Christian Siam

 

 

 

 

Christian Siam - เว็บสำหรับคนอยากรู้จักพระเจ้า

 
 :: สำหรับผู้สนใจพระเจ้า ::
Christian Siam คำถาม - คำตอบ
Christian Siam พระเยซูคือใคร
Christian Siam พระเยซูเกิดจริงหรือ?
Christian Siam เราเกิดมาทำไม
Christian Siam เราตายแล้วไปไหน
Christian Siam ทฤษฎีวิวัฒนาการ...จริง?
Christian Siam เป็นคริสเตียนได้อย่างไร
Christian Siam คำพยานชีวิต

Christian Siam
H O M E
:: สำหรับคริสเตียนใหม่ ::
:: สื่อคริสเตียนออนไลน์ ::
Christian Siam มานาประจำวัน
Christian Siam เพลงจาก Youtube
 

                   CHRISTIAN
                   CHRISTIAN
                   CHRISTIAN

         CHRISTIAN SIAM.COM
         CHRISTIAN SIAM.COM
         CHRISTIAN SIAM.COM

                   CHRISTIAN
                   CHRISTIAN
                   CHRISTIAN
                   CHRISTIAN
                   CHRISTIAN
                   CHRISTIAN
                   CHRISTIAN
                   CHRISTIAN



สุมิตรา ปัญญากมลกิจ - " สัจจะของพระเจ้า  .. ทำให้ดิฉันเป็นไท "

Christian Siam - เว็บสำหรับคนอยากรู้จักพระเจ้า พระเยซู | อยากเป็นคริสเตียน | อยากไปโบสถ์ (คริสตจักร)| พระคริสต์ธรรมคัมภีร์ พระคัมภีร์ Bible| เกิดมาทำไม| ตายแล้วไปไหน| ชีวิตคืออะไร| ค้นหาความหมายของชีวิตได้ที่นี่
ดิฉันชื่อ สุมิตรา ปัญญากมลจิต ปัจจุบันอายุ 39 ปี ดิฉันเป็นคนกรุงเทพ ตั้งแต่เกิด เมื่ออายุได้ 3 ขวบกว่า ก็มีอาการแขนขาอ่อนแรง ก็ยังสามารถเดินและวิ่งได้ ในครอบครัวของดิฉันมีพ่อ ซึ่งท่านก็มีความพิการกล้ามเนื้ออ่อนแรง มีแม่ร่างกายปกติ ดิฉันมีพี่น้องทั้งหมด 7 คน เป็นหญิง 5 คน เป็นชาย 2 คน ในจำนวน 7 คนนี้ก็มีความพิการ 4 คน คือตัวดิฉัน น้องสาวคนที่ 3 น้องชายคนที่ 4 และ5 ส่วนพี่สาวคนโตกับน้องสาว 2 คนเล็กร่างกายสมบูรณ์



คุณพ่อของฉันนับถือศาสนาคริสต์ ตั้งแต่ท่านอายุได้ 16 ปี ดิฉันจำได้ว่าตั้งแต่เกิดมาก็ได้ไปโบสถ์คริสต์ ใช้ชีวิตอยู่ในแวดล้อมของคริสเตียน แต่เนื่องจากครอบครัวของดิฉันเป็นครอบครัวใหญ่ มีญาติพี่น้องอยู่ด้วยหลายคน เมื่อตอนเล็กๆ จึงค่อนข้างจะมีชีวิตที่วุ่นวายมากพอสมควร ดิฉันชอบที่พ่อพาไปโบสถ์ทุวันอาทิตย์ ได้เรียนภาษาจีนในตอนเช้าวันอาทิตย์ แล้วเมื่อถึงสิ้นปี ทางโบสถ์ก็จะมีการให้รางวัลของขวัญกับนักเรียนที่สอบได้หรือ นักเรียนที่มาโบสถ์เป็นประจำ ดิฉันกับน้องๆก็ได้รางวัลที่เรามาโบสถ์ทุกอาทิตย์ ได้รางวัลทุกปี แต่เราไม่เคยได้รางวัล ที่ 1-3 เลย แต่คุณพ่อแคุณแม่มักจะได้รางวัลที่ 1 -3 ทุกปี และพวกเราลูกๆก็จะไปรับรางวัลแทนเสมอ ซึ่งเราพี่น้องชอบมาก

ดิฉันได้เรียนหนังสือจบชั้น ปริญญาตรี มหาวิทยาลัยสยาม ช่วงที่เรียนมหาวิทยาลัยนี่แหละที่ทำให้ ดิฉันได้ห่างออกจากพระเจ้า ได้ทำตามใจตัวเอง ไม่ได้พึ่งพาพระเจ้า จนเรียนจบไปสมัครงานบริษัทที่รู้จักกับพ่อ เค้าก็ไม่กล้ารับเราเพราะกลัวว่าดิฉันจะแอบเข้าไปเรียนรู้งาน ตอนเรียนจบมาใหม่ๆพ่อดิฉันทำธุรกิจขายตรง ซึ่งดิฉันเป็นลูกทีมของท่าน และได้เดินทางไปสถานที่ต่างๆ โดยมีพี่เลี้ยงผู้หญิงคนหนึ่งคอยขับรถให้ ซึ่งเคยได้รับอุบัติเหุต รถยางแตก แหกโค้ง ตกจากไหล่เขา หัวฟาดพวงมาลัยคนขับ ดิฉันคิดในใจว่าคงไม่รอดแล้ว ได้แต่หลับตานึกถึงสวรรค์ แต่พอลืมตาก็พบว่ารถใต้รถพัง ไม่สามารถขับต่อไปได้ ก็รอดตายอย่างหวุดหวิด แต่ในเวลานั้นยังไม่คิดว่าเป็นเพราะพระคุณพระเจ้าที่คอยปกป้องดิฉัน

ต่อมาเมื่อทำธุรกิจไม่สำเร็จ ดิฉันก็คิดหางานใหม่ที่อยู่กับบ้าน เพื่อจะได้สบายขึ้น จึงมีความคิดที่จะเป็นหมอดู หาซื้อตำราหมอดูมา และไปเรียนกับหมอดูที่เค้าดูแม่นๆ ถอดไพ่ยิปซีเอง ดิฉันก็ไม่ได้ไปโบสถ์อีกเลย แล้วเริ่มที่จะแสวงหาที่ยึดเหนี่ยวอย่างอื่น โดยการ มานับถือพุทธศาสนาอย่างลับๆ โดยไม่บอกให้พ่อรู้ ดิฉันซื้อหนังสือธรรมะ บทสวดมนต์มาสวด แต่ระหว่างที่ดิฉันคิดว่าอยู่ในทางศาสนาพุทธแล้วนั้นน้องสาวคนเล็กของดิฉันซึ่งเป็นคริสเตียนได้รู้ถึงชีวิตดิฉันมาตลอด เค้าได้เอาพระคัมภีร์มาให้วางไว้ที่หัวนอนที่เตียงของดิฉัน และเค้าได้อธิษฐานขอพระเจ้าให้ดิฉันกลับมาหาพระองค์เป็นเวลา 2 ปี ซึ่งดิฉันได้มารู้ทีหลังว่าเค้าได้อธิษฐานเผื่ออยู่

มีวันหนึ่งครอบครัวของดิฉัน ได้นัดกันว่าจะไปเที่ยวบางแสน ชลบุรีในวันพรุ่งนี้เช้ามืด น้องสาวคนที่ 6 รับปากกับดิฉันว่าจะทำหน้าที่ ปลุกดิฉันและทำหน้าที่แต่งตัวให้ เมื่อดิฉันตื่นขึ้นมากลับพบว่าบ้านเงียบผิดปกติ ดิฉันออกไปถามแม่บ้านว่า พ่อแม่พี่น้องหายไปไหนหมด แม่บ้านตอบว่า เค้าไปเที่ยวกันหมดแล้ว พอดิฉันรู้ก็รู้สึกโกรธมาก เหมือนถูกทรยศ พวกเรารับปากแล้วว่าจะพาดิฉันไปเที่ยวแต่กลับถูกทิ้งให้อยู่บ้าน ดิฉันนั่งร้องไห้อยู่ในห้องนอน น้องสาวคนที่ 7 ไม่ได้ไปเที่ยวด้วย เค้ามาบอกดิฉันว่าเค้าจะไปงาน ฤทธิ์เดชของพระเจ้า ที่ห้างเดอะมอลล์ บางแค ดิฉันอยากไปเที่ยวห้าง จึงบอกเขาไปว่า ขอไปด้วย เวลาประชุมงานเริ่ม 1 ทุ่ม ผู้นำประชุมเป็นชาวสิงคโปร์ มาประกาศเรื่องของ องค์พระเยซูคริสต์ และเมื่อจบ การประชุมก็จะมีการอธิษฐานรักษาโรคให้กับคนป่วย คืนนั้นดิฉันใส่พระและมีความรู้สึกว่าอยากจะไปลองดี เมื่อจบการเทศนา ผู้เทศน์ได้ เรียกคนป่วยออกมาเพื่อทำการรักษาโรค ดิฉันก็ออกไป มีผู้ชายสิงคโปร์คนหนึ่งมาวางมืออธิษฐานให้ดิฉัน เขาชื่อว่า มิสเตอร์ที ช่วงนี้ ดิฉันได้ใช้รถเข็นแล้วความพิการของดิฉันคือ กล้ามแรงอ่อนแรงลง จากที่เคยเดินไว้ วิ่งได้ กล้ามเนื้อก็อ่อนแอลง จนเดินแล้วล้มบ่อย สุดท้ายก็ต้องใช้รถเข็นไม่ได้เดินอีก เมื่อมิสเตอร์ที จับมือดิฉันลุกขึ้น ดิฉันพยายามลุก ก็ขาอ่อนล้มลงไปดิฉันเจ็บมากและรู้สึกโกรธมาก วันนั้นดิฉันใส่เสื้อยืดคอกลมและกางเกงขายาว มีผู้หญิงสิงคโปร์คนหนึ่งมาคุกเข่าลงข้างหน้าดิฉัน และอธิษฐานเสียงดังเป็นภาษาของเขา

เมื่ออธิษฐานเสร็จเขาเงยหน้าและส่ายหัว และเธอเปิดที่คอเสื้อของดิฉัน หยิบส้อยพระออกมา และเธอพูดกับ มิสเตอร์ที มีล่ามแปลเป็นภาษาไทยว่า ผู้หญิงคนนี้ใส่พระ ทำให้เธออธิษฐานแล้วไม่ถึงพระเจ้า เพราะใจของผู้หญิงคนนี้ติดอยู่ แล้วมิสเตอร์ทีก็หันมาพูดกับดิฉันว่า พรุ่งนี้คุณมาที่นี่อีกครั้งหนึ่งนะ ผมจะรอ ดิฉันรู้สึกทึ่งว่าทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงรู้ว่าดิฉันใส่พระ เค้ารู้ได้อย่างไร ดิฉันแปลกใจมาก มิสเตอร์ที ได้ให้ใบปลิวเกี่ยวกับเรื่องพระเจ้าแก่ดิฉันกลับไปอ่านที่บ้าน เมื่อกลับถึงบ้านดิฉันก็ได้อ่านเรื่องนั้นชื่อ "การอัศจรรย์และหมายสำคัญ" ดิฉันอ่านอยู่หลายรอบ และมีความรู้สึกสำนึกผิดอยากกลับมาหาพระเจ้า คืนที่ 2 ดิฉันกับน้องสาวก็ได้ไปที่งาน ฤทธิ์เดชของพระเจ้า อีกครั้ง ได้เจอกับมิสเตอร์ที และได้อธิษฐานวางมือให้ดิฉันอีกครั้งหนึ่ง คืนนี้ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ดิฉันกลับบ้านไปและรู้สึกมีความสุขมากขึ้น

Christian Siam - เว็บสำหรับคนอยากรู้จักพระเจ้า พระเยซู | อยากเป็นคริสเตียน | อยากไปโบสถ์ (คริสตจักร)| พระคริสต์ธรรมคัมภีร์ พระคัมภีร์ Bible| เกิดมาทำไม| ตายแล้วไปไหน| ชีวิตคืออะไร| ค้นหาความหมายของชีวิตได้ที่นี่
วันอาทิตย์ซึ่งเป็นการประชุมคืนสุดท้าย ดิฉันตื่นขึ้นมาในเช้าวันอาทิตย์ได้บอกกับน้องสาวคนเล็กว่า ดิฉันขอไปโบสถ์กับเขาด้วย น้องดีใจมาก เช้าวันนั้นดิฉันได้ไปโบสถ์แล้วก็ได้อยู่เรียนพระคัมภีร์ตอนบ่าย หลังจากนั้นก็เดินทางไปที่ห้ามเดอะมอลล์ เพื่อร่วมประชุม งานฤทธิ์เดชของพระเจ้า เมื่อผู้เทศนาพูดจบก็ได้เชิญชวนคนป่วยเพื่อออกมาอธิษฐานเผื่อ ดิฉันก็ได้ออกไป และมิสเตอร์ทีก็ได้มาที่ดิฉัน และเค้าก็ได้นำดิฉันอธิษฐาน ดิฉันยกมือทั้งสองข้างขึ้นฟ้า และบอกพระเจ้าว่า ขอสารภาพความผิดบาปทั้งหมดที่ ได้ทำ ขอพระองค์ยกโทษให้ และเหมือนมีพลังอำนาจบางอย่างเข้ามาครอบคลุมดิฉันทำให้ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ดิฉันได้มีอาการอาเจียนออกมา และหลังจากนั้นก็ไม่เป็นตัวของตัวเองอีก

ดิฉันกรีดร้องเสียงดัง และกลุ่มคริสเตียนในนั้นได้พาดิฉันไปหลังห้องเวที มิสเตอร์ทีก็อยู่ด้วย อาการที่เกิดขึ้นกับดิฉันมันเป็นวิญญาณชั่วที่เข้ามาสิง และมันสำแดงอิทธิฤทธิ์ เมื่อมันสัมผัสกับฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า วิญญาณที่สิงในตัวดิฉัน มันอยู่ไม่ได้แล้ว มันจึงสำแดงออกมา ในเวลานั้นดิฉันมองเห็นทุกสิ่งรอบตัวแต่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เลย ไม่สามารถบังคับร่างกาย

วิญญาณชั่วพยายามที่จะควบคุม ภายในของดิฉันต่อสู้มาก ในห้องนั้นมีน้องสาวคนที่ 7 และแม่ของเขา ( แม่เลี้ยงของดิฉัน ) ดิฉันรู้สึกเหนื่อยมาก จึงหันไปให้น้องสาวช่วย น้องสาวก็ยืนร้องไห้อยู่ไม่กล้าเข้ามาใกล้ ดิฉันก็เลยร้องเรียกแม่ที่เสียชีวิตไป ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น สุดท้ายดิฉันก็ยกมือขึ้นมาและร้องเรียก "พระเจ้าช่วยด้วย" และผู้รับใช้ของพระเจ้าก็อุ้มดิฉันลงนั่งที่พื้น และบอกให้ดิฉันสารภาพทุกสิ่งทุกอย่างที่ดิฉันทำมาทั้งหมด ดิฉันก็ทำตามทุกอย่างที่เขาบอก พลังที่ควบคุมดิฉันก็ค่อยๆหลุดออกไป เริ่มเป็นอิสระ ไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของวิญญาณชั่วแล้ว ดิฉันก็กลับเป็นปกติ ดิฉันเพิ่งมารู้เดี๋ยวนี้เองว่าผีมีจริง และเมื่อมาเปิดในพระคัมภีร์ดู ในพระคัมภีร์ก็ได้บอกว่าผีมีจริง และผีเหล่านี้ก็กลัวฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า เมื่อสั่งในพระนามของพระเยซู ผีก็ออกไป ดิฉันได้รับการช่วยเหลือจากพระเจ้า พึ่งมารู้ว่าพระเจ้าทรงรักดิฉันมาก

ดิฉันได้กลับมาหาพระเจ้าในครั้งนี้ ก็เป็นเพราะคำอธิษฐานของพี่น้องคริสเตียนและน้องสาวที่รักดิฉัน ดิฉันมาค้นพบว่า สิ่งที่ดิฉันแสวงหามาทั้งหมดโดยการออกจากทางของพระเจ้านั้นเป็นการเปิดประตูให้มารซาตานได้เข้ามาครอบงำชีวิตของดิฉันได้ แต่เมื่อดิฉันกลับใจใหม่ เรียกหาพระเจ้าช่วย พระองค์ก็สำแดงฤทธิ์อำนาจที่ยิ่งใหญ่ ขับไล่ผีมารซาตานออกไป ทำให้ดิฉันมีอิสระ มีสันติสุข อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และดิฉันจึงรู้ว่า ถ้าดิฉันอยู่ในพระหัตถ์ของพระเจ้า ดิฉันจะปลอดภัย ดิฉันพึ่งรู้ว่าบทสวดมนต์ของ ศาสนาพุทธก็ไม่สามารถช่วยดิฉันให้รอดพ้นจากผีมารซาตานได้ เดี๋ยวนี้ดิฉันรู้แล้วว่ามีแต่องค์พระเยซูคริสต์เท่านั้น ที่เป็นองค์พระผู้ช่วยให้รอดของดิฉัน ดิฉันจึงเลิกจากการเป็นหมอดูและทิ้งตำราทั้งหมด สิ่งที่เหลืออยู่อย่างเดียวก็คือพระคัมภีร์ที่น้องสาวดิฉันให้ที่อยู่บนหัวนอนของดิฉัน ดิฉันได้หยิบพระคัมภีร์นั้นขึ้นมาอ่าน และอธิษฐานกับพระเจ้า ทำให้มีความสัมพันธ์ติดสนิทกับพระองค์ มีการรู้สึกซาบซึ้งในพระคุณความรักของพระเจ้าที่ช่วยกู้ชีวิตของดิฉัน ให้ได้พบแสงสว่างในพระเจ้าอีกครั้งหนึ่ง

ตอนที่ดิฉันหลงหายออกจากทางของพระเจ้า มีแต่ความซึมเศร้าหมดหวัง อยากคิดฆ่าตัวตาย ขาดความรัก แต่เดี๋ยวนี้รู้ว่ามีพระเจ้าอยู่ด้วย ดิฉันมีความหวังใหม่ มีชีวิตใหม่ ได้รับการเปลี่ยนแปลงชีวิตใหม่ นิสัยใหม่ โดยที่ไม่ต้องประพฤติปฎิบัติให้เหนื่อยอีกต่อไป แต่เป็นการเปลี่ยนแปลง โดยฤทธิ์อำนาจจากพระเจ้า ดิฉันรู้ว่ากำลังอยู่ในขบวนการสร้างจากพระเจ้า ดิฉันจึงอยากตอบแทนพระคุณของพระเจ้าที่ได้ช่วยดิฉัน ดิฉันอยากรับใช้พระองค์ อยากจะบอกกับทุกคนว่าพระเจ้าแสนดีอย่างไร ดิฉันขอพระเจ้าให้ใช้ดิฉันในสภาพที่ฉันเป็นอยู่ ดิฉันเชื่อว่าในสภาพที่จำกัดของดิฉัน แต่พระเจ้าไม่จำกัดเรา ดิฉันได้รู้จักเพื่อนชื่อ ผักกาด ซึ่งเป็นคนพิการเหมือนกัน ผักกาดก็เป็นคริสเตียน เราทั้งสองจึงพูดกันว่าอยากรับใช้พระเจ้าร่วมกัน อยากนำคนมาสัมผัสความรักของพระเจ้า ผักกาดถนัดในเรื่องการใช้ โทรศัพท์มือถือ สามารถโทรหาได้หลายสายมาประชุมรวมกัน เราจึงรวบรวมเพื่อนๆที่พิการเข้ามาด้วยกันเพื่อนมัสการพระเจ้าจนเกิด "กลุ่มสายพระพร" ขึ้น ซึ่งมีเพื่อนผู้พิการอาศัยอยู่ต่างสถานที่ประชุมรวมกันทุกวันจันทร์-ศุกร์ ตั้งแต่ 9.30 ถึง 11.30 น. เราได้ร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า ได้อ่านพระคัมภีร์ ได้แบ่งปันพระคำพระเจ้า ได้เป็นพยานว่าพระเจ้ากระทำสิ่งดีอย่างไรในชีวิตของเรา และเราก็ได้อธิษฐานเผื่อซึ่งกันและกัน ทำให้เราทั้งหลายที่ได้เข้ามาอยู่ด้วยกัน มีกำลังใจและเข้มแข็งมากขึ้น

ในพระคัมภีร์ ฟิลิปปี บทที่ 4 ข้อ 13 ได้บอกว่า "ข้าพเจ้าผจญทุกสิ่งได้ โดยพระองค์เป็นผู้เสริมกำลังข้าพเจ้า" เมื่อสมาชิกในกลุ่มมีใครเจ็บป่วยเราก็ได้อธิษฐานเผื่อ และพระเจ้าก็ตอบคำอธิษฐานได้รักษาให้หาย ดิฉันรู้สึกว่าตั้งแต่ได้เข้ามาประชุม ในสายพระพร ดิฉันมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงมากขึ้น ดิฉันได้แต่งงานเมื่อ พ.ศ.2549 ขณะนี้ดิฉันตั้งครรภ์ได้ 4 เดือนแล้ว ดิฉันขอบคุณพระเจ้าสำหรับลูกที่พระองค์ประทานให้ ดิฉันอยากจะหนุนใจผู้อ่านว่า ขอเชิญชิมดูแล้วจะเห็นว่าพระเจ้าประเสริฐ ถ้าท่านเชื่อท่านจะได้เห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า สุดท้ายนี้ดิฉันขอพระเจ้าอวยพรผู้อ่านทุกท่าน ให้มีพลานามัยที่สมบูรณ์ และเจริญสุขทุกประการ ขอให้ท่านได้พบความรักยิ่งใหญ่ของพระเจ้า เหมือนกับที่ดิฉันได้พบแล้ว เป็นความรักที่ไม่มีเงื่อนไข ทรงรักอย่างเสียสละ โดยพระเจ้าได้ส่งพระบุตรของพระองค์คือพระเยซูคริสต์มาตายแทนบาปของพวกเราทั้งหลาย แล้วสัจจะของพระเจ้านี่แหละที่ทำให้เราทั้งหลายเป็นไท

" ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่าน "
สุมิตรา ( เล็ก ) 

 © Copyright 2009. Christian Siam.com