพระองค์ได้ ซึ่งใหญ่โตนัก"
11 พระเจ้าตรัสตอบซาโลมอนว่า "เพราะว่าสิ่งนี้อยู่ในจิตใจของเจ้า และเจ้ามิได้ขอทรัพย์สมบัติ ความมั่งคั่ง และเกียรติหรือชีวิตของคนเหล่านั้นผู้เกลียดชังเจ้า และทั้งมิได้ขอชีวิตยืนยาว แต่ได้ขอสติปัญญาและความรู้เพื่อตัวเจ้าเอง เพื่อเจ้าจะครอบครองประชากรของเรา ผู้ซึ่งเราได้ตั้งเจ้าให้เป็นพระราชาเหนือเขานั้น
12 เราประสาทสติปัญญาและความรู้ให้แก่เจ้า เราจะให้ทรัพย์สมบัติ ความมั่งคั่ง และเกียรติแก่เจ้าด้วยอย่างที่ไม่มีพระราชา องค์ใดผู้อยู่ก่อนเจ้าได้มี และไม่มีผู้ใดภายหลังเจ้าจะมีเหมือน"
13 ซาโลมอนจึงเสด็จจากปูชนียสถานสูงที่กิเบโอน จากต่อหน้าเต็นท์นัดพบไปยังกรุงเยรูซาเล็ม และพระองค์ทรงครอบครองอยู่เหนืออิสราเอล
14 ซาโลมอนทรงสะสมรถรบ และพลม้า พระองค์ทรงมีรถรบหนึ่งพันสี่ร้อยคัน และพลม้าหนึ่งหมื่นสองพันคน ซึ่งพระองค์ทรงให้ประจำอยู่ที่หัวเมืองรถรบ และอยู่กับพระราชาในกรุงเยรูซาเล็ม
15 และพระราชาทรงกระทำให้เงินและ ทองคำเป็นของสามัญในกรุงเยรูซาเล็ม เหมือนก้อนหิน และทรงกระทำให้มีไม้สนสีดาร์มากมาย เหมือนไม้มะเดื่อแห่งถิ่นเนินเชเฟลาห์
16 ม้าอันเป็นสินค้าเข้าของซาโลมอนมาจาก อียิปต์ เป็นฝูงๆ และบรรดาพ่อค้าของพระราชารับมาเป็นฝูงๆ_ _ตามราคา
17 เขาทั้งหลายนำรถรบเข้ามาจากอียิปต์คันหนึ่งเป็น เงินหกร้อยเชเขลเงิน และม้าตัวหนึ่งหนึ่งร้อยห้าสิบ ดังนั้นโดยทางพวกพ่อค้า เขาก็ส่งออกไปยังบรรดากษัตริย์ของคนฮิตไทต์ และบรรดากษัตริย์ของคนซีเรีย
2พงศาวดาร 2
1 ฝ่ายซาโลมอนทรงตั้งพระทัยที่จะสร้าง พระนิเวศเพื่อพระนามของพระเจ้า และสร้างราชวังเพื่อราชอาณาจักรของพระองค์
2 และซาโลมอนทรงกำหนดให้เจ็ดหมื่นคนเป็นคนขนของ และให้แปดหมื่นคนสกัดหินที่ถิ่นเทือกเขา และให้คนสามพันหกร้อยคนดูแลเขาทั้งหลาย
3 และซาโลมอนทรงส่งราชสารไปยังฮีรามกษัตริย์เมืองไทระว่า "ท่านได้กระทำกิจกับดาวิดราชบิดาของข้าพเจ้าคือ ได้ส่งไม้สนสีดาร์ให้พระองค์ท่าน เพื่อสร้างวังให้พระองค์ท่านอาศัยอย่างไร ขอท่านได้กระทำแก่ข้าพเจ้าอย่างนั้น
4 ดูเถิด ข้าพเจ้ากำลังจะสร้างพระนิเวศ เพื่อพระนามพระเยโฮวาห์พระเจ้าของข้าพเจ้า และมอบถวายแด่พระองค์เพื่อเผาเครื่องหอมต่อพระพักตร์พระองค์ และเพื่อขนมตั้งถวายเนืองนิตย์ และเพื่อเครื่องเผาบูชาทั้งเช้าและเย็นในวันสะบาโต และในวันข้างขึ้น และวันเทศกาลของพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเรา ซึ่งเป็นกฎหมายตั้งไว้เป็นนิตย์สำหรับอิสราเอล
5 พระนิเวศซึ่งข้าพเจ้าจะสร้างนั้นใหญ่โต เพราะว่าพระเจ้าของเราใหญ่ยิ่งกว่าพระทั้งปวง
6 แต่ผู้ใดเล่าที่จะสามารถสร้างพระนิเวศสำหรับพระองค์ได้ ในเมื่อฟ้าสวรรค์ที่สูงที่สุดก็ยังรับรองพระองค์ไว้ไม่ได้ ข้าพเจ้าเป็นผู้ใดเล่าที่จะสร้างพระนิเวศสำหรับพระองค์ นอกจากให้เป็นที่เผาเครื่องหอมถวายพระองค์เท่านั้น
7 เพราะฉะนั้น บัดนี้ขอส่งชายคนหนึ่งผู้ชำนาญการช่างทองคำเงิน ทองสัมฤทธิ์และเหล็กและชำนาญในเรื่องผ้าสีม่วง สีแดงเข้ม และสีฟ้า ทั้งเป็นผู้ชำนาญในการแกะสลัก เพื่อจะอยู่กับช่างฝีมือผู้อยู่กับข้าพเจ้าใน ยูดาห์และในเยรูซาเล็ม ผู้ซึ่งดาวิดราชบิดาของข้าพเจ้าได้จัดหาไว้
8 ขอท่านส่งไม้สนสีดาร์ ไม้สนสามใบ และไม้ประดู่จากเลบานอนให้ข้าพเจ้าด้วย เพราะข้าพเจ้าเข้าใจว่าข้าราชการของท่าน รู้จักการตัดไม้ในเลบานอน และดูเถิด ข้าราชการของข้าพเจ้าจะอยู่กับข้าราชการ ของท่าน
9 เพื่อจัดเตรียมตัวไม้ให้แก่ข้าพเจ้าให้มากมาย เพราะว่าพระนิเวศที่ข้าพเจ้าจะสร้างนี้จะใหญ่โต และแปลกประหลาด
10 และดูเถิด ส่วนข้าราชการของท่าน คือผู้ที่โค่นตัดไม้นั้น ข้าพเจ้าจะให้ข้าวสาลีนวดแล้ว สองหมื่นโคระ ข้าวบารลีสองหมื่นโคระ เหล้าองุ่นสองหมื่นบัท และน้ำมันสองหมื่นบัทแก่เขาทั้งหลาย"
11 แล้วฮีรามพระราชาแห่งเมืองไทระทรงตอบเป็นลายพระหัตถ์ ซึ่งพระองค์ทรงมีไปถึงซาโลมอนว่า "เพราะว่าพระเจ้าทรงรักประชากรของพระองค์ พระองค์จึงทรงกระทำให้ท่านเป็นพระราชาเหนือเขาทั้งหลาย"
12 ฮีรามตรัสอีกว่า "สาธุการแด่พระเยโฮวาห์ พระเจ้าแห่งอิสราเอล ผู้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก ผู้ได้ประทานโอรสที่ฉลาดคนหนึ่งแก่ดาวิด กอปรด้วยความเฉลียวฉลาดและความเข้าใจ ผู้ซึ่งจะสร้างพระนิเวศถวายพระเจ้า และสร้างพระราชวังเพื่อราชอาณาจักรของพระองค์
13 "บัดนี้ข้าพเจ้าได้ส่งช่างฝีมือคนหนึ่ง กอปรด้วยความเข้าใจ คือหุรามที่ปรึกษาอาวุโส
14 บุตรชายของหญิงคนเผ่าดาน บิดาของเขาเป็นชาวเมืองไทระ เขาชำนาญงานช่างทองคำ เงิน ทองสัมฤทธิ์ เหล็ก หินและไม้ และทำงานช่างผ้าสีม่วง สีฟ้า ผ้าป่าน และผ้าสีแดงเข้ม และทำการแกะสลักทุกชนิด และสร้างตามแบบลวดลายใดๆที่จะกำหนดให้แก่เขา พร้อมกับช่างฝีมือของท่าน คือช่างฝีมือของดาวิดราชบิดาของท่านผู้เป็นเจ้านายของข้าพเจ้า
15 เพราะฉะนั้น เรื่องข้าวสาลี ข้าวบารลี น้ำมัน และเหล้าองุ่น ซึ่งเจ้านายของข้าพเจ้าได้กล่าวถึงนั้น ขอท่านได้ส่งไปให้พวกเราผู้รับใช้ท่าน
16 และพวกเราจะตัดตัวไม้เท่าที่ท่านต้องการจากเลบานอน และนำมาให้ท่านโดยแพทางทะเลถึงเมืองยัฟฟาเพื่อว่าท่าน จะได้นำขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็ม"
17 แล้วซาโลมอนทรงทำบัญชีสำมะโนครัวชนต่างด้าว ทั้งสิ้นผู้อยู่ในแผ่นดินอิสราเอล ภายหลังบัญชีสำมะโนครัวซึ่งดาวิดราชบิดาของ พระองค์ได้ทรงกระทำไว้ และปรากฏว่ามีคนหนึ่งแสนห้าหมื่นสามพันหกร้อยคน
18 พระองค์ทรงกำหนดให้เจ็ดหมื่นคนเป็นคนขนของ และให้แปดหมื่นคนสกัดหินที่ถิ่นเทือกเขา และคนสามพันหกร้อยคนเป็นผู้ดูแลให้ประชาชนทำงาน
2พงศาวดาร 3
1 แล้วซาโลมอนทรงเริ่มสร้างพระนิเวศของพระเจ้า ที่กรุงเยรูซาเล็มบนภูเขาโมริยาห์ ที่ซึ่งพระเจ้าทรงปรากฏแก่ดาวิดราชบิดาของพระองค์ ตรงที่ซึ่งดาวิดทรงกำหนดไว้ที่ลานนวดข้าวของโอรนัน คนเยบุส
2 พระองค์ทรงเริ่มสร้างในวันที่สองเดือนที่สองของปีที่สี่ แห่งรัชกาลของพระองค์
3 ต่อไปนี้เป็นรากฐานซึ่งซาโลมอน ทรงวางเพื่อสร้างพระนิเวศของพระเจ้า ส่วนยาวตามศอกโบราณ หกสิบศอก และกว้างยี่สิบศอก
4 มุขด้านหน้าของพระนิเวศนั้นยาวยี่สิบศอก เท่ากับด้านกว้างของพระนิเวศ และส่วนสูงหนึ่งร้อยยี่สิบ พระองค์ทรงบุด้านในด้วยทองคำบริสุทธิ์
5 ห้องโถงพระองค์ทรงบุด้วยไม้สนสามใบ และบุด้วยทองคำเนื้อนพคุณ และทำต้นอินทผลัมและลูกโซ่ประดับไว้บนนั้น
6 พระองค์ทรงแต่งพระนิเวศด้วยฝังเพชรพลอย ทองคำนั้นเป็นทองคำเมืองพารวายิม
7 พระองค์จึงทรงบุพระนิเวศนั้นด้วยทองคำคือที่คาน ธรณีประตู ผนัง ประตู กับสลักรูปเครูบไว้บนผนัง
8 และพระองค์ทรงสร้างอภิสุทธิสถาน คือความยาวของที่นั้นตามความกว้างของพระนิเวศ เป็นยี่สิบศอกและกว้างยี่สิบศอก พระองค์ทรงบุด้วยทองคำนพคุณหนักหกร้อยตะลันต์
9 น้ำหนักของตะปูห้าสิบเชเขลทองคำ และพระองค์ทรงบุห้องชั้นบนด้วยทองคำ
10 ในอภิสุทธิสถานนั้น พระองค์ทรงสร้างเครูบไว้สองรูปด้วยไม้บุทองคำ
11 ปีกของเครูบทั้งสองนั้นกางออกยี่สิบศอก ปีกข้างหนึ่งของเครูบรูปหนึ่งยาวห้าศอกจดผนังพระนิเวศ และอีกปีกหนึ่งยาวห้าศอกจดปีกของเครูบอีกรูปหนึ่ง
12 และรูปนี้ ปีกข้างหนึ่งห้าศอกจดผนังพระนิเวศ และอีกปีกหนึ่งห้าศอกด้วยติดต่อกับปีกของเครูบอีกรูปหนึ่ง
13 ปีกของเครูบเหล่านี้กางออกยี่สิบศอก เครูบทั้งสองนั้นยืนหันหน้าไปทางห้องโถง
14 และพระองค์ทรงสร้างม่าน ด้วยผ้าสีฟ้า สีม่วง และสีแดงเข้ม และผ้าป่าน และปักรูปเครูบไว้บนนั้น
15 ข้างหน้าพระนิเวศ พระองค์ทรงสร้างเสาหานสองต้น สูงสามสิบห้าศอก มีบัวคว่ำสูงห้าศอกอยู่บนยอดเสาหานแต่ละต้น
16 พระองค์ทรงทำลูกโซ่เหมือนสร้อยคอติดไว้ที่ยอดเสาหาน และพระองค์ทรงทำทับทิมหนึ่งร้อยลูกแขวนไว้ที่โซ่
17 พระองค์ทรงตั้งเสาหานไว้หน้าพระวิหาร ข้างขวาต้นหนึ่ง อีกต้นหนึ่งข้างซ้าย ต้นข้างขวานั้นพระองค์ทรงขนานนามว่ายาคีน และต้นข้างซ้ายว่า โบอาส
2พงศาวดาร 4
1 พระองค์ทรงสร้างแท่นบูชาด้วยทองสัมฤทธิ์ ยาวยี่สิบศอก และกว้างยี่สิบศอก สูงสิบศอก
2 แล้วพระองค์ทรงสร้างขันสาครหล่อ เป็นขันกลม วัดจากขอบหนึ่งไปถึงอีกขอบหนึ่งได้สิบศอก สูงห้าศอก และวัดโดยรอบได้สามสิบศอก
3 ภายใต้ขันนี้มีรูปวัวอยู่รอบขันสาคร ระยะสิบศอกอยู่รอบขันสาคร วัวเหล่านี้เป็นสองแถวหล่อพร้อมกับเมื่อหล่อขันสาคร
4 ขันสาครนั้นวางอยู่บนวัวสิบสองตัวหันหน้าไปทิศ เหนือสามตัว หันหน้าไปทิศตะวันตกสามตัว หันหน้าไปทิศใต้สามตัว และหันหน้าไปทิศตะวันออกสามตัว ขันสาครนั้นวางอยู่บนวัวนี้ ส่วนเบื้องหลังของมันทั้งสิ้นอยู่ข้างใน
5 ขันสาครหนาหนึ่งคืบ ที่ขอบของมันทำเหมือนขอบถ้วย เหมือนอย่างดอกบัวบรรจุได้สามพันบัท
6 พระองค์ทรงทำขันสิบลูก วางอยู่ด้านขวาห้าลูก ด้านซ้ายห้าลูก เพื่อใช้ล้างของในนั้น เขาจะล้างของซึ่งใช้เป็นเครื่องเผาบูชาในนี้ ขันสาคร นั้นสำหรับให้ปุโรหิตล้างในนั้น
7 แล้วพระองค์ทรงสร้างคันประทีปทองคำ สิบคันตามที่กำหนดเกี่ยวกับคันประทีปนั้น และพระองค์ทรงตั้งไว้ในพระวิหาร อยู่ด้านขวาห้าและด้านซ้ายห้า
8 พระองค์ทรงสร้างโต๊ะสิบตัวด้วย และตั้งไว้ในพระวิหาร อยู่ด้านขวาห้าตัว ด้านซ้ายห้าตัว และพระองค์ทรงทำชามทองคำหนึ่งร้อยลูก
9 พระองค์ทรงสร้างลานแห่งปุโรหิต และลานใหญ่และประตูลาน และทรงบุประตูนั้นด้วยทองสัมฤทธิ์
10 และพระองค์ทรงวางขันสาครไว้ที่ด้านขวาพระนิเวศ ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้
11 หุรามได้สร้างหม้อ ทัพพี และชาม ดังนั้นหุรามจึงทำงาน ซึ่งท่านกระทำให้กษัตริย์ซาโลมอนเรื่องพระนิเวศ ของพระเจ้าสำเร็จ
12 คือ เสาหานสองต้น คิ้ว และบัวคว่ำซึ่งอยู่บน ยอดเสาหานทั้งสอง และตาข่ายสองผืนซึ่งคลุมคิ้วทั้งสองของบัวคว่ำ ซึ่งอยู่บนยอดเสาหาน
13 และลูกทับทิมสี่ร้อยลูกสำหรับตาข่ายทั้งสองผืน ตาข่ายผืนหนึ่งมีลูกทับทิมสองแถว เพื่อคลุมคิ้วทั้งสองของบัวคว่ำ ซึ่งอยู่บนยอดเสาหาน
14 เขาทำแท่นด้วย และทำขันไว้บนแท่น
15 และขันสาครลูกหนึ่ง และวัวสิบสองตัวรองอยู่นั้น
16 หม้อ ทัพพี และส้อม และเครื่องประกอบทั้งสิ้นนี้ หุรามได้ทำขึ้นด้วยทองสัมฤทธิ์สุก ถวายกษัตริย์ซาโลมอน สำหรับพระนิเวศของพระเจ้า
17 พระราชาทรงหล่อสิ่งเหล่านี้ในที่ราบแม่น้ำจอร์แดน ในที่ดินเหนียวระหว่างสุคคทกับเศเรดาห์
18 ซาโลมอนทรงสร้างสิ่งเหล่านี้เป็นจำนวนมาก จึงมิได้หาน้ำหนักของทองสัมฤทธิ์
19 และซาโลมอนจึงทรงกระทำเครื่อง ใช้ทั้งสิ้นซึ่งอยู่ในพระนิเวศของพระเจ้า คือแท่นบูชาทองคำ โต๊ะขนมปังหน้าพระพักตร์
20 คันประทีปและตะเกียงทำด้วยทองคำบริสุทธิ์ เพื่อใช้ตามประทีปหน้าอภิสุทธิสถานตามกฎหมาย
21 ดอกไม้ ตะเกียง และคีมทำด้วยทองคำคือทองคำบริสุทธิ์ที่สุด
22 ตะไกรตัดไส้ตะเกียง ชาม ถ้วย และกระถางไฟทำด้วยทองคำบริสุทธิ์ ส่วนทางเข้าของพระนิเวศคือ ประตูชั้นในของอภิสุทธิสถาน และประตูพระนิเวศคือประตูห้องโถงทำด้วยทองคำ
2พงศาวดาร 5
1 บรรดากิจการซึ่งซาโลมอนทรงกระทำสำหรับพระนิเวศของ พระเจ้าก็สำเร็จดังนี้ และซาโลมอนทรงนำบรรดาสิ่งซึ่งดาวิดราชบิดาทรงถวายไว้เข้ามา คือเครื่องเงิน เครื่องทองคำ และเครื่องใช้ต่างๆ และเก็บไว้ในคลังพระนิเวศของพระเจ้า
2 แล้วซาโลมอนทรงประชุมพวกผู้ใหญ่ของอิสราเอล และบรรดาหัวหน้าของเผ่า และบรรดาประมุขของตระกูลชนอิสราเอลในกรุง เยรูซาเล็ม เพื่อจะนำหีบพันธสัญญาของพระเจ้าขึ้นมาจากนครดาวิด คือเมืองศิโยน
3 และผู้ชายทั้งสิ้นของอิสราเอลก็ประชุม ต่อพระพักตร์พระราชา ณ การเลี้ยงในเดือนที่เจ็ด
4 พวกผู้ใหญ่ทั้งสิ้นของอิสราเอลมา และคนเลวีก็ยกหีบ
5 และเขาทั้งหลายก็นำหีบเต็นท์นัดพบและเครื่องใช้บริสุทธิ์ ทั้งสิ้นซึ่งอยู่ในเต็นท์ขึ้นมา ของเหล่านี้บรรดาปุโรหิต และคนเลวีหามขึ้นมา
6 และพระราชาซาโลมอนกับชุมนุมชนอิสราเอลทั้งสิ้น ที่ได้ประชุมกันอยู่กับพระองค์ต่อหน้าหีบ ได้ถวายแกะและวัวมากมาย ซึ่งเขาจะนับหรือเอาจำนวนก็ไม่ได้
7 แล้วปุโรหิตก็นำหีบพันธสัญญาของพระเจ้ามายังที่ของหีบ ที่อยู่ในห้องหลังของพระนิเวศ คือในอภิสุทธิสถานภายใต้ปีกเครูบ
8 เพราะว่าเครูบนั้นกางปีกออกเหนือที่ของหีบ เครูบจึงเป็นเครื่องคลุมเหนือหีบและไม้คานของหีบ
9 คานหามของหีบนั้นยาวมาก จึงเห็นปลายคานหามได้จากวิสุทธิสถานซึ่งอยู่ข้างหน้าห้องหลัง แต่เขาจะเห็นจากข้างนอกไม่ได้ และคานหามก็ยังอยู่ที่นั่นจนทุกวันนี้
10 ไม่มีสิ่งใดในหีบนอกจากศิลาสองแผ่นซึ่งโมเสส เก็บไว้ ณ ภูเขาโฮเรบ เมื่อพระเจ้าทรงกระทำพันธสัญญากับคนอิสราเอล เมื่อเขาทั้งหลายออกมาจากแผ่นดินอียิปต์
11 และอยู่มาเมื่อปุโรหิตออกมาจากวิสุทธิสถาน (เพราะปุโรหิตทั้งปวงผู้อยู่ที่นั่นได้ชำระตนให้บริสุทธิ์แล้ว และไม่คำนึงถึงเวร
12 และบรรดาพวกเลวีที่เป็นนักร้องทั้งหมด ทั้งอาสาฟ เฮมาน และเยดูธูน ทั้งบุตรชายและญาติของเขาทั้งหลาย แต่งกายด้วยผ้าป่าน มีฉาบ พิณใหญ่ และพิณเขาคู่ ยืนอยู่ทางตะวันออกของแท่นบูชา พร้อมกับปุโรหิตคนแตรหนึ่งร้อยยี่สิบคน)
13 พวกคนแตรและพวกนักร้องจะทำให้คนได้ยินเขาทั้งหลาย ร้องเพลงสรรเสริญและเพลงโมทนาพระคุณเป็นเสียงเดียวกัน และเมื่อเขาร้องขึ้น พร้อมกับแตรและฉาบกับ เครื่องดนตรีอย่างอื่นในการถวายสรรเสริญแด่พระเจ้าว่า "เพราะพระองค์ประเสริฐ เพราะความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงเป็นนิตย์" พระนิเวศ คือพระนิเวศของพระเจ้าก็มีเมฆเต็มไปหมด
14 จนปุโรหิตจะยืนปรนนิบัติไม่ได้ ด้วยเหตุเมฆนั้น เพราะพระสิริของพระเจ้าเต็มพระนิเวศของพระเจ้า
2พงศาวดาร 6
1 แล้วซาโลมอนตรัสว่า "พระเจ้าได้ตรัสว่า พระองค์จะประทับในความมืดทึบ
2 ข้าพระองค์ได้สร้างพระนิเวศอันเป็นที่ประทับ สำหรับพระองค์ เป็นสถานที่เพื่อพระองค์จะทรงสถิตอยู่เป็นนิตย์"
3 แล้วพระราชาก็ทรงหันมา และทรงให้พรแก่ชุมนุมชนอิสราเอลทั้งปวง ขณะที่ชุมนุมชนอิสราเอลทั้งปวงยืนอยู่
4 พระองค์ตรัสว่า "สาธุการแด่พระเยโฮวาห์ พระเจ้าแห่งอิสราเอลผู้ทรงกระทำให้สำเร็จด้วย พระหัตถ์ของพระองค์ ตามที่พระองค์ทรงสัญญาไว้ด้วยพระโอษฐ์ต่อดาวิด พระราชบิดาของข้าพเจ้า
5 'ตั้งแต่วันที่เราได้นำประชากรของเราออกจากอียิปต์ เรามิได้เลือกเมืองหนึ่งเมืองใดในเผ่าอิสราเอลทั้งสิ้น เพื่อจะสร้างพระนิเวศ เพื่อนามของเราจะอยู่ที่นั่น และเรามิได้เลือกชายคนใดให้เป็นเจ้านายเหนือ อิสราเอลประชากรของเรา
6 แต่เราได้เลือกเยรูซาเล็มแล้วเพื่อนามของ เราจะอยู่ที่นั่น และเราได้เลือกดาวิดแล้วให้อยู่เหนืออิสราเอล ประชากรของเรา'
7 ดาวิดราชบิดาของข้าพเจ้าทรงตั้งพระทัย ที่จะสร้างพระนิเวศสำหรับพระนามแห่งพระเยโฮวาห์ พระเจ้าของอิสราเอล
8 แต่พระเจ้าตรัสกับดาวิดราชบิดาของข้าพเจ้าว่า 'ที่เจ้าตั้งใจสร้างพระนิเวศสำหรับนามของเรานั้น เจ้าก็ทำดีอยู่แล้ว ในเรื่องความตั้งใจของเจ้า
9 อย่างไรก็ตาม เจ้าจะไม่สร้างพระนิเวศ แต่บุตรของเจ้าผู้ซึ่ง จะเกิดแก่เจ้าจะสร้างพระนิเวศ เพื่อนามของเรา'
10 บัดนี้พระเจ้าทรงให้พระสัญญา ของพระองค์ซึ่งพระองค์ทรงกระทำนั้นสำเร็จ เพราะข้าพเจ้าได้ขึ้นมาแทนดาวิด ราชบิดาของข้าพเจ้าและนั่งอยู่บนบัลลังก์ของอิสราเอล ดังที่พระเจ้าได้ทรงสัญญาไว้ และข้าพเจ้าได้สร้างพระนิเวศสำหรับ พระนามของพระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล
11 และข้าพเจ้าได้วางหีบไว้ที่นั่น ซึ่งพันธสัญญาของพระเจ้าอยู่ในนั้น ซึ่งพระองค์ได้ทรงกระทำกับชนอิสราเอล"
12 แล้วซาโลมอนประทับยืนหน้าแท่นบูชาของพระเจ้า ต่อหน้าชุมนุมชนอิสราเอลทั้งปวง และกางพระหัตถ์ของพระองค์ออก
13 (เพราะซาโลมอนได้ทรงสร้างปะรำทองสัมฤทธิ์ยาวห้าศอก กว้างห้าศอก สูงสามศอก และทรงตั้งไว้กลางลาน และพระองค์ทรงประทับอยู่บนนั้น แล้วพระองค์ทรงคุกเข่าลงต่อหน้าชุมนุมอิสราเอลทั้งปวง และกางพระหัตถ์ของพระองค์สู่ฟ้าสวรรค์)
14 และพระองค์ทูลว่า "ข้าแต่พระเยโฮวาห์ พระเจ้าแห่งอิสราเอล ไม่มีพระเจ้าองค์ใดเหมือนพระองค์ ในฟ้าสวรรค์เบื้องบน หรือที่แผ่นดินเบื้องล่าง ผู้ทรงรักษาพันธสัญญาและทรงสำแดงความรักมั่นคง แก่ผู้รับใช้ของพระองค์ ผู้ดำเนินอยู่ต่อพระพักตร์พระองค์ด้วยสิ้นสุดใจของเขา
15 พระองค์ได้ทรงกระทำกับดาวิดบิดาของข้าพระองค์ ผู้รับใช้ของพระองค์ ตามบรรดาสิ่งซึ่งพระองค์ทรงสัญญาไว้แก่ท่าน พระองค์ตรัสด้วยพระโอษฐ์ของพระองค์ และพระองค์ได้ทรงกระทำให้สำเร็จในวันนี้ ด้วยพระหัตถ์ของพระองค์
16 ข้าแต่พระเยโฮวาห์ พระเจ้าแห่งอิสราเอล เพราะฉะนั้นขอทรงธำรงอยู่กับผู้รับใช้ของพระองค์ คือดาวิดราชบิดาของข้าพระองค์ ตามซึ่งพระองค์ทรงสัญญาไว้กับท่านว่า 'ถ้าเพียงแต่ลูกหลานทั้งหลายของเจ้าระมัดระวังในทาง ดำเนินของเขา ที่จะดำเนินไปต่อหน้าเรา อย่างที่เจ้าได้ดำเนินต่อหน้าเรานั้น เจ้าจะไม่ขาดชายผู้หนึ่งต่อหน้าเราที่จะนั่งบนบัลลังก์ ของอิสราเอล'
17 เพราะฉะนั้นข้าแต่พระเยโฮวาห์ พระเจ้าแห่งอิสราเอล ขอพระวจนะของพระองค์จงดำรงอยู่ ซึ่งพระองค์ได้ตรัสกับผู้รับใช้ของพระองค์ คือดาวิดบิดาของข้าพระองค์
18 "แต่พระเจ้าจะทรงประทับกับมนุษย์ที่แผ่นดินโลกหรือ ดูเถิด ฟ้าสวรรค์ที่สูงที่สุดก็ยังรับรองพระองค์ไว้ไม่ได้ พระนิเวศซึ่งข้าพระองค์ได้สร้างขึ้น จะรับพระองค์ไม่ได้ยิ่งกว่านั้นสักเท่าใด
19 แต่ขอพระองค์ทรงสนพระทัยในคำ อธิษฐานของผู้รับใช้ของพระองค์ และในคำวิงวอนนี้ ข้าแต่พระเยโฮวาห์ พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอทรงสดับเสียงร้องและคำอธิษฐาน ซึ่งผู้รับใช้ของพระองค์อธิษฐานต่อพระองค์
20 เพื่อว่าพระเนตรของพระองค์จะทรงลืม อยู่เหนือพระนิเวศนี้ ทั้งกลางวันและกลางคืน คือสถานที่ซึ่งพระองค์ได้ตรัสว่าจะตั้งพระนามของพระองค์ไว้ที่นั่น เพื่อว่าพระองค์จะทรงสดับคำอธิษฐาน ซึ่งผู้รับใช้ของพระองค์จะได้อธิษฐานตรงต่อสถานที่นี้
21 และขอพระองค์ทรงสดับคำวิงวอน ของผู้รับใช้ของพระองค์ และของอิสราเอลประชากรของพระองค์ เมื่อเขาอธิษฐานตรงต่อสถานที่นี้ ขอพระองค์ทรงสดับอยู่ในฟ้าสวรรค์อัน เป็นที่ประทับของพระองค์ และเมื่อพระองค์ทรงสดับแล้ว ก็ขอพระองค์ทรงประทานอภัย
22 "เมื่อชายคนใดกระทำบาปต่อเพื่อนบ้านของเขา และถูกบังคับให้ทำสัตย์สาบาน และเขามาให้คำสาบานต่อหน้าแท่นบูชาของพระองค์ ในพระนิเวศ
23 ขอพระองค์ทรงสดับจากฟ้าสวรรค์และขอทรงกระทำ ขอทรงพิพากษาผู้รับใช้ทั้งหลายของพระองค์ ลงโทษผู้กระทำความผิด และทรงนำความประพฤติของเขาให้กลับตกบน ศีรษะของตัวเขาเอง และขอทรงประกาศความบริสุทธิ์ของผู้ชอบธรรม สนองแก่เขาตามความชอบธรรมของเขา
24 "ถ้าอิสราเอลประชากรของพระองค์พ่ายแพ้ต่อศัตรู เพราะเขาได้กระทำบาปต่อพระองค์ และเขาหันกลับมาหาพระองค์อีก ยอมรับพระนามของพระองค์ และอธิษฐานและกระทำการวิงวอนต่อพระองค์ในพระนิเวศนี้
25 ก็ขอพระองค์ทรงสดับฟังในฟ้าสวรรค์ และประทานอภัยแก่บาปของอิสราเอลประชากรของพระองค์ และขอทรงนำเขากลับมายังแผ่นดิน ซึ่งพระองค์ได้พระราชทานแก่บรรพบุรุษของเขาทั้งหลาย
26 "เมื่อฟ้าสวรรค์ปิดอยู่ และไม่มีฝน เพราะเขาทั้งหลายได้กระทำบาปต่อพระองค์ ถ้าเขาทั้งหลายได้อธิษฐานต่อสถานที่นี้ และยอมรับพระนามของพระองค์ และหันกลับเสียจากบาปของเขาทั้งหลาย เมื่อพระองค์ทรงให้ใจเขาทั้งหลายรับความทุกข์ใจ
27 ก็ขอพระองค์ทรงสดับในฟ้าสวรรค์ และขอประทานอภัยแก่บาปของผู้รับใช้ของพระองค์ และของอิสราเอลประชากรของพระองค์ เมื่อพระองค์ทรงสอนทางดีแก่เขาซึ่งเขาควรจะดำเนิน และขอทรงประทานฝนบนแผ่นดินของพระองค์ ซึ่งพระองค์พระราชทานแก่ประชากรของพระองค์เป็นมรดกนั้น
28 "ถ้ามีการกันดารอาหารในแผ่นดิน ถ้ามีโรคระบาด ข้าวม้าน รากินข้าว หรือตั๊กแตนวัยบิน หรือตั๊กแตนวัยคลาน หรือศัตรูของเขาทั้งหลายล้อมเมืองของเขาไว้รอบด้าน จะเป็นภัยพิบัติอย่างใด หรือความเจ็บอย่างใดมีขึ้นก็ดี
29 ไม่ว่าคำอธิษฐานอย่างใด หรือคำวิงวอนประการใด ซึ่งประชาชนคนใด หรืออิสราเอลประชากรของพระองค์ทั้งสิ้นทูล ต่างก็ประจักษ์ในภัยพิบัติและความทุกข์ใจของเขา และได้กางมือของเขาสู่พระนิเวศนี้
30 ขอพระองค์ทรงสดับในฟ้าสวรรค์อันเป็นที่ประทับของพระองค์ และพระราชทานอภัย และทรงประทานแก่ทุกคน ซึ่งพระองค์ทรงทราบจิตใจตามการประพฤติทั้งสิ้นของเขา (เพราะพระองค์ คือพระองค์เท่านั้นที่ทรงทราบจิตใจ ของมนุษยชาติทั้งสิ้น)
31 เพื่อว่าเขาทั้งหลายจะได้ยำเกรงพระองค์ และดำเนินในมรรคาของพระองค์ตลอดวันเวลา ที่เขามีชีวิตอาศัยในแผ่นดิน ซึ่งพระองค์พระราชทานแก่บรรพบุรุษของข้าพระองค์ทั้งหลาย
32 "ยิ่งกว่านั้นอีก เกี่ยวกับชนต่างด้าว ผู้ซึ่งไม่ใช่อิสราเอลประชากรของพระองค์ เมื่อเขามาจากประเทศเมืองไกล เพราะเห็นแก่พระนามของพระองค์ พระหัตถ์อันมหิทธิฤทธิ์ของพระองค์ และพระกรที่เหยียดออกของพระองค์ เมื่อเขามาอธิษฐานตรงต่อพระนิเวศนี้
33 ก็ขอพระองค์ทรงสดับในฟ้าสวรรค์ อันเป็นที่ประทับของพระองค์ และขอทรงกระทำตามทุกสิ่งซึ่งชนต่างด้าวได้ทูลขอต่อ พระองค์ เพื่อว่าชนชาติทั้งหลายแห่งแผ่นดินโลกจะรู้จักพระนาม ของพระองค์ และยำเกรงพระองค์ ดังอิสราเอลประชากรของพระองค์ยำเกรงพระองค์อยู่นั้น และเพื่อเขาทั้งหลายจะทราบว่าพระนิเวศนี้ซึ่งข้าพระองค์ ได้สร้างไว้ เขาเรียกกันด้วยพระนามของพระองค์
34 "ถ้าประชากรของพระองค์ออกไป กระทำสงครามต่อสู้ศัตรูของเขาทั้งหลาย จะเป็นโดยทางใดๆ ที่พระองค์ทรงใช้เขาออกไปก็ตาม และเขาทั้งหลายได้อธิษฐานต่อ พระองค์ตรงต่อเมืองนี้ซึ่งพระองค์ทรงเลือกสรรไว้ และตรงต่อพระนิเวศซึ่งข้าพระองค์ ได้สร้างเพื่อพระนามของพระองค์
35 แล้วขอพระองค์ทรงสดับคำอธิษฐานของเขา และคำวิงวอนของเขาในฟ้าสวรรค์ และขอทรงให้สิทธิอันชอบธรรมของเขาคงอยู่
36 "ถ้าเขาทั้งหลายกระทำบาปต่อพระองค์ (เพราะไม่มีมนุษย์สักคนหนึ่งซึ่งมิได้กระทำบาป) และพระองค์ทรงกริ้วต่อเขา และพระองค์ทรงมอบเขาไว้กับศัตรู เขาจึงถูกจับไปเป็นเชลยยังแผ่นดินหนึ่งไม่ว่าไกลหรือใกล้
37 แต่ถ้าเขาสำนึกผิดในใจในแผ่นดินซึ่งเขาได้ถูกจับไปเป็นเชลยและได้กลับใจ และได้ทำการวิงวอนต่อพระองค์ในแผ่นดินที่เขาไปเป็นเชลย ทูลว่า 'ข้าพระองค์ทั้งหลายได้กระทำบาป และได้ประพฤติชั่วร้ายและอย่างอธรรม'
38 ถ้าเขาทั้งหลายกลับมาหาพระองค์ ด้วยสุดจิตสุดใจของเขา ในแผ่นดินที่เขาไปเป็นเชลย ที่ซึ่งศัตรูกวาดเขาไปเป็นเชลย และอธิษฐานต่อพระองค์ตรงต่อแผ่นดินของเขา ซึ่งพระองค์พระราชทานแก่บรรพบุรุษของเขาทั้งหลาย คือเมืองซึ่งพระองค์ได้ทรงเลือกสรรไว้ และพระนิเวศซึ่งข้าพระองค์ได้สร้างไว้ ในพระนามของพระองค์
39 แล้วขอพระองค์ทรงสดับคำอธิษฐาน และคำวิงวอนของเขาในฟ้าสวรรค์ อันเป็นที่ประทับของพระองค์และขอทรง ให้สิทธิอันชอบธรรมของเขาคงอยู่ และขอทรงประทานอภัยแก่ประชากร ของพระองค์ผู้ได้กระทำบาปต่อพระองค์
40 ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ บัดนี้ขอพระเนตรของพระองค์ทรงลืม อยู่และขอพระกรรณของพระองค์สดับคำอธิษฐานแห่งสถานที่นี้
41 "ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงลุกขึ้น เสด็จไปยังที่พำนักของพระองค์ ทั้งพระองค์และหีบแห่งฤทธานุภาพของพระองค์ ข้าแต่พระเจ้า ขอให้ปุโรหิตของพระองค์ สวมความรอด และให้ธรรมิกชนของพระองค์เปรมปรีดิ์ในความ ประเสริฐของพระองค์
42 ข้าแต่พระเจ้า ขออย่าทรงหันหน้าของผู้ที่พระองค์ทรงเจิมไว้นั้นไปเสีย ขอพระองค์ทรงระลึกถึงความรักมั่นคงของพระองค์อันมีอยู่ต่อดาวิดผู้รับใช้ของพระองค์"
2พงศาวดาร 7
1 เมื่อซาโลมอนทรงจบคำอธิษฐานของพระองค์แล้ว ไฟได้ลงมาจากฟ้าสวรรค์ไหม้เครื่องเผาบูชาและเครื่องสัตวบูชาเสีย และพระสิริของพระเจ้าก็เต็มพระนิเวศ
2 ปุโรหิตเข้าไปในพระนิเวศของพระเจ้าไม่ได้ เพราะว่าพระสิริของพระเจ้าเต็มพระนิเวศของพระเจ้า
3 เมื่อบรรดาชนอิสราเอลได้เห็นไฟลงมาและ พระสิริของพระเจ้าอยู่บนพระนิเวศ เขาทั้งหลายก็กราบซบหน้าลงถึงพื้นหิน และได้นมัสการกล่าวโมทนาพระเจ้าว่า "เพราะพระองค์ประเสริฐ เพราะความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่เป็นนิตย์"
4 แล้วพระราชาและบรรดาประชาชนทั้งหลายได้ถวาย เครื่องสัตวบูชาต่อพระเจ้า
5 กษัตริย์ซาโลมอนทรงถวาย เครื่องสัตวบูชาเป็นวัวสองหมื่นสองพันตัว และแกะหนึ่งแสนสองหมื่นตัว ดังนี้แหละพระราชาและประชาชนทั้งปวง ได้อุทิศถวายพระนิเวศแห่งพระเจ้า
6 บรรดาปุโรหิตก็ยืนประจำตำแหน่งของตน ทั้งคนเลวีด้วยพร้อมกับเครื่องดนตรีถวายแด่พระเจ้า ซึ่งกษัตริย์ดาวิดได้ทรงกระทำเพื่อถวายโมทนาแด่พระเจ้า เมื่อดาวิดได้ถวายสาธุการด้วยฝีมือของเขาทั้งหลาย (เพราะความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่เป็นนิตย์) และปุโรหิตก็เป่าแตรข้างหน้าเขา และอิสราเอลทั้งปวงยืนอยู่
7 และซาโลมอนทรงทำพิธีชำระส่วนกลางของลาน ซึ่งอยู่ข้างหน้าพระนิเวศของพระเจ้าให้เป็นส่วนบริสุทธิ์ เพราะพระองค์ทรงถวายเครื่องเผาบูชาและไขมันของ เครื่องศานติบูชาที่นั่น เพราะว่าแท่นทองสัมฤทธิ์ซึ่งซาโลมอนทรงสร้างไว้นั้น ไม่พอจุเครื่องเผาบูชาเครื่องธัญญบูชาและไขมัน
8 ในครั้งนั้นซาโลมอนทรงถือเทศกาลอยู่เจ็ดวัน และอิสราเอลทั้งปวงอยู่กับพระองค์ด้วย เป็นชุมนุมชนใหญ่ยิ่งนัก ตั้งแต่ทางเข้าเมืองฮามัทจนถึงลำธารแห่งอียิปต์
9 และในวันที่แปดเขาทั้งหลายประชุมตามพิธี เพราะเขาทั้งหลายได้มีงานมอบถวายแท่นบูชามาเจ็ดวัน และถือเทศกาลเลี้ยงมาเจ็ดวันแล้ว
10 เมื่อวันที่ยี่สิบสามของเดือนที่เจ็ด พระองค์ทรงให้ประชาชนกลับไปบ้านของตน มีใจชื่นบานและยินดีด้วยความดีซึ่งพระเจ้าได้ทรง สำแดงแก่ดาวิด และแก่ซาโลมอนและแก่อิสราเอลประชากรของพระองค์
11 ดังนี้แหละซาโลมอนทรงสร้างพระนิเวศ ของพระเจ้าและพระราชวังเสร็จ คือทุกอย่างซึ่งพระองค์ทรงดำริจะกระทำ ในเรื่องพระนิเวศของพระเจ้า และในเรื่องพระราชสำนักของพระองค์ พระองค์ทรงกระทำให้สำเร็จสิ้น
12 แล้วพระเจ้าทรงปรากฏแก่ ซาโลมอนเวลากลางคืนและตรัสกับท่านว่า "เราได้ยินคำอธิษฐานของเจ้า และได้เลือกสถานที่นี้สำหรับเราให้เป็นนิเวศแห่งเครื่องสัตวบูชา
13 ถ้าเราปิดฟ้าสวรรค์มิให้ฝนตก หรือเราบัญชาให้ตั๊กแตนโมมากินแผ่นดิน หรือส่งโรคระบาดมาท่ามกลางประชากรของเรา
14 ถ้าประชากรของเราผู้ซึ่งเขา เรียกกันโดยชื่อของเรานั้นจะถ่อมตัวลง และอธิษฐานและแสวงหาหน้าของเรา และหันเสียจากทางชั่วของเขา เราก็จะฟังจากสวรรค์ และจะให้อภัยแก่บาป ของเขาและจะรักษาแผ่นดินของเขาให้หาย
15 และตาของเราจะลืมอยู่และหูของเราจะฟังคำ อธิษฐานซึ่งเขาทั้งหลายอธิษฐาน ณ สถานที่นี้
16 เพราะบัดนี้เราได้เลือกสรรและกระทำให้ นิเวศเป็นที่บริสุทธิ์เพื่อนามของเราจะอยู่ที่นั่นเป็นนิตย์ ตาของเราและใจของเราจะอยู่ที่นั่นตลอดเวลา
17 ส่วนเจ้า ถ้าเจ้าดำเนินต่อหน้าเราอย่าง ดาวิดบิดาของเจ้าดำเนินนั้น กระทำตามทุกสิ่งซึ่งเราได้บัญชาแก่เจ้า และรักษากฎเกณฑ์ของเราและกฎหมายของเรา
18 แล้วเราจะสถาปนาราชบัลลังก์ของเจ้า ดังที่เราได้กระทำพันธสัญญาไว้กับดาวิดบิดาของเจ้าว่า 'เจ้าจะไม่ขาดชายผู้หนึ่งที่จะครอบครองเหนืออิสราเอล'
19 แต่ถ้าเจ้าหันไปและทอดทิ้งกฎเกณฑ์ของ เราและบัญญัติของเราซึ่งเราตั้งไว้ต่อหน้าเจ้า และไปปรนนิบัติพระอื่นและนมัสการพระเหล่านั้น
20 แล้วเราจะถอนรากเขาทั้งหลายจากแผ่นดินของเรา ซึ่งเราได้ให้แก่เขาและนิเวศซึ่งเรากระทำให้เป็น สถานบริสุทธิ์เพื่อนามของเรา เราจะเหวี่ยงออกไปจากสายตาของเรา และเราจะทำให้เป็นภาษิตและขี้ปากท่ามกลางชนชาติทั้งหลาย
21 และนิเวศนี้ซึ่งสูงส่ง ทุกคนที่ผ่านไปจะประหลาดใจ และกล่าวว่า 'ไฉนพระเจ้าจึงทรงกระทำเช่นนี้ แก่แผ่นดินนี้และแก่พระนิเวศนี้'
22 แล้วเขาทั้งหลายจะตอบว่า 'เพราะเขาทั้งหลายทอดทิ้งพระเยโฮวาห์พระเจ้า แห่งบรรพบุรุษของเขา ผู้ทรงนำเขาออกจากแผ่นดินอียิปต์และได้ยึดพระอื่น และได้นมัสการพระเหล่านั้นทั้งปรนนิบัติด้วย ฉะนั้นพระองค์จึงได้ทรงนำเหตุร้ายทั้งหมด นี้มาถึงเขาทั้งหลาย'"
2พงศาวดาร 8
1 และอยู่มาเมื่อสิ้นยี่สิบปี ที่ซาโลมอนได้ทรงสร้างพระนิเวศของพระเจ้า และพระราชวังส่วนพระองค์
2 ซาโลมอนได้ทรงเสริมสร้างหัวเมือง ซึ่งกษัตริย์ฮีรามได้ถวายแด่พระองค์ แล้วให้คนอิสราเอลตั้งอยู่ในนั้น
3 และซาโลมอนได้เสด็จไปยังฮามัทโศบาห์ และยึดเมืองนั้นได้
4 พระองค์ได้ทรงสร้างเมืองทัดโมร์ไว้ในถิ่นทุรกันดาร และหัวเมืองคลังหลวงทั้งสิ้นซึ่งพระองค์ทรงสร้างไว้ในฮามัท
5 พระองค์ได้ทรงสร้างเมืองเบธโฮโรนบนและเบธโฮโรน ล่างด้วย เป็นเมืองที่มั่นคง มีกำแพง ประตูเมือง และดาล
6 และทรงสร้างเมืองบาอาลัท และหัวเมืองคลังหลวงทั้งปวงที่ซาโลมอนทรงมีอยู่ และเมืองทั้งปวงสำหรับรถรบของพระองค์ และเมืองทั้งปวงสำหรับพลม้าของพระองค์ และสิ่งใดๆซึ่งพระองค์ประสงค์จะสร้างในเยรูซาเล็ม ในเลบานอน และในแผ่นดินทั้งหมดซึ่งอยู่ในครอบครองของพระองค์
7 ประชาชนทั้งปวงที่เหลืออยู่ในเหล่าคนฮิตไทต์ คนอาโมไรต์ คนเปริสซี คนฮีไวต์ และคนเยบุส ผู้ซึ่งไม่ใช่อิสราเอล
8 จากเชื้อสายของคนเหล่านี้ผู้เหลือต่อมาในแผ่นดิน ผู้ซึ่งประชาชนอิสราเอลมิได้ทำลาย ซาโลมอนได้ทรงกระทำให้ประชาชนเหล่านี้เป็นทาสแรงงาน และเขาทั้งหลายก็เป็นอยู่จนทุกวันนี้
9 แต่ส่วนคนอิสราเอลนั้นซาโลมอนหาได้ทรงกระทำ ให้เป็นทาสแรงงานไม่ เขาทั้งหลายเป็นทหารและเป็นนายทหารของพระองค์ เป็นผู้บังคับบัญชารถรบของพระองค์ และพลม้าของพระองค์
10 และคนต่อไปนี้เป็นเจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่ของกษัตริย์ ซาโลมอนมีสองร้อยห้าสิบคน เป็นผู้ปกครองประชาชน
11 ซาโลมอนทรงนำธิดาของฟาโรห์ขึ้นมาจากนคร ดาวิดยังพระราชวังซึ่งพระองค์ทรงสร้างไว้ให้พระนาง เพราะพระองค์ตรัสว่า "มเหสีของเราไม่ควรอยู่ในวังของดาวิดพระราชา แห่งอิสราเอล เพราะสถานที่ทั้งหลายซึ่งหีบของพระเจ้ามาถึงเป็นที่บริสุทธิ์"
12 แล้วซาโลมอนทรงถวายเครื่อง เผาบูชาแด่พระเจ้าบนแท่นบูชาของพระเจ้า ซึ่งพระองค์ทรงสร้างไว้ที่หน้ามุข
13 ตามหน้าที่ประจำวันที่ต้องทำเป็นการถวายบูชาตาม บัญญัติของโมเสส ในวันสะบาโต ในวันขึ้นค่ำหนึ่ง และในวันเทศกาลประจำปีสามเทศกาล คือเทศกาลกินขนมปังไร้เชื้อ เทศกาลสัปดาห์ และเทศกาลอยู่เพิง
14 ตามกฎหมายของดาวิดราชบิดาของพระองค์ พระองค์ทรงกำหนดแบ่งเวรปุโรหิตสำหรับการปรนนิบัติ และแบ่งชนเลวีให้ประจำหน้าที่การสรรเสริญ และการปรนนิบัติต่อหน้าปุโรหิตตามหน้าที่ประจำวันที่ต้องทำ และคนเฝ้าประตูเป็นเวรเฝ้าทุกประตู เพราะว่าดาวิดบุรุษของพระเจ้าทรงบัญชาไว้เช่นนั้น
15 และเขาทั้งหลายมิได้หันไปเสียจากสิ่ง ซึ่งพระราชาได้ทรงบัญชาปุโรหิตและคนเลวี ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องใดๆ และเกี่ยวกับเรื่องคลัง
16 พระราชกิจของซาโลมอนก็ลุล่วงไปตั้งแต่วันที่ วางรากพระนิเวศของพระเจ้า จนถึงวันสำเร็จงาน ดังนั้นพระนิเวศของพระเจ้าก็สำเร็จครบถ้วน
17 แล้วซาโลมอนเสด็จไปยังเอซิโอนเกเบอร์และเมือง เอโลทที่ชายทะเลในแผ่นดินเอโดม
18 และกษัตริย์ฮีรามก็ให้ข้าราชการของพระองค์ส่งเรือ และข้าราชการที่คุ้นเคยกับทะเลไปให้ซาโลมอน และเขาทั้งหลายไปถึงเมืองโอฟีร์พร้อมกับข้าราชการ ของซาโลมอน และนำเอาทองคำจากที่นั่นหนักสี่ร้อยห้าสิบตะลันต์มา ยังกษัตริย์ซาโลมอน
2พงศาวดาร 9
1 เมื่อพระราชินีแห่งเชบา ทรงได้ยินกิตติศัพท์แห่งซาโลมอน พระนางก็เสด็จมายังเยรูซาเล็ม เพื่อทดลองพระองค์ด้วยปัญหายุ่งยากต่างๆ พร้อมด้วยข้าราชบริพารมากมาย กับอูฐบรรทุกเครื่องเทศและทองคำเป็นอันมาก และเพชรพลอยต่างๆ และเมื่อพระนางเสด็จมาถึงซาโลมอนแล้ว พระนางทูลเรื่องในใจของพระนางทุกประการ
2 และซาโลมอนตรัสตอบปัญหาของพระนางทั้งสิ้น ไม่มีสิ่งใดที่ซ่อนเร้นอยู่พ้นซาโลมอนซึ่งพระองค์ จะทรงอธิบายแก่พระนางไม่ได้
3 และเมื่อพระราชินีแห่งเชบาทรงเห็นพระสติปัญญาของซาโลมอน และพระราชวังที่พระองค์ทรงสร้าง
4 ทั้งอาหารที่โต๊ะเสวย กับบรรดาข้าราชการประจำอยู่ และมหาดเล็กที่คอยรับใช้อยู่ ตลอดเครื่องแต่งกายและพนักงานเชิญถ้วยของพระองค์ เครื่องแต่งกาย และเครื่องเผาบูชาของพระองค์ ซึ่งพระองค์ถวายบูชา ณ พระนิเวศของพระเจ้า พระทัยของพระนางก็สลดลงทีเดียว
5 พระนางทูลพระราชาว่า "ข่าวคราวซึ่งหม่อมฉันได้ยินในประเทศของหม่อมฉัน ถึงพระราชกิจและพระสติปัญญาของฝ่าพระบาทเป็นความจริง
6 แต่หม่อมฉันมิได้เชื่อถ้อยคำนั้น จนหม่อมฉันมาเฝ้าและตาของหม่อมฉันได้เห็นเอง และดูเถิด ที่เขาบอกแก่หม่อมฉันก็ไม่ถึงครึ่งหนึ่ง แห่งพระสติปัญญาใหญ่ยิ่งของฝ่าพระบาท ฝ่าพระบาทเลิศล้ำยิ่งไปกว่าข่าวคราวนั้นเสียอีก
7 บรรดาคนของฝ่าพระบาทก็เป็นสุข บรรดาข้าราชการเหล่านี้ของฝ่าพระบาทก็เป็นสุข ผู้ที่อยู่งานประจำต่อพระพักตร์ฝ่าพระบาทและฟัง พระสติปัญญาของฝ่าพระบาทก็เป็นสุข
8 สาธุการแด่พระเยโฮวาห์พระเจ้าของฝ่าพระบาท ผู้ทรงพอพระทัยในฝ่าพระบาทและทรงแต่งตั้ง ฝ่าพระบาทไว้บนบัลลังก์ เป็นพระราชาเพื่อพระเยโฮวาห์พระเจ้าของฝ่าพระบาท เพราะพระเจ้าของฝ่าพระบาททรงรักอิสราเอลและจะ สถาปนาเขาไว้เป็นนิตย์ พระองค์จึงได้ทรงแต่งตั้งให้ฝ่าพระบาทเป็นพระราชาเหนือ เขาทั้งหลาย เพื่อฝ่าพระบาทจะทรงอำนวยความยุติธรรมและความชอบธรรม"
9 แล้วพระนางก็ถวายทองคำหนึ่งร้อยยี่สิบตะลันต์แก่พระราชา ทั้งเครื่องเทศเป็นจำนวนมาก และเพชรพลอยต่างๆ ไม่มีเครื่องเทศใดๆเหมือนอย่างที่พระราชินีแห่งเมืองเชบาถวายแด่พระราชาซาโลมอน
10 ยิ่งกว่านั้นอีก ข้าราชการของกษัตริย์ฮีรามและข้าราชการของซาโลมอน ผู้นำทองคำมาจากโอฟีร์ ได้นำไม้ประดู่และเพชรพลอยต่างๆมา
11 แล้วพระราชาทรงใช้ไม้ประดู่ทำขั้นบันได พระนิเวศของพระเจ้าและพระราชวัง ทั้งทำพิณเขาคู่และพิณใหญ่ให้แก่นักร้อง ซึ่งไม่เคยเห็นมีอย่างนั้นแต่ก่อนในแผ่นดินยูดาห์
12 พระราชาซาโลมอน พระราชทานทุกอย่างแก่พระราชินีแห่งเชบา ตามที่พระนางทรงมีพระประสงค์ ไม่ว่าพระนางจะทูลขอสิ่งใด นอกเหนือไปจากสิ่งที่พระนางนำมาถวายพระราชา ดังนั้นพระนางก็เสด็จกลับไปยังแผ่นดินของพระนาง พร้อมกับข้าราชการของพระนาง
13 น้ำหนักทองคำที่นำมาส่งซาโลมอนในปีหนึ่งนั้น เป็นทองคำหกร้อยหกสิบหกตะลันต์
14 นอกเหนือจากทองซึ่งนักการค้าและพ่อค้าได้นำมา และกษัตริย์ทั้งปวงของประเทศอาระเบียและบรรดา เจ้าเมืองแห่งแผ่นดินได้นำทองคำและเงินมายังซาโลมอน
15 พระราชาซาโลมอนทรงสร้างโล่ ใหญ่สองร้อยอันด้วยทองคำทุบ โล่อันหนึ่งใช้ทองคำทุบหกร้อยเชเขล
16 และพระองค์ทรงสร้างโล่สามร้อยอันด้วยทองคำทุบ โล่อันหนึ่งใช้ทองคำสามร้อยเชเขล และพระราชาก็ทรงเก็บโล่ไว้ในพระตำหนักพนาเลบานอน
17 พระราชาทรงกระทำพระที่นั่งงาช้างขนาดใหญ่ด้วย และทรงบุด้วยทองคำบริสุทธิ์
18 พระที่นั่งนั้นมีบันไดหกขั้น กับที่รองพระบาททำด้วยทองคำ ซึ่งติดอยู่กับพระที่นั่ง ทั้งสองข้างของพระที่นั่งมีที่วางพระหัตถ์ และสิงห์สองตัวยืนอยู่ข้างๆที่วางพระหัตถ์
19 มีสิงห์อีกสิบสองตัวยืนอยู่ที่นั่น บนบันไดหกขั้นทั้งสองข้าง เขาไม่เคยทำในราชอาณาจักรใดๆเหมือนอย่างนี้
20 ภาชนะทั้งสิ้นสำหรับเครื่องดื่มของพระราชาซาโลมอน ทำด้วยทองคำ และภาชนะทั้งสิ้นของพระตำหนักพนาเลบานอนทำด้วย ทองคำบริสุทธิ์ เงินนั้นถือว่าเป็นของไม่มีค่าอะไรในสมัยของซาโลมอน
21 เพราะเรือของพระราชาแล่นไปยังทารชิชพร้อม กับข้าราชการของกษัตริย์ฮีราม กำปั่นทารชิชนำทองคำ เงิน งาช้าง ลิง และนกยูง มาสามปีต่อครั้ง
22 ดังนั้นแหละ พระราชาซาโลมอนจึงได้เปรียบกว่ากษัตริย์อื่นๆแห่งแผ่นดิน โลกในเรื่องสมบัติและสติปัญญา
23 และพระราชาทั้งสิ้นแห่งแผ่นดินโลกก็แสวงหาที่ จะเข้าเฝ้าซาโลมอน เพื่อจะฟังพระสติปัญญาซึ่งพระเจ้าพระราชทาน ไว้ในใจของท่าน
24 ทุกคนก็นำเครื่องบรรณาการของเขามา เป็นเครื่องทำด้วยเงินและทองคำ และเครื่องแต่งกาย เครื่องอาวุธ เครื่องเทศ ม้า และล่อ ตามจำนวนกำหนดทุกๆปี
25 และซาโลมอนทรงมีโรงช่องม้าสี่พันช่อง สำหรับม้าและรถรบ และมีพลม้าหนึ่งหมื่นสองพันคน ซึ่งพระองค์ทรงให้ประจำอยู่ในหัวเมืองรถรบ และอยู่กับพระราชาที่กรุงเยรูซาเล็ม
26 และพระองค์ทรงครอบครองเหนือพระราชา ทั้งปวงตั้งแต่แม่น้ำยูเฟรติสถึงแผ่นดินของคนฟีลิสเตีย และถึงพรมแดนของอียิปต์
27 และพระราชาทรงกระทำให้เงินนั้นเป็น ของสามัญในกรุงเยรูซาเล็มเหมือนก้อนหิน และกระทำให้มีไม้สนสีดาร์มากมายเหมือนไม้ มะเดื่อแห่งถิ่นเนินเชเฟลาห์
28 และเขานำม้าเข้ามาถวายซาโลมอนจากอียิปต์ และจากแผ่นดินทั้งปวง
29 ส่วนพระราชกิจนอกนั้นของซาโลมอน ตั้งแต่ต้นจนปลายมิได้บันทึกไว้ในหนังสือ ประวัติศาสตร์ของนาธันผู้เผยพระวจนะ และในคำเผยพระวจนะของอาหิยาห์ชาวชีโลห์ และในนิมิตของอิดโดผู้พยากรณ์เกี่ยวกับเยโรโบอัม บุตรเนบัทหรือ
30 ซาโลมอนทรงครอบครองในกรุงเยรูซาเล็มเหนือ อิสราเอลทั้งปวงสี่สิบปี
31 และซาโลมอนล่วงหลับไปอยู่กับบรรพบุรุษของพระองค์ และเขาฝังพระศพไว้ในนครดาวิดราชบิดาของพระองค์ และเรโหโบอัมโอรสของพระองค์ครอบครองแทนพระองค์
2พงศาวดาร 10
1 เรโหโบอัมได้ไปยังเมืองเชเคม เพราะอิสราเอลทั้งปวงได้มายังเชเคมเพื่อจะตั้ง ท่านให้เป็นกษัตริย์
2 และอยู่มาเมื่อเยโรโบอัมบุตรเนบัททราบเรื่อง (เพราะท่านยังอยู่ในอียิปต์ที่ซึ่งท่านหนีไปจาก พระราชาซาโลมอน) แล้วเยโรโบอัมกลับจากอียิปต์
3 เขาทั้งหลายก็ใช้คนไปเรียนท่าน และเยโรโบอัมกับอิสราเอลทั้งหมด ได้มาและทูลเรโหโบอัมว่า
4 "พระราชบิดาของฝ่าพระบาทได้กระทำให้แอก ของข้าพระบาททุกข์หนัก เพราะฉะนั้นบัดนี้ขอทรงผ่อนการปรนนิบัติอย่างทุกข์หนักของ พระราชบิดาของฝ่าพระบาท และแอกอันหนักของพระองค์เหนือข้าพระบาททั้งหลาย ให้เบาลงเสีย และข้าพระบาททั้งหลายจะปรนนิบัติพระองค์"
5 พระองค์ตรัสกับเขาว่า "สิ้นสามวันจงกลับมาหาเราอีก" ประชาชนจึงกลับไปเสีย
6 แล้วกษัตริย์เรโหโบอัมก็ทรงปรึกษากับบรรดาผู้เฒ่า ผู้อยู่งานประจำซาโลมอนราชบิดาของพระองค์ขณะเมื่อ พระองค์ยังทรงพระชนม์อยู่ว่า "ท่านทั้งหลายจะแนะนำเราให้ตอบประชาชนนี้อย่างไร"
7 เขาทั้งหลายทูลพระองค์ว่า "ถ้าฝ่าพระบาททรงเมตตาแก่ประชาชนนี้และให้เขาพอใจ และตรัสตอบคำดีแก่เขา เขาทั้งหลายจะเป็นผู้รับใช้ของฝ่าพระบาทเป็นนิตย์"
8 แต่พระองค์ทรงทอดทิ้งคำปรึกษาซึ่งผู้เฒ่าถวายนั้นเสีย และไปปรึกษากับคนหนุ่มซึ่งเติบโตขึ้นมาพร้อมกับพระองค์ และอยู่งานประจำพระองค์
9 และพระองค์ตรัสกับเขาทั้งหลายว่า "ท่านจะแนะนำเราอย่างไร เพื่อพวกเราจะตอบประชาชนนี้ผู้ที่ทูลเราว่า 'ขอทรงผ่อนแอกซึ่งพระราชบิดาของพระองค์วางอยู่ เหนือข้าพระบาททั้งหลายให้เบาลง'"
10 และคนหนุ่มเหล่านั้นผู้ได้เติบโตมาพร้อมกับ พระองค์ทูลพระองค์ว่า "ฝ่าพระบาทจงตรัสดังนี้แก่ประชาชนนี้ ผู้ทูลพระองค์ว่า 'พระราชบิดาของฝ่าพระบาทได้ทรงกระทำให้แอก ของข้าพระบาททั้งหลายทุกข์หนัก แต่ขอฝ่าพระบาททรงผ่อนแก่ข้าพระบาทให้เบาลง' นั้น ฝ่าพระบาทจงตรัสแก่เขาทั้งหลายอย่างนี้ว่า 'นิ้วก้อยของเราก็หนากว่าเอวแห่งราชบิดาของเรา
11 ที่พระราชบิดาของเราวางแอกหนักบนท่านทั้งหลาย ก็ดีแล้ว เราจะเพิ่มแอกให้แก่ท่านทั้งหลายอีก พระราชบิดาของเราตีสอนท่านทั้งหลายด้วยไม้เรียว แต่เราจะตีสอนท่านทั้งหลายด้วยแส้แมงป่อง'"
12 เยโรโบอัมกับประชาชนทั้งปวงจึงเข้ามาเฝ้า เรโหโบอัมในวันที่สาม ดังที่พระราชารับสั่งว่า "จงมาหาเราอีกในวันที่สาม"
13 และพระราชาตรัสตอบเขาทั้งหลายอย่างดุดัน ทรงทอดทิ้งคำปรึกษาของผู้เฒ่าเสีย
14 และตรัสกับเขาทั้งหลายตามคำตอบของพวกคนหนุ่มว่า "พระราชบิดาของเราทำแอกของท่านทั้งหลายให้หนัก แต่เราจะเพิ่มให้แก่แอกนั้น พระราชบิดาของเราตีสอนท่านทั้งหลายด้วยไม้เรียว แต่เราจะตีสอนท่านทั้งหลายด้วยแส้แมงป่อง"
15 พระราชาจึงมิได้ทรงฟังเสียงประชาชน เพราะเหตุการณ์นี้เป็นมาแต่พระเจ้า เพื่อพระเจ้าจะทรงให้พระวจนะของพระองค์ได้สำเร็จ ซึ่งพระองค์ตรัสโดยอาหิยาห์ชาวชีโลห์แก่เยโรโบอัม บุตรเนบัท
16 และเมื่ออิสราเอลเห็นว่า พระราชามิได้ทรงฟังเขาทั้งหลาย ประชาชนก็ทูลตอบพระราชาว่า "ข้าพระบาททั้งหลายมีส่วนอะไรในดาวิด ข้าพระบาททั้งหลายไม่มีส่วนมรดกในบุตรเจสซี โอ อิสราเอลเอ๋ย กลับไปเต็นท์ของตนแต่ละคนเถิด ข้าแต่ดาวิด จงดูแลราชวงศ์ของพระองค์เองเถิด" อิสราเอลทั้งปวงจึงไปยังบ้านเรือนของเขาทั้งหลาย
17 แต่เรโหโบอัมทรงปกครองเหนือประชาชนอิสราเอลผู้ อาศัยอยู่ในหัวเมืองของยูดาห์
18 แล้วพระราชาเรโหโบอัมทรงใช้ ฮาโดรัมนายงานเหนือแรงงานเกณฑ์ไป และประชาชนก็เอาหินขว้างท่านถึงตาย แล้วพระราชาเรโหโบอัมก็ทรงรีบขึ้นรถรบของพระองค์ ทรงหนีไปกรุงเยรูซาเล็ม
19 อิสราเอลจึงกบฏต่อราชวงศ์ของดาวิดถึงทุกวันนี้
2พงศาวดาร 11
1 เมื่อเรโหโบอัมมายังกรุงเยรูซาเล็มแล้ว พระองค์ได้ทรงรวบรวมพงศ์พันธุ์ยูดาห์และเบนยามิน เป็นนักรบที่คัดเลือกแล้วหนึ่งแสนแปดหมื่นคน เพื่อจะสู้รบกับอิสราเอล หมายจะเอาราชอาณาจักรคืนมาให้แก่เรโหโบอัม
2 แต่พระวจนะของพระเจ้ามายังเชไมอาห์ คนของพระเจ้าว่า
3 "จงไปทูลเรโหโบอัมโอรสของซาโลมอน พระราชาแห่งยูดาห์ และบอกแก่อิสราเอลทั้งปวงในยูดาห์และเบนยามินว่า
4 'พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า เจ้าอย่าขึ้นไปสู้รบกับพี่น้องของเจ้า จงกลับไปบ้านของตนทุกคนเถิด เพราะสิ่งนี้เป็นมาจากเรา'" เหตุฉะนี้เขาจึงเชื่อฟังพระวจนะของพระเจ้า และกลับไป ไม่ได้สู้รบกับเยโรโบอัม
5 และเรโหโบอัมประทับในกรุงเยรูซาเล็ม และพระองค์ทรงสร้างหัวเมืองเพื่อป้องกันในยูดาห์
6 พระองค์ทรงสร้างเมืองเบธเลเฮม เอตาม เทโคอา
7 เบธซูร์ โสโค อดุลลัม
8 กัท มาเรชาห์ และศีฟ
9 อาโดราอิม ลาคีช และอาเซคาห์
10 โศราห์ อัยยาโลน และเฮโบรน หัวเมืองซึ่งมีป้อมที่อยู่ในยูดาห์และในเบนยามิน
11 พระองค์ทรงกระทำป้อมปราการให้แข็งแรง และตั้งผู้บังคับบัญชาในป้อมเหล่านั้น และทรงสะสมอาหาร น้ำมัน และเหล้าองุ่น
12 และพระองค์ทรงเก็บโล่และหอกไว้ในหัวเมืองทั้งปวง และกระทำให้หัวเมืองเหล่านั้นแข็งแรงมาก พระองค์จึงทรงยึดยูดาห์และเบนยามินไว้ได้
13 และปุโรหิตกับคนเลวีซึ่งอยู่ในอิสราเอลทั้งสิ้นได้ เข้ามาหาพระองค์จากเขตแดนซึ่งเขาอาศัยอยู่
14 เพราะคนเลวีละทิ้งทุ่งหญ้าและที่บ้าน ซึ่งเขายึดถือเป็นกรรมสิทธิ์และมายังยูดาห์และเยรูซาเล็ม เพราะเยโรโบอัมและโอรสของพระองค์ได้ขับไล่เขา ทั้งหลายออกจากตำแหน่งปุโรหิตของพระเจ้า
15 และพระองค์ทรงแต่งตั้งปุโรหิตของพระองค์ขึ้นสำหรับ ปูชนียสถานสูงทั้งหลาย และสำหรับเมษปีศาจ และสำหรับรูปลูกวัวซึ่งพระองค์ทรงสร้างขึ้น
16 และบรรดาผู้ที่ปักใจแสวงพระเยโฮวาห์พระเจ้า ของอิสราเอล ก็ติดตามเขาทั้งหลายมาจากเผ่าทั้งปวงของอิสราเอลยัง เยรูซาเล็ม เพื่อถวายสัตวบูชาต่อพระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่งบรรพบุรุษของ เขาทั้งหลาย
17 เขาทั้งหลายได้เสริมกำลังให้ราชอาณาจักรของยูดาห์ และได้กระทำให้เรโหโบอัมโอรสของซาโลมอนเข้มแข็ง อยู่ได้สามปี เพราะเขาทั้งหลายดำเนินอยู่สามปีในวิถี ของดาวิดและซาโลมอน
18 เรโหโบอัมทรงรับมาหะลัทธิดาของเยรีโมทโอรส ของดาวิดเป็นมเหสี ผู้เป็นธิดาของอาบีฮาอิลบุตรีของเอลีอับบุตรเจสซี
19 และพระนางก็ประสูติโอรสให้พระองค์ คือ เยอูช เชมาริยาห์ และศาฮัม
20 ภายหลังพระองค์ก็ทรงรับมาอาคาห์ธิดาของอับซาโลม ผู้ซึ่งประสูติ อาบียาห์ อัททัย ศีศา และชโลมีธให้พระองค์
21 เรโหโบอัมทรงรักมาอาคาห์ธิดาของอับซาโลม มากกว่ามเหสี และนางสนมของพระองค์ทั้งสิ้น (พระองค์มีมเหสีสิบแปดองค์และนางสนมหกสิบคน และมีโอรสยี่สิบแปดองค์และธิดาหกสิบองค์)
22 และเรโหโบอัมทรงแต่งตั้งให้อาบียาห์โอรส ของมาอาคาห์เป็นโอรสองค์ใหญ่ท่ามกลางพี่น้องของตน เพราะพระองค์ทรงตั้งพระทัยจะให้ท่านเป็นพระราชา
23 และพระองค์ทรงจัดการอย่างฉลาด และแจกจ่ายโอรสของพระองค์ไปทั่วแผ่นดินทั้งสิ้น ของยูดาห์และของเบนยามิน ในหัวเมืองที่มีป้อมทั้งสิ้น และพระองค์ประทานเสบียงอาหารให้ อย่างอุดมและจัดหามเหสีให้โอรสองค์ละหลายๆคน
2พงศาวดาร 12
1 เมื่อราชอาณาจักรของเรโหโบอัมตั้งมั่นคง และแข็งแรงแล้ว พระองค์ทรงทอดทิ้งธรรมบัญญัติของพระเจ้าเสีย และอิสราเอลทั้งปวงก็ทิ้งพร้อมกับพระองค์ด้วย
2 อยู่มาในปีที่ห้าแห่งกษัตริย์เรโหโบอัม เพราะเขาทั้งหลายไม่ซื่อตรงต่อพระเจ้า ชิชักพระราชาแห่งอียิปต์เสด็จขึ้นมาสู้รบเยรูซาเล็ม
3 มีรถรบหนึ่งพันสองร้อยคันและพลม้าหกหมื่นคน และพลผู้มากับพระองค์จากอียิปต์นับไม่ถ้วนคือ ชาวลิเบีย คนสุคีอิม และคนเอธิโอเปีย
4 และพระองค์ทรงยึดหัวเมืองที่มีป้อมของยูดาห์ และมายังเยรูซาเล็ม
5 แล้วเชไมอาห์ผู้เผยพระวจนะได้มาเฝ้าเรโหโบอัม และบรรดาเจ้านายแห่งยูดาห์ ผู้มาประชุมกันอยู่ที่เยรูซาเล็มด้วยเรื่องชิชัก และกล่าวแก่เขาทั้งหลายว่า "พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า 'เจ้าได้ละทิ้งเรา เราจึงได้ละทิ้งเจ้าให้อยู่ในมือของชิชัก'"
6 แล้วเจ้านายแห่งอิสราเอลและพระราชา ได้ถ่อมตนลงและกล่าวว่า "พระเจ้าทรงชอบธรรมแล้ว"
7 เมื่อพระเจ้าทรงเห็นว่า เขาทั้งหลายถ่อมตัวลง พระวจนะของพระเจ้าได้มาถึงเชไมอาห์ว่า "เขาทั้งหลายได้ถ่อมตัวลงแล้ว เราจะไม่ทำลายเขา แต่เราจะประสาทการช่วยกู้แก่เขาบ้าง และพระพิโรธของเราจะไม่เทลงมาเหนือเยรูซาเล็ม โดยมือของชิชัก
8 อย่างไรก็ดีเขาทั้งหลายต้องเป็นผู้รับใช้ของชิชัก เพื่อเขาทั้งหลายจะได้ทราบความแตกต่างระหว่างการรับใช้เรา และรับใช้ราชอาณาจักรทั้งหลาย"
9 ชิชักพระราชาแห่งอียิปต์จึงขึ้นมาต่อสู้เยรูซาเล็ม พระองค์ทรงเก็บเอาทรัพย์สินแห่งพระนิเวศของพระเจ้า และทรัพย์สมบัติในพระราชวัง พระองค์ทรงเก็บเอาไปทุกอย่าง พระองค์ทรงเก็บเอาโล่ทองคำ ซึ่งซาโลมอนทรงสร้างไว้นั้นไปด้วย
10 และกษัตริย์เรโหโบอัมทรงทำโล่ทองสัมฤทธิ์ขึ้นแทน และได้มอบไว้ในมือของทหารรักษาพระองค์ ผู้เฝ้าทวารพระราชวัง
11 และพระราชาเสด็จเข้าไปในพระนิเวศของพระเจ้าเมื่อไร ทหารรักษาพระองค์ก็มาถือโล่นั้น แล้วนำกลับไปเก็บไว้ในห้องทหารรักษาพระองค์ตามเดิม
12 และเมื่อพระองค์ทรงถ่อมพระองค์ลง พระพิโรธของพระเจ้าก็หันไปเสียจากพระองค์ มิได้ทำลายพระองค์อย่างสิ้นเชิง ยิ่งกว่านั้นอีกสภาพการณ์ก็ยังดีอยู่ในยูดาห์
13 กษัตริย์เรโหโบอัมจึงสถาปนาพระองค์ขึ้นในกรุง เยรูซาเล็มและทรงครอบครอง เมื่อเรโหโบอัมทรงเริ่มครอบครองนั้นมีพระชนมายุ สี่สิบเอ็ดพรรษา และพระองค์ทรงครอบครองสิบเจ็ดปีในกรุงเยรูซาเล็ม อันเป็นเมืองซึ่งพระเจ้าทรงเลือกสรรไว้จากเผ่าต่างๆทั้งสิ้นของอิสราเอล เพื่อจะตั้งพระนามของพระองค์ไว้ที่นั่น พระมารดาของพระองค์ทรงพระนามว่านาอามาห์คนอัมโมน
14 และพระองค์ได้ทรงกระทำการชั่วร้าย เพราะพระองค์ไม่ตั้งพระทัยของพระองค์ที่จะแสวงหาพระเจ้า
15 ส่วนพระราชกิจของเรโหโบอัมตั้งแต่ต้นจนสุดท้าย มิได้บันทึกไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์ของเชไมอาห์ผู้ เผยพระวจนะ และของอิดโดผู้ทำนายตามแบบพงศาวดารหรือ มีสงครามเรื่อยไปอยู่ระหว่างเรโหโบอัมและเยโรโบอัม
16 และเรโหโบอัมก็ล่วงหลับไปอยู่ กับบรรพบุรุษของพระองค์ และเขาก็ฝังพระศพไว้ในนครดาวิด และอาบียาห์ราชโอรสของพระองค์ได้ ขึ้นครอบครองแทนพระองค์
2พงศาวดาร 13
1 ในปีที่สิบแปดแห่งรัชกาลเยโรโบอัม อาบียาห์ได้เริ่มครอบครองเหนือประเทศยูดาห์
2 พระองค์ทรงครอบครองในเยรูซาเล็มสามปี พระชนนีของพระองค์มีพระนามว่ามีคายาห์ ธิดาของอุรีเอลแห่งกิเบอาห์ มีสงครามระหว่างอาบียาห์และเยโรโบอัม
3 อาบียาห์เสด็จออกทำสงคราม มีกองทัพทหารชำนาญศึกเป็นคนคัดเลือกแล้วสี่แสนคน และเยโรโบอัมได้ตั้งแนวรบสู้กับพระองค์ด้วยคน คัดเลือกแล้วเป็นทแกล้วทหารแปดแสนคน
4 และอาบียาห์ทรงลุกยืนอยู่บนภูเขา เศมาราอิมซึ่งอยู่ในถิ่นเทือกเขาเอฟราอิม และตรัสว่า "ข้าแต่เยโรโบอัม และอิสราเอลทั้งปวง ขอฟังข้าพเจ้า
5 ไม่ควรหรือที่ท่านทั้งหลายจะรู้ว่า พระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลพระราชทาน ตำแหน่งพระราชาเหนืออิสราเอลเป็นนิตย์แก่ดาวิด และบุตรหลานของพระองค์โดยพันธสัญญาเกลือ
6 ถึงกระนั้นเยโรโบอัมบุตรเนบัท ข้าราชการของซาโลมอนโอรสของดาวิด ได้ลุกขึ้นกบฏต่อเจ้านายของตน
7 และมีคนถ่อยคนทรามบางคนมั่วสุมกันกับเขาและ ขันสู้กับเรโหโบอัมโอรสของซาโลมอน เมื่อเรโหโบอัมยังเด็กอยู่และใจอ่อนแอต้านทานไม่ไหว
8 "และบัดนี้ท่านคิดว่าจะต่อต้าน ราชอาณาจักรของพระเจ้า ซึ่งอยู่ในมือของบุตรหลานของดาวิด เพราะท่านทั้งหลายเป็นคนหมู่ใหญ่ และมีลูกโคทองคำซึ่งเยโรโบอัมสร้างไว้ให้ท่านเป็นพระ
9 ท่านทั้งหลายมิได้ขับไล่ปุโรหิตของพระเจ้า บุตรหลานของอาโรน และคนเลวีออกไป และตั้งปุโรหิตสำหรับตนเองอย่างชนชาติทั้งหลายหรือ ผู้ใดที่นำวัวหนุ่มและแกะผู้เจ็ดตัวมาชำระตัวให้บริสุทธิ์ไว้ จะได้เป็นปุโรหิตของสิ่งที่ไม่ใช่พระ
10 แต่สำหรับเราทั้งหลาย พระเยโฮวาห์เป็นพระเจ้าของเราทั้งหลาย และเราทั้งหลายมิได้ทอดทิ้งพระองค์ เรามีปุโรหิตผู้ปรนนิบัติพระเจ้า เป็นลูกหลานของอาโรน ทั้งมีคนเลวีทำงานหน้าที่ของเขาทั้งหลาย
11 เขาถวายเครื่องเผาบูชาแด่พระเจ้าทุกเช้าทุกเย็น ทั้งเครื่องหอม ตั้งขนมปังหน้าพระพักตร์บนโต๊ะบริสุทธิ์ และดูแลคันประทีปทองคำพร้อมทั้งตะเกียง เพื่อให้ประทีปลุกอยู่ทุกเย็น เพราะเราได้รักษาพระบัญชา กำชับของพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเรา แต่ท่านได้ทอดทิ้งพระองค์เสีย
12 และดูเถิด พระเจ้าทรงอยู่กับเรานำหน้าเรา และปุโรหิตของพระองค์พร้อมกับแตรศึกพร้อมที่ จะเป่าเรียกทำสงครามต่อสู้กับท่าน ข้าแต่ลูกหลานของอิสราเอล ขออย่าต่อสู้กับพระเยโฮวาห์ พระเจ้าแห่งบรรพบุรุษของท่าน เพราะท่านจะชนะไม่ได้"
13 เยโรโบอัมได้ส้องสุมผู้คนไว้เพื่อจะ อ้อมมาหาเขาจากเบื้องหลัง ดังนั้นกองทหารของท่านจึงอยู่ข้างหน้ายูดาห์ และกองซุ่มก็อยู่ข้างหลังเขา
14 และเมื่อยูดาห์มองดู ดูเถิด การศึกก็อยู่ข้างหน้าและข้างหลังเขา และเขาทั้งหลายก็ร้องทูลต่อพระเจ้า และบรรดาปุโรหิตก็เป่าแตร
15 แล้วคนของยูดาห์ก็ตะเบ็งเสียง ร้องทำนองศึกและเมื่อคนยูดาห์ตะโกน พระเจ้าทรงให้เยโรโบอัมและ อิสราเอลทั้งปวงพ่ายแพ้ไปต่ออาบียาห์และยูดาห์
16 คนอิสราเอลได้หนียูดาห์ และพระเจ้าทรงมอบเขาไว้ในมือของเขาทั้งหลาย
17 อาบียาห์และประชาชนของพระองค์ก็ฆ่า เขาเสียมากมาย อิสราเอลที่คัดเลือกแล้วจึงล้มตายห้าแสนคน
18 นี่แหละคนอิสราเอลก็ถูกปราบปรามในครั้งนั้น และคนยูดาห์ก็ชนะ เพราะเขาพึ่งพระเยโฮวาห์พระเจ้า แห่งบรรพบุรุษของเขา
19 และอาบียาห์ได้ติดตามเยโรโบอัม และยึดเอาหัวเมืองจากพระองค์ คือเมืองเบธเอลกับชนบทของเมืองนั้น และเยชานาห์กับชนบทของเมืองนั้น และเอโฟรนกับชนบทของเมืองนั้น
20 เยโรโบอัมมิได้ฟื้นอำนาจ ของพระองค์ในรัชสมัยของอาบียาห์ และพระเจ้าทรงประหารพระองค์ พระองค์ก็สิ้นพระชนม์
21 แต่อาบียาห์ก็มีอำนาจยิ่งขึ้น และมีมเหสีสิบสี่องค์ มีโอรสยี่สิบสององค์ และธิดาสิบหกองค์
22 ราชกิจนอกนั้นของอาบียาห์ วิธีการและพระดำรัสของ พระองค์บันทึกไว้ในหนังสือของผู้เผยพระวจนะอิดโด
2พงศาวดาร 14
1 อาบียาห์จึงล่วงหลับไปอยู่กับบรรพบุรุษของพระองค์ เขาก็ฝังพระศพไว้ในนครดาวิดและอาสาโอรสของ พระองค์ได้ขึ้นครองแทนพระองค์ ในรัชกาลของอาสา แผ่นดินได้สงบอยู่สิบปี
2 และอาสาทรงกระทำสิ่งที่ดีและชอบในสายพระเนตรพระเยโฮวาห์พระเจ้าของพระองค์
3 พระองค์ทรงกำจัด แท่นบูชาพระต่างด้าวและปูชนียสถานสูงทั้งหลาย และพังเสาศักดิ์สิทธิ์ลง และได้โค่นอาเช-ราห์เสีย
4 และทรงบัญชาให้ยูดาห์แสวงหาพระเยโฮวาห์พระเจ้า แห่งบรรพบุรุษของตนและให้รักษาพระธรรมและพระบัญญัติ
5 พระองค์ทรงกำจัดปูชนียสถานสูงและแท่นเครื่องหอมออกเสียจากหัวเมืองทั้งสิ้นของยูดาห์ด้วย และราชอาณาจักรก็ได้สงบอยู่ภายใต้พระองค์
6 พระองค์ทรงสร้างหัวเมืองที่มีป้อมในยูดาห์ เพราะแผ่นดินก็สงบ พระองค์มิได้ทำสงครามในปีเหล่านั้น เพราะพระเจ้าทรงประทานการหยุดพักสงบแก่พระองค์
7 และพระองค์ตรัสกับยูดาห์ว่า "ให้เราทั้งหลายสร้างหัวเมืองเหล่านี้ ล้อมด้วยกำแพง หอคอยประตูเมืองและดาล แผ่นดินยังเป็นของเรา เพราะเราได้แสวงหาพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเรา เราได้แสวงหาพระองค์ และพระองค์ได้ทรงประทานการหยุดพักสงบทุกด้าน" เขาทั้งหลายจึงสร้างและจำเริญขึ้น
8 และอาสาทรงมีกองทัพสรรพด้วยโล่ใหญ่และหอกจาก ยูดาห์สามแสนคน และจากเบนยามินซึ่งถือโล่และโก่งธนูสองแสนแปดหมื่นคน ทั้งสิ้นนี้เป็นทแกล้วทหาร
9 เศ-ราห์ชาวเอธิโอเปีย ได้ออกมาต่อสู้กับเขาทั้งหลายด้วยกองทัพคนหนึ่งล้าน และรถรบสามร้อยคันมาถึงเมืองมาเรชาห์
10 และอาสาทรงยกออกไปปะทะกับเขา และเขาทั้งหลายก็ตั้งแนวรบในหุบเขา เศฟาธาห์ที่มาเรชาห์
11 และอาสาร้องทูลต่อพระเยโฮวาห์พระเจ้า ของพระองค์ว่า "ข้าแต่พระเจ้าไม่มีผู้ใดช่วยได้อย่างพระองค์ ในการสู้รบกันระหว่างผู้ที่มีกำลังกับผู้ที่ไม่มีกำลัง ข้าแต่พระเยโฮวาห์พระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลาย ขอทรงช่วยพวกข้าพระองค์ เพราะข้าพระองค์ทั้งหลายพึ่งพระองค์ ข้าพระองค์ทั้งหลายมาต่อสู้กับชน หมู่ใหญ่นี้ในพระนามของพระองค์ ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลาย ขออย่าให้มนุษย์ชนะพระองค์"
12 พระเจ้าจึงทรงให้ชาว เอธิโอเปียพ่ายแพ้ต่ออาสาและต่อยูดาห์ และชาวเอธิโอเปียก็หนีไป
13 อาสาและพลที่อยู่กับพระองค์ก็ไล่ตามเขาไปถึง เมืองเก-ราร์ และชาวเอธิโอเปียล้มตายมากจนไม่เหลือสักชีวิตเดียว เพราะเขาได้แตกพ่ายต่อพระพักตร์พระเจ้าและกองทัพ ของพระองค์ คนยูดาห์ได้เก็บของที่ริบได้มากมายนักหนา
14 และเขาก็โจมตีบรรดาหัวเมืองรอบเมืองเก-ราร์ เพราะว่าความกลัวพระเจ้านั้นมาครอบเขาทั้งหลาย เขาได้ปล้นหัวเมืองทั้งสิ้น เพราะมีของที่ริบได้ในนั้นมาก
15 และเขาได้โจมตีเต็นท์ของผู้ที่มีโค และเอาแกะไปมากมายและอูฐด้วย แล้วเขาก็กลับไปยังเยรูซาเล็ม
2พงศาวดาร 15
1 พระวิญญาณของพระเจ้าเสด็จมาสถิตกับ อาซาริยาห์บุตรโอเดด
2 และท่านออกไปเฝ้าอาสาทูลพระองค์ว่า "ข้าแต่อาสาและยูดาห์กับเบนยามินทั้งปวง ขอจงฟังข้าพเจ้า พระเจ้าทรงสถิตกับท่านทั้งหลาย ต่อเมื่อท่านทั้งหลายอยู่กับพระองค์ ถ้าท่านทั้งหลายแสวงหาพระองค์ ท่านก็จะพบพระองค์ แต่ถ้าท่านทั้งหลายทอดทิ้งพระองค์ พระองค์จะทรงทอดทิ้งท่านทั้งหลาย
3 อิสราเอลอยู่ปราศจากพระเจ้าเที่ยงแท้เป็นเวลานาน และไม่มีปุโรหิตผู้สั่งสอน และไม่มีพระธรรม
4 แต่เมื่อถึงคราวเขาทุกข์ยากลำบาก เขาหันมาหาพระเยโฮวาห์ พระเจ้าแห่งอิสราเอลและแสวงหาพระองค์ เขาทั้งหลายก็พบพระองค์
5 ในสมัยนั้นไม่มีสันติภาพแก่ผู้ที่ออกไปหรือผู้ที่เข้ามา เพราะมีการวุ่นวายอยู่มากมายรบกวนชาวเมืองนั้น
6 เขาแตกแยกกันเป็นพวกๆ ประชาชาติต่อประชาชาติและเมืองต่อเมือง เพราะพระเจ้าทรงรบกวนเขาด้วยความทุกข์ยากทุกอย่าง
7 แต่ท่านทั้งหลายจงกล้าหาญ อย่าให้มือของท่านอ่อนลง เพราะว่ากิจการของท่านจะได้รับบำเหน็จ"
8 เมื่ออาสาทรงสดับถ้อยคำเหล่านี้ คือคำเผยพระวจนะของอาซาริยาห์บุตรโอเดด พระองค์ก็ทรงมีพระทัยกล้าขึ้น ทรงกำจัดสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียนจากแผ่นดินยูดาห์ และเบนยามินสิ้น และจากหัวเมืองซึ่งพระองค์ยึดมาได้จากถิ่น เทือกเขาเอฟราอิม และพระองค์ทรงซ่อมแซมแท่นบูชาของพระเจ้า ซึ่งอยู่หน้ามุขพระนิเวศของพระเจ้า
9 และพระองค์ทรงรวบรวมยูดาห์และเบนยามินทั้งปวง และคนเหล่านั้นจากเอฟราอิม มนัสเสห์ และจากสิเมโอน ผู้อาศัยอยู่กับเขาทั้งหลาย เพราะคนเป็นจำนวนมากได้หลบหนีมาหาพระองค์จาก อิสราเอล เมื่อเขาเห็นว่าพระเยโฮวาห์พระเจ้าของพระองค์สถิต กับพระองค์
10 เขาทั้งหลายชุมนุมกันที่เยรูซาเล็มในเดือนที่สามของ ปีที่สิบห้าในรัชกาลของอาสา
11 เขาทั้งหลายถวายสัตวบูชาแด่พระเจ้า ในวันนั้นจากข้าวของที่เขาได้ริบมา มีวัวผู้เจ็ดร้อยตัวและแกะเจ็ดพันตัว
12 และเขาก็เข้าทำพันธสัญญาที่จะแสวงหาพระเยโฮวาห์ พระเจ้าแห่งบรรพบุรุษของเขา ด้วยสุดจิตสุดใจของเขา
13 และว่าผู้ใดที่ไม่แสวงหาพระเยโฮวาห์ พระเจ้าแห่งอิสราเอล ควรจะมีโทษถึงตาย ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ ชายหรือหญิง
14 เขาทั้งหลายได้กระทำสัตย์สาบานต่อพระเจ้า ด้วยเสียงอันดัง และด้วยเสียงโห่ร้อง และด้วยเสียงแตรและเขาสัตว์
15 และยูดาห์ทั้งปวงก็เปรมปรีดิ์เพราะสัตย์สาบานนั้น เพราะเขาทั้งหลายได้สาบานด้วยสุดใจของเขา และได้แสวงหาพระองค์ด้วยสิ้นความปรารถนาของเขา และเขาทั้งหลายก็พบพระองค์ และพระเจ้าทรงประทานให้เขาหยุดพักสงบรอบด้าน
16 แม้ว่ามาอาคาห์พระมารดาของพระองค์ กษัตริย์อาสาก็ทรงถอดเสียจากเป็นพระราชชนนี เพราะพระนางได้กระทำรูปเคารพอันน่าเกลียด น่าชังสำหรับพระอาเชราห์ อาสาทรงโค่นรูปเคารพของพระนางลง และบด และเผาเสียที่ลำธารขิดโรน
17 แต่ยังมิได้กำจัดปูชนียสถานสูงออกเสียจากอิสราเอล อย่างไรก็ดีพระทัยของอาสาก็ปราศจากตำหนิตลอด รัชกาลของพระองค์
18 และพระองค์ทรงนำของอุทิศถวายของราชบิดาของพระองค์ และข้าวของที่พระองค์เองทรงอุทิศถวาย มีเงิน และทองคำ และเครื่องใช้เข้าไปในพระนิเวศของพระเจ้า
19 และไม่มีสงครามอีกจนปีที่สามสิบห้าในรัชกาลของอาสา
2พงศาวดาร 16
1 ในปีที่สามสิบหกแห่งรัชกาลอาสา บาอาชาพระราชาแห่งอิสราเอลขึ้นมาต่อสู้กับยูดาห์ และได้สร้างเมืองรามาห์ เพื่อว่าพระองค์จะมิทรงให้คนหนึ่งคนใดออกไป หรือเข้ามาหาอาสาพระราชาของยูดาห์
2 แล้วอาสาทรงเอาเงินและทองคำจากคลังของ พระนิเวศของพระเจ้าและราชสำนัก และส่งไปให้เบนฮาดัดพระราชาแห่งซีเรีย ผู้ประทับในเมืองดามัสกัสว่า
3 "ขอให้มีสัญญาไมตรีระหว่างข้าพเจ้าและท่าน ดังที่มีอยู่กับพระชนกของข้าพเจ้าและของท่าน ดูเถิด ข้าพเจ้าได้ส่งเงินและทองคำมายังท่าน ขอเสด็จไปทำลายสัญญาไมตรีของท่าน ซึ่งมีกับบาอาชาพระราชาแห่งอิสราเอล เพื่อเขาจะถอยทัพไปจากข้าพเจ้า"
4 และเบนฮาดัดทรงเชื่อฟังกษัตริย์อาสา และส่งผู้บังคับบัญชากองทัพของพระองค์ไปต่อสู้กับหัวเมืองของอิสราเอล และเขาทั้งหลายโจมตี อีโยน ดาน เอเบลมาอิม และหัวเมืองคลังหลวงทั้งสิ้นของนัฟทาลี
5 และเมื่อบาอาชาทรงทราบเรื่อง พระองค์ทรงหยุดสร้างเมืองรามาห์ และให้พระราชกิจของพระองค์หยุดยั้ง
6 แล้วกษัตริย์อาสาทรงนำยูดาห์ทั้งสิ้น และเขาทั้งหลายขนหินของเมืองรามาห์ และเครื่องไม้ของเมืองนั้น ซึ่งบาอาชาใช้สร้างอยู่นั้น และเอามาสร้างเมืองเกบาและเมืองมิสปาห์
7 ครั้งนั้นฮานานีผู้ทำนายได้มาเฝ้าอาสา พระราชาของยูดาห์ และทูลพระองค์ว่า "เพราะท่านพึ่งพระราชาของซีเรีย และมิได้พึ่งพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน เพราะฉะนั้นกองทัพของพระราชา อิสราเอลจึงได้หลุดพ้นมือท่านไป
8 คนเอธิโอเปียและชาวลิเบียไม่เป็นกองทัพมหึมา มีรถรบและม้ามากเหลือหลายหรือ แต่เพราะท่านพึ่งพระเจ้า พระองค์ทรงมอบเขาทั้งหลายไว้ในมือของท่าน
9 เพราะว่าพระเนตรของพระเจ้าไปมาอยู่เหนือแผ่นดินโลกทั้งสิ้น เพื่อสำแดงฤทธานุภาพของพระองค์โดยเห็นแก่ ผู้เหล่านั้นที่มีใจจริงต่อพระองค์ ในเรื่องนี้ท่านได้กระทำการอย่างโง่เขลา เพราะตั้งแต่นี้ไปท่านจะมีการศึกสงคราม"
10 และอาสาก็ทรงกริ้วต่อผู้ทำนายนั้น และจับเขาจำไว้ในคุก เพราะพระองค์ทรงเกรี้ยวกราดแก่เขาในเรื่องนี้ และอาสาทรงข่มเหงประชาชนบางคนในเวลาเดียวกันนั้นด้วย
11 และดูเถิด พระราชกิจของอาสา ตั้งแต่ต้นจนสุดท้ายบันทึกไว้ในหนังสือของกษัตริย์ แห่งยูดาห์และอิสราเอล
12 ในปีที่สามสิบเก้าแห่งรัชกาลของพระองค์ อาสาทรงเป็นโรคที่พระบาทของพระองค์ และโรคของพระองค์ก็ร้ายแรง แม้เป็นโรคอยู่พระองค์ก็มิได้ทรงแสวงหาพระเจ้า แต่ได้แสวงหาความช่วยเหลือจากแพทย์
13 และอาสาทรงล่วงหลับไปอยู่กับบรรพบุรุษของพระองค์ สิ้นพระชนม์ในปีที่สี่สิบเอ็ดแห่งรัชกาลของพระองค์
14 เขาทั้งหลายฝังพระศพไว้ในอุโมงค์ของพระองค์ ซึ่งพระองค์ได้สกัดออกเพื่อพระองค์ในนครดาวิด เขาวางพระศพของพระองค์ไว้บนแท่นซึ่งมีเครื่องหอมต่างๆ เต็มไปหมด ซึ่งช่างปรุงเครื่องหอมได้ปรุงไว้ และเขาทั้งหลายก็ก่อเพลิงใหญ่โตถวายพระเกียรติพระองค์
2พงศาวดาร 17
1 เยโฮชาฟัทโอรสของพระองค์ครอบครองแทนพระองค์ และทรงเสริมกำลังพลต่อสู้อิสราเอล
2 พระองค์ทรงวางกำลังพลไว้ในหัวเมือง ที่มีป้อมทั้งปวงของยูดาห์ และทรงตั้งทหารประจำป้อมในแผ่นดิน ยูดาห์และในหัวเมืองเอฟราอิม ซึ่งอาสาราชบิดาของพระองค์ได้ยึดไว้
3 พระเจ้าทรงสถิตกับเยโฮชาฟัท เพราะพระองค์ทรงดำเนินในทางเบื้องต้นๆของดาวิดราชบิดาของพระองค์ พระองค์มิได้ทรงแสวงหาบรรดาพระบาอัล
4 แต่ได้แสวงหาพระเจ้าของพระราชบิดาของพระองค์ และดำเนินในพระราชบัญญัติของพระองค์ มิได้ทรงดำเนินตามการกระทำของอิสราเอล
5 เพราะฉะนั้นพระเจ้าทรงสถาปนาราชอาณาจักร ไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์ และสิ้นทั้งยูดาห์ก็นำเครื่องบรรณาการมาถวายเยโฮชาฟัท พระองค์จึงมีทรัพย์มั่งคั่งอย่างยิ่งและมีเกียรติมาก
6 เมื่อพระองค์ดำเนินในพระมรรคาของพระเจ้า พระทัยของพระองค์ก็เข้มแข็งขึ้น พระองค์จึงทรงกำจัดปูชนียสถาน สูงและบรรดาอาเชราห์เสียจากยูดาห์
7 ในปีที่สามแห่งรัชกาลของพระองค์ พระองค์ทรงใช้เจ้านายของพระองค์ คือ เบนฮาอิล โอบาดีห์ เศคาริยาห์ เนธันเอล และมีคายาห์ไปสั่งสอนในหัวเมืองของยูดาห์
8 และคนเลวีไปกับเขาด้วย คือ เชไมอาห์ เนธานิยาห์ เศบาดิยาห์ อาสาเฮล เชมิราโมท เยโฮนาธัน อาโดนียาห์ โทบียาห์ และโทอาโดนิยาห์คนเลวี และพร้อมกับคนเหล่านี้มี เอลีชามา เยโฮรัม ผู้เป็นปุโรหิต
9 และเขาทั้งหลายได้สั่งสอนในยูดาห์ มีหนังสือธรรมบัญญัติของพระเจ้าไปกับเขาด้วย เขาเที่ยวไปทั่วหัวเมืองทั้งสิ้นแห่งยูดาห์และได้สั่งสอน ท่ามกลางประชาชน
10 เหตุให้กลัวอันมาจากพระเจ้าตกอยู่เหนือบรรดา ราชอาณาจักรที่อยู่รอบยูดาห์ และเขาทั้งหลายมิได้ทำสงครามกับเยโฮชาฟัท
11 คนฟีลิสเตียบางพวกได้นำของกำนัลมาถวายเยโฮชาฟัท และนำเงินมาเป็นบรรณาการ และพวกอาหรับได้นำฝูงแพะแกะ คือแกะผู้เจ็ดพันเจ็ดร้อยตัว และแพะผู้เจ็ดพันเจ็ดร้อยตัวมาถวายพระองค์
12 และเยโฮชาฟัททรงเจริญใหญ่ยิ่งขึ้นเป็นลำดับ พระองค์ทรงสร้างป้อมและหัวเมืองคลังหลวงไว้ในยูดาห์
13 และพระองค์ทรงสะสมไว้มากมายในหัวเมืองของยูดาห์ พระองค์ทรงมีทหารเป็นทแกล้วทหารในกรุงเยรูซาเล็ม
14 ต่อไปนี้เป็นจำนวนตามตระกูลของเขา คือของยูดาห์ ผู้บังคับบัญชากองพัน มี อัดนาห์ ผู้บังคับบัญชา พร้อมกับทแกล้วทหารสามแสนคน
15 ถัดเขาไป คือ เยโฮฮานัน ผู้บังคับบัญชาพร้อมกับสองแสนแปดหมื่นคน
16 และถัดเขาไป คือ อามัสยาห์ บุตรศิครีเป็นคนอาสาสมัครเพื่อการปรนนิบัติพระเจ้า พร้อมกับทแกล้วทหารสองแสนคน
17 ของเบนยามิน คือ เอลียาดา ทแกล้วทหารพร้อมกับคนสองแสนสรรพด้วยธนูและโล่
18 และถัดเขาไป คือ เยโฮซาบาด พร้อมกับคนติดอาวุธหนึ่งแสนแปดหมื่นคน
19 เหล่านี้เป็นข้าราชการของพระราชา นอกเหนือจากผู้ที่พระราชาทรงวางไว้ ในหัวเมืองที่มีป้อมทั่วตลอดแผ่นดินยูดาห์
2พงศาวดาร 18
1 ฝ่ายเยโฮชาฟัททรงมีทรัพย์มั่งคั่งและเกียรติใหญ่ยิ่ง และพระองค์ทรงกระทำให้เป็นทองแผ่นเดียวกันกับอาหับ
2 ครั้นล่วงมาหลายปี พระองค์เสด็จลงไปเฝ้าอาหับในสะมาเรีย และอาหับทรงฆ่าแกะและวัวมากมายสำหรับพระองค์ และสำหรับพลที่มากับพระองค์ และทรงชักชวนพระองค์ให้ขึ้นไปต่อสู้กับราโมทกิเลอาด
3 อาหับพระราชาแห่งอิสราเอลตรัสกับเยโฮชาฟัท พระราชาแห่งยูดาห์ว่า "ท่านจะไปกับข้าพเจ้ายังราโมทกิเลอาดหรือ" พระองค์ทูลตอบพระองค์ว่า "ข้าพเจ้าเป็นอย่างที่ท่านเป็น พลของข้าพเจ้าก็อย่างพลของท่าน เราจะอยู่กับท่านในการสงคราม"
4 และเยโฮชาฟัทตรัสกับพระราชาแห่งอิสราเอลว่า "ขอสอบถามดูพระดำรัสของพระเจ้าเสียก่อน"
5 แล้วพระราชาแห่งอิสราเอลก็เรียกประชุมพวกผู้เผยพระวจนะประมาณสี่ร้อยคน ตรัสกับเขาว่า "ควรที่เราจะไปตีราโมทกิเลอาดหรือ หรือเราไม่ควรไป" และเขาทั้งหลายทูลตอบว่า "ขอเชิญเสด็จไปเถิด เพราะพระเจ้าจะทรงมอบไว้ในพระหัตถ์ของพระราชา"
6 แต่เยโฮชาฟัททูลว่า "ที่นี่ไม่มีผู้เผยพระวจนะของพระเจ้าอีกสักคนหนึ่งหรือ ซึ่งเราจะสอบถามได้"
7 และพระราชาแห่งอิสราเอลทูลเยโฮชาฟัทว่า "ยังมีชายอีกคนหนึ่ง ซึ่งเราจะให้ทูลถามพระเจ้าได้ แต่ข้าพเจ้าชังเขา เพราะเขาเผยแต่ความร้ายเสมอ ไม่เคยเผยความดีเกี่ยวกับข้าพเจ้าเลย คนนั้นคือ มีคายาห์บุตรอิมลาห์" และเยโฮชาฟัททูลว่า "ขอพระราชาอย่าตรัสดั่งนั้นเลย"
8 แล้วพระราชาแห่งอิสราเอลจึงเรียก มหาดเล็กคนหนึ่งเข้ามาและตรัสสั่งว่า "ไปพามีคายาห์บุตรอิมลาห์มาเร็วๆ"
9 ฝ่ายพระราชาแห่งอิสราเอลและเยโฮชาฟัท พระราชาแห่งยูดาห์ ต่างประทับบนพระที่นั่ง ทรงฉลองพระองค์อันงาม ณ ลานนวดข้าวตรงทางเข้าประตูเมืองสะมาเรีย และผู้เผยพระวจนะทั้งปวงก็เผยพระวจนะถวายอยู่
10 และเศเดคียาห์บุตรเคนาอะนาห์ จึงเอาเหล็กทำเป็นเขา และพูดว่า "พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า 'ด้วยสิ่งเหล่านี้ เจ้าจะผลักคนซีเรียไปจนเขาทั้งหลายถูกทำลาย'"
11 และบรรดาผู้เผยพระวจนะก็เผยอย่างนั้น ทูลว่า "ขอเสด็จไปราโมทกิเลอาดเถิด และจะมีชัยชนะ เพราะพระเจ้าจะทรงมอบเมืองนั้นไว้ในพระหัตถ์ของพระราชา"
12 และผู้สื่อสารผู้ไปตามมีคายาห์ได้บอกท่านว่า "ดูเถิด ถ้อยคำของบรรดาผู้เผยพระวจนะก็พูดสิ่งที่เป็น มงคลแก่พระราชาดุจปากเดียวกัน ขอให้ถ้อยคำของท่านเหมือนอย่างถ้อยคำของคนหนึ่งในพวกนั้น และพูดแต่สิ่งที่เป็นมงคล"
13 แต่มีคายาห์ตอบว่า "พระเจ้าทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด พระเจ้าของข้าพเจ้าตรัสว่าอย่างไรข้าพเจ้าจะพูดอย่างนั้น"
14 และเมื่อท่านมาเฝ้าพระราชา พระราชาตรัสถามท่านว่า "มีคายาห์ ควรที่เราจะไปตีราโมทกิเลอาดหรือ หรือเราไม่ควรไป" และท่านทูลตอบพระองค์ว่า "ขอเชิญเสด็จขึ้นไป และจะมีชัยชนะ เขาทั้งหลายจะถูกมอบไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์"
15 แต่พระราชาตรัสกับท่านว่า "เราได้ให้เจ้าปฏิญาณกี่ครั้งแล้วว่า เจ้าจะพูดกับเราแต่ความจริงในพระนามของพระเจ้า"
16 และท่านทูลว่า "ข้าบาทได้เห็นคนอิสราเอลทั้งปวงกระจัดกระจาย อยู่บนภูเขา อย่างแกะที่ไม่มีผู้เลี้ยง และพระเจ้าตรัสว่า 'คนเหล่านี้ไม่มีนาย ให้เขาต่างกลับยังเรือนของตนโดยสวัสดิภาพเถิด'"
17 พระราชาแห่งอิสราเอลจึงทูลเยโฮชาฟัทว่า "ข้าพเจ้ามิได้บอกท่านแล้วหรือว่า เขาจะไม่เผยสิ่งดีเกี่ยวกับข้าพเจ้าเลย แต่สิ่งชั่วร้ายต่างหาก"
18 และมีคายาห์ทูลว่า "ฉะนั้นขอสดับพระวจนะของพระเจ้า ข้าพระบาทได้เห็นพระเจ้าประทับบนพระที่นั่งของพระองค์ และบรรดาบริวารแห่งฟ้าสวรรค์ยืนข้างๆ พระองค์ ข้างขวาพระหัตถ์และข้างซ้าย
19 และพระเจ้าตรัสว่า 'ผู้ใดจะเกลี้ยกล่อมอาหับพระราชาแห่งอิสราเอล เพื่อเขาจะขึ้นไปและล้มลงที่ราโมทกิเลอาด' บ้างก็ทูลอย่างนี้ บ้างก็ทูลอย่างนั้น
20 แล้วมีวิญญาณดวงหนึ่งมาข้างหน้า เฝ้าต่อพระพักตร์พระเจ้าทูลว่า 'ข้าพระองค์จะเกลี้ยกล่อมเขาเอง' และพระเจ้าตรัสกับเขาว่า 'จะทำอย่างไร'
21 และเขาทูลว่า 'ข้าพระบาทจะออกไปและจะเป็นวิญญาณมุสาอยู่ในปากของ ผู้เผยพระวจนะของเขาทุกคน' และพระองค์ตรัสว่า 'เจ้าไปเกลี้ยกล่อมเขาได้ และเจ้าจะทำได้สำเร็จ จงไปเถิด'
22 เพราะฉะนั้น ดูเถิด พระเจ้าทรงใส่วิญญาณมุสาในปากของเหล่าผู้เผย พระวจนะของฝ่าพระบาท พระเจ้าทรงลั่นพระวาจาเป็นความร้ายเกี่ยวกับฝ่าพระบาท"
23 แล้วเศเดคียาห์บุตรเคนาอะนาห์ได้เข้ามาใกล้และ ตบแก้มมีคายาห์พูดว่า "พระวิญญาณของพระเจ้าไปจากข้าพูดกับเจ้าได้อย่างไร"
24 และมีคายาห์ตอบว่า "ดูเถิด เจ้าจะเห็นในวันนั้น เมื่อเจ้าเข้าไปในห้องชั้นในเพื่อจะซ่อนตัวเจ้า"
25 และพระราชาแห่งอิสราเอลตรัสว่า "จงจับมีคายาห์ พาเขากลับไปมอบให้อาโมนผู้ว่าราชการเมือง และแก่โยอาชราชโอรส
26 และว่า 'พระราชาตรัสดังนี้ว่า เอาคนนี้จำคุกเสีย ให้อาหารนักโทษกับน้ำเท่านั้น จนกว่าเราจะกลับมาโดยสวัสดิภาพ'"
27 และมีคายาห์ทูลว่า "ถ้าฝ่าพระบาทเสด็จกลับมาโดยสวัสดิภาพ พระเจ้าก็มิได้ตรัสโดยข้าพระบาท" และท่านกล่าวว่า "บรรดาชนชาติทั้งหลายเอ๋ย ขอจงฟังเถิด"
28 พระราชาแห่งอิสราเอล กับเยโฮชาฟัทพระราชาแห่งยูดาห์ จึงเสด็จไปยังราโมทกิเลอาด
29 และพระราชาแห่งอิสราเอลตรัสกับเยโฮชาฟัทว่า "ข้าพเจ้าจะปลอมตัวเข้าทำศึก แต่ท่านจงสวมเครื่องทรง ของท่าน" และพระราชาแห่งอิสราเอลก็ทรงปลอมพระองค์เข้า ทำสงคราม
30 ฝ่ายพระราชาประเทศซีเรียทรงบัญชาแม่ทัพรถรบ ของพระองค์ว่า "อย่ารบกับทหารใหญ่น้อย แต่มุ่งเฉพาะพระราชาแห่งอิสราเอล"
31 และอยู่มาเมื่อผู้บัญชาการรถรบแลเห็นเยโฮชาฟัท เขาทั้งหลายก็ว่า "เป็นพระราชาอิสราเอลแล้ว" เขาจึงหันเข้าไปจะสู้รบกับพระองค์ และเยโฮชาฟัททรงร้องขึ้น และพระเจ้าทรงช่วยพระองค์ พระเจ้าทรงให้เขาทั้งหลายออกไปเสียจากกษัตริย์
32 และอยู่มาเมื่อผู้บัญชาการรถรบเห็นว่าไม่ใช่ พระราชาอิสราเอล ก็หันรถกลับจากไล่ตามพระองค์
33 แต่มีชายคนหนึ่งโก่งธนูยิงเดาไป ถูกพระราชาแห่งอิสราเอลเข้าระหว่าง เกล็ดเกราะและแผ่นบังพระอุระ พระองค์จึงรับสั่งกับคนขับรถว่า "หันกลับเถอะ พาเราออกจากการรบ เพราะเราบาดเจ็บแล้ว"
34 วันนั้นการรบก็ดุเดือดขึ้น และพระราชาก็พยุงพระองค์เอง ขึ้นไปในรถรบของพระองค์หันพระพักตร์เข้าสู้ชน ซีเรียจนถึงเวลาเย็น แล้วประมาณเวลาดวงอาทิตย์ตกพระองค์ก็สิ้นพระชนม์
2พงศาวดาร 19
1 เยโฮชาฟัทพระราชาแห่งยูดาห์เสด็จกลับไปโดย สวัสดิภาพถึงพระราชวังของพระองค์ในกรุงเยรูซาเล็ม
2 แต่เยฮูบุตรฮานานีผู้ทำนายได้ออกไปเฝ้าพระองค์ ทูลกษัตริย์เยโฮชาฟัทว่า "ควรที่ฝ่าพระบาทจะช่วยคนอธรรม และรักผู้ที่เกลียดชังพระเจ้าหรือ เพราะเรื่องนี้พระพิโรธของพระเจ้าได้ออกมาถึงฝ่าพระบาท
3 อย่างไรก็ดีพระองค์ทรงพบความดีในฝ่าพระบาทบ้าง เพราะฝ่าพระบาทได้ทำลายบรรดาอาเช-ราห์เสียจากแผ่นดิน และได้มุ่งพระทัยแสวงหาพระเจ้า"
4 เยโฮชาฟัทประทับที่เยรูซาเล็มและพระองค์ ทรงออกไปท่ามกลางประชาชนอีก ตั้งแต่เบเออร์เชบาถึงถิ่นเทือกเขาเอฟราอิม และนำเขาทั้งหลายกลับมายังพระเยโฮวาห์ พระเจ้าแห่งบรรพบุรุษของเขา
5 พระองค์ทรงตั้งผู้วินิจฉัยในแผ่นดินนั้น ในหัวเมืองที่มีป้อมทั้งสิ้นของยูดาห์ ทีละหัวเมือง
6 และตรัสกับผู้วินิจฉัยเหล่านั้นว่า "จงพิจารณาสิ่งที่ท่านทั้งหลายจะกระทำ เพราะท่านมิได้พิพากษาเพื่อมนุษย์แต่เพื่อพระเจ้า พระองค์ทรงสถิตกับท่านในการพิพากษา
7 ฉะนั้นจงให้ความยำเกรงพระเจ้าอยู่เหนือท่าน จงระมัดระวังสิ่งที่ท่านกระทำ เพราะพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเราไม่มีความอยุติธรรม ไม่มีความลำเอียง และไม่มีการรับสินบน"
8 ยิ่งกว่านั้นอีก ในเยรูซาเล็ม เยโฮชาฟัททรงตั้งคนเลวีและปุโรหิตบ้าง กับหัวหน้าตระกูลแห่งอิสราเอลบ้าง เพื่อจะให้การพิพากษาแห่งพระเจ้าและวินิจฉัยคดีที่โต้แย้งกัน เขาทั้งหลายมีตำแหน่งในเยรูซาเล็ม
9 และพระองค์ทรงกำชับเขาทั้งหลายว่า "ท่านทั้งหลายจงกระทำการนี้ด้วยความยำเกรงพระเจ้า ด้วยความสัตย์ซื่อและด้วยสิ้นสุดใจของท่าน
10 เมื่อมีคดีมาถึงท่านจากพี่น้องของ ท่านผู้อาศัยอยู่ในหัวเมืองของเขาทั้งหลาย เกี่ยวกับเรื่องฆ่าฟันกัน พระธรรมหรือพระบัญญัติ กฎเกณฑ์หรือกฎหมาย ท่านทั้งหลายก็ควรจะตักเตือนเขา เพื่อเขาจะไม่ก่อกรรมชั่วต่อพระเจ้า พระพิโรธจึงจะไม่มาเหนือท่านและพี่น้องของท่าน ท่านจงกระทำเช่นนี้ และท่านจะไม่ก่อกรรมชั่ว
11 และดูเถิด อามาริยาห์มหาปุโรหิตก็อยู่เหนือท่าน ในสรรพกิจของพระเจ้า และเศบาดิยาห์บุตรอิชมาเอลเจ้านาย ของเชื้อวงศ์ยูดาห์ก็อยู่เหนือท่านในสรรพกิจของพระราชา และเลวีจะเป็นเจ้าหน้าที่ปรนนิบัติท่าน จงประกอบกิจอย่างแกล้วกล้า และขอพระเจ้าทรงสถิตอยู่กับผู้เที่ยงธรรม"
2พงศาวดาร 20
1 และอยู่มาภายหลัง คนโมอับและคนอัมโมน และคนเมอูนี บางคนพร้อมกับเขาทั้งหลาย ได้ขึ้นมาทำสงครามกับเยโฮชาฟัท
2 มีคนมาทูลเยโฮชาฟัทว่า "มีคนหมู่ใหญ่มาสู้รบกับฝ่าพระบาทจากเอโดม จากฟากทะเลข้างโน้น และดูเถิด เขาทั้งหลายอยู่ในฮาซาโซนทามาร์" (คือ เอนกาดี)
3 และเยโฮชาฟัทก็กลัว และมุ่งแสวงหาพระเจ้า และได้ทรงประกาศให้อดอาหารทั่วยูดาห์
4 และยูดาห์ได้ชุมนุมกันแสวงหาความช่วยเหลือจากพระเจ้า เขาทั้งหลายพากันมาจากหัวเมืองทั้งสิ้นแห่งยูดาห์ เพื่อแสวงหาพระเจ้า
5 และเยโฮชาฟัทประทับยืนอยู่ใน ที่ประชุมของยูดาห์และเยรูซาเล็ม ในพระนิเวศของพระเจ้า ข้างหน้าลานใหม่
6 และตรัสทูลว่า "ข้าแต่พระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่งบรรพบุรุษ ของข้าพระองค์ทั้งหลาย พระองค์มิได้เป็นพระเจ้าในฟ้าสวรรค์หรือ พระองค์มิได้ปกครองเหนือบรรดาราช อาณาจักรของประชาชาติหรือ ในพระหัตถ์ของพระองค์มีฤทธิ์และอำนาจ จึงไม่มีผู้ใดต่อต้านพระองค์ได้
7 ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลาย พระองค์มิได้ทรงขับไล่ชาวแผ่นดินนี้ออก ไปเสียให้พ้นหน้าอิสราเอลประชากรของพระองค์หรือ และทรงมอบไว้แก่เชื้อสายของอับราฮัมมิตรสหายของพระองค์เป็นนิตย์
8 และเขาทั้งหลายได้อาศัยอยู่ในนั้น และได้สร้างสถานนมัสการแห่งหนึ่งในนั้นถวายพระองค์ เพื่อพระนามของพระองค์ ทูลว่า
9 'ถ้าเหตุชั่วร้ายขึ้นมาเหนือข้าพระองค์ทั้งหลายจะเป็นดาบ การพิพากษา หรือโรคระบาด หรือการกันดารอาหาร ข้าพระองค์ทั้งหลายจะยืนอยู่ต่อหน้าพระนิเวศ นี้และต่อพระพักตร์พระองค์ เพราะพระนามของพระองค์อยู่ในพระนิเวศ และร้องทูลต่อพระองค์ในความทุกข์ใจของข้าพระองค์ทั้งหลาย และพระองค์จะทรงฟังและช่วยให้รอด'
10 ดูเถิด บัดนี้คนอัมโมนและโมอับ และภูเขาเสอีร์ ผู้ซึ่งพระองค์ไม่ทรงยอมให้คนอิสราเอลบุกรุก เมื่อเขามาจากแผ่นดินอียิปต์ และผู้ซึ่งเขาได้หลีกไปมิได้ทำลายเสีย
11 ดูเถิด เขาทั้งหลายได้ให้บำเหน็จแก่เรา ด้วยมาขับเราออกเสีย จากแผ่นดินกรรมสิทธิ์ของพระองค์ ซึ่งพระองค์ประทานให้แก่ข้าพระองค์ทั้งหลายเป็นมรดก
12 ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ พระองค์จะไม่ทรงกระทำ การพิพากษาเหนือเขาหรือ เพราะว่าข้าพระองค์ทั้งหลายไม่มีฤทธิ์ที่จะต่อสู้คน หมู่มหึมานี้ ซึ่งกำลังมาต่อสู้กับข้าพระองค์ทั้งหลาย ข้าพระองค์ทั้งหลายไม่ทราบว่าจะกระทำประการใด แต่ดวงตาของข้าพระองค์ทั้งหลายเพ่งที่พระองค์"
13 ในระหว่างนั้นคนทั้งปวงของยูดาห์ก็ ยืนอยู่ต่อพระพักตร์พระเจ้าพร้อมกับภรรยาและลูกหลานของเขา
14 และพระวิญญาณของพระเจ้าเสด็จมา สถิตกับยาฮาซีเอลบุตรเศคาริยาห์ ผู้เป็นบุตรเบไนยาห์ ผู้เป็นบุตรเยอีเอล ผู้เป็นบุตรมัทธานิยาห์เป็นคนเลวีเชื้อสายของอาสาฟ เมื่อท่านอยู่ท่ามกลางที่ประชุมนั้น
15 และเขาได้พูดว่า "ยูดาห์ทั้งปวงและชาวเยรูซาเล็มทั้งหลาย กับกษัตริย์เยโฮชาฟัท ขอจงฟัง พระเจ้าตรัสดังนี้แก่ท่านทั้งหลายว่า 'อย่ากลัวเลย และอย่าท้อถอยด้วยคนหมู่มหึมานี้เลย เพราะว่าการสงครามนั้นไม่ใช่ของท่าน แต่เป็นของพระเจ้า
16 พรุ่งนี้เช้าจงลงไปต่อสู้กับเขา ดูเถิด เขาจะขึ้นมาทางขึ้นที่ตำบลศิส ท่านทั้งหลายจะพบเขาที่ปลายหุบเขา ทางตะวันออกของถิ่นทุรกันดารเยรูเอล
17 ไม่จำเป็นที่ท่านจะต้องสู้รบในสงครามครั้งนี้ โอ ยูดาห์ และเยรูซาเล็ม จงเข้าประจำที่ ยืนนิ่งอยู่และดูชัยชนะของพระเจ้าเพื่อท่าน' อย่ากลัวเลย อย่าท้อถอย พรุ่งนี้จงออกไปสู้กับเขาและพระเจ้าทรงสถิตอยู่กับท่าน"
18 แล้วเยโฮชาฟัทโน้มพระเศียรก้มพระพักตร์ของพระองค์ ลงถึงดิน และยูดาห์ทั้งปวงกับชาวเยรูซาเล็มได้กราบลงต่อพระเจ้า นมัสการพระเจ้า
19 และคนเลวี จากพงศ์พันธุ์โคฮาทและพงศ์พันธุ์คนโคราห์ ได้ยืนขึ้นถวายสรรเสริญแด่พระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่ง อิสราเอลด้วยเสียงอันดัง
20 และเขาทั้งหลายได้ลุกขึ้นแต่เช้าและออกไปในถิ่น ทุรกันดารถึงเทโคอา และเมื่อเขาออกไป เยโฮชาฟัทประทับยืนและตรัสว่า "ยูดาห์และชาวเยรูซาเล็มเอ๋ย จงฟังข้าพเจ้า จงวางใจในพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน และท่านจะตั้งมั่นคงอยู่ จงเชื่อบรรดาผู้เผยพระวจนะของพระองค์ และท่าน จะสำเร็จผล"
21 และเมื่อพระองค์ได้ปรึกษากับประชาชนแล้ว พระองค์ได้ทรงแต่งตั้งบรรดาผู้ที่จะร้องเพลงถวายพระเจ้า และแต่งกายด้วยเครื่องบริสุทธิ์สรรเสริญพระองค์ ขณะเมื่อเขาเดินออกไปหน้าศัตรู และว่า "จงถวายโมทนาแด่พระเจ้า เพราะความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่เป็นนิตย์"
22 และเมื่อเขาทั้งหลายตั้งต้นร้องเพลงสรรเสริญ พระเจ้าทรงจัดกองซุ่มคอยต่อสู้กับคนอัมโมน โมอับ และชาวภูเขาเสอีร์ ผู้ได้เข้ามาต่อสู้กับยูดาห์ ดังนั้นเขาทั้งหลายจึงแตกพ่ายไป
23 เพราะว่าคนของอัมโมนและของโมอับได้ลุกขึ้น ต่อสู้กับชาวภูเขาเสอีร์ ทำลายเขาเสียอย่างสิ้นเชิง และเมื่อเขาทั้งหลายทำลายชาวเสอีร์หมดแล้ว เขาทั้งสิ้นช่วยกันทำลายซึ่งกันและกัน
24 เมื่อยูดาห์ขึ้นไปอยู่ที่เนินสูงที่ในถิ่นทุรกันดาร เขามองตรงไปที่คนหมู่ใหญ่นั้น และ ดูเถิด มีแต่ศพนอนอยู่บนแผ่นดิน ไม่มีสักคนเดียวที่รอดไปได้
25 เมื่อเยโฮชาฟัทและประชาชนของ พระองค์มาเก็บของเสียจากเขาทั้งหลาย เขาพบสัตว์เป็นจำนวนมาก ข้าวของ เสื้อผ้า และของมีค่าต่างๆ ซึ่งเขาเก็บมามากสำหรับตัวจนขนไปไม่ไหว เขาเก็บของที่ริบได้เหล่านั้นสามวัน เพราะมากเหลือเกิน
26 ในวันที่สี่เขาทั้งหลายได้ชุมนุมกันที่หุบเขาเบราคาห์ ด้วยที่นั่นเขาสรรเสริญพระเจ้าเพราะพระพร เพราะฉะนั้น เขาจึงเรียกที่นั้นว่าเบราคาห์จนถึงทุกวันนี้
27 แล้วเขาทั้งหลายกลับไปคนยูดาห์และเยรูซาเล็มทุกคน และเยโฮชาฟัททรงนำหน้า กลับไปยังเยรูซาเล็มด้วยความชื่นบาน เพราะพระเจ้าได้ทรงกระทำให้เขาเปรมปรีดิ์เย้ยศัตรูของเขา
28 เขาทั้งหลายมายังเยรูซาเล็มด้วยพิณใหญ่ และ พิณเขาคู่และแตร ยังพระนิเวศของพระเจ้า
29 และความกลัวพระเจ้ามาอยู่เหนือบรรดาราช อาณาจักรของประเทศทั้งปวง เมื่อเขาได้ยินว่าพระเจ้าทรงต่อสู้ศัตรูของอิสราเอล
30 แดนดินของเยโฮชาฟัทจึงสงบเงียบ เพราะว่าพระเจ้าของพระองค์ประทานให้ พระองค์มีการหยุดพักสงบอยู่รอบด้าน
31 ดังนี้แหละ เยโฮชาฟัททรงครอบครองอยู่เหนือยูดาห์ เมื่อพระองค์ทรงเริ่มครอบครองนั้นมีพระชนมายุสามสิบ ห้าพรรษา และพระองค์ทรงครอบครองในเยรูซาเล็มยี่สิบห้าปี พระราชมารดาของพระองค์ทรงพระนามว่าอาซูบาห์ บุตรีชิลหิ
32 พระองค์ทรงดำเนินตามวิธีการของอาสาราชบิดาของพระองค์ และมิได้ทรงหันเหไปจากทางนั้น พระองค์ทรงกระทำสิ่งที่ชอบในสายพระเนตรของพระเจ้า
33 อย่างไรก็ดี ปูชนียสถานสูงยังไม่ได้ถูกกำจัดออกไป ประชาชนยังมิได้ปักใจในพระเจ้าแห่งบรรพบุรุษของตน
34 ส่วนพระราชกิจนอกนั้นของเยโฮชาฟัท ตั้งแต่ต้นจนถึงที่สุดได้มีบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ ของเยฮู บุตรฮานานี ซึ่งรวมเข้าในหนังสือกษัตริย์แห่งอิสราเอล
35 ต่อมาภายหลัง เยโฮชาฟัทพระราชาของยูดาห์ ได้ทรงร่วมงานกับอาหัสยาห์พระราชาของอิสราเอลผู้ทรง กระทำการอย่างชั่วร้ายมาก
36 พระองค์ทรงร่วมงานในเรื่องการสร้างเรือ ไปยังเมืองทารชิช และเขาทั้งหลายสร้างเรือในเอซิโอนเกเบอร์
37 แล้วเอลีเอเซอร์บุตรโดดาวาหุแห่งเมืองมาเรชาห์ ได้เผยพระวจนะถึงเยโฮชาฟัทว่า "เพราะพระองค์ทรงร่วมงานกับอาหัสยาห์ พระเจ้าจะทรงทำลายสิ่งที่ท่านกระทำ" และเรือก็แตกไม่สามารถไปเมืองทารชิชได้
2พงศาวดาร 21
1 เยโฮชาฟัทก็ล่วงหลับไปอยู่กับบรรพบุรุษของพระองค์ และเขาฝังพระศพไว้กับบรรพบุรุษของพระองค์ในนครดาวิด และเยโฮรัมโอรสของพระองค์ครอบครองแทนพระองค์
2 พระองค์ทรงมีพระอนุชา ผู้เป็นโอรสของเยโฮชาฟัท คือ อาซาริยาห์ เยฮีเอล เศคาริยาห์ อาซาริยาห์ มีคาเอล เชฟาทิยาห์ เหล่านี้ทั้งสิ้นเป็นโอรสของเยโฮชาฟัท พระราชาของอิสราเอล
3 พระราชบิดาของเขาทั้งหลายประทาน เงิน ทองคำ และของอันมีค่ามากมาย พร้อมกับหัวเมืองที่มีป้อมในยูดาห์ แต่พระองค์ประทานราชอาณาจักรแก่เยโฮรัม เพราะว่าท่านเป็นโอรสหัวปี
4 เมื่อเยโฮรัมได้ขึ้นครอบครองราชอาณาจักรของราช บิดาของพระองค์และได้สถาปนาไว้แล้ว พระองค์ทรงประหารพระอนุชาของพระองค์เสียหมดด้วยดาบ ทั้งเจ้านายบางคนของยูดาห์ด้วย
5 เมื่อเยโฮรัมทรงเริ่มครอบครองนั้น พระองค์มีพระชนมายุสามสิบสองพรรษา และพระองค์ทรงครอบครองในเยรูซาเล็มแปดปี
6 และพระองค์ทรงดำเนินตามมรรคาของบรรดา พระราชาแห่งอิสราเอล ตามอย่างที่ราชวงศ์อาหับกระทำ เพราะว่าธิดาของอาหับเป็นมเหสีของพระองค์ และพระองค์ทรงกระทำสิ่งที่ชั่วร้ายในสายพระเนตรพระเจ้า
7 อย่างไรก็ดีพระเจ้าจะไม่ทรงทำลายราชวงศ์ของดาวิด เพราะเหตุพันธสัญญาซึ่งพระองค์ทรงกระทำไว้กับดาวิด และเหตุที่พระองค์ทรงสัญญาว่าจะประทานประทีปแก่ ดาวิดและแก่เชื้อสายของพระองค์เป็นนิตย์
8 ในรัชกาลของพระองค์ เอโดมได้กบฏออกห่างจากการปกครองของยูดาห์ และตั้งกษัตริย์ขึ้นเหนือตน
9 แล้วเยโฮรัมก็เสด็จออกไปพร้อมกับบรรดาผู้บังคับบัญชา และรถรบทั้งสิ้นของพระองค์ และพระองค์ทรงลุกขึ้นในกลางคืนโจมตีคน เอโดมซึ่งมาล้อมพระองค์ และผู้บังคับบัญชากับรถรบของพระองค์อยู่นั้น
10 เอโดมจึงได้กบฏ ออกห่างจากการปกครองของยูดาห์จนทุกวันนี้ ครั้งนั้นลิบนาห์ก็ได้กบฏ ออกห่างจากการปกครองของพระองค์ด้วย เพราะว่าพระองค์ได้ทรงทอดทิ้งพระเยโฮวาห์ พระเจ้าแห่งบรรพบุรุษของพระองค์
11 ยิ่งกว่านั้นอีก พระองค์ทรงสร้างปูชนียสถานสูงในถิ่นเทือกเขาของยูดาห์ และทรงนำชาวเยรูซาเล็มไปในความไม่สัตย์ซื่อต่อพระเจ้า และทรงกระทำให้ยูดาห์หลงเจิ่นไป
12 และจดหมายฉบับหนึ่งมาถึงพระองค์จากเอลียาห์ผู้ เผยพระวจนะว่า "พระเยโฮวาห์พระเจ้าของดาวิดบรรพบุรุษของฝ่าพระบาท ตรัสดังนี้ว่า 'เพราะเจ้ามิได้ดำเนินในบรรดามรรคาของ เยโฮชาฟัทบิดาของเจ้า หรือในบรรดามรรคาของอาสาราชาของยูดาห์
13 แต่ได้เดินในมรรคาของบรรดาราชาแห่งอิสราเอล และได้นำยูดาห์กับชาวเยรูซาเล็มในความไม่ซื่อสัตย์ ต่อพระเจ้า อย่างกับราชวงศ์อาหับได้นำอิสราเอล ในความไม่ซื่อสัตย์ต่อพระเจ้า และเจ้าได้ฆ่าน้องชายของเจ้าเสียด้วย ผู้เป็นเชื้อวงศ์บิดาของเจ้า และเขาดีกว่าเจ้า
14 ดูเถิด พระเจ้าจะทรงนำภัยพิบัติอันยิ่งใหญ่ มาเหนือชนชาติของเจ้าลูกหลานของเจ้า เมียของเจ้าและข้าวของทั้งสิ้นของเจ้า
15 และตัวเจ้าเองจะมีความเจ็บป่วย สาหัสด้วยโรคลำไส้ของเจ้า จนกว่าลำไส้ของเจ้าจะออกมาเพราะเหตุโรค นั้นวันแล้ววันเล่า'"
16 และพระเจ้าทรงเร้าให้ความโกรธของ คนฟีลิสเตียและของคนอาหรับ ผู้อยู่ใกล้กับคนเอธิโอเปียมีต่อเยโฮรัม
17 และเขาทั้งหลายยกมาต่อสู้กับยูดาห์ และบุกรุกเข้าไปในนั้นและขนข้าวของ ทั้งสิ้นซึ่งมีในราชสำนัก ทั้งบรรดาโอรสและมเหสีของพระองค์ จึงไม่มีโอรสเหลือไว้ให้แก่พระองค์ นอกจากเยโฮอาหาสโอรสองค์สุดท้องของพระองค์
18 ภายหลังเรื่องเหล่านี้ พระเจ้าทรงกระทำให้ลำไส้ของ เยโฮรัมเป็นโรคซึ่งรักษาไม่ได้
19 ต่อมาเป็นเวลาสิ้นสองปีลำไส้ของพระองค์ก็ ออกมาเพราะโรคนั้น และพระองค์ก็สิ้นพระชนม์ด้วยความทุรนทุรายอย่างยิ่ง ประชาชนของพระองค์มิได้ก่อเพลิงถวายเกียรติแก่พระองค์ อย่างกับก่อเพลิงให้กับบรรพบุรุษของพระองค์
20 เมื่อพระองค์ทรงเริ่มครอบครองนั้น พระองค์มีพระชนมายุสามสิบสองพรรษา และทรงครอบครองในเยรูซาเล็มแปดปี และพระองค์ได้ทรงจากไปโดยไม่มีใครอาลัย เขาก็ฝังพระศพไว้ในนครดาวิด แต่ไม่ใช่ในอุโมงค์ของบรรดาพระราชา
2พงศาวดาร 22
1 และชาวเยรูซาเล็มได้ ให้อาหัสยาห์โอรสองค์สุดท้องของพระองค์ เป็นพระราชาแทนพระองค์ เพราะคนหมู่นั้นมาถึงค่ายกับคนอาหรับ ได้ฆ่าโอรสผู้พี่เสียทั้งหมด ดังนั้นอาหัสยาห์ โอรสของเยโฮรัมพระราชาของยูดาห์จึงครอบครอง
2 เมื่ออาหัสยาห์เริ่มครอบครองนั้น พระองค์มีพระชนมายุสี่สิบสองพรรษา และพระองค์ทรงครอบครองในเยรูซาเล็มหนึ่งปี พระมารดาของพระองค์ทรงพระนามว่าอาธาลิยาห์ หลานหญิงของอมรี
3 พระองค์ทรงดำเนินในทางของราชวงศ์ของอาหับด้วย เพราะว่าพระมารดาของพระองค์เป็นที่ปรึกษาในการกระทำ ความชั่วร้ายของพระองค์
4 พระองค์ทรงกระทำสิ่งที่ชั่วร้ายในสายพระเนตรพระเจ้า อย่างราชวงศ์ของอาหับได้กระทำ เพราะว่าหลังจากพระบิดาของพระองค์สิ้นพระชนม์แล้ว เขาทั้งหลายเป็นที่ปรึกษาของพระองค์ นำไปสู่ความหายนะของพระองค์
5 พระองค์ทรงกระทำตามคำปรึกษาของเขาทั้งหลาย และเสด็จไปกับโยรัม โอรสของอาหับ พระราชาแห่งอิสราเอลเพื่อทำสงครามกับฮาซาเอล พระราชาของซีเรีย ที่เมืองราโมทกิเลอาด และคนซีเรียได้กระทำให้โยรัมบาดเจ็บ
6 และพระองค์ทรงกลับมาที่ยิสเรเอล เพื่อรักษาบาดแผลซึ่งพระองค์ได้รับที่เมืองรามาห์ เมื่อพระองค์ทรงต่อสู้กับฮาซาเอลพระราชาของซีเรีย และอาหัสยาห์โอรสของเยโฮรัม พระราชาของยูดาห์เสด็จลงไปเฝ้าโยรัม โอรสของอาหับในเมืองยิสเรเอล เพราะว่าพระองค์ประชวร
7 แต่พระเจ้าทรงกำหนดไว้เสียแล้วว่า ความล่มจมของอาหัสยาห์จะมาโดยที่ พระองค์เสด็จลงไปเยี่ยมโยรัม เพราะเมื่อพระองค์เสด็จไปที่นั่น พระองค์เสด็จออกไปกับโยรัมเพื่อจะปะทะกับเยฮูบุตรนิมชี ผู้ซึ่งพระเจ้าได้ทรงเจิมตั้งให้ทำลายราชวงศ์ของอาหับ
8 และเมื่อเยฮูกำลังสำเร็จโทษราชวงศ์ของอาหับ ท่านได้พบเจ้านายของยูดาห์ และบรรดาโอรสพระเชษฐาของอาหัสยาห์ ผู้มาปรนนิบัติอาหัสยาห์ และท่านก็ได้ประหารเขาทั้งหลายเสีย
9 ท่านได้ค้นหาอาหัสยาห์ และพระองค์ก็ถูกจับเมื่อซ่อนพระองค์อยู่ในสะมาเรีย และเขาพาพระองค์มาหาเยฮู และประหารชีวิตพระองค์เสีย เขาทั้งหลายก็ฝังพระศพไว้ เพราะเขาทั้งหลายกล่าวว่า "พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าหลานเธอของเยโฮชาฟัท ผู้แสวงหาพระเจ้าด้วยสิ้นสุดพระทัยของพระองค์" และราชวงศ์ของอาหัสยาห์ไม่มีผู้ใด สามารถปกครองราชอาณาจักรได้
10 เมื่ออาธาลิยาห์เห็นว่าโอรสของพระนางสิ้นพระชนม์แล้ว พระนางก็ลุกขึ้นทำลายราชวงศ์แห่งยูดาห์เสียสิ้น
11 แต่พระนางเยโฮชาเบอาท ธิดาของพระราชา ได้นำโยอาชโอรสของอาหัสยาห์ ลักพาไปเสียจากท่ามกลางบรรดาโอรสของพระราชา ผู้ซึ่งจะต้องถูกประหาร และพระนางก็เก็บเธอและพี่เลี้ยงของเธอไว้ใน ห้องเก็บที่นอน" ดังนั้นแหละเยโฮชาเบอาทธิดาของกษัตริย์เยโฮรัม และภรรยาของเยโฮยาดาปุโรหิต (เพราะว่าพระนางเป็นพระขนิษฐาของอาหัสยาห์) ได้ซ่อนเธอให้พ้นพระนางอาธาลิยาห์ เพื่อมิให้พระนางประหารเธอได้
12 และเธอได้อยู่กับเขาในพระนิเวศของ พระเจ้าซ่อนตัวอยู่หกปี ฝ่ายพระนางอาธาลิยาห์ก็ได้ครอบครองแผ่นดิน
2พงศาวดาร 23
1 แต่ในปีที่เจ็ดเยโฮยาดาได้กล้าแข็งขึ้น และให้พวกนายร้อยกระทำสัตย์สาบานต่อท่าน มีอาซาริยาห์บุตรเยโรฮัม ยิชมาเอลบุตรเยโฮฮานัน อาซาริยาห์บุตรโอเบด มาอาเสอาห์บุตรอาดายาห์ และเอลีชาฟัทบุตรศิครี
2 และเขาทั้งหลายเที่ยวไปทั่วยูดาห์ และรวบรวมคนเลวีมาจากทุกหัวเมืองของยูดาห์ ทั้งบรรดาหัวหน้าของตระกูลของอิสราเอล และเขาทั้งหลายมายังเยรูซาเล็ม
3 และบรรดาชุมนุมชนทั้งสิ้นก็ทำ พันธสัญญากับพระราชาในพระนิเวศของพระเจ้า และเยโฮยาดากล่าวแก่เขาทั้งหลายว่า "ดูเถิด โอรสของพระราชาจะครอบครองตามที่พระเจ้าตรัสเกี่ยวกับบรรดาโอรสของดาวิด
4 ท่านทั้งหลายจงกระทำอย่างนี้ คือท่านผู้เป็นปุโรหิตและคนเลวี ผู้ออกเวรในวันสะบาโต หนึ่งในสามให้เป็นคนเฝ้าประตู
5 และหนึ่งในสามให้อยู่ที่พระราชสำนัก และหนึ่งในสามให้อยู่ที่ประตูเชิงราก และให้ประชาชนทั้งปวงอยู่ในลานพระนิเวศของพระเจ้า
6 แต่อย่าให้สักคนหนึ่งเข้าไปในพระนิเวศของพระเจ้า นอกจากปุโรหิตและคนเลวีที่ปรนนิบัติอยู่ เขาทั้งหลายเข้าไปได้ เพราะเขาทั้งหลายบริสุทธิ์ แต่ประชาชนทั้งปวงจะต้องรักษาการบังคับบัญชาของ พระเจ้า
7 ให้คนเลวีล้อมพระราชาไว้ แต่ละคนให้ถืออาวุธ และผู้ใดเข้าไปในพระนิเวศของพระเจ้าจะต้องถูกประหาร จงอยู่กับพระราชาเมื่อพระองค์เสด็จเข้ามา และเมื่อ พระองค์เสด็จออกไป"
8 คนเลวีและคนยูดาห์ทั้งปวงได้ กระทำทุกสิ่งที่เยโฮยาดาปุโรหิตได้บัญชาไว้ เขาทั้งหลายต่างก็นำคนของเขามา คือทั้งคนที่ออกเวรในวันสะบาโต และบรรดาคนเหล่านั้นที่จะเข้าเวรในวันสะบาโต เพราะเยโฮยาดาปุโรหิตมิได้ปล่อยกองเวร
9 และเยโฮยาดาปุโรหิตได้มอบหอกกับโล่ใหญ่โล่เล็ก ซึ่งเป็นของกษัตริย์ดาวิดนั้น ซึ่งอยู่ในพระนิเวศของพระเจ้า ให้ผู้บังคับบัญชากองร้อย
10 และท่านได้ตั้งประชาชนทั้งสิ้นให้เป็นผู้เฝ้าพระราชา ทุกคนถืออาวุธตั้งแต่ด้านขวาของพระนิเวศถึงด้านซ้ายของ พระนิเวศ รอบแท่นบูชาและพระนิเวศ
11 แล้วเขานำโอรสของพระราชาออกมา และสวมมงกุฎให้ท่าน มอบพระโอวาทให้แก่ท่าน และเขาทั้งหลายตั้งท่านไว้เป็นกษัตริย์ เยโฮยาดากับบุตรของท่านก็เจิมพระองค์ และเขาทั้งหลายร้องว่า "ขอพระราชาทรงพระเจริญ"
12 เมื่ออาธาลิยาห์ได้ยินเสียงประชาชนวิ่งและสรรเสริญ พระราชา พระนางก็เสด็จเข้าไปหาประชาชนในพระนิเวศของพระเจ้า
13 และเมื่อพระนางทอดพระเนตร ก็มีพระราชาประทับยืนอยู่ที่เสาหานของพระองค์ ตรงที่ทางเข้า บรรดาผู้บังคับกองและพลแตรก็อยู่ข้างพระราชา และราษฎรทั้งปวงก็เปรมปรีดิ์และเป่าแตร บรรดานักร้องพร้อมกับเครื่องดนตรีของเขาก็นำการสรรเสริญ พระนางอาธาลิยาห์ก็ฉีกฉลองพระองค์ของพระนางทรงร้องว่า "กบฏ กบฏ"
14 แล้วเยโฮยาดาปุโรหิตจึงนำบรรดานายร้อย ผู้บัญชาการกองทัพออกมา สั่งเขาว่า "จงคุมพระนางออกมาระหว่างแถวทหาร ผู้ใดที่ตามพระนางไปก็ให้ประหารชีวิตเสียด้วยดาบ" เพราะปุโรหิตกล่าวว่า "อย่าประหารพระนางในพระนิเวศของพระเจ้า"
15 เขาจึงจับพระนาง แล้วพระนางก็เสด็จไปที่ทางเข้าประตูม้า ณ พระราชวังและเขาทั้งหลายก็ประหารพระนางเสียที่นั่น
16 เยโฮยาดาได้กระทำพันธสัญญาระหว่างท่านเองกับ ประชาชนทั้งปวง และพระราชาว่า เขาทั้งหลายจะเป็นประชากรของพระเจ้า
17 แล้วประชาชนทั้งปวงก็ไปที่นิเวศของพระบาอัล และพังลงเสีย และเขาทุบแท่นบูชาและรูปเคารพของพระบาอัลนั้นให้เป็นชิ้นๆ และเขาประหารมัทธานปุโรหิตของพระบาอัลเสียที่หน้า แท่นบูชา
18 เยโฮยาดาวางยามไว้ดูแลพระนิเวศของพระเจ้า ภายใต้การควบคุมของปุโรหิตแห่งคนเลวี ผู้ซึ่งดาวิดทรงจัดตั้งให้ดูแลพระนิเวศของพระเจ้า ให้ถวายเครื่องเผาบูชาแด่พระเจ้า ตามที่บันทึกไว้ ในธรรมบัญญัติของโมเสส ด้วยความเปรมปรีดิ์และการร้องเพลง ตามพระราชดำรัสสั่งของดาวิด
19 ท่านได้ตั้งผู้เฝ้าประตูไว้ที่ประตูรั้วพระนิเวศ ของพระเจ้า เพื่อมิให้ผู้มีมลทินด้วยประการหนึ่งประการใดเข้าไป
20 ท่านได้นำผู้บังคับกองร้อย ขุนนางผู้ปกครองประชาชน และบรรดาราษฎร และท่านได้เชิญพระราชาลงมาจาก พระนิเวศของพระเจ้าไปทางประตูบนไปสู่พระราชสำนัก และเขาก็เชิญพระราชาประทับ บนพระราชบัลลังก์แห่งราชอาณาจักร
21 บรรดาราษฎรก็เปรมปรีดิ์ และกรุงก็สงบเงียบและพระนาง อาธาลิยาห์ถูกประหารเสียด้วยดาบแล้ว
2พงศาวดาร 24
1 เมื่อโยอาชได้เริ่มครอบครองมีพระชนมายุเจ็ดพรรษา และพระองค์ทรงครอบครองในกรุงเยรูซาเล็มสี่สิบพรรษา พระมารดาของพระองค์ทรงพระนามว่าศิบียาห์แห่งเมือง เบเออร์เชบา
2 และโยอาชทรงกระทำสิ่งที่ชอบในสายพระเนตรพระเจ้า ตลอดชั่วอายุของเยโฮยาดาปุโรหิต
3 เยโฮยาดาหามเหสีให้พระองค์สององค์ และพระองค์ก็มีโอรสและธิดาหลายองค์
4 ภายหลังโยอาชทรงตั้งพระทัยที่จะซ่อมแซม พระนิเวศของพระเจ้า
5 พระองค์ทรงประชุมปุโรหิตและคนเลวี และตรัสกับเขาทั้งหลายว่า "จงออกไปตามหัวเมืองยูดาห์และเก็บเงินจาก อิสราเอลทั้งปวง เพื่อซ่อมแซมพระนิเวศของพระเจ้าของเจ้าเป็นปีๆไป และจงรีบทำงานนั้น" แต่คนเลวีไม่เร่งรีบ
6 แล้วพระราชาจึงตรัสเรียกเยโฮยาดาผู้เป็นหัวหน้า และตรัสกับท่านว่า "ไฉนท่านไม่เรียกร้องให้คนเลวีนำเงินส่วยเข้ามา จากยูดาห์และเยรูซาเล็ม อันเป็นส่วยซึ่งโมเสสผู้รับใช้ของพระเจ้ากำหนดไว้ ให้ชุมนุมชนอิสราเอลนำมาเพื่อเต็นท์พระโอวาท"
7 เพราะบรรดาโอรสของพระนางอาธาลิยาห์ หญิงชั่วร้ายคนนั้นได้ปล้นพระนิเวศของพระเจ้า และได้ใช้สิ่งของที่มอบถวายทั้งสิ้นของพระนิเวศ ของพระเจ้าสำหรับนมัสการพระบาอัล
8 พระราชาจึงทรงบัญชา และเขาได้ทำหีบลูกหนึ่งวางไว้นอกประตูพระนิเวศของ พระเจ้า
9 และมีคำประกาศไปทั่วยูดาห์และเยรูซาเล็ม ให้นำส่วยซึ่งโมเสสผู้รับใช้ของพระเจ้ากำหนดแก่อิสราเอลในถิ่นทุรกันดาร เข้ามาถวายพระเจ้า
10 บรรดาเจ้านายทั้งสิ้นและประชาชนทั้งปวงก็เปรมปรีดิ์ และนำส่วยของเขาทั้งหลายมาหย่อนลงในหีบจนครบ
11 และเมื่อคนเลวีนำหีบเข้ามายังเจ้า พนักงานของพระราชาเมื่อไร และเมื่อเขาทั้งหลายเห็นว่ามีเงินมาก ราชเลขาและเจ้าหน้าที่ของมหาปุโรหิตจะเข้ามาเทหีบออก และนำหีบกลับไปยังที่เดิม เขาทั้งหลายทำอย่างนี้วันแล้ววันเล่า และเก็บเงินได้เป็นอันมาก
12 พระราชาและเยโฮยาดาก็ให้แก่บรรดา ผู้ดูแลกิจการของพระนิเวศของพระเจ้า และเขาทั้งหลายจ้างช่างก่อและช่างไม้ ให้ซ่อมแซมพระนิเวศของพระเจ้า ทั้งคนงานช่างเหล็กและช่างทองสัมฤทธิ์ ให้ซ่อมแซมพระนิเวศของพระเจ้า
13 บรรดาคนที่รับจ้างทำงานจึงได้ทำงาน และงานซ่อมแซมก็ดำเนินก้าวหน้าในมือของเขา และเขาได้ซ่อมแซมพระนิเวศของพระเจ้าตามขนาดเดิม และเสริมให้แข็งแรงขึ้น
14 และเมื่อเขาได้กระทำสำเร็จแล้ว เขาก็นำเงินที่เหลืออยู่มาหน้าพระพักตร์พระราชาและเยโฮยาดา และเขาเอาเงินนั้นทำเครื่องใช้สำหรับพระนิเวศแห่งพระเจ้า สำหรับการปรนนิบัติ ทั้งสำหรับเครื่องเผาบูชาและถ้วย และภาชนะทองคำและเงิน และเขาทั้งหลายได้ถวายเครื่องบูชาในพระนิเวศของพระเจ้า เสมอ ตลอดชั่วอายุของเยโฮยาดา
15 แต่เยโฮยาดาก็ชราลงและหง่อมแล้วก็สิ้นชีวิต เมื่อสิ้นชีวิตนั้นท่านมีอายุหนึ่งร้อยสามสิบปี
16 เขาก็ฝังศพท่านไว้ในนครของดาวิด ท่ามกลางบรรดาพระราชา เพราะท่านได้กระทำการดีในอิสราเอล และต่อพระเจ้าและพระนิเวศของพระองค์
17 หลังจากที่เยโฮยาดาสิ้นชีวิตแล้ว บรรดาเจ้านายแห่งยูดาห์ได้เข้ามาถวายบังคมต่อพระราชา แล้วพระราชาทรงฟังคำทูลของเขา
18 และเขาได้ทอดทิ้งพระนิเวศของพระเยโฮวาห์ พระเจ้าแห่งบรรพบุรุษของเขา และปรนนิบัติบรรดาอาเช-ราห์และรูปเคารพ และพระพิโรธได้ลงมาเหนือยูดาห์และเยรูซาเล็ม เพราะกรรมชั่วของเขานี้
19 แต่พระองค์ยังทรงใช้ผู้เผยพระวจนะมาท่ามกลางเขา นำเขาให้กลับมายังพระเจ้า คนเหล่านี้เป็นพยานปรักปรำเขา แต่เขาไม่ยอมฟัง
20 แล้วพระวิญญาณของพระเจ้าได้สวมทับเศคาริยาห์ บุตรเยโฮยาดาปุโรหิต และท่านได้ยืนเหนือประชาชน และกล่าวแก่เขาทั้งหลายว่า "พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า 'ทำไมท่านทั้งหลายจึงละเมิดพระบัญญัติของพระเจ้า อันเป็นเหตุให้ท่านเจริญขึ้นไม่ได้ เพราะท่านทั้งหลายได้ทอดทิ้งพระเจ้า พระองค์จึงทอดทิ้งท่าน'"
21 แต่เขาทั้งหลายคิดร้ายต่อท่าน และโดยบัญชาของพระราชา เขาทั้งหลายจึงขว้างท่านด้วยหินในลานพระนิเวศของพระเจ้า
22 ดังนี้แหละ โยอาชพระราชาจึงมิได้ทรงระลึกถึงความกรุณา ซึ่งเยโฮยาดาบิดาของเศคาริยาห์ได้สำแดงต่อพระองค์ แต่ได้ทรงประหารบุตรชายของท่านเสีย และเมื่อเขากำลังจะตาย เขาพูดว่า "ขอพระเจ้าทรงทอดพระเนตรและแก้แค้น"
23 พอปลายปีกองทัพของคนซีเรียก็มาต่อสู้กับโยอาช เขามายังยูดาห์และเยรูซาเล็ม และได้ทำลายบรรดาเจ้านายของประชาชนจากหมู่ประชาชน และส่งของที่ริบได้ทั้งสิ้นไปยังพระราชาแห่งดามัสกัส
24 แม้ว่ากองทัพคนซีเรียมาแต่น้อยคน พระเจ้าทรงมอบกองทัพใหญ่ไว้ในมือของเขา เพราะเขาทั้งหลายได้ทอดทิ้งพระเยโฮวาห์ พระเจ้าแห่งบรรพบุรุษของเขา ดังนี้แหละ คนซีเรียได้ทำโทษโยอาช
25 เมื่อเขาทั้งหลายจากพระองค์ไป (เขาละพระองค์ไว้บาดเจ็บอย่างสาหัส) ข้าราชการของพระองค์ก็คิดร้ายต่อพระองค์ เพราะโลหิตของบุตรเยโฮยาดาปุโรหิต และได้ประหารพระองค์เสียที่บนแท่นบรรทม พระองค์ก็สิ้นพระชนม์ และเขาทั้งหลายฝังพระศพไว้ในนครดาวิด แต่เขาทั้งหลายมิได้ฝังพระศพไว้ใน อุโมงค์ของบรรดาพระราชา
26 คนเหล่านั้นที่คิดร้ายต่อพระองค์ คือศาบาดบุตรนางชิเมอัทคนอัมโมน และเยโฮศาบาดบุตรนางชิมริทคนโมอับ
27 เรื่องราวแห่งโอรสของพระองค์และครุวาทเป็นอันมาก ที่กล่าวปรับโทษพระองค์ และการซ่อมแซมพระนิเวศของพระเจ้ามีบันทึกไว้ใน หนังสือธรรมบรรยายพงศ์กษัตริย์ และอามาซิยาห์โอรสของพระองค์ครอบครองแทนพระองค์
2พงศาวดาร 25
1 เมื่ออามาซิยาห์เริ่มครอบครองนั้นมีพระชนมายุ ยี่สิบห้าพรรษา และพระองค์ทรงครอบครองในเยรูซาเล็มยี่สิบเก้าปี พระมารดาของพระองค์ทรงพระนามว่า เยโฮอัดดาน ชาวเยรูซาเล็ม
2 และพระองค์ทรงกระทำสิ่งที่ชอบในสายพระเนตรพระเจ้า แต่มิใช่ด้วยพระทัยที่แท้จริง
3 และอยู่มาพอราชอาณาจักรอยู่ในพระหัตถ์ของ พระองค์อย่างมั่นคงแล้ว พระองค์ทรงประหารชีวิตข้าราชการของพระองค์ ผู้ที่ฆ่าพระราชบิดาของพระองค์
4 แต่พระองค์มิได้ทรงประหารชีวิตบุตรหลานของเขา แต่ได้ทรงกระทำตามที่มีบันทึกไว้ในหนังสือธรรม บัญญัติของโมเสส ที่พระเจ้าทรงบัญชาไว้นั้นว่า "อย่าทำให้บิดาถึงตายเพราะการกระทำของลูกหลาน หรืออย่าทำให้ลูกหลานถึงตายเพราะการกระทำของบิดา แต่ทุกคนจะต้องตายเพราะบาปของตนเอง"
5 แล้วอามาซิยาห์ได้ประชุมพวกยูดาห์ และให้เขาอยู่ภายใต้ผู้บังคับกองพันและกองร้อย ตามตระกูลของเขา คือยูดาห์และเบนยามินทั้งสิ้น พระองค์ได้ทรงนับคนที่มีอายุยี่สิบปีขึ้นไป และทรงเห็นว่ามีชายฉกรรจ์สามแสนคน สามารถเข้าทำสงคราม สามารถถือหอกและโล่
6 นอกจากนั้นพระองค์ทรงจ้างทแกล้วทหารจากอิสราเอล หนึ่งแสนคนเป็นเงินหนึ่งร้อยตะลันต์
7 แต่คนของพระเจ้าคนหนึ่งมาเฝ้าพระองค์ทูลว่า "ข้าแต่พระราชา ขออย่าให้กองทัพอิสราเอลไปกับพระองค์ เพราะพระเจ้ามิได้ทรงสถิตอยู่กับอิสราเอล คือกับคนเอฟราอิมเหล่านี้ทั้งสิ้น
8 แต่ถ้าพระองค์คาดหมายว่าโดยวิธีนี้ พระองค์จะเข้มแข็งพอที่จะเข้าสงคราม พระเจ้าจะทรงเหวี่ยงพระองค์ลงต่อหน้าศัตรู เพราะว่าพระเจ้าทรงฤทธิ์ที่จะช่วยไว้หรือทิ้งไปได้"
9 และอามาซิยาห์ตรัสกับคนของพระเจ้าว่า "แต่เราจะกระทำประการใดเรื่องเงินหนึ่งร้อยตะลันต์ ซึ่งเราได้ให้แก่กองทัพอิสราเอลไปแล้วนั้น" แล้วคนของพระเจ้าทูลตอบว่า "พระเจ้าทรงสามารถที่จะประทานแก่ พระองค์ยิ่งกว่านี้อีกมาก"
10 และอามาซิยาห์ก็ทรงปลดปล่อยกองทัพ ซึ่งมายังพระองค์จากเอฟราอิมให้กลับไปบ้านอีก เขาทั้งหลายจึงโกรธยูดาห์ยิ่งนัก และได้กลับบ้านด้วยความโกรธอย่างรุนแรง
11 แต่อามาซิยาห์ทรงกล้าแข็งขึ้น และทรงนำพลของพระองค์ออกไปยังหุบเขาเกลือ และโจมตีคนเสอีร์หนึ่งหมื่นคน
12 คนยูดาห์จับเป็นได้หนึ่งหมื่นคน และพาเขาไปที่ยอดหิน และทิ้งเขาทั้งหลายลงมาจากยอดหินนั้น เขาก็ตกมาแหลกเป็นชิ้นๆ
13 แต่คนของกองทัพซึ่งอามาซิยาห์ทรงปลดให้กลับไป และไม่ให้เขาไปรบด้วยนั้น เขาตลบเข้าโจมตีหัวเมือง ของยูดาห์ ตั้งแต่สะมาเรียถึงเบธโฮโรน และฆ่าประชาชนเสียสามพันคน และริบข้าวของไปเป็นอันมาก
14 และอยู่มาเมื่ออามาซิยาห์ เสด็จกลับจากการฆ่าฟันคนเอโดม พระองค์ทรงนำรูปเคารพของ คนชาวเสอีร์มาตั้งไว้เป็นพระของพระองค์ และกราบนมัสการพระเหล่านั้น ทรงเผาเครื่องหอมถวาย
15 เพราะฉะนั้นพระเจ้าทรงกริ้วต่ออามาซิยาห์ และทรงใช้ผู้เผยพระวจนะคนหนึ่งไปหา ทูลพระองค์ว่า "ทำไมเจ้าจึงแสวงหาพระของชนชาติหนึ่ง ซึ่งไม่สามารถช่วยกู้ชนชาติของตนเองจากมือของเจ้าได้"
16 ขณะที่เขากำลังทูลอยู่ พระราชาตรัสกับเขาว่า "เราได้แต่งตั้งเจ้าให้เป็นที่ปรึกษาหรือ หยุด ทำไมเจ้าจะต้องตายเล่า" ผู้เผยพระวจนะนั้นจึงหยุด แต่ทูลว่า "ข้าพระบาททราบว่าพระเจ้าทรงตั้งพระทัยจะทำลาย ฝ่าพระบาท เพราะฝ่าพระบาททรงกระทำเช่นนี้และมิได้ทรงฟังคำ ปรึกษาของข้าพระบาท"
17 แล้วอามาซิยาห์พระราชาแห่งยูดาห์ได้ตกลงพระทัย และทรงใช้ให้ไปเฝ้าเยโฮอาช โอรสของเยโฮอาหาส โอรสของเยฮู พระราชาของอิสราเอลทูลว่า "มาเถิด ให้เราทั้งสองมาเผชิญหน้ากัน"
18 และเยโฮอาชพระราชาแห่งอิสราเอลทรงใช้ ไปยังอามาซิยาห์พระราชาแห่งยูดาห์ว่า "ต้นกระชับบนเลบานอนส่งข่าวให้หาต้นสนสีดาร์ บนเลบานอนว่า 'จงยกบุตรหญิงของเจ้าให้เป็นภรรยาบุตรชายของเรา' และสัตว์ป่าทุ่งตัวหนึ่งแห่งเลบานอนผ่านมาและย่ำ ต้นกระชับลงเสีย
19 ท่านว่า 'ดูซิข้าพเจ้าได้โจมตีเอโดม' และจิตใจของท่านก็ผยองขึ้นในความโอ้อวด แต่จงอยู่กับบ้านเถิด เพราะไฉนท่านจึงเร้าใจตนเองให้ต่อสู้และรับอันตราย อันจะให้ท่านล้มลง ทั้งท่านและยูดาห์กับท่าน"
20 แต่อามาซิยาห์หาทรงฟังไม่เพราะเป็นมาจากพระเจ้า เพื่อว่าพระองค์จะทรงมอบเขาทั้งหลายไว้ในมือของศัตรู ของเขา เพราะเขาทั้งหลายได้เสาะหาพระแห่งเอโดม
21 เยโฮอาชพระราชาแห่งอิสราเอลจึงเสด็จขึ้นไป พระองค์และอามาซิยาห์พระราชาแห่งยูดาห์ได้เผชิญ หน้ากันที่เบธเชเมช ซึ่งเป็นของยูดาห์
22 และยูดาห์ก็พ่ายแพ้อิสราเอล และทุกคนก็หนีกลับไปบ้านของตน
23 เยโฮอาชพระราชาแห่งอิสราเอล ทรงจับอามาซิยาห์พระราชาแห่งยูดาห์โอรสของโยอาช โอรสของอาหัสยาห์ที่เบธเชเมช และนำพระองค์มายังเยรูซาเล็ม และทรงพังกำแพงเยรูซาเล็มลงสี่ร้อยศอก ตั้งแต่ประตูเอฟราอิมถึงประตูมุม
24 และพระองค์ทรงริบทองคำ และเงินทั้งหมด และเครื่องใช้ทั้งสิ้นซึ่งพบในพระนิเวศของพระเจ้า ในความอารักขาของโอเบดเอโดม ทั้งคลังทรัพย์ของสำนักพระราชวัง พร้อมกับคนประกันด้วย และพระองค์เสด็จกลับไปยังสะมาเรีย
25 อามาซิยาห์โอรสของโยอาชพระราชาแห่งยูดาห์ ทรงพระชนม์อยู่สิบห้าปี หลังจากมรณกรรมของเยโฮอาชโอรสของเยโฮอาหาส พระราชาแห่งอิสราเอล
26 ส่วนพระราชกิจนอกนั้นของอามาซิยาห์ ตั้งแต่ต้นจนปลาย มิได้บันทึกไว้ในหนังสือพงศ์กษัตริย์แห่งยูดาห์และ อิสราเอลหรือ
27 นับแต่เวลาเมื่ออามาซิยาห์ทรงหันไปจากพระเจ้า เขาทั้งหลายก็คิดกบฏต่อพระองค์ในเยรูซาเล็ม และพระองค์ทรงหนีไปที่ลาคีช แต่เขาใช้ไปตามพระองค์ที่ลาคีช และประหารพระองค์เสียที่นั่น
28 และเขาทั้งหลายนำพระศพใส่หลังม้ากลับมา และฝังไว้กับบรรพบุรุษของพระองค์ในนครดาวิด
2พงศาวดาร 26
1 ประชาชนทั้งสิ้นแห่งยูดาห์จึงตั้งอุสซียาห์ ผู้ซึ่งมีพระชนม์สิบหกพรรษา ให้เป็นกษัตริย์แทนอามาซิยาห์ราชบิดาของพระองค์
2 พระองค์ทรงสร้างเมืองเอโลทและให้กลับขึ้นแก่ยูดาห์ หลังจากที่พระราชาทรงล่วงหลับไปอยู่กับบรรพบุรุษของ พระองค์
3 เมื่ออุสซียาห์ทรงเริ่มครอบครองนั้นมีพระชนมายุสิบหก พรรษา และพระองค์ทรงครอบครองในกรุงเยรูซาเล็มห้าสิบสองปี พระมารดาของพระองค์ทรงพระนามว่าเยโคลียาห์ชาว เยรูซาเล็ม
4 และพระองค์ทรงกระทำสิ่งที่ชอบในสายพระเนตรพระเจ้า ตามที่อามาซิยาห์ราชบิดาของพระองค์ได้ทรงกระทำ ทุกประการ
5 และพระองค์ทรงตั้งพระองค์ที่จะแสวงหาพระเจ้า ในสมัยของเศคาริยาห์ผู้แนะนำพระองค์ในความ ยำเกรงพระเจ้า และตราบใดที่พระองค์แสวงหาพระเจ้า พระเจ้าทรงกระทำให้พระองค์เจริญ
6 พระองค์เสด็จออกไปทำสงครามต่อสู้กับคนฟีลิสเตีย และพังกำแพงเมืองกัท และกำแพงเมืองยับเนห์ และกำแพงเมืองอัชโดด และพระองค์ทรงสร้างหัวเมืองในเขตแดนอัชโดด และที่อื่นๆ อีกท่ามกลางคนฟีลิสเตีย
7 พระเจ้าทรงช่วยพระองค์ในการต่อสู้คนฟีลิสเตีย และต่อสู้คนอาหรับ ซึ่งอาศัยอยู่ในกูร์บาอัล และต่อสู้กับคนเมอูนี
8 ชนอัมโมนได้ถวายบรรณาการแก่อุสซียาห์ และพระนามของพระองค์ก็แผ่แพร่ออกไปถึงเขตแดนอียิปต์ เพราะพระองค์ทรงเข้มแข็งขึ้นยิ่งนัก
9 ยิ่งกว่านั้นอีกอุสซียาห์ทรงสร้างป้อมในเยรูซาเล็ม ที่ประตูมุม ที่ประตูหุบเขา และที่หัวเลี้ยว และป้องกันไว้แข็งแรง
10 และพระองค์ทรงสร้างป้อมในถิ่นทุรกันดาร ทรงสกัดหินทำที่ขังน้ำหลายแห่ง เพราะพระองค์ทรงมีฝูงสัตว์ใหญ่โต ทั้งในถิ่นเนินเชเฟลาห์และในที่ราบ และทรงมีชาวนาและคนแต่งต้นองุ่นในเนินเขา และในไร่นาอุดม เพราะพระองค์ทรงรักเกษตรกรรม
11 ยิ่งกว่านั้นอีกอุสซียาห์ทรงมีกองทหาร ซึ่งออกไปทำศึกเป็นกองๆ ตามจำนวนที่เยอีเอลราชเลขาได้รวบรวม ไว้ด้วยกันกับมาอาเสอาห์ เจ้าหน้าที่ภายใต้การควบคุมของฮานันยาห์ ผู้บังคับกองพลคนหนึ่งของพระราชา
12 จำนวนหัวหน้าตระกูลทั้งหมดคือ พวกทแกล้วทหาร มีสองพันหกร้อยคน
13 ใต้บังคับบัญชาของคนเหล่านี้ มีกองทัพพลสามแสนเจ็ดพันห้าร้อยคน ผู้ทำสงครามได้ด้วยกำลังมาก เพื่อช่วยพระราชาให้ต่อสู้กับศัตรู
14 และอุสซียาห์ทรงเตรียมโล่ หอก หมวก เสื้อเกราะ ธนู และก้อนหินสำหรับสลิงไว้สำหรับกองทัพ
15 ในเยรูซาเล็มพระองค์ทรงกระทำเครื่องกลไก โดยคนช่างประดิษฐ์ทำขึ้น ไว้บนป้อมและตามมุม เพื่อยิงลูกธนูและโยนก้อนหินใหญ่ๆ และพระนามของพระองค์ก็ลือไปไกล เพราะพระองค์ทรงรับความช่วยเหลือ อย่างอัศจรรย์จนพระองค์เข้มแข็ง
16 แต่เมื่อพระองค์ทรงแข็งแรงแล้ว พระองค์ก็มีพระทัยผยองขึ้น จึงทรงกระทำความเสียหาย เพราะพระองค์ไม่ซื่อสัตย์ต่อพระเยโฮวาห์พระเจ้าของพระองค์ และเข้าไปในพระวิหารของพระเจ้า เพื่อเผาเครื่องหอมบนแท่นเครื่องหอม
17 แต่อาซาริยาห์ปุโรหิตได้เข้าไปติดตามพระองค์ พร้อมกับปุโรหิตของพระเจ้าแปดสิบคนผู้ซึ่งเก่งกล้า
18 และเขาทั้งหลายได้ขัดขวางกษัตริย์อุสซียาห์ และทูลพระองค์ว่า "ข้าแต่อุสซียาห์มิใช่หน้าที่ของฝ่าพระบาท ที่จะเผาเครื่องหอมถวายแด่พระเจ้า แต่เป็นหน้าที่ของปุโรหิตบุตรหลานของอาโรน ผู้ซึ่งชำระไว้ให้บริสุทธิ์เพื่อเผาเครื่องหอม ขอเชิญฝ่าพระบาทเสด็จออกไปจากสถานนมัสการนี้ เพราะฝ่าพระบาทได้ทรงล่วงเกิน และฝ่าพระบาทจะไม่ได้รับเกียรติอันใดจากพระเจ้าเลย"
19 แล้วอุสซียาห์ทรงกริ้ว พระองค์มีกระถางไฟอยู่ในพระหัตถ์ จะทรงเผาเครื่องหอม และเมื่อพระองค์ทรงกริ้วต่อปุโรหิต โรคเรื้อนก็เกิดขึ้นมาที่พระนลาฏ ต่อหน้าปุโรหิตในพระนิเวศของพระเจ้าข้างแท่นเผาเครื่องหอม
20 และอาซาริยาห์มหาปุโรหิต และบรรดาปุโรหิตทั้งปวงมองดูพระองค์ และดูเถิด พระองค์ทรงเป็นโรคเรื้อนที่พระนลาฏ และเขาทั้งหลายก็ผลักพระองค์ออกไปโดยเร็ว และพระองค์เองก็ทรงรีบเสด็จออกไป เพราะว่าพระเจ้าทรงลงโทษพระองค์แล้ว
21 และอุสซียาห์ก็ทรงเป็นโรคเรื้อนจนวันสิ้นพระชนม์ และเพราะเป็นโรคเรื้อนก็ทรงอยู่ต่างหาก เพราะพระองค์ทรงถูกตัดออกเสียจากพระนิเวศของพระเจ้า และโยธามโอรสของพระองค์เป็นผู้ดูแลราชสำนักปกครอง ราษฎร
22 ส่วนพระราชกิจนอกนั้นของอุสซียาห์ ตั้งแต่ต้นจนปลาย อิสยาห์ผู้เผยพระวจนะบุตรอามอส ได้บันทึกไว้
23 และอุสซียาห์ก็ทรงล่วงหลับไปอยู่กับบรรพบุรุษของพระองค์ และเขาก็ฝังพระศพไว้กับบรรพบุรุษของพระองค์ใน นาที่ฝังศพอันเป็นของพระราชา เพราะเขาทั้งหลายว่า "พระองค์ทรงเป็นโรคเรื้อน" และโยธามโอรสของพระองค์ก็ครอบครองแทนพระองค์
2พงศาวดาร 27
1 เมื่อโยธามทรงเริ่มครอบครองนั้นมีพระชนมายุยี่สิบห้าพรรษา และพระองค์ทรงครอบครองในเยรูซาเล็มสิบหกปี พระมารดาของพระองค์มีพระนามว่าเยรูชาห์ บุตรหญิง ของศาโดก
2 และพระองค์ทรงกระทำสิ่งที่ชอบในสายพระเนตรพระเจ้า ตามซึ่งอุสซียาห์ราชบิดาของพระองค์ได้ทรงกระทำทุก ประการ เว้นแต่พระองค์มิได้เข้าไปในพระวิหารของพระเจ้า แต่ประชาชนยังปฏิบัติในทางเสียหาย
3 พระองค์ทรงสร้างประตูบนของพระนิเวศแห่งพระเจ้า และทรงกระทำการก่อสร้างมากที่กำแพงตำบลโอเฟล
4 ยิ่งกว่านั้นอีกพระองค์ทรงสร้างหัวเมืองในถิ่นเทือกเขา แห่งยูดาห์ และสร้างป้อมกับหอคอยตามป่าไม้
5 และพระองค์ทรงสู้รบกับพระราชาคนอัมโมนและทรงชนะ และในปีนั้นคนอัมโมนได้ถวายเงินแก่พระองค์หนึ่งร้อยตะลันต์ และข้าวสาลีหนึ่งหมื่นโคระกับข้าวบารลีหนึ่งหมื่น คนอัมโมนได้ถวายเท่ากันในปีที่สองและในปีที่สาม
6 โยธามจึงทรงมีกำลังมากขึ้น เพราะพระองค์ทรงหันไปดำเนิน ตามน้ำพระทัยของพระเยโฮวาห์พระเจ้าของพระองค์
7 ส่วนพระราชกิจนอกนั้นของ โยธามและการสงครามทั้งสิ้นของพระองค์ และพระราชวัตรของพระองค์ ดูเถิด มีบันทึกไว้ในหนังสือพงศ์กษัตริย์แห่งอิสราเอลและยูดาห์
8 เมื่อพระองค์ทรงเริ่มครอบครองมีพระชนมายุ ยี่สิบห้าพรรษา และพระองค์ทรงครอบครองในเยรูซาเล็มสิบหกปี
9 และโยธามล่วงหลับไปอยู่กับบรรพบุรุษของพระองค์ และเขาฝังพระศพไว้ในนครดาวิด และอาหัสโอรสของพระองค์ครอบครองแทนพระองค์
2พงศาวดาร 28
1 เมื่ออาหัสทรงเริ่มครอบครองมีพระชนมายุยี่สิบพรรษา และพระองค์ทรงครอบครองในเยรูซาเล็มสิบหกปี และพระองค์มิได้ทรงกระทำสิ่งที่ชอบใน สายพระเนตรพระเจ้า อย่างกับดาวิดบรรพบุรุษของพระองค์
2 แต่ทรงดำเนินตามทางของพระราชาแห่งอิสราเอล พระองค์ถึงกับทรงสร้างรูปเคารพหล่อสำหรับบรรดา พระบาอัล
3 และพระองค์ทรงเผาเครื่องหอมที่หุบเขาบุตรฮินโนม และทรงเผาบรรดาโอรสของพระองค์เป็นเครื่องบูชา ตามการกระทำอันน่าเกลียดน่าชังของบรรดาประชาชาติ ซึ่งพระเจ้าทรงขับไล่ออกเสียให้พ้นหน้าประชาชนอิสราเอล
4 พระองค์ทรงถวายสัตวบูชาและทรงเผาเครื่องหอมที่ปูชนีย สถานสูง และบนเนินเขา และใต้ต้นไม้งามทุกต้น
5 เพราะฉะนั้น พระเยโฮวาห์พระเจ้าของพระองค์ จึงทรงมอบพระองค์ไว้ในพระหัตถ์ของพระราชา แห่งซีเรีย ผู้ทรงชนะพระองค์และจับประชาชนของพระองค์ เป็นจำนวนมาก นำมายังดามัสกัส และพระองค์ทรงถูกมอบไว้ในพระหัตถ์ของพระราชาแห่งอิสราเอล ผู้ชนะพระองค์ด้วยการฆ่าฟันอย่างใหญ่หลวง
6 เพราะว่าเปคาห์บุตรเรมาลิยาห์ได้ฆ่าเสียหนึ่งแสน สองหมื่นคนในยูดาห์ในวันเดียว ทั้งสิ้นเป็นทหารกล้าแข็ง เพราะเขาทั้งหลายได้ทอดทิ้งพระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่งบรรพบุรุษของเขาทั้งหลาย
7 และศิครี ทแกล้วทหารของเอฟราอิมได้สังหารมาอาเสอาห์โอรสของ พระราชาและอัสรีคัมอธิบดีกรมวังและเอลคานาห์อุปราช
8 คนอิสราเอลได้จับญาติพี่น้องของตนเป็นเชลยสองแสนคน มีผู้หญิงบุตรชายและบุตรหญิง และได้ริบของเป็นอันมากมาจากเขานำมายังสะมาเรีย
9 แต่ผู้เผยพระวจนะคนหนึ่งของพระเจ้าอยู่ที่นั่นชื่อว่า โอเดด ท่านออกไปพบกองทัพซึ่งมายังสะมาเรีย และพูดกับเขาทั้งหลายว่า "ดูเถิด เพราะพระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่งบรรพบุรุษของ ท่านทั้งหลายทรงกริ้วต่อยูดาห์ พระองค์ทรงมอบเขาทั้งหลายไว้ในมือของท่าน แต่ท่านทั้งหลายได้สังหารเขาเสียด้วยความ เกรี้ยวกราดซึ่งขึ้นไปถึงฟ้าสวรรค์
10 และบัดนี้ท่านทั้งหลายเจตนาจะข่มขี่ประชาชน แห่งยูดาห์ และเยรูซาเล็มทั้งชายและหญิงให้เป็นทาสของท่าน ตัวท่านเองไม่มีบาปต่อพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านหรือ
11 บัดนี้ขอฟังข้าพเจ้า และขอส่งเชลยซึ่งท่านได้นำมา จากญาติพี่น้องของท่านกลับไป เพราะว่าพระพิโรธอันแรงกล้าของพระเจ้าอยู่เหนือท่านทั้งหลาย
12 บางคนในหัวหน้าคนเอฟราอิม คือ อาซาริยาห์บุตรโยฮานัน เบเรคิยาห์บุตรเมซิลเลโมท เยฮิสคียาห์บุตรชัลลูม และอามาสาบุตรหัดลัย ได้ยืนขึ้นขัดขวางบรรดาผู้ที่กลับมาจากสงคราม
13 พูดกับเขาทั้งหลายว่า "เจ้าอย่านำเชลยเข้ามาที่นี่ เพราะเจ้ามุ่งหมายที่จะนำโทษบาปมาเหนือเราต่อพระเจ้า เพิ่มเข้ากับบาปและกรรมชั่วในปัจจุบันของเรา เพราะว่ากรรมชั่วของเราก็ใหญ่โตอยู่ พระพิโรธอันแรงกล้าต่ออิสราเอลมีอยู่แล้ว"
14 เพราะฉะนั้นผู้ถืออาวุธจึงทิ้งเชลยและของที่ริบ มาต่อหน้าเจ้านายและชุมนุมชนทั้งปวง
15 และผู้ชายซึ่งถูกระบุชื่อนั้นได้ลุกขึ้นเอาเสื้อผ้า อันเป็นของที่ริบมาให้แก่คนที่เปลือยกายอยู่ในพวกเชลย และเขาก็นุ่งห่มให้เขาไว้ และให้รองเท้า และจัดหาอาหารและเครื่องดื่มให้ และชโลมเขา และนำคนที่อ่อนเปลี้ย ในพวกเขาขึ้นลานำเขากลับมา ยังญาติพี่น้องของเขาที่เมืองเยรีโค คือเมืองต้นอินทผลัม และเขาทั้งหลายก็กลับไปยังสะมาเรีย
16 ครั้งนั้นกษัตริย์อาหัสทรงใช้ให้ไปหา พระราชาแห่งอัสซีเรียเพื่อขอความช่วยเหลือ
17 เพราะคนเอโดมได้บุกรุกเข้ามาอีก และโจมตียูดาห์ และจับไปเป็นเชลยบ้าง
18 และคนฟีลิสเตียได้เข้าปล้นหัวเมืองในถิ่นเนินเชเฟลาห์ และที่ภาคใต้ของยูดาห์ และได้ยึดเมืองเบธเชเมช อัยยาโลน เกเดโรท และโสโคกับชนบท ทิมนาห์กับชนบทและทั้งกิมโซกับชนบท และเขาก็ตั้งอยู่ที่นั่น
19 เพราะพระเจ้าทรงกระทำให้ยูดาห์ด้อยลงด้วยอาหัส พระราชาแห่งอิสราเอล เพราะอาหัสทรงปล่อยให้เหลิงอยู่ในยูดาห์และไม่ซื่อ ต่อพระเจ้า
20 ฉะนั้นทิกลัทปิเลเสอร์พระราชาแห่งอัสซีเรียจึงยกขึ้นมา ต่อสู้กับพระองค์ และกระทำให้พระองค์ทุกข์พระทัยแทนที่จะสนับสนุนพระองค์ ให้เข้มแข็ง
21 เพราะอาหัสทรงเอาของจากพระนิเวศของพระเจ้า และจากราชสำนักและจากเจ้านายถวายเป็นบรรณา การแก่พระราชาของอัสซีเรีย แต่หาเป็นประโยชน์แก่พระองค์ไม่
22 ในคราวทุกข์ยากนั้น พระองค์ยิ่งไม่ซื่อต่อพระเจ้า คือกษัตริย์อาหัสองค์เดียวกันนี้แหละ
23 เพราะพระองค์ทรงถวายสัตวบูชาแก่พระของเมืองดามัสกัส ซึ่งได้ให้พระองค์พ่ายแพ้และตรัสว่า "เพราะว่าพระเจ้าแห่งพระราชาของซีเรียได้ช่วยเขาทั้งหลาย เราจะถวายสัตวบูชาแก่พระเหล่านั้นเพื่อจะช่วยเรา" แต่พระเหล่านั้นเป็นเครื่องทำลายพระองค์และทั้ง อิสราเอลทั้งปวงด้วย
24 และอาหัสทรงรวบรวมเครื่องใช้ของพระนิเวศแห่งพระเจ้า และตัดเครื่องใช้แห่งพระนิเวศของพระเจ้าเป็นชิ้นๆ และพระองค์ทรงปิดประตูพระนิเวศของพระเจ้า และพระองค์ทรงสร้างแท่นบูชาสำหรับพระองค์ ทุกมุมเมืองเยรูซาเล็ม
25 พระองค์ทรงสร้างปูชนีย สถานสูงในหัวเมืองของยูดาห์ทุกหัวเมือง เพื่อเผาเครื่องหอมถวายพระอื่น กระทำให้พระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่ง บรรพบุรุษของพระองค์ทรงพระพิโรธ
26 ส่วนพระราชกิจนอกนั้นของพระองค์ และเรื่องราวของพระองค์ทั้งสิ้นตั้งแต่ต้นจนปลาย ดูเถิด เขาบันทึกไว้ในหนังสือพงศ์กษัตริย์ของยูดาห์และอิสราเอล
27 และอาหัสก็ล่วงหลับไปอยู่กับบรรพบุรุษของพระองค์ เขาก็ฝังพระศพไว้ในกรุงคือในเยรูซาเล็ม เพราะเขามิได้นำพระศพไปไว้ในอุโมงค์ของพระราชา แห่งอิสราเอล และเฮเซคียาห์โอรสของพระองค์ได้ครอบครองแทนพระองค์
2พงศาวดาร 29
1 เมื่อเฮเซคียาห์มีพระชนมายุยี่สิบห้าพรรษา พระองค์ทรงเริ่มครอบครองและพระองค์ทรงครอบครอง ในกรุงเยรูซาเล็มยี่สิบเก้าปี พระมารดาของพระองค์ทรงพระนาม ว่าอาบียาห์บุตรีของเศคาริยาห์
2 และพระองค์ทรงกระทำสิ่งที่ชอบในสายพระเนตรพระเจ้า ตามซึ่งดาวิดบรรพบุรุษของพระองค์ได้ทรงกระทำ ในพระวิหาร
3 ในปีแรกแห่งรัชกาลของพระองค์ในเดือนแรก พระองค์ทรงเปิดประตูพระนิเวศของพระเจ้า และได้ทรงทำการซ่อมแซมประตูนั้น
4 พระองค์ทรงนำปุโรหิตและคน เลวีเข้ามาและทรงให้เขาชุมนุมที่ลานเมืองด้านตะวันออก
5 และตรัสกับเขาว่า "คนเลวีเอ๋ย ขอฟังเรา จงชำระตัวให้บริสุทธิ์ และชำระพระนิเวศของพระเยโฮวาห์พระเจ้า แห่งบรรพบุรุษของท่านให้บริสุทธิ์ และขนสิ่งสกปรกออกเสียจากสถานบริสุทธิ์
6 เพราะบิดาของเราทั้งหลายไม่ซื่อสัตย์ และได้กระทำสิ่งที่ชั่วในสายพระเนตร พระเยโฮวาห์พระเจ้าของเรา เขาทั้งหลายได้ทอดทิ้งพระองค์ และหันหน้าของเขาเสียจากที่ประทับของพระเจ้า และได้หันหลังให้
7 เขาปิดประตูมุขพระนิเวศด้วยและได้ดับประทีปเสีย และมิได้เผาเครื่องหอมหรือถวายเครื่องเผาบูชาใน สถานบริสุทธิ์ของพระเจ้าแห่งอิสราเอล
8 เพราะฉะนั้นพระพิโรธของพระเจ้าจึงมาบนยูดาห์และ เยรูซาเล็ม และพระองค์ทรงกระทำให้เขาเป็นสิ่งที่น่าหวาดเสียว เป็นที่สยดสยอง และเป็นที่เยาะเย้ยตามที่ท่านได้เห็นกับตาของท่านแล้ว
9 เพราะนี่แน่ะบิดาทั้งหลายของเราได้ล้มลงด้วยดาบ และบุตรชายบุตรหญิงกับภรรยาของเราได้เป็นเชลยเพราะเหตุนี้
10 บัดนี้เรามีใจประสงค์ที่จะกระทำพันธสัญญากับ พระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล เพื่อว่าพระพิโรธอันแรงกล้าของพระองค์จะหันไปเสียจากเรา
11 บุตรของข้าพเจ้าเอ๋ย อย่าเพิกเฉย เพราะพระเจ้าได้ทรงเลือกท่านให้ยืนอยู่เฉพาะพระพักตร์ของพระองค์ เพื่อปรนนิบัติพระองค์ และเป็นผู้ปรนนิบัติของพระองค์และเผาเครื่องหอม"
12 แล้วคนเลวีก็ลุกขึ้น คือมาฮาทบุตรอามาสัย และโยเอลบุตรอาซาริยาห์ ผู้เป็นพงศ์พันธุ์ของโคฮาท และพงศ์พันธุ์ของเมรารี มีคีช บุตรอับดี และอาซาริยาห์ บุตรเฮฮาลเลเลล และพงศ์พันธุ์ของเกอร์โชน มีโยอาห์บุตรศิมมาห์และเอเดนบุตรโยอาห์
13 และพงศ์พันธุ์ของเอลีซาฟาน มี ชิมรีและเยอูเอล และพงศ์พันธุ์ของอาสาฟมีเศคาริยาห์และมัทธานิยาห์
14 และพงศ์พันธุ์ของเฮมานมีเยฮูเอลและชิเมอี และพงศ์พันธุ์ของเยดูธูนมีเชไมอาห์และอุสซีเอล
15 เขาทั้งหลายรวบรวมพี่น้องของเขา และชำระตนให้บริสุทธิ์ และเข้าไปตามที่พระราชาได้ทรงบัญชา โดยพระวจนะของพระเจ้า ให้ชำระพระนิเวศของพระเจ้าให้บริสุทธิ์
16 ปุโรหิตได้เข้าไปในส่วนข้างในของพระนิเวศของพระเจ้า เพื่อชำระให้บริสุทธิ์ และเขานำสิ่งสกปรกที่เขาพบในพระวิหารของ พระเจ้าออกมาที่ลานพระนิเวศของพระเจ้า และคนเลวีก็ขนเอาของนั้นออกไปยังลำธารขิดโรน
17 เขาเริ่มชำระในวันแรกของเดือนแรก และในวันที่แปดของเดือนนั้นเขามายังมุขของพระเจ้า เขาชำระพระนิเวศของพระเจ้าอยู่แปดวัน และในวันที่สิบหกของเดือนแรกก็เสร็จ
18 แล้วเขาเข้าไปหาเฮเซคียาห์พระราชาและทูลว่า "ข้าพระบาททั้งหลายได้กระทำความสะอาดพระนิเวศ ของพระเจ้าสิ้นเสร็จแล้ว ทั้งแท่นเครื่องเผาบูชาและเครื่องใช้ของแท่นนั้นทั้งสิ้น และโต๊ะขนมตั้งถวาย และเครื่องใช้ของโต๊ะนั้นทั้งสิ้น
19 เครื่องใช้ทั้งสิ้นซึ่งกษัตริย์อาหัสคัดทิ้งในรัชสมัยของพระองค์ เมื่อพระองค์ไม่ซื่อต่อพระเจ้า ข้าพระบาททั้งหลายได้เตรียมพร้อม และได้ชำระแล้ว และดูเถิด ของเหล่านั้นก็อยู่หน้าแท่นบูชาของพระเจ้า"
20 แล้วเฮเซคียาห์พระราชาทรงลุกขึ้นแต่เช้า และรวบรวมเจ้านายของกรุง และเสด็จขึ้นไปยังพระนิเวศของพระเจ้า
21 และเขาได้นำวัวผู้เจ็ดตัว แกะผู้เจ็ดตัว ลูกแกะเจ็ดตัว และแพะผู้เจ็ดตัว เป็นเครื่องบูชาไถ่บาปสำหรับราชอาณาจักร สถานนมัสการและยูดาห์ และพระองค์ทรงบัญชาให้ลูกหลานของอาโรนคือ ปุโรหิตให้ถวายของเหล่านั้นบนแท่นบูชาของพระเจ้า
22 เขาทั้งหลายจึงฆ่าวัวผู้ และปุโรหิตก็รับเลือดและพรมที่แท่นบูชา และเขาทั้งหลายฆ่าแกะผู้ และเอาเลือดของมันพรมแท่นบูชา และฆ่าลูกแกะเอาเลือดของมันพรมแท่นบูชา
23 แล้วแพะผู้สำหรับเป็นเครื่องบูชาไถ่บาปนั้น เขานำมาที่พระราชาและที่ประชุมชน และเขาทั้งหลายก็เอามือของเขาวางบนแพะนั้น
24 และปุโรหิตก็ฆ่าแพะเสีย และเอาเลือดของมัน ทำเป็นเครื่องบูชาไถ่บาปบนแท่นนั้น เพื่อทำการลบมลทินบาปให้อิสราเอลทั้งปวง เพราะพระเจ้าทรงบัญชาว่า ให้ทำเครื่องเผาบูชาและเครื่องบูชาไถ่บาปสำหรับอิสราเอล
25 แล้วพระองค์ทรงให้คนเลวีประจำอยู่ในพระนิเวศของพระเจ้า มีฉาบ พิณใหญ่ และพิณเขาคู่ ตามบัญญัติของดาวิดและของกาดผู้ทำนายของพระราชา และของนาธันผู้เผยพระวจนะ เพราะว่าพระบัญญัตินั้นมาจากพระเจ้าทางผู้ เผยพระวจนะของพระองค์
26 คนเลวีก็ยืนอยู่ ถือเครื่องดนตรีของดาวิด และปุโรหิตถือแตร
27 แล้วเฮเซคียาห์ทรงบัญชาว่า ให้ถวายเครื่องเผาบูชานั้นบนแท่น และเมื่อเริ่มถวายเครื่องเผาบูชา ก็เริ่มถวายเพลงแก่พระเจ้า และแตรกับเครื่องดนตรีของดาวิดพระราชาของ อิสราเอลก็เริ่มด้วย
28 ชุมนุมชนทั้งสิ้นก็นมัสการ และนักร้องก็ร้องเพลง และคนดนตรีก็เป่าแตร ทำอย่างนี้อยู่จนถวายเครื่องเผาบูชาเสร็จ
29 เมื่อการถวายบูชาเสร็จแล้ว พระราชาและคนทั้งปวง ที่อยู่กับพระองค์ก็กราบลงนมัสการ
30 และเฮเซคียาห์พระราชาและเจ้านายก็บัญชา ให้คนเลวีร้องเพลง ยอพระเกียรติพระเจ้าด้วยถ้อยคำของดาวิดและของ อาสาฟผู้ทำนาย และเขาทั้งหลายร้องเพลงยอพระเกียรติด้วยความยินดี และเขาก็กราบลงนมัสการ
31 แล้วเฮเซคียาห์ตรัสว่า "บัดนี้ท่านทั้งหลายได้ชำระตัวของท่านให้บริสุทธิ์ต่อพระเจ้า จงเข้ามาใกล้นำเครื่องสัตวบูชา และเครื่องบูชาโมทนามายังพระนิเวศของพระเจ้า" และชุมนุมชนก็นำเครื่องสัตวบูชาและเครื่องบูชาโมทนา และทุกคนที่มีใจสมัครก็ได้นำเครื่องเผาบูชามา
32 จำนวนเครื่องเผาบูชาซึ่งชุมนุมชนนำมา คือวัวผู้เจ็ดสิบตัว แกะผู้หนึ่งร้อยและลูกแกะสองร้อย ทั้งสิ้นนี้เป็นเครื่องเผาบูชาแด่พระเจ้า
33 และเครื่องบูชาที่มอบถวายไว้ มีวัวผู้หกร้อยตัว และแกะสามพันตัว
34 แต่มีปุโรหิตน้อยเกินไป จนถลกหนังเครื่องเผาบูชาทั้งหมดไม่ได้ คนเลวีพี่น้องของเขาก็ได้ช่วยจนเสร็จงาน และจนกว่าปุโรหิตจะเสร็จการชำระตนให้บริสุทธิ์ เพราะในการชำระตนนั้นคนเลวีจริงจังยิ่งกว่าพวกปุโรหิต
35 นอกจากเครื่องเผาบูชามีจำนวนมากมายแล้วยังมี ไขมันของเครื่องศานติบูชา และมีเครื่องดื่มบูชาคู่กับเครื่องเผาบูชาด้วย ดังนี้แหละงานปรนนิบัติในพระนิเวศของพระเจ้าก็ฟื้นคืนมาอีก
36 เฮเซคียาห์กับประชาชนทั้งปวงก็เปรมปรีดิ์ ด้วยการที่พระเจ้าได้ทรงกระทำให้แก่ประชาชนครั้งนี้ เพราะเรื่องนี้เกิดขึ้นปัจจุบันทันด่วน
2พงศาวดาร 30
1 เฮเซคียาห์ทรงรับสั่งไปถึงอิสราเอลและยูดาห์ทั้งปวง และทรงพระอักษรถึงเอฟราอิมกับมนัสเสห์ด้วย ว่าเขาทั้งหลายควรจะมายังพระนิเวศของพระเจ้า ที่เยรูซาเล็ม เพื่อจะถือเทศกาลปัสกาถวายแด่พระเยโฮวาห์ พระเจ้าของอิสราเอล
2 เพราะว่าพระราชาและเจ้านาย ของพระองค์ทั้งชุมนุมชนทั้งปวงในเยรูซาเล็มได้ปรึกษากัน ที่จะถือเทศกาลปัสกาในเดือนที่สอง
3 ด้วยเขาทั้งหลายจะถือปัสกาตามกำหนดไม่ได้ เพราะว่าพวกปุโรหิตยังมิได้ชำระตนให้บริสุทธิ์ เพียงพอแก่จำนวน และประชาชนยังมิได้ชุมนุมกันในเยรูซาเล็ม
4 และแผนงานนั้นก็เป็นที่ชอบแก่พระราชา และ ชุมนุมชนทั้งปวง
5 เขาจึงลงมติให้ทำประกาศออกไปทั่วอิสราเอล ตั้งแต่เบเออร์เชบาถึงเมืองดานว่า ประชาชนควรมาถือปัสกาถวายแด่พระเยโฮวาห์ พระเจ้าแห่งอิสราเอลที่เยรูซาเล็ม เพราะเขามิได้ถือเป็นจำนวนมากๆตามที่ได้กำหนดไว้
6 คนเดินหนังสือจึงออกไปทั่วอิสราเอลและยูดาห์ ถือหนังสือจากพระราชาและบรรดาเจ้านายของพระองค์ เพราะพระราชาได้ทรงบัญชาว่า "โอ ชนอิสราเอลเอ๋ย จงกลับมาหาพระเยโฮวาห์ พระเจ้าของอับราฮัม อิสอัค และอิสราเอล เพื่อพระองค์จะหันกลับมายังคนส่วนที่เหลืออยู่ของท่าน ผู้ซึ่งหนีรอดจากพระหัตถ์ของพระราชาแห่งอัสซีเรีย
7 อย่าให้เหมือนบิดาและพี่น้องของท่านผู้ไม่ซื่อต่อ พระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่งบรรพบุรุษของเขา พระองค์จึงทรงมอบเขาไว้ให้ประสบความหายนะตามที่ ท่านเห็นอยู่
8 และคราวนี้อย่าหัวแข็งอย่างบิดาของท่านทั้งหลายเลย แต่จงยอมมอบตัวท่านแก่พระเจ้าและมายังสถานนมัสการ ของพระองค์ ซึ่งพระองค์ทรงชำระไว้ให้บริสุทธิ์เป็นนิตย์ และปรนนิบัติพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน เพื่อพระพิโรธอันแรงกล้าของพระองค์จะหันไปเสียจากท่าน
9 เพราะถ้าท่านทั้งหลายหันกลับมายังพระเจ้า พี่น้องของท่านและลูกหลานของท่านจะประสบ ความเอ็นดูจากผู้ที่จับเขาไปเป็นเชลย และจะได้กลับมายังแผ่นดินนี้อีก เพราะพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านทรงพระเมตตาและกรุณา ถ้าท่านกลับมาหาพระองค์ พระองค์จะไม่ทรงหันพระพักตร์ไปจากท่าน"
10 คนเดินหนังสือจึงไปตามหัวเมืองต่างๆทั่วแผ่นดินเอฟราอิม และมนัสเสห์ ไกลไปจนถึงเศบูลุน แต่คนทั้งหลายก็หัวเราะเยาะเขาและเย้ยหยันเขา
11 มีแต่คนเผ่าอาเชอร์ มนัสเสห์และเศบูลุนบางคนที่ถ่อมตัวและมายังเยรูซาเล็ม
12 พระหัตถ์ของพระเจ้าอยู่เหนือยูดาห์ด้วย ทรงให้เขาเป็นใจเดียวกันที่จะกระทำตาม ซึ่งพระราชาและเจ้านายได้บัญชาเขาไว้ตามพระวจนะ ของพระเจ้า
13 ประชาชนเป็นอันมากมาประชุมกันในเยรูซาเล็ม เพื่อถือเทศกาลกินขนมปังไร้เชื้อในเดือนที่สอง เป็นการชุมนุมใหญ่ยิ่งนัก
14 เขาลงมือทำงานกำจัดแท่นบูชาที่อยู่ในเยรูซาเล็ม และแท่นสำหรับเผาเครื่องหอมทั้งปวงนั้น เขาขนไปทิ้งเสีย ในลำธารขิดโรน
15 และเขาทั้งหลายได้ฆ่าแกะปัสกา ในวันที่สิบสี่ของเดือนที่สอง ปุโรหิตและคนเลวีก็ต้องรู้สึกละอาย เพราะฉะนั้นเขาจึงชำระตัวให้บริสุทธิ์ และนำเครื่องเผาบูชามาในพระนิเวศของพระเจ้า
16 เขาทั้งหลายเข้าประจำตำแหน่งที่เขาเคย ตามบทบัญญัติของโมเสสคนของพระเจ้า ปุโรหิตก็เอาเลือดซึ่งเขารับมาจากมือของคนเลวีประพรม
17 เพราะว่ามีหลายคนในชุมนุมชนนั้นยังมิได้ชำระตน ให้บริสุทธิ์ เพราะฉะนั้นคนเลวีจึงต้องฆ่าแกะปัสกาแทนทุกคนที่มลทิน เพื่อกระทำให้บริสุทธิ์ต่อพระเจ้า
18 เพราะว่ามวลชนนั้น คนเป็น อันมากที่มาจากเอฟราอิม มนัสเสห์ อิสสาคาร์ และเศบูลุนยังไม่ได้ชำระตน แต่เขาก็รับประทานปัสกาผิดต่อข้อที่กำหนดไว้ เพราะว่าเฮเซคียาห์ทรงอธิษฐานเผื่อเขาว่า "ขอพระเจ้าผู้ประเสริฐทรงให้อภัยแก่ทุกๆคน
19 ผู้ปักใจเสาะหาพระเจ้า คือพระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่งบรรพบุรุษของเขา ถึงแม้ว่าจะไม่เป็นไปตามกฎของความบริสุทธิ์แห่งสถาน นมัสการนี้"
20 พระเจ้าทรงฟังเฮเซคียาห์และทรงรักษาประชาชน
21 และประชาชนอิสราเอลที่อยู่ ณ เยรูซาเล็ม ได้ถือเทศกาลกินขนมปังไร้เชื้อเจ็ดวันด้วยความยินดียิ่ง และคนเลวีกับปุโรหิตได้สรรเสริญพระเจ้าทุกวันๆ ร้องเพลงด้วยเต็มกำลังของเขาถวายแด่พระเจ้า
22 และเฮเซคียาห์ทรง กล่าวหนุนใจพวกคนเลวีทั้งปวงผู้แสดงฝีมือดี ในการปรนนิบัติพระเจ้า ประชาชนจึงรับประทานอาหารในเทศกาลนั้นเจ็ดวัน ได้ถวายสัตว์เป็นเครื่องศานติบูชา และโมทนาพระคุณพระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่งบรรพบุรุษของตน
23 แล้วชุมนุมชนทั้งสิ้นก็ตกลงกันที่จะถือเทศกาลไปอีกเจ็ดวัน เขาจึงถือเทศกาลไปอีกเจ็ดวันด้วยความยินดี
24 เพราะเฮเซคียาห์พระราชาแห่งยูดาห์ได้ ทรงประทานวัวผู้หนึ่งพันตัว แกะเจ็ดพันตัว แก่ชุมนุมชนให้เป็นเครื่องบูชา และพวกเจ้านายได้ให้วัวผู้หนึ่งพันตัว แกะหนึ่งหมื่นตัว แก่ชุมนุมชน และปุโรหิตเป็นจำนวนมากก็ได้ชำระตนให้บริสุทธิ์
25 ชุมนุมชนทั้งสิ้นของยูดาห์ กับบรรดาปุโรหิตและคนเลวี และชุมนุมชนทั้งสิ้นซึ่งออกมาจากอิสราเอล และคนต่างด้าวซึ่งออกมาจากอิสราเอลและ ซึ่งอยู่ในยูดาห์เปรมปรีดิ์กัน
26 จึงมีความชื่นบานใหญ่ยิ่งในเยรูซาเล็ม เพราะตั้งแต่สมัยของซาโลมอนโอรสของ ดาวิดพระราชาแห่งอิสราเอล ไม่เคยมีอย่างนี้เลยในเยรูซาเล็ม
27 แล้วบรรดาปุโรหิตและคนเลวีได้ลุกขึ้นอวยพรประชาชน เสียงของเขาก็ถึงพระกรรณ และคำอธิษฐานของเขาก็ มายังที่ประทับบริสุทธิ์ของพระองค์ในฟ้าสวรรค์
2พงศาวดาร 31
1 เมื่อสำเร็จงานนี้ทั้งสิ้นแล้ว อิสราเอลทั้งปวงผู้อยู่ที่นั่น ได้ออกไปยังหัวเมืองยูดาห์และทำลายเสาศักดิ์สิทธิ์เป็นชิ้นๆ และโค่นบรรดาอาเชราห์ลง และพังปูชนียสถานสูงลง และพังแท่นทั่วยูดาห์ และเบนยามินทั้งสิ้นและในเอฟราอิมกับมนัสเสห์ จนเขาทำลายเสียหมดสิ้น แล้วประชาชนอิสราเอลทั้งปวงก็กลับไปยังหัวเมืองของตน ทุกคนกลับไปยังที่ดินของเขา เฮเซคียาห์ทรงวางกำหนดบำรุงปุโรหิตและคนเลวี
2 เฮเซคียาห์ได้ทรงจัดการแบ่งบรรดาปุโรหิตและ คนเลวีเป็นกองๆ แต่ละกองตามหน้าที่ปรนนิบัติของตนคือบรรดาปุโรหิต และคนเลวี ให้เป็นพนักงานฝ่ายเครื่องเผาบูชาและเครื่องศานติบูชา ให้ปรนนิบัติ และให้ถวายโมทนาและสรรเสริญภายในประตู ค่ายของพระเจ้า
3 ส่วนที่พระราชาทรงบริจาคจากทรัพย์สิน ส่วนพระองค์นั้นเป็นเครื่องเผาบูชา คือเครื่องเผาบูชาสำหรับเช้าและสำหรับเย็น และเครื่องเผาบูชาสำหรับวันสะบาโต วันขึ้นหนึ่งค่ำและเทศกาลตามกำหนด ดังที่บันทึกไว้ในธรรมบัญญัติของพระเจ้า
4 และพระองค์ทรงบัญชาประชาชนผู้อยู่ในเยรูซาเล็ม ให้บริจาคส่วนที่เป็นของปุโรหิตและของคนเลวี เพื่อเขาเหล่านั้นจะได้ถวายตัวเขา ถือธรรมบัญญัติของพระเจ้าให้มั่น
5 พอพระบัญชากระจายออกไป ประชาชนอิสราเอลก็ได้บริจาคเข้ามาอย่างมากมาย มีผลรุ่นแรกของข้าว เหล้าองุ่นใหม่ น้ำมัน น้ำผึ้ง และผลิตผลทุกอย่างของไร่นา และเขานำทศางค์ แห่งของทุกชนิดเข้ามาอย่างมากมาย
6 และประชาชนอิสราเอลและยูดาห์ผู้อาศัยอยู่ใน หัวเมืองของยูดาห์ ได้นำทศางค์ของวัวและแกะและของสิ่งที่มอบถวายแด่ พระเยโฮวาห์พระเจ้าของเขา และเก็บไว้เป็นกองๆ
7 ในเดือนที่สามเขาเริ่มกองสุมขึ้นและสำเร็จใน เดือนที่เจ็ด
8 เมื่อเฮเซคียาห์และเจ้านายมาเห็นกองเหล่านั้น ท่านทั้งหลายก็ถวายสาธุการแด่พระเจ้าและอวยพร แก่อิสราเอลประชากรของพระองค์
9 เฮเซคียาห์ก็ทรงไต่ถาม ปุโรหิตและคนเลวีถึงเรื่องกองเหล่านั้น
10 อาซาริยาห์มหาปุโรหิต ผู้เป็นเชื้อสายของศาโดกทูลตอบพระองค์ว่า "ตั้งแต่เขาทั้งหลายได้นำส่วนบริจาคเข้ามาใน พระนิเวศของพระเจ้า พวกข้าพระบาทได้รับประทานและมีพอกับมีเหลือมาก เพราะพระเจ้าได้ทรงอำนวยพระพรประชากรของพระองค์ เพราะฉะนั้นพวกข้าพระบาทจึงมีเหลืออยู่ใหญ่โตอย่างนี้"
11 แล้วเฮเซคียาห์จึงทรงบัญชาให้เขาจัดห้องใน พระนิเวศของพระเจ้าและเขาทั้งหลายก็จัดไว้
12 และเขาทั้งหลายนำสิ่งบริจาคเข้ามาอย่างซื่อสัตย์ ทั้งทศางค์ และของมอบถวาย หัวหน้าเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลคือ โคนานิยาห์คนเลวีกับชิเมอีน้องชายเป็นคนรอง
13 เยฮีเอล อาซาซิยาห์ นาหัท อาสาเฮล เยรีโมท โยซาบาด เอลีเอล อิสมาคิยาห์ มาฮาท และเบไนยาห์ เป็นผู้ควบคุมช่วยเหลือ โคนานิยาห์และชิเมอีน้องชายของเขา โดยการแต่งตั้งของเฮเซคียาห์พระราชา และอาซาริยาห์เจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่ของพระนิเวศของพระเจ้า
14 โคเร บุตรอิมนาห์คนเลวี ผู้เฝ้าประตูตะวันออก เป็นผู้ดูแลของบูชาที่ถวายตามใจสมัครแก่พระเจ้า แจกส่วนบริจาคที่สงวนไว้สำหรับพระเจ้าและเครื่องบูชาบริสุทธิ์ที่สุด
15 เอเดน มินยามิน เยชูอา เชไมอาห์ อามาริยาห์ เชคานิยาห์ได้ช่วยเขาอย่างซื่อสัตย์ในหัวเมืองของปุโรหิต ให้แจกแก่พี่น้องของเขาทั้งหลายทั้งผู้ใหญ่และผู้น้อย เหมือนกันตามกองเวร
16 เว้นแต่คนเหล่านั้นที่ขึ้นทะเบียนไว้ตามพงศ์พันธุ์ ผู้ชายตั้งแต่สามขวบขึ้นไป ทุกคนที่เข้าไปใน พระนิเวศของพระเจ้า เป็นเวรตามหน้าที่ประจำวันที่ต้องทำ เพื่อทำการปรนนิบัติตามหน้าที่โดยกองของเขา
17 การขึ้นทะเบียนปุโรหิตก็กระทำตามตระกูลของเขา ส่วนคนเลวีตั้งแต่อายุยี่สิบปีขึ้นไปก็ขึ้นตามหน้าที่ของเขา ตามกองเวรของเขาทั้งหลาย
18 และขึ้นทะเบียนทั้งลูกเล็กๆของเขา ภรรยาของเขา บุตรชายบุตรหญิงของเขา มวลชนทั้งสิ้น เพราะเขาทั้งหลายซื่อสัตย์ในการรักษาตัวของเขาให้บริสุทธิ์
19 สำหรับลูกหลานของอาโรนคือพวกปุโรหิต ผู้อยู่ในทุ่งนารวมรอบหัวเมืองของเขานั้น มีผู้ชายในหัวเมืองต่างๆ ผู้ถูกระบุชื่อให้แจกจ่ายส่วนแบ่งแก่เพศชายทุกคน ในพวกของปุโรหิต และทุกคนในพวกของคนเลวีผู้ซึ่งได้ขึ้นทะเบียนไว้
20 เฮเซคียาห์ทรงกระทำดังนี้ทั่วทั้งยูดาห์ และพระองค์ทรงกระทำสิ่งที่ดีและชอบ และซื่อสัตย์ต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์พระเจ้าของพระองค์
21 และงานทุกอย่างซึ่งพระองค์ทรงเริ่มกระทำในการ ปรนนิบัติ แห่งพระนิเวศของพระเจ้าและตามพระธรรมและพระบัญญัติ เพื่อแสวงหาพระเจ้าของพระองค์ พระองค์ทรงกระทำด้วยเต็มพระทัย และทรงจำเริญขึ้น
2พงศาวดาร 32
1 ภายหลังเหตุการณ์เหล่านี้และกิจการอันซื่อสัตย์เหล่านี้ เซนนาเคอริบกษัตริย์อัสซีเรียยกมาบุกรุกยูดาห์ และตั้งค่ายล้อมหัวเมืองที่มีป้อมไว้ ทรงดำริที่จะยึดไว้
2 และเมื่อเฮเซคียาห์ทรงเห็นว่าเซนนาเคอริบยก มาด้วยเจตนาจะต่อสู้กับเยรูซาเล็ม
3 พระองค์ทรงวางแผนการกับเจ้านายของพระองค์ และทแกล้วทหารของพระองค์ ที่จะอุดน้ำตามน้ำพุที่อยู่นอกเมืองเสีย และเขาทั้งหลายก็ทรงช่วยพระองค์
4 มีประชาชนเป็นอันมากรวบรวมกันเข้ามา และเขาทั้งหลายอุดน้ำพุและปิดลำธารซึ่งไหลผ่านแผ่นดินเสีย พูดว่า "ทำไมจะให้บรรดากษัตริย์อัสซีเรียยก มาพบน้ำเป็นอันมากเล่า"
5 พระองค์ทรงประกอบกิจอย่างบึกบึน สร้างกำแพงที่ปรักหักพังนั้นทั่วไปใหม่ และสร้างหอคอยขึ้นและทรงสร้างกำแพงข้างนอกอีกชั้นหนึ่ง และพระองค์ทรงเสริมกำแพงป้อมมิลโลที่นครดาวิด ทรงสร้างอาวุธและโล่เป็นจำนวนมาก
6 และพระองค์ทรงตั้งผู้บังคับการต่อต้านไว้เหนือประชาชน และทรงรวบรวมเข้าไว้ด้วยกัน ณ ลานที่ประตูนคร และตรัสอย่างหนุนใจเขาทั้งหลายว่า
7 "จงเข้มแข็งและกล้าหาญเถิด อย่ากลัวหรือท้อถอยต่อพระราชาอัสซีเรีย และต่อกองทัพทั้งสิ้นที่อยู่กับเขานั้น เพราะมีผู้หนึ่งฝ่ายเราที่ใหญ่กว่าฝ่ายเขา
8 ฝ่ายเขามีแต่กำลังเนื้อหนัง แต่ฝ่ายเรามีพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเราทรงสถิตกับ เราที่ทรงช่วยเราและสู้รบฝ่ายเรา" ประชาชนก็วางใจในพระดำรัสของเฮเซคียาห์พระราชาแห่งยูดาห์
9 ภายหลังเซนนาเคอริบพระราชาแห่งอัสซีเรีย ผู้ซึ่งกำลังล้อมเมืองลาคีชอยู่ ด้วยกำลังรบทั้งสิ้นของพระองค์ ได้รับสั่งให้ข้าราชการของพระองค์ไปยังกรุง เยรูซาเล็มถึงเฮเซคียาห์พระราชาของยูดาห์ และถึงประชาชนทั้งปวงของยูดาห์ที่อยู่ในเยรูซาเล็มว่า
10 "เซนนาเคอริบพระราชาแห่งอัสซีเรียตรัสดังนี้ว่า 'เจ้าทั้งหลายพึ่งอะไร เจ้าจึงยืนมั่นให้ล้อมอยู่ในกรุงเยรูซาเล็ม
11 เฮเซคียาห์มิได้พาเจ้าให้หลงเพื่อจะมอบให้เจ้าตาย ด้วยการอดอาหารและความกระหายหรือ ในเมื่อเขาบอกเจ้าว่า "พระเยโฮวาห์พระเจ้าของเราจะทรงช่วยกู้เรา จากมือของพระราชาแห่งอัสซีเรีย"
12 เฮเซคียาห์คนนี้แหละมิใช่หรือที่ได้ กำจัดปูชนียสถานสูง และแท่นบูชาของพระองค์ และบัญชาแก่ยูดาห์ กับเยรูซาเล็มว่า "เจ้าจงนมัสการอยู่หน้าแท่นบูชาแท่นเดียว และเจ้าจงเผาเครื่องบูชาบนแท่นนั้น"
13 เจ้าไม่รู้หรือว่าเราและบรรพบุรุษ ของเราได้กระทำอะไรแก่ชนชาติทั้งหลาย พระของบรรดาประชาชาติแห่งประเทศเหล่านั้น สามารถที่จะช่วยกู้ประเทศของเขาให้พ้นจาก มือของเราหรือ
14 ในพวกพระทั้งปวงแห่ง ประชาชาติเหล่านั้นที่บรรพบุรุษของเรา ได้ทำลายเสียอย่างสิ้นเชิง ยังมีพระองค์ใดเล่าที่สามารถช่วยกู้ประชากร ของตนจากมือของเรา แล้วพระเจ้าของเจ้าน่ะหรือจะสามารถช่วยกู้ เจ้าจากมือของเรา
15 เพราะฉะนั้นอย่าให้เฮเซคียาห์ล่อลวงเจ้า หรือพาเจ้าให้หลงในทำนองนี้ อย่าเชื่อเขา เพราะไม่มีพระแห่งประชาชาติหรือราชอาณาจักรใด ที่สามารถช่วยกู้ประชากรของตนจากมือของเรา หรือจากมือบรรพบุรุษของเรา พระเจ้าของเจ้าจะกู้เจ้า จากมือของเราได้น้อยยิ่งกว่านั้นสักเท่าใดเล่า'"
16 และข้าราชการของพระองค์ ก็กล่าวทับถมพระเจ้าและ เฮเซคียาห์ผู้รับใช้ของพระองค์มากยิ่งกว่านั้น
17 และพระองค์ทรงพระอักษร หมิ่นประมาทพระเยโฮวาห์พระเจ้าของอิสราเอล และตรัสทับถมพระองค์ว่า "พระของบรรดาประชาชาติแห่งประเทศทั้งหลาย มิได้ช่วยกู้ประชากรของตนจากมือของเราฉันใด พระเจ้าของเฮเซคียาห์ก็จะไม่ช่วยกู้ประชากรของตน จากมือของเราฉันนั้น"
18 และเขาทั้งหลายก็ตะโกนความนี้ ด้วยเสียงอันดังเป็นภาษายูดาห์ ให้ชาวเยรูซาเล็มผู้อยู่บนกำแพงฟัง เพื่อให้เขาตกใจ และหวาดหวั่นไหว จะได้ยึดเอาเมืองนั้น
19 เขาได้พูดถึงพระเจ้าแห่งเยรูซาเล็ม อย่างกับที่เขาพูดถึงพระแห่งชนชาติทั้งหลายของแผ่นดินโลก ซึ่งเป็นผลงานของมือมนุษย์
20 แล้วเฮเซคียาห์พระราชาและอิสยาห์ผู้เผยพระวจนะ บุตรอามอส ได้อธิษฐานเพราะเรื่องนี้และร้องทูลต่อฟ้าสวรรค์
21 และพระเจ้าทรงใช้ทูตสวรรค์องค์หนึ่ง ซึ่งได้ตัดทแกล้วทหารทั้งปวง และผู้บังคับกองและนายทหารในค่ายของพระราชา แห่งอัสซีเรีย เพราะฉะนั้นพระองค์จึงเสด็จกลับไปยังแผ่นดินของ พระองค์ด้วยความอับอายขายพระพักตร์ และเมื่อพระองค์เสด็จเข้าในนิเวศแห่งพระของพระองค์ โอรสบางองค์ของพระองค์เองได้ฟันพระองค์ลงด้วยดาบ
22 ดังนั้นพระเจ้าจึงทรงช่วยเฮเซคียาห์ และชาวเยรูซาเล็มจากพระหัตถ์ของเซนนาเคอริบ พระราชาแห่งอัสซีเรีย และจากมือของศัตรูทั้งสิ้นของพระองค์ และพระองค์ทรงนำเขาทั้งหลายอยู่ทุกด้าน
23 และคนเป็นอันมากนำของกำนัลถวาย พระเจ้ามายังเยรูซาเล็ม และสิ่งประเสริฐต่างๆ มาถวายเฮเซคียาห์พระราชาแห่งยูดาห์ พระองค์จึงทรงเป็นที่ยกย่องในสายตาของประชาชาติทั้งปวง ตั้งแต่เวลานั้นเป็นต้นมา
24 ครั้งนั้นเฮเซคียาห์ทรงประชวรใกล้จะสิ้นพระชนม์ และพระองค์ทูลอธิษฐานต่อพระเจ้า และพระเจ้าทรงตอบและประทานหมายสำคัญ อย่างหนึ่งให้แก่เฮเซคียาห์
25 แต่เฮเซคียาห์มิได้สนองพระคุณนั้น เพราะพระทัยของพระองค์ผยองขึ้น เพราะฉะนั้นพระพิโรธจึงมาเหนือกษัตริย์ยูดาห์และเยรูซาเล็ม
26 แต่เฮเซคียาห์ทรง อ่อนน้อมถ่อมพระทัยที่กำเริบนั้นลง ทั้งพระองค์และชาวเยรูซาเล็ม พระพิโรธของพระเจ้าจึงมิได้มาเหนือเขาทั้งหลาย ในรัชกาลเฮเซคียาห์
27 เฮเซคียาห์ทรงมีราชทรัพย์และเกียรติใหญ่ยิ่ง และพระองค์ทรงสร้างคลังไว้สำหรับพระองค์ เพื่อเก็บเงิน ทองคำ และเพชรนิลจินดา เครื่องเทศ โล่ และสำหรับเครื่องใช้ดีๆทุกชนิด
28 ทั้งฉางสำหรับข้าวเหล้าองุ่น และน้ำมันที่ผลิตมา และโรงเก็บสัตว์เลี้ยงทุกชนิด และคอกแกะ
29 พระองค์ทรงจัดหัวเมืองเพื่อพระองค์ด้วย ทั้งฝูงแพะแกะและฝูงวัวเป็นอันมาก เพราะพระเจ้าทรงประทานทรัพย์สินให้พระองค์มากยิ่ง
30 เฮเซคียาห์องค์นี้เองทรงปิดทางน้ำออกตอนบน ของน้ำพุกีโฮนเสีย แล้วนำไปให้ไหลลงไปทางทิศตะวันตกของนครดาวิด และเฮเซคียาห์ทรงจำเริญในพระราชกิจทั้งสิ้นของพระองค์
31 ฉะนั้นในเรื่องทูตที่เจ้านายเมืองบาบิโลนใช้ให้มาถาม ถึงหมายสำคัญซึ่งได้เกิดขึ้นในแผ่นดิน พระเจ้าก็ทรงปล่อยพระองค์ตามอำเภอใจ เพื่อจะทดลองพระองค์ และเพื่อจะทราบพระดำริทั้งสิ้นในพระทัยของพระองค์
32 ฝ่ายพระราชกิจนอกนั้นของเฮเซคียาห์ และกิจการอันดีของพระองค์ ดูเถิด มีบันทึกไว้ในนิมิตของอิสยาห์ผู้เผยพระวจนะ บุตรอามอสในหนังสือพงศ์กษัตริย์ของยูดาห์และอิสราเอล
33 และเฮเซคียาห์ล่วงหลับไปอยู่กับบรรพบุรุษของพระองค์ และเขาฝังพระศพไว้ที่ทางขึ้นอุโมงค์ของโอรสของดาวิด และบรรดาคนยูดาห์และชาวเยรูซาเล็มทั้งปวงได้ ถวายเกียรติ เมื่อพระองค์สิ้นพระชนม์ และมนัสเสห์โอรสของพระองค์ได้ครอบครองแทนพระองค์
2พงศาวดาร 33
1 เมื่อมนัสเสห์เริ่มครอบครองมีพระชนมายุสิบสองพรรษา และพระองค์ทรงครอบครองในเยรูซาเล็มห้าสิบห้าปี
2 พระองค์ทรงกระทำสิ่งที่ชั่วร้ายในสายพระเนตรพระเจ้า ตามการกระทำที่น่าเกลียดน่าชังแห่งประชาชาติ ซึ่งพระเจ้าทรงขับไล่ไปเสียจากข้างหน้าประชาชนอิสราเอล
3 เพราะพระองค์ทรงสร้างปูชนียสถานสูงขึ้นใหม่ ซึ่งเฮเซคียาห์พระราชบิดาของพระองค์ได้ทรงพังลงนั้น และทรงสร้างแท่นบูชาแด่พระบาอัล และทรงทำบรรดาอาเช-ราห์และนมัสการบริวารทั้งสิ้นของ ฟ้าสวรรค์และปรนนิบัติพระเหล่านั้น
4 และพระองค์ทรงสร้างแท่นบูชาในพระนิเวศของพระเจ้า ซึ่งพระเจ้าตรัสว่า "นามของเราจะอยู่ในเยรูซาเล็มเป็นนิตย์"
5 และพระองค์ได้ทรงสร้างแท่นบูชาสำหรับ บริวารแห่งฟ้าสวรรค์ ในลานทั้งสองแห่งพระนิเวศของพระเจ้า
6 และพระองค์ได้ทรงถวายโอรสของพระองค์ให้ลุยไฟ เป็นเครื่องบูชาในหุบเขาบุตรฮินโนม ถือฤกษ์ยาม เวทมนตร์ วิทยาคม และติดต่อกับคนทรงและพ่อมดแม่มด พระองค์ทรงกระทำสิ่งที่ชั่วร้ายเป็นอันมากในสายพระเนตรพระเจ้า กระทำให้พระองค์ทรงพระพิโรธ
7 และรูปเคารพสลักซึ่งพระองค์ทรงสร้างนั้น พระองค์ทรงตั้งไว้ในพระนิเวศของพระเจ้า ซึ่งพระเจ้าตรัสกับดาวิดและซาโลมอนโอรสของดาวิดว่า "ในนิเวศนี้และในเยรูซาเล็มซึ่งเราได้เลือกออกจาก เผ่าทั้งสิ้นของอิสราเอล เราจะบรรจุนามของเราไว้เป็นนิตย์
8 และเราจะไม่ให้เท้าของอิสราเอลพเนจร ออกไปจากแผ่นดินซึ่งเราได้กำหนดให้บรรพบุรุษของเจ้าอีกเลย ถ้าเขาเพียงแต่จะระมัดระวังกระทำทุกอย่าง ซึ่งเราได้บัญชาเขาไว้ คือพระธรรม กฎเกณฑ์ และกฎหมายทั้งสิ้นซึ่งได้ให้ไว้กับโมเสส"
9 มนัสเสห์ทรงชักจูงยูดาห์และชาวเยรูซาเล็มให้หลง เขาจึงได้กระทำความชั่วร้ายยิ่งกว่าบรรดาประชาชาติ ซึ่งพระเจ้าได้ทรงทำลายให้พ้นหน้าประชาชนอิสราเอลนั้น
10 พระเจ้าตรัสกับมนัสเสห์และประชาชนของพระองค์ แต่เขาทั้งหลายไม่ฟัง
11 เพราะฉะนั้น พระเจ้าทรงให้ผู้บังคับกองทหารของ พระราชาแห่งอัสซีเรียมาต่อสู้เขาทั้งหลาย เอาเบ็ดเกี่ยวมนัสเสห์และจำจองด้วยตรวนทองสัมฤทธิ์ และนำพระองค์มายังบาบิโลน
12 และเมื่อพระองค์ทรงทุกข์ยาก พระองค์ทรงวิงวอนขอพระกรุณา ต่อพระเยโฮวาห์พระเจ้าของพระองค์ และถ่อมพระทัยลงอย่างมากต่อพระเจ้า ของบรรพบุรุษของพระองค์
13 พระองค์ทรงอธิษฐานต่อ พระเจ้าและพระเจ้าทรงรับคำวิงวอนของท่าน และทรงฟังคำอ้อนวอนของท่าน และนำท่านกลับมายังกรุงเยรูซาเล็มในราชอาณาจักร ของท่านอีก แล้วมนัสเสห์ทรงทราบว่าพระเยโฮวาห์ทรงเป็นพระเจ้า
14 ภายหลังพระองค์ทรงสร้างกำแพงชั้นนอก ให้นครดาวิดทางตะวันตกของกีโฮนในหุบเขา ไปจนถึงทางเข้าประตูปลา แล้ววงรอบตำบลโอเฟล และก่อขึ้นให้สูงมาก และพระองค์ทรงตั้งผู้บังคับบัญชากองทัพ ให้อยู่ในหัวเมืองมีป้อมในยูดาห์ทั้งสิ้น
15 และพระองค์ทรงเอาพระต่างด้าวและรูปเคารพไปเสียจาก พระนิเวศของพระเจ้า และแท่นบูชาทั้งสิ้นซึ่งพระองค์ได้ทรงสร้างไว้บนภูเขาแห่ง พระนิเวศของพระเจ้า และในเยรูซาเล็ม และพระองค์ทรงทิ้งออกไปนอกเมือง
16 และพระองค์ทรงซ่อมแท่นบูชาของพระเจ้า และทรงถวายเครื่องสัตวบูชาเป็นเครื่องศานติบูชา และเครื่องโมทนาพระคุณบนแท่นนั้น และพระองค์ทรงบัญชาให้ยูดาห์ปรนนิบัติพระเยโฮวาห์ พระเจ้าแห่งอิสราเอล
17 ถึงกระนั้นก็ดี ประชาชนก็ยังถวายสัตวบูชาปูชนียสถานสูง แต่ถวายต่อพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเขาเท่านั้น
18 ส่วนพระราชกิจนอกนั้นของมนัสเสห์ และคำอธิษฐานของพระองค์ต่อพระเจ้า และถ้อยคำของผู้ทำนาย ผู้ทูลพระองค์ในพระนามของพระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่ง อิสราเอล ดูเถิด มีบันทึกไว้ในหนังสือราชกิจของกษัตริย์แห่งอิสราเอล
19 และคำอธิษฐานของพระองค์ และเรื่องที่พระเจ้าทรงรับคำวิงวอนของพระองค์ บาปทั้งสิ้นของพระองค์ และความไม่ซื่อของพระองค์ทั้งสิ้น และสถานที่ซึ่งพระองค์ทรงสร้างปูชนียสถานสูง และตั้งบรรดาอาเชราห์และรูปเคารพ ก่อนที่พระองค์ทรงถ่อมพระองค์ลงนั้น ดูเถิด เขาบันทึกไว้ในหนังสือประวัติที่ผู้ทำนายแต่ง
20 มนัสเสห์จึงทรงล่วงหลับไปอยู่กับบรรพบุรุษของพระองค์ และเขาฝังพระศพไว้ในพระราชวังของพระองค์ และอาโมนโอรสของพระองค์ได้ครอบครองแทนพระองค์
21 เมื่ออาโมนเริ่มครอบครองมีพระชนมายุยี่สิบสองพรรษา และพระองค์ทรงครอบครองในเยรูซาเล็มสองปี
22 พระองค์ทรงกระทำความชั่วร้ายในสายพระเนตรพระเจ้า อย่างมนัสเสห์ราชบิดาของพระองค์ทรงกระทำนั้น อาโมนถวายสัตวบูชาแก่รูปเคารพทั้งสิ้น ซึ่งมนัสเสห์ราชบิดาของพระองค์ได้ทรงสร้างขึ้น และทรงปรนนิบัติรูปเคารพนั้น
23 และพระองค์มิได้ถ่อมพระองค์ลงต่อพระเจ้า อย่างมนัสเสห์ราชบิดาของพระองค์ได้ถ่อมพระองค์ลงนั้น แต่อาโมนองค์นี้ได้ก่อกรรมชั่วยิ่งๆขึ้น
24 แล้วข้าราชการของพระองค์ก็ร่วมกันคิดกบฏต่อพระองค์ และได้ฆ่าพระองค์เสียในพระราชวังของพระองค์
25 แต่ราษฎรได้ประหารบรรดาคนเหล่านั้นที่ คิดกบฏต่อกษัตริย์อาโมน และราษฎรได้แต่งตั้งให้โยสิยาห์โอรสของพระองค์ ครอบครองแทนพระองค์
2พงศาวดาร 34
1 เมื่อโยสิยาห์ เริ่มครอบครองมีพระชนมายุแปดพรรษา และพระองค์ทรงครอบครองในเยรูซาเล็มสามสิบเอ็ดปี
2 พระองค์ทรงกระทำสิ่งที่ชอบในสายพระเนตรพระเจ้า และดำเนินในมรรคาของดาวิดบรรพบุรุษของพระองค์ และพระองค์มิได้ทรงหันไปทางขวาหรือทางซ้าย
3 เพราะในปีที่แปดแห่งรัชกาลของพระองค์ เมื่อพระองค์ยังทรงพระเยาว์อยู่ พระองค์ทรงเริ่มแสวงหาพระเจ้า ของดาวิดบรรพบุรุษของพระองค์ และในปีที่สิบสองพระองค์ทรงเริ่มกวาดล้างยูดาห์ และเยรูซาเล็มด้วยการกำจัดปูชนียสถานสูง ทั้งบรรดาอาเชราห์และรูปเคารพแกะสลักและ รูปเคารพหล่อ
4 และเขาพังแท่นบูชาพระบาอัลลงต่อพระพักตร์ของพระองค์ และพระองค์ทรงโค่นแท่นเครื่องหอมซึ่งตั้งอยู่บนนั้นลง และพระองค์ทรงทุ่มบรรดาอาเชราห์และรูปเคารพ แกะสลักกับรูปเคารพหล่อเสีย และทรงกระทำให้เป็นผงโรย บนหลุมศพของบรรดาคนที่ถวายสัตวบูชาแก่พระเหล่านั้น
5 และพระองค์ทรงเผากระดูกของปุโรหิตบนแท่นพระเหล่านั้น และทรงกวาดยูดาห์และเยรูซาเล็ม
6 และในหัวเมืองของเผ่ามนัสเสห์ เอฟราอิมและสิเมโอน และไปถึงนัฟทาลี ในที่ปรักหักพังซึ่งอยู่โดยรอบ
7 พระองค์ทรงทำลายแท่นบูชา และทรงทุบบรรดาอาเชราห์และรูปเคารพให้เป็นผง และทรงโค่นแท่นเครื่องหอมทั้งสิ้นลงทั่วแผ่นดินอิสราเอล แล้วพระองค์เสด็จกลับเยรูซาเล็ม
8 ในปีที่สิบแปดแห่งรัชกาลของพระองค์ เมื่อพระองค์ทรงกวาดล้าง แผ่นดินและพระนิเวศ พระองค์ทรงใช้ชาฟานบุตรอาซาลิยาห์และมาอาเสอาห์ ผู้ว่าราชการนคร และโยอาห์บุตรโยอาฮาส เจ้ากรมสารบรรณให้ซ่อมแซมพระนิเวศของ พระเยโฮวาห์พระเจ้าของพระองค์
9 เขาทั้งหลายมาหาฮิลคียาห์มหาปุโรหิต และได้มอบเงินซึ่งคนทั้งหลายนำมายังพระนิเวศของพระเจ้า ซึ่งคนเลวีผู้เฝ้าธรณีประตู ได้เก็บจากมนัสเสห์และเอฟราอิม และจากคนที่เหลือของอิสราเอล และจากยูดาห์กับเบนยามินทั้งสิ้น และจากชาวเยรูซาเล็ม
10 เขาทั้งหลายมอบแก่คนทำงาน ผู้ดูแลพระนิเวศของพระเจ้า และคนทำงานผู้ทำงานอยู่ในพระนิเวศของพระเจ้า มอบให้เพื่อการซ่อมแซมพระนิเวศให้มั่นคง
11 เขาทั้งหลายมอบให้แก่ช่างไม้และช่างก่อสร้าง เพื่อจะซื้อหินสลักและไม้กระดาน เพื่อประกับและเป็นคานสำหรับอาคาร ซึ่งพระราชาแห่งยูดาห์ได้ปล่อยให้ทรุดโทรมพังทลายไป
12 และคนทั้งหลายก็ทำงานอย่างซื่อสัตย์สุจริต ผู้คุมงานมียาหาทและโอบาดีห์คนเลวี ลูกหลานของเมรารี และเศคาริยาห์กับเมชุลลัมลูก หลานของคนโคฮาทเป็นผู้ดูแล คนเลวีทุกคนที่ชำนาญเครื่องดนตรี
13 เป็นผู้ดูแลคนหาบหาม และบรรดาคนที่ทำงานปรนนิบัติทุกอย่าง คนเลวีบางคนเป็นอาลักษณ์เป็นเจ้าหน้าที่และเป็นนายประตู
14 ขณะที่เขาทั้งหลายนำเงินที่ได้ถวายใน พระนิเวศของพระเจ้าออกมา ฮิลคียาห์ปุโรหิตได้พบหนังสือธรรมบัญญัติ ของพระเจ้าซึ่งทรงประทานทางโมเสส
15 และฮิลคียาห์พูดกับชาฟานราชเลขาว่า "ข้าพเจ้าได้พบหนังสือธรรมบัญญัติในพระนิเวศของพระเจ้า" และฮิลคียาห์ก็มอบหนังสือนั้นให้ชาฟาน
16 และชาฟานได้นำหนังสือไปถวายพระราชา และต่อไปก็ทูลรายงานพระราชาว่า "สิ่งทั้งปวงที่พระองค์ทรงมอบหมายแก่ผู้รับใช้ ของพระองค์ให้กระทำนั้นเขากำลังกระทำอยู่แล้ว"
17 เขาเทเงินซึ่งพบในพระนิเวศของพระเจ้าออก และได้มอบไว้ในมือของผู้ดูแลและคนงาน
18 แล้วชาฟานราชเลขาทูลพระราชาว่า "ฮิลคียาห์ปุโรหิตได้มอบหนังสือแก่ข้าพระบาทเล่มหนึ่ง" แล้วชาฟานก็อ่านถวายพระราชา
19 และอยู่มาเมื่อพระราชา ทรงสดับถ้อยคำของธรรมบัญญัตินั้น พระองค์ทรงฉีกฉลองพระองค์
20 และพระราชาทรงบัญชาแก่ฮิลคียาห์ อาหิคัมบุตรชาฟาน อับโดนบุตรมีคาห์ ชาฟานราชเลขาและอาสายาห์ผู้รับใช้ของพระราชา ตรัสว่า
21 "จงไปทูลถามพระเจ้าให้แก่เรา และให้แก่บรรดาผู้ที่เหลืออยู่ในอิสราเอลและในยูดาห์ เกี่ยวกับถ้อยคำในหนังสือซึ่งได้พบนั้น เพราะว่าพระพิโรธของพระเจ้าซึ่งเทลงเหนือเรานั้นใหญ่ยิ่งนัก เพราะว่าบรรพบุรุษของเราไม่ได้รักษาพระวจนะของพระเจ้า ตามซึ่งเขียนไว้ในหนังสือนี้ทุกประการ"
22 ฮิลคียาห์และคนเหล่านั้นซึ่งพระราชาทรงใช้ไป จึงไปยังฮุลดาห์หญิงผู้เผยพระวจนะ ภรรยาของชัลลูมบุตรทกหาทบุตรหัสราห์ชาวภูษามาลา (นางอยู่ในเยรูซาเล็มที่แขวงสอง) และพูดกับนางถึงเรื่องนั้น
23 และนางพูดกับเขาว่า "พระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า 'จงบอกชายผู้ซึ่งใช้พวกเจ้าให้มาหาเราว่า
24 พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า ดูเถิด เราจะนำเหตุชั่วร้ายมาเหนือสถานที่นี้ และเหนือชาวเมืองนี้คือคำสาปทั้งสิ้นที่บันทึก ไว้ในหนังสือซึ่งได้อ่านถวายพระราชาแห่งยูดาห์นั้น
25 เพราะว่าเขาทั้งหลายได้ทอดทิ้งเราและได้เผาเครื่อง หอมถวายพระอื่น เพื่อเขาจะกระทำให้เราโกรธด้วยการงานทั้งสิ้นแห่ง มือของเขา เพราะฉะนั้นความพิโรธของเราจะเทลงเหนือสถานที่นี้ และจะดับไม่ได้
26 แต่พระราชาของยูดาห์ผู้ใช้เจ้าให้มาทูลพระเจ้านั้น เจ้าจงทูลท่านดังนี้ว่า พระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า เรื่องถ้อยคำซึ่งเจ้าได้ยินนั้น
27 เพราะเจ้ากลับใจแล้วและได้ถ่อมตัวลงต่อพระพักตร์พระเจ้า เมื่อเจ้าได้ยินถ้อยคำที่ปรักปรำสถานที่นี้ และชาวเมืองนี้ เจ้าได้ถ่อมตัวลงต่อเราและเจ้าได้ฉีกเสื้อผ้าของเจ้า และร้องไห้ต่อหน้าเรา พระเจ้าตรัสว่าเราได้ฟังเจ้าด้วย
28 ดูเถิด เราจะรวบเจ้าไปอยู่กับบรรพบุรุษของเจ้า และเขาจะรวบเจ้าไปสู่ที่ฝังศพอย่างศานติ และตาของเจ้าจะไม่เห็นเหตุชั่วร้ายซึ่งเราจะ นำมาเหนือสถานที่นี้และชาวเมืองนี้'" และเขาทั้งหลายนำพระวจนะกลับมายังพระราชา
29 แล้วพระราชารับสั่งให้รวบรวมบรรดาผู้ใหญ่ของยูดาห์ และเยรูซาเล็ม
30 และพระราชาเสด็จขึ้นไปยังพระนิเวศของพระเจ้า พร้อมกับคนทั้งปวงของยูดาห์และชาวเยรูซาเล็มกับ ปุโรหิตและคนเลวี คนทั้งปวงทั้งเล็กและใหญ่ และพระองค์ทรงอ่านถ้อยคำทั้งสิ้นในหนังสือพันธสัญญาซึ่งได้พบในพระนิเวศของพระเจ้าให้เขาฟัง
31 และพระราชาประทับยืนอยู่ในพระที่ของพระองค์ และกระทำพันธสัญญาต่อพระพักตร์พระเจ้า ที่จะทรงดำเนินตามพระเจ้าและรักษาพระบัญญัติพระโอวาท และกฎเกณฑ์ของพระองค์ด้วยสุดพระจิตสุดพระทัย ที่จะทรงประกอบกิจตามถ้อยคำของพันธสัญญา ซึ่งบันทึกไว้ในหนังสือเล่มนี้
32 แล้วพระองค์ทรงรับสั่งบรรดาผู้ที่อยู่ในเยรูซาเล็ม และในเบนยามินให้เข้าส่วนในพันธสัญญานั้น และชาวเยรูซาเล็มก็กระทำตามพันธสัญญาของพระเจ้า พระเจ้าของบรรพบุรุษของเขาทั้งหลาย
33 และโยสิยาห์ได้เอาสิ่งน่าเกลียด น่าชังทั้งปวงไปเสียจากเขตแดนทั้งสิ้น ซึ่งเป็นของประชาชนอิสราเอล และทรงกระทำให้บรรดาผู้ที่อยู่ในอิสราเอล ปรนนิบัติพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเขาทั้งหลาย ตลอดรัชกาลของพระองค์ เขาทั้งหลายมิได้หันไปจากการติดตามพระเยโฮวาห์ พระเจ้าของบรรพบุรุษของเขาทั้งหลาย
2พงศาวดาร 35
1 โยสิยาห์ทรงถือเทศกาลปัสกาถวายแด่พระเจ้าใน กรุงเยรูซาเล็มครั้งหนึ่ง เขาฆ่าแกะปัสกาในวันที่สิบสี่ของเดือนต้น
2 พระองค์ทรงแต่งตั้งปุโรหิตให้ประจำหน้าที่ และทรงสนับสนุนเขาในการปรนนิบัติของพระนิเวศแห่งพระเจ้า
3 และพระองค์ตรัสกับคนเลวี ผู้บริสุทธิ์เฉพาะพระเจ้า ผู้สอนอิสราเอลทั้งปวงว่า "จงวางหีบบริสุทธิ์ไว้ในพระนิเวศ ซึ่งซาโลมอนโอรสของดาวิดพระราชา ของอิสราเอลทรงสร้างไว้ เจ้าทั้งหลายไม่ต้องใส่บ่าหามไปอีก บัดนี้จงปรนนิบัติพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้า และอิสราเอลประชากรของพระองค์
4 จงเตรียมตัวของเจ้าตามตระกูลของเจ้าเป็นกองๆ ตามบันทึกพระราชดำรัสชี้แจงของดาวิดพระราชา แห่งอิสราเอล และตามบันทึกพระราชดำรัสชี้แจงของซาโลมอนโอรสของพระองค์
5 และยืนประจำอยู่ในสถานบริสุทธิ์ตามพวกต่างๆที่เป็นพี่น้องของท่าน ผู้เป็นฆราวาสที่แบ่งเป็นตระกูลๆ และให้ส่วนของตระกูลคนเลวีปรนนิบัติแต่ละพวก
6 และฆ่าแกะปัสกาและชำระตนให้บริสุทธิ์ และเตรียมไว้ให้พี่น้องของเจ้า เพื่อจะกระทำตามพระวจนะของพระเจ้าทางโมเสสนั้น
7 แล้วโยสิยาห์ได้ทรงบริจาคแก่ฆราวาสเป็นเครื่องปัสกา บูชาสำหรับคนทั้งปวงที่อยู่ที่นั่น เป็นลูกแกะและลูกแพะจากฝูงแพะแกะจำนวนสามหมื่นตัว และวัวผู้สามพันตัว สัตว์เหล่านี้ได้มาจากทรัพย์สินของ พระราชา
8 และเจ้านายของพระองค์บริจาคด้วยความเต็มใจแก่ประชาชน แก่ปุโรหิตและแก่คนเลวี ฮิลคียาห์ เศคาริยาห์และเยฮีเอล เจ้าหน้าที่ชั้นหัวหน้าของพระนิเวศแห่งพระเจ้า ได้มอบลูกแกะและลูกแพะสองพันหกร้อยตัว กับวัวผู้สามร้อยตัวแก่ปุโรหิตเป็นเครื่องปัสกาบูชา
9 กับโคนานิยาห์และเชไมอาห์กับเนธันเอล น้องชายของเขา และฮาชาบิยาห์และเยอีเอล กับโยซาบาด หัวหน้าของคนเลวีได้ให้ลูกแกะและลูกแพะห้าพันตัวกับ วัวผู้ห้าร้อยตัวแก่คนเลวีเป็นเครื่องปัสกาบูชา
10 เมื่อเตรียมการเรียบร้อยแล้วบรรดาปุโรหิตก็ยืนประจำที่ ของตน และคนเลวีก็อยู่ตามกองของตนตามพระบัญชาของพระราชา
11 แล้วเขาก็ฆ่าแกะปัสกา แล้วปุโรหิตก็เอาเลือดซึ่งรับมาจากเขาประพรม ส่วนคนเลวีถลกหนังสัตว์นั้น
12 แล้วเขาก็แยกส่วนที่เป็นเครื่องเผาบูชาไว้ต่างหาก เพื่อแจกจ่ายได้ตามพวกต่างๆผู้เป็นฆราวาสที่แบ่งเป็นตระกูลๆ ให้ถวายแด่พระเจ้า ดังที่บันทึกไว้ในหนังสือของโมเสส และเขากระทำกับวัวผู้ทำนองเดียวกัน
13 และเขาก็ปิ้งแกะปัสกาด้วยไฟตามกฎหมาย และเขาทั้งหลายต้มเครื่องบูชาบริสุทธิ์ในหม้อ ในหม้อทะนน และในกระทะ และนำไปให้ฆราวาสทั้งปวงโดยเร็ว
14 ภายหลังเขาทั้งหลายจึงเตรียมสำหรับ ตนเองและสำหรับปุโรหิต เพราะว่าปุโรหิตบุตรหลานของอาโรนติดธุระในการถวาย เครื่องเผาบูชา และส่วนไขมันจนกลางคืน คนเลวีจึงเตรียมเพื่อตนเองและเพื่อปุโรหิตบุตร หลานของอาโรน
15 บรรดานักร้องซึ่งเป็นบุตรหลานของอาสาฟ อยู่ประจำที่ของตนตามบัญชาของดาวิด อาสาฟ และเฮมาน กับเยดูธูน ผู้ทำนายของพระราชา และคนเฝ้าประตูก็อยู่ประจำทุกประตู เขาไม่จำเป็นละงานหน้าที่ของเขา เพราะคนเลวีพี่น้องของเขาได้เตรียมไว้ให้เขา
16 เขาจึงเตรียมการปรนนิบัติพระเจ้าในวันเดียวนั้นเอง เพื่อจะถือเทศกาลปัสกา และถวายเครื่องเผาบูชาบนแท่นบูชาของพระเจ้า ตามพระบัญชาของกษัตริย์โยสิยาห์
17 และประชาชนอิสราเอลผู้อยู่ที่นั่น ได้ทำเทศกาลปัสกาเวลานั้นและเทศกาลกิน ขนมปังไร้เชื้อเจ็ดวัน
18 ตั้งแต่สมัยของซามูเอลผู้เผยพระวจนะ ไม่มีเทศกาลปัสกาเหมือนอย่างนี้ ได้ถือกันมาในอิสราเอล ไม่มีพระราชาแห่งอิสราเอลสักองค์หนึ่ง ที่ถือเทศกาลปัสกาอย่างที่โยสิยาห์ได้ทรงถือนี้ และบรรดาปุโรหิตกับคนเลวี และยูดาห์กับอิสราเอลทั้งปวง ซึ่งอยู่พร้อมกัน ทั้งชาวเยรูซาเล็ม
19 เขาถือเทศกาลปัสกานี้ในปีที่สิบแปดแห่ง รัชกาลโยสิยาห์
20 หลังจากนี้เมื่อโยสิยาห์ได้เตรียมพระวิหารไว้ เนโคพระราชาแห่งอียิปต์ได้เสด็จขึ้นไปสู้รบที่ คารคะมีชที่แม่น้ำยูเฟรติส และโยสิยาห์เสด็จออกไปสู้รบกับพระองค์
21 แต่พระองค์รับสั่งให้ทูตไปทูลโยสิยาห์ว่า "พระราชาแห่งยูดาห์เอ๋ย เรากับท่านเกี่ยวข้องกันอย่างไร วันนี้เรามิได้มาต่อสู้ท่านแต่ต่อสู้ กับเชื้อสายซึ่งเราทำสงครามด้วย และพระเจ้าทรงบัญชาเราให้เร่งรีบ ขอยับยั้งการขัดขวางพระเจ้าผู้ทรงสถิตกับเรา เกรงว่าพระองค์จะทรงทำลายท่านเสีย"
22 ถึงกระนั้นก็ดีโยสิยาห์มิได้หันไปจากพระองค์ แต่ทรงปลอมพระองค์เพื่อจะสู้รบกับเนโค มิได้ฟังพระดำรัสของเนโคที่ออกจากพระโอษฐ์ของพระเจ้า แต่เข้ารบ ณ ที่ราบเมกิดโด
23 และนักธนูได้ยิงกษัตริย์โยสิยาห์ และพระราชาตรัสกับข้าราชการของพระองค์ว่า "จงพาเราไปเสียเถอะ เพราะเราถูกบาดเจ็บสาหัสแล้ว"
24 ข้าราชการของพระองค์จึงนำพระองค์ออกจากรถรบ และให้พระองค์ประทับในรถรบคันที่สองของพระองค์ และนำพระองค์มาเยรูซาเล็มและพระองค์ก็สิ้นพระชนม์ และเขาฝังไว้ในอุโมงค์แห่งบรรพบุรุษของพระองค์ ยูดาห์และเยรูซาเล็มทั้งปวงได้ไว้ทุกข์ให้โยสิยาห์
25 เยเรมีย์กล่าวคำคร่ำครวญถวายโยสิยาห์ด้วย และบรรดานักร้องชายและนักร้องหญิงทั้งปวงกล่าวถึง โยสิยาห์ในคำคร่ำครวญของเขาจนทุกวันนี้ เขาทั้งหลายกระทำเรื่องนี้ให้เป็นกฎหมายในอิสราเอล ดูเถิด มีบันทึกไว้ในหนังสือคร่ำครวญ
26 ส่วนพระราชกิจนอกนั้นของโยสิยาห์และ พระราชคุณานุกิจของพระองค์ ตามที่บันทึกไว้ในพระธรรมบัญญัติของพระเจ้า
27 และพระราชกิจของพระองค์ ตั้งแต่ต้นจนปลาย ดูเถิด มีบันทึกไว้ในหนังสือพงศ์กษัตริย์อิสราเอลและยูดาห์
2พงศาวดาร 36
1 ราษฎรได้ตั้งเยโฮอาหาสบุตรโยสิยาห์ และให้พระองค์เป็นพระราชาแทนราชบิดาของ พระองค์ในเยรูซาเล็ม
2 เมื่อเยโฮอาหาสเริ่มครอบครองมีพระชนมายุ ยี่สิบสามพรรษา และพระองค์ทรงครอบครองในเยรูซาเล็มสามเดือน
3 แล้วพระราชาแห่งอียิปต์ทรงถอดพระองค์ในเยรูซาเล็ม และกำหนดให้แผ่นดินนั้นถวายบรรณาการเป็นเงินหนึ่งร้อย ตะลันต์ และทองคำหนึ่งตะลันต์
4 และพระราชาแห่งอียิปต์ตั้งให้เอลียาคิม พระอนุชาของพระองค์ เป็นพระราชาเหนือยูดาห์และเยรูซาเล็ม และทรงเปลี่ยนพระนามของพระองค์ใหม่ว่า เยโฮยาคิม แต่เนโคทรงจับเยโฮอาหาส พระเชษฐานำไปยังอียิปต์
5 เมื่อเยโฮยาคิม เริ่มครอบครองมีพระชนมายุยี่สิบห้าพรรษา และพระองค์ทรงครอบครองในเยรูซาเล็มสิบเอ็ดปี พระองค์ทรงกระทำความชั่วร้ายในสายพระเนตร พระเยโฮวาห์พระเจ้าของพระองค์
6 เนบูคัดเนสซาร์พระราชาแห่งบาบิโลนเสด็จมาต่อสู้กับพระองค์ และจำจองพระองค์ด้วยตรวนเพื่อพาพระองค์ไปยังบาบิโลน
7 เนบูคัดเนสซาร์ทรงนำเครื่องใช้ส่วนหนึ่งของพระนิเวศ ของพระเจ้าไปยังบาบิโลน และทรงเก็บไว้ในพระวิหารของพระองค์ในบาบิโลน
8 ส่วนพระราชกิจนอกนั้นของเยโฮยาคิม และการน่าเกลียดน่าชัง ซึ่งพระองค์ทรงกระทำ และเหตุการณ์อื่นๆที่ไม่ดีซึ่งเกี่ยวกับพระองค์ ดูเถิด มีบันทึกไว้ในหนังสือพงศ์กษัตริย์ของอิสราเอล และยูดาห์ และเยโฮยาคีนโอรสของพระองค์ได้ครอบครองแทนพระองค์
9 เมื่อเยโฮยาคีนเริ่มครอบครองมีพระชนมายุสิบแปดพรรษา และพระองค์ทรงครอบครองในเยรูซาเล็มสามเดือนกับสิบวัน พระองค์ทรงกระทำความชั่วร้ายในสายพระเนตรพระเจ้า
10 เมื่อถึงฤดูแล้งกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ทรงใช้ให้นำ พระองค์มายังบาบิโลน พร้อมกับเครื่องใช้ประเสริฐแห่งพระนิเวศของพระเจ้า และตั้งให้เศเดคียาห์บิตุลาของพระองค์เป็นพระราชาเหนือยูดาห์ และเยรูซาเล็ม
11 เศเดคียาห์ เริ่มครอบครองมีพระชนมายุยี่สิบเอ็ดพรรษา และพระองค์ทรงครอบครองในเยรูซาเล็มสิบเอ็ดปี
12 พระองค์ทรงกระทำความชั่วร้ายในสายพระเนตร พระเยโฮวาห์พระเจ้าของพระองค์ พระองค์มิได้ถ่อมพระองค์ลงต่อเยเรมีย์ผู้เผยพระวจนะ ผู้กล่าวจากพระโอษฐ์ของพระเจ้า
13 พระองค์ทรงกบฏต่อกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ ผู้ซึ่งทรงให้พระองค์สาบานในพระนามของพระเจ้า พระองค์ทรงแข็งพระศอของพระองค์ทำพระทัยให้กระด้าง ไม่หันไปหาพระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล
14 บรรดาปุโรหิตผู้สำคัญและประชาชนก็เช่นเดียว กันไม่ซื่อสัตย์เสียทีเดียว เขาติดตามสิ่งน่าเกลียดน่าชังของบรรดาประชาชาติ และเขาทั้งหลายกระทำให้พระนิเวศของพระเจ้า ในเยรูซาเล็ม ซึ่งพระองค์ทรงชำระให้บริสุทธิ์นั้นเป็นมลทินไป
15 พระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่งบรรพบุรุษของเขาทรง ใช้ให้ทูตของพระองค์มาอย่างไม่หยุดยั้ง เพราะพระองค์ทรงมีพระทัยกรุณาต่อประชากรของ พระองค์และต่อที่ประทับของพระองค์
16 แต่เขาทั้งหลายเยาะเย้ยทูตของพระเจ้าอยู่เสมอ และดูหมิ่นพระวจนะของพระองค์ และด่าผู้เผยพระวจนะ ของพระองค์ จนพระพิโรธของพระเจ้าพลุ่งขึ้นต่อประชากรของ พระองค์จนแก้ไม่ไหว
17 พระองค์จึงทรงนำพระราชาแห่งคนเคลเดีย มาต่อสู้เขาทั้งหลาย ผู้ซึ่งฆ่าชายหนุ่มของเขาด้วยดาบในพระนิเวศ อันเป็นสถานนมัสการของเขาและไม่มีความกรุณาแก่ชายหนุ่ม หรือหญิงพรหมจารี คนแก่หรือคนชรา พระองค์ทรงมอบทั้งหมดไว้ในมือของเขา
18 และเครื่องใช้ทั้งสิ้นของพระนิเวศของพระเจ้า ทั้งใหญ่และเล็กและทรัพย์ศฤงคารแห่งพระนิเวศของพระเจ้า และทรัพย์ศฤงคารแห่งพระราชาและแห่งเจ้านายของพระองค์ สิ่งทั้งหมดนี้พระองค์ทรงนำมายังบาบิโลน
19 และเขาเผาพระนิเวศของพระเจ้า และพังกำแพงเยรูซาเล็มลงและเอาไฟเผา วังของเมืองนั้นเสียสิ้น และทำลายเครื่องใช้ประเสริฐทั้งปวงในนั้น
20 และบรรดาผู้ที่รอดจากดาบนั้น พระองค์ทรงให้กวาดไปเป็นเชลยยังบาบิโลน และเขาทั้งหลายเป็นผู้รับใช้ของพระองค์ และแก่ราชวงศ์ของพระองค์ จนถึงการสถาปนาราชอาณาจักรเปอร์เซีย
21 เพื่อให้สำเร็จตามพระวจนะของพระเจ้าทางปากของเยเรมีย์ จนแผ่นดินได้ปีสะบาโตครบตามที่ควร ตลอดวันและเวลาที่ถูกทิ้งร้างอยู่นั้นมันได้หยุดพักสงบ เพื่อให้สำเร็จกำหนดเจ็ดสิบปี
22 ในปีแรกแห่งรัชกาลไซรัสพระราชาของเปอร์เซีย เพื่อพระวจนะของพระเจ้าทางปากของเยเรมีย์จะสำเร็จ พระเจ้าทรงรบเร้าจิตใจของไซรัสพระราชาของเปอร์เซีย พระราชาจึงทรงมีประกาศตลอดราชอาณาจักรของพระองค์ และบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรลงว่า
23 "ไซรัสพระราชาแห่งเปอร์เซียตรัสดังนี้ว่า 'พระเยโฮวาห์พระเจ้าของฟ้าสวรรค์ ได้พระราชทานบรรดาราชอาณาจักรแห่งแผ่นดินโลกแก่เรา และพระองค์ทรงกำชับให้เราสร้างพระนิเวศให้พระองค์ที่เยรูซาเล็ม ซึ่งอยู่ในยูดาห์ มีผู้ใดในท่ามกลางท่านทั้งหลาย ที่เป็นประชากรของพระองค์ ขอพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเขาสถิตกับเขา ขอให้เขาขึ้นไปเถิด'"