Christian Siam

 

 

 

 

Christian Siam - เว็บสำหรับคนอยากรู้จักพระเจ้า

 
 :: สำหรับผู้สนใจพระเจ้า ::
Christian Siam คำถาม - คำตอบ
Christian Siam พระเยซูคือใคร
Christian Siam พระเยซูเกิดจริงหรือ?
Christian Siam เราเกิดมาทำไม
Christian Siam เราตายแล้วไปไหน
Christian Siam ทฤษฎีวิวัฒนาการ...จริง?
Christian Siam เป็นคริสเตียนได้อย่างไร
Christian Siam คำพยานชีวิต

Christian Siam
H O M E
:: สำหรับคริสเตียนใหม่ ::
:: สื่อคริสเตียนออนไลน์ ::
Christian Siam มานาประจำวัน
Christian Siam เพลงจาก Youtube
 

                   CHRISTIAN
                   CHRISTIAN
                   CHRISTIAN

         CHRISTIAN SIAM.COM
         CHRISTIAN SIAM.COM
         CHRISTIAN SIAM.COM

                   CHRISTIAN
                   CHRISTIAN
                   CHRISTIAN
                   CHRISTIAN
                   CHRISTIAN
                   CHRISTIAN
                   CHRISTIAN
                   CHRISTIAN



เศคาริยาห์

เศคาริยาห์ 1
1 ในเดือนที่แปด ปีที่สองแห่งรัชกาลดาริอัส พระวจนะของพระเจ้ามายังเศคาริยาห์ บุตรเบเรคิยาห์ผู้เป็นบุตรอิดโด ผู้เผยพระวจนะว่า
2 "พระเจ้าทรงกริ้วต่อบรรพบุรุษของเจ้าทั้งหลายเป็นอย่างยิ่ง
3 เพราะฉะนั้น จงกล่าวแก่เขาทั้งหลายว่า พระเจ้าจอมโยธาตรัสดังนี้ว่า จงกลับมาหาเรา พระเจ้าจอมโยธาตรัสดังนี้แหละ เราจะกลับมาหาเจ้า พระเจ้าจอมโยธาตรัสดังนี้แหละ
4 อย่าเป็นเหมือนบรรพบุรุษของเจ้า ซึ่งบรรดาผู้เผยพระวจนะคนก่อนๆร้องบอกเขาว่า 'พระเจ้าจอมโยธาตรัสดังนี้ว่า จงหันกลับเสียจากทางชั่วของเจ้า และจากการกระทำที่ชั่วของเจ้าเถิด' พระเจ้าตรัสว่า แต่เขาไม่ได้ยินและมิได้ฟังเรา
5 บรรพบุรุษของเจ้า เขาอยู่ที่ไหน พวกผู้เผยพระวจนะเล่า เขามีชีวิตอยู่เป็นนิตย์หรือ
6 แต่ถ้อยคำของเราและกฎเกณฑ์ของเรา ซึ่งเราได้บัญชาแก่ผู้เผยพระวจนะผู้รับใช้ของเรา ก็ได้ติดตามบรรพบุรุษของเจ้าทันมิใช่หรือ" จนเขากลับใจแล้วกล่าวว่า "พระเจ้าจอมโยธาทรงดำริว่าจะทรงกระทำแก่เราประการใด ในเรื่องทางและการกระทำของเราพระองค์ทรงกระทำแก่เราอย่างนั้น"
7 เมื่อวันที่ยี่สิบสี่เดือนที่สิบเอ็ด ซึ่งเป็นเดือนเชบัท ในปีที่สองแห่งรัชกาลดาริอัส พระวจนะของพระเจ้ามายังเศคาริยาห์ ผู้เผยพระวจนะบุตรเบเรคิยาห์ผู้เป็นบุตรอิดโด และเศคาริยาห์กล่าวว่า
8 "ณกลางคืนวันหนึ่ง ข้าพเจ้าได้มองดู และดูเถิด มีชายคนหนึ่งขี่ม้าสีแดง ยืนอยู่ท่ามกลางต้นน้ำมันเขียว ที่ลานหุบเขาณเบื้องหลังท่านผู้นั้นมีม้าสีแดง สีแสด และสีขาว
9 แล้วข้าพเจ้าจึงถามว่า 'นายเจ้าข้า เหล่านี้คืออะไร' ทูตสวรรค์ที่สนทนากับข้าพเจ้าบอกข้าพเจ้าว่า 'เราจะสำแดงให้เจ้าทราบว่า เหล่านี้คืออะไร'
10 เหตุฉะนั้นชายที่ยืนอยู่ท่ามกลางต้นน้ำมันเขียวจึงบอกว่า 'เหล่านี้คือผู้ที่พระเจ้าทรงใช้ให้ไปเที่ยวตรวจตราโลก'
11 และเขาเหล่านั้นได้ตอบทูตสวรรค์ของพระเจ้าผู้ยืนอยู่ท่ามกลางต้นน้ำมันเขียวว่า 'เราได้ตรวจตราโลกแล้ว ดูเถิด ทั้งโลกก็นิ่งสงบอยู่'
12 แล้วทูตสวรรค์ของพระเจ้ากล่าวว่า 'ข้าแต่พระเจ้าจอมโยธา อีกนานเท่าใด พระองค์จะไม่ทรงเมตตากรุงเยรูซาเล็มและหัวเมืองแห่งยูดาห์ ซึ่งพระองค์ก็ทรงกริ้วมาเจ็ดสิบปีแล้วพระเจ้าข้า'
13 และพระเจ้าทรงตอบทูตสวรรค์ผู้ที่สนทนากับข้าพเจ้า เป็นพระวาทะที่ประเสริฐและเล้าโลมใจ
14 ทูตสวรรค์ผู้ที่สนทนาอยู่กับข้าพเจ้าจึงกล่าวแก่ข้าพเจ้าว่า 'จงร้องว่า พระเจ้าจอมโยธาตรัสดังนี้ว่า เรามีความหวงแหนกรุงเยรูซาเล็ม คือกรุงศิโยนเป็นที่ยิ่ง
15 เราโกรธประชาชาติมากที่อยู่อย่างสบายๆ เพราะเมื่อเราโกรธแต่น้อย เขาก็ก่อภัยพิบัติเกินขนาด
16 พระเจ้าจึงตรัสว่า เพราะฉะนั้น เรากลับมายังกรุงเยรูซาเล็มด้วยความกรุณา พระเจ้าจอมโยธาตรัสว่า จะต้องสร้างนิเวศของเราขึ้นไว้ในนั้นและขึงเชือกวัดไว้เหนือกรุงเยรูซาเล็ม
17 จงร้องอีกว่า พระเจ้าจอมโยธาตรัสดังนี้ว่า เมืองของเราจะไพบูลย์ท่วมท้นไปด้วยความมั่งคั่งอีก และพระเจ้าจะปลอบศิโยนและเลือกสรรกรุงเยรูซาเล็มอีกครั้งหนึ่ง'"
18 ข้าพเจ้าเงยหน้าขึ้นแลเห็น ดูเถิด มีสิงค์สี่สิงค์
19 ข้าพเจ้าจึงถามทูตสวรรค์ที่สนทนาอยู่กับข้าพเจ้าว่า "เหล่านี้คืออะไร" ท่านจึงตอบข้าพเจ้าว่า "เหล่านี้คือสิงค์ที่ขวิดยูดาห์ อิสราเอลและเยรูซาเล็ม ให้กระจัดกระจายไป"
20 แล้วพระเจ้าจึงทรงสำแดงให้ข้าพเจ้าเห็นช่างเหล็กสี่คน
21 และข้าพเจ้าจึงถามว่า "คนเหล่านี้มาทำอะไรกัน" พระองค์ทรงตอบว่า "สิงค์เหล่านี้มาขวิดยูดาห์ให้กระจัดกระจายไป จนไม่มีผู้ใดยกศีรษะขึ้นได้อีก และช่างเหล่านี้มากระทำให้สิงค์หวาดกลัว เพื่อจะเหวี่ยงลงซึ่งสิงค์แห่งประชาชาติ ที่ยกสิงค์ของตนมาขวิดแผ่นดินยูดาห์กระทำให้กระจัดกระจายไป"

เศคาริยาห์ 2
1 ข้าพเจ้าเงยหน้าขึ้นแลเห็น ดูเถิด ชายคนหนึ่งมีเชือกวัดอยู่ในมือแน่ะ
2 ข้าพเจ้าจึงถามว่า "ท่านจะไปไหน" เขาจึงบอกข้าพเจ้าว่า "จะไปวัดเยรูซาเล็มดูว่า กว้างเท่าใด ยาวเท่าใด"
3 และดูเถิด ทูตสวรรค์ที่ได้สนทนากับข้าพเจ้าก็ก้าวออกไป และทูตสวรรค์อีกองค์หนึ่งก็ก้าวออกไปพบกับท่าน
4 และบอกท่านว่า "วิ่งซิ บอกชายหนุ่มคนนั้นว่า 'จะมีคนมาอาศัยอยู่ในเยรูซาเล็มอย่างกับชนบทที่ไม่มีกำแพงล้อม เพราะว่าประชาชนและสัตว์เลี้ยงในนั้นจะมีมากมาย
5 เพราะว่าเราจะเป็นเหมือนกำแพงเพลิงล้อมเธอไว้ พระเจ้าตรัสว่า และเราจะเป็นศักดิ์ศรีในเมืองนั้น'"
6 พระเจ้าตรัสว่า เฮ้ เฮ้ จงหนีไปให้พ้นจากเมืองเหนือ พระเจ้าตรัสว่า เพราะเราได้แผ่พวกเจ้าออกดังลมทั้งสี่ทิศของท้องฟ้า
7 เฮ้ เจ้าผู้ที่อยู่กับธิดาของบาบิโลน จงหนีไปยังศิโยน
8 เมื่อพระสิริใช้เราให้ไปยังประชาชาติที่ปล้นเจ้า (เพราะว่าผู้ใดได้แตะต้องเจ้า ก็ได้แตะต้องแก้วพระเนตรของพระองค์) พระเจ้าจอมโยธาจึงตรัสดังนี้ว่า
9 "ดูเถิด เราจะสั่นมือของเราเหนือเขา และเขาจะเป็นของถูกปล้นให้แก่บุคคลที่ได้ปรนนิบัติเขา" แล้วเจ้าจะได้ทราบว่าพระเจ้าจอมโยธาใช้ข้าพเจ้ามา
10 "โอ บุตรีแห่งศิโยนเอ๋ย จงร้องเพลงและร่าเริงเถิด เพราะนี่แน่ะเรามาและจะอยู่ท่ามกลางเจ้าทั้งหลาย พระเจ้าตรัสดังนี้แหละ
11 และประชาชาติเป็นอันมากจะสมทบกันเข้าเป็นฝ่ายพระเจ้าในวันนั้น และจะเป็นประชากรของเรา และเราจะอยู่ท่ามกลางเจ้าทั้งหลาย และเจ้าจะทราบว่าพระเจ้าจอมโยธาได้ใช้เรามายังเจ้า
12 และพระเจ้าจะทรงรับยูดาห์เป็นมรดก เป็นส่วนของพระองค์ในแผ่นดินบริสุทธิ์ และจะเลือกสรรกรุงเยรูซาเล็มอีกครั้งหนึ่ง"
13 บรรดามนุษย์เอ๋ย จงนิ่งสงบอยู่ต่อพระเจ้า เพราะว่าพระองค์ทรงตื่นและเสด็จจากที่ประทับอันบริสุทธิ์ของพระองค์แล้ว

เศคาริยาห์ 3
1 แล้วท่านได้แสดงให้ข้าพเจ้าเห็นโยชูวามหาปุโรหิต ซึ่งยืนอยู่หน้าทูตสวรรค์ของพระเจ้า และซาตานยืนอยู่ข้างขวามือของท่าน จะฟ้องท่าน
2 และพระเจ้าตรัสกับซาตานว่า "โอ ซาตาน พระเจ้าตรัสห้ามเจ้าเถอะ พระเจ้าผู้ทรงเลือกสรรกรุงเยรูซาเล็มทรงห้ามเจ้าเถิด นี่ไม่ใช่ดุ้นฟืนที่ฉวยออกมาจากไฟดอกหรือ"
3 ฝ่ายโยชูวานั้นสวมเครื่องแต่งกายสกปรกยืนอยู่หน้าทูตสวรรค์
4 และทูตสวรรค์จึงบอกผู้ที่ยืนอยู่ข้างหน้าท่านว่า "จงเปลื้องเครื่องแต่งกายที่สกปรกจากท่านเสีย" และทูตสวรรค์พูดกับท่านว่า "ดูเถิด เราได้เอาความผิดบาปออกไปเสียจากเจ้าแล้ว และเราจะประดับตัวเจ้าด้วยเสื้อผ้าอันสะอาด
5 และข้าพเจ้าว่า "จงให้เขาทั้งหลายเอาผ้าสะอาดมาโพกศีรษะของท่าน" เขาจึงโพกผ้าสะอาดและสวมเครื่องแต่งกายให้ท่านและทูตสวรรค์ของพระเจ้าก็ยืนอยู่
6 และทูตสวรรค์ของพระเจ้าจึงกล่าวแก่โยชูวาว่า
7 "พระเจ้าจอมโยธาตรัสดังนี้ว่า ถ้าเจ้าดำเนินในหนทางของเรา และรักษาคำกำชับของเรา เจ้าจะได้ปกครองนิเวศของเรา และดูแลบริเวณของเรา และเราจะให้เจ้ามีสิทธิที่จะเข้าไปท่ามกลางผู้เหล่านั้นที่ยืนอยู่ที่นี่
8 โอ โยชูวามหาปุโรหิต จงฟังเถิด เจ้าและสหายของเจ้าผู้ที่นั่งอยู่ข้างหน้าเจ้า เพราะคนเหล่านี้เป็นลางดี นี่แน่ะ เราจะนำผู้รับใช้ของเรามา คือ พระอังกูร
9 เพราะว่า ดูเถิด พระเจ้าจอมโยธาตรัสว่า เราจะสลักบนศิลาซึ่งเราตั้งไว้หน้าโยชูวาเป็นศิลาก้อนเดียวที่มีเจ็ดหน้าและเราจะเปลื้องความผิดบาปของเมืองนี้ออกไปเสียในวันเดียว
10 พระเจ้าจอมโยธาตรัสว่า ในวันนั้นเจ้าทุกคนจะเชิญเพื่อนบ้านของเจ้า ให้มาใต้เถาองุ่นและใต้ต้นมะเดื่อ

เศคาริยาห์ 4
1 และทูตสวรรค์ที่สนทนากับข้าพเจ้ามาอีก และปลุกข้าพเจ้าเหมือนคนที่เพิ่งตื่นจากการนอนของเขา
2 และท่านถามข้าพเจ้าว่า "เจ้าเห็นอะไร" ข้าพเจ้าตอบว่า "ดูเถิด ข้าพเจ้าเห็นเชิงตะเกียงทำด้วยทองคำล้วนอันหนึ่งมีชามอยู่ที่ยอด และมีตะเกียงอยู่บนนั้นเจ็ดดวง และมีท่อเจ็ดท่อนำไปยังตะเกียง ซึ่งอยู่บนยอดนั้นดวงละท่อ
3 และมีต้นมะกอกเทศสองต้น อยู่ข้างๆ อยู่ข้างขวาชามนั้นต้นหนึ่ง อยู่ข้างซ้ายต้นหนึ่ง"
4 และข้าพเจ้าถามทูตสวรรค์ผู้ที่สนทนากับข้าพเจ้าว่า "เจ้านายเจ้าข้า นี่คืออะไร"
5 ทูตสวรรค์ที่สนทนากับข้าพเจ้าตอบข้าพเจ้าว่า "นี่คืออะไรเจ้าไม่ทราบหรือ" ข้าพเจ้าตอบว่า "นายเจ้าข้า ข้าพเจ้าไม่ทราบ"
6 แล้วท่านจึงตอบข้าพเจ้าว่า "นี่เป็นพระวจนะของพระเจ้าที่ให้ไว้กับเศรุบบาเบล ว่า มิใช่ด้วยกำลัง มิใช่ด้วยฤทธานุภาพ แต่ด้วยวิญญาณของเรา พระเจ้าจอมโยธาตรัสดังนี้แหละ
7 โอ ภูเขาใหญ่ เจ้าเป็นอะไรเล่า ต่อหน้าเศรุบบาเบล เจ้าจะเป็นที่ราบ และท่านจะนำศิลาก้อนที่อยู่ยอดออกมาท่ามกลางการโห่ร้องว่า "งามจริง พระวิหาร งามจริง"
8 ยิ่งกว่านั้นพระวจนะของพระเจ้ามายังข้าพเจ้ากล่าวว่า
9 "มือของเศรุบบาเบลได้วางรากฐานของพระนิเวศนี้ และมือของเขาจะสร้างให้สำเร็จ" แล้วเจ้าจึงจะทราบว่า พระเจ้าจอมโยธาได้ใช้ข้าพเจ้ามาหาเจ้าทั้งหลาย
10 เพราะว่าผู้ใดที่ดูหมิ่นวันแห่งการเล็กน้อยเราจะเปรมปรีดิ์ และจะได้เห็นสายดิ่งที่อยู่ในมือของเศรุบบาเบล "ทั้งเจ็ดนี้คือบรรดาพระเนตรของพระเจ้าซึ่งมองอยู่ทั่วพิภพ"
11 แล้วข้าพเจ้าจึงถามท่านว่า "ต้นมะกอกเทศ สองต้นที่อยู่ข้างขวาและข้างซ้ายของเชิงตะเกียงนั้นคืออะไร"
12 และข้าพเจ้าถามท่านเป็นครั้งที่สองว่า "กิ่งทั้งสองของต้นมะกอกเทศ ซึ่งอยู่ข้างท่อทองคำทั้งสอง ซึ่งเท น้ำมัน ออกนั้นคืออะไร"
13 ท่านพูดกับข้าพเจ้าว่า "เจ้าไม่ทราบหรือ เหล่านี้คืออะไร" ข้าพเจ้าตอบว่า "เจ้านายเจ้าข้า ข้าพเจ้าไม่ทราบ"
14 แล้วท่านจึงกล่าวว่า "ทั้งสองนี้คือผู้ที่ได้รับการเจิมเป็นผู้ยืนอยู่ข้างพระเจ้าแห่งพิภพทั้งสิ้น"

เศคาริยาห์ 5
1 ข้าพเจ้าเงยหน้าขึ้นอีกก็แลเห็น ดูเถิด หนังสือม้วนหนึ่งเหาะอยู่นั่น
2 ท่านจึงถามข้าพเจ้าว่า "เจ้าเห็นอะไร" ข้าพเจ้าตอบว่า "ข้าพเจ้าแลเห็นหนังสือม้วนหนึ่งเหาะอยู่ มันยาวยี่สิบศอก และกว้างสิบศอก"
3 แล้วท่านจึงบอกข้าพเจ้าว่า "นี่แหละเป็นคำสาปที่แผ่ออกไปทั่วพื้นแผ่นดินทั้งสิ้น ผู้ที่ทำการโจรกรรมทุกคนต้องถูกกำจัด ตั้งแต่นี้ไปตามความในหนังสือม้วนนั้น และทุกคนที่สาบานเท็จจะต้องถูกกำจัดตั้งแต่นี้ไป ตามที่กำหนดไว้
4 พระเจ้าจอมโยธาตรัสว่า เราส่งคำสาปนั้นออกไป และคำนั้นจะเข้าไปในเรือนของโจร และในเรือนของคนที่สาบานเท็จโดยออกนามของเรา และคำนี้จะค้างคืนอยู่ในเรือน ผลาญเรือนนั้นเสียทั้งตัวไม้และศิลา"
5 ทูตสวรรค์ผู้ที่สนทนากับข้าพเจ้าได้ออกมาพูดกับข้าพเจ้าว่า "จงเงยหน้าขึ้นดูว่า สิ่งที่ออกไปนั้นคืออะไร"
6 ข้าพเจ้าจึงว่า "นั่นคืออะไร" ท่านจึงตอบว่า "นี่คือเอฟาห์ที่ออกไป" และท่านจึงว่า "นี่คือความผิดในแผ่นดินทั้งสิ้น"
7 และ ดูเถิด ฝาเอฟาห์ที่ทำด้วยตะกั่วก็ถูกยกขึ้น และมีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ในเอฟาห์นั้น
8 และเขากล่าวว่า "นี่คือความอธรรม" และท่านก็ผลักนางนั้นเข้าไปในเอฟาห์ แล้วก็ผลักฝาที่ทำด้วยตะกั่วนั้นปิดปากมันไว้
9 แล้วข้าพเจ้าก็เงยหน้าขึ้นแลเห็น ดูเถิด มีผู้หญิงสองคนเดินออกมานั่น มีลมอยู่ในปีกของนาง นางมีปีกเหมือนปีกของนกกระสาดำ และนางก็ยกเอฟาห์ขึ้นระหว่างโลกและฟ้าสวรรค์
10 แล้วข้าพเจ้าจึงพูดกับทูตสวรรค์ผู้ที่สนทนากับข้าพเจ้าว่า "นางเหล่านั้นจะนำเอฟาห์ไปที่ไหน"
11 ท่านตอบข้าพเจ้าว่า "ไปยังแผ่นดินชินาร์ ไปสร้างเรือนไว้ให้เอฟาห์ เมื่อเตรียมอย่างนี้เสร็จแล้ว นางเหล่านั้นจะวางเอฟาห์ไว้บนฐานของมัน"

เศคาริยาห์ 6
1 และข้าพเจ้าได้เงยหน้าขึ้นอีกแลเห็น ดูเถิด มีรถรบสี่คันออกมาระหว่างภูเขาสองลูก ภูเขาเหล่านั้นเป็นภูเขาทองสัมฤทธิ์
2 รถรบคันแรกเทียมม้าแดง คันที่สองม้าดำ
3 คันที่สามม้าขาว คันที่สี่ม้าด่างสีเทา
4 แล้วข้าพเจ้าจึงถามทูตสวรรค์ผู้ที่สนทนากับข้าพเจ้าว่า "เจ้านายเจ้าข้า เหล่านี้คืออะไร"
5 และทูตสวรรค์นั้นตอบข้าพเจ้าว่า "เหล่านี้ออกไปยังลมทั้งสี่ทิศของฟ้าสวรรค์ หลังจากที่ได้เข้าเฝ้าพระเจ้าแห่งพิภพทั้งสิ้นแล้ว
6 รถรบที่เทียมม้าดำตรงไปยังประเทศเหนือ ตัวขาวตรง ไปยังประเทศตะวันตก และตัวสีด่างตรงไปยังประเทศใต้"
7 เมื่อม้าเหล่านี้ออกไป มันก็ร้อนใจที่จะออกไปและตรวจตราพื้นพิภพ และท่านกล่าวว่า "ไปซิ ไปตรวจตราพิภพ" ดังนั้นม้าเหล่านั้นจึงตรวจตราพิภพ
8 แล้วท่านจึงร้องบอกข้าพเจ้าว่า "ดูเถิด ม้าที่ไปยังประเทศเหนือนั้นได้กระทำให้จิต วิญญาณของเราสงบนิ่งในประเทศเหนือนั้น"
9 และพระวจนะของพระเจ้ามายังข้าพเจ้าว่า
10 "จงนำเอาเฮลดัย โทบียาห์ และเยดายาห์ไปเสียจากบรรดาเชลย ผู้ซึ่งกลับจากบาบิโลน ในวันเดียวกันนั้นไปยังเรือนของโยสิยาห์ บุตรเศฟันยาห์
11 จงเอาเงินและทองคำทำเป็นมงกุฎ และสวมบนศีรษะของโยชูวาบุตรเยโฮซาดัก มหาปุโรหิต
12 และกล่าวแก่เขาว่า 'พระเจ้าจอมโยธาตรัสดังนี้ว่า "ดูเถิด ชายผู้ที่มีชื่อว่าพระอังกูร เพราะท่านจะไพบูลย์ในสถานที่ของท่าน และจะสร้างพระวิหารของพระเจ้า
13 ท่านผู้นี้แหละจะเป็นผู้สร้างพระวิหารของพระเจ้า และจะรับเกียรติศักดิ์ และจะประทับและปกครองอยู่บนราชบัลลังก์ ของท่านและ จะมีปุโรหิตผู้หนึ่งอยู่ข้าง พระที่นั่งของท่าน
14 และมงกุฎนั้นจะอยู่ในพระวิหารของพระเจ้า เพื่อให้เป็นที่ระลึกถึงเฮลดัย โทบียาห์ เยดายาห์ และโยสิยาห์ บุตรของเศฟันยาห์
15 "บรรดาผู้ที่อยู่ห่างไกลจะมาช่วยสร้างพระวิหารของพระเจ้า และท่านทั้งหลายจะทราบว่า พระเจ้าจอมโยธาทรงใช้ข้าพเจ้ามายังท่าน ถ้าท่านทั้งหลายจะเชื่อฟังพระสุรเสียงของ พระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านอย่างเคร่งครัด สิ่งนี้จะเป็นไปดังกล่าวนั้น"

เศคาริยาห์ 7
1 ในปีที่สี่ของรัชกาลพระราชาดาริอัส พระวจนะของพระเจ้ามายังเศคาริยาห์ ณ วันที่สี่เดือนที่เก้า ซึ่งเป็นเดือนคิสลิว
2 ฝ่ายเมืองเบธเอลได้ใช้ให้ชาเรเซอร์ และเรเกมเมเลค พร้อมกับพรรคพวกของเขาไปทูลขอพระกรุณาต่อพระเจ้า
3 และร้องขอต่อบรรดาปุโรหิตที่พระนิเวศแห่งพระเจ้าจอมโยธา และต่อผู้เผยพระวจนะว่า "ควรที่ข้าพเจ้าจะไว้ทุกข์และอดอาหารในเดือนที่ห้า อย่างที่ข้าพเจ้าได้กระทำมาแล้วเป็นหลายปีนั้นหรือไม่"
4 แล้วพระวจนะของพระเจ้าจอมโยธามายังข้าพเจ้าว่า
5 "จงกล่าวแก่ราษฎรทั้งสิ้นและแก่บรรดาปุโรหิตว่า เมื่อเจ้าทั้งหลายอดอาหารและไว้ทุกข์ในเดือนที่ห้าและในเดือนที่เจ็ด ตั้งเจ็ดสิบปีนั้น เจ้าได้อดอาหารเพื่อเราคือเราเองหรือ
6 และเมื่อเจ้ารับประทานและเมื่อเจ้าดื่ม เจ้าก็รับประทานเพื่อตัวเจ้าเองและดื่มเพื่อตัวเจ้าเองมิใช่หรือ
7 ในเมื่อเยรูซาเล็มมีคนอยู่และมั่งคั่ง มีหัวเมืองล้อมรอบ เนเกบและแดนเนินเชเฟลาห์ก็มีคนอยู่ ถ้อยคำเหล่านี้เป็นพระวจนะซึ่งพระเจ้าทรงประกาศโดยผู้เผยพระวจนะรุ่นก่อนๆ มิใช่หรือ"
8 และพระวจนะของพระเจ้ามาถึงเศคาริยาห์ว่า
9 "พระเจ้าจอมโยธาตรัสดังนี้ว่า จงพิพากษาตามความจริง จงแสดงความกรุณาและความปรานีต่อพี่น้องของตน
10 อย่าบีบบังคับหญิงม่าย ลูกกำพร้าพ่อ คนต่างด้าวหรือคนยากจน และอย่าคิดอุบายชั่วในใจต่อพี่น้องของตน"
11 แต่เขาปฏิเสธไม่ยอมฟังและหันบ่าดื้อเข้าใส่ และอุดหูของเขาเสียเพื่อเขาจะไม่ได้ยิน
12 เออ เขาได้กระทำใจของเขาให้แข็งเหมือนเพชร เกรงว่าเขาจะได้ยินพระธรรมและพระวจนะ ซึ่งพระเจ้าจอมโยธาได้ทรงส่งไปทางผู้เผยพระวจนะรุ่นก่อนโดยวิญญาณของพระองค์ เหตุฉะนั้นพระพิโรธอันยิ่งใหญ่จึงได้มาจากพระเจ้าจอมโยธา
13 พระเจ้าจอมโยธาตรัสว่า "เมื่อเราร้องเรียก เขาไม่ฟังฉันใด เมื่อเขาร้องทูล เราก็ไม่ฟังฉันนั้น
14 และเราก็ให้เขากระจัดกระจายไปด้วยลมบ้าหมูท่ามกลางประชาชาติทั้งสิ้นซึ่งเขามิได้รู้จัก ดังนั้นแผ่นดินที่เขาทิ้งไปจึงว่างเปล่า ไม่มีใครเข้าออก และแผ่นดินที่สุขสบายก็เป็นที่ร้างเปล่า"

เศคาริยาห์ 8
1 และพระวจนะของพระเจ้าจอมโยธามายังข้าพเจ้าว่า
2 "พระเจ้าจอมโยธาตรัสดังนี้ว่า เราหวงแหนศิโยนด้วยความหวงแหนอันยิ่งใหญ่และเราหวงแหนเธอด้วยความกริ้วมาก
3 พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า เราจะกลับไปยังศิโยน และอยู่ท่ามกลางเยรูซาเล็ม และเขาจะเรียกเยรูซาเล็มว่าเมืองซื่อตรง และเรียกภูเขาของพระเจ้าจอมโยธาว่าภูเขาบริสุทธิ์
4 พระเจ้าจอมโยธาตรัสดังนี้ว่า "ชายชราและหญิงชราจะนั่งอยู่ตามลานเมืองเยรูซาเล็มอีก ต่างก็มีไม้เท้าอยู่ในมือเพราะอายุมากทีเดียว
5 และในลานเมืองนั้นก็จะมีเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงวิ่งเล่นอยู่ทั่วไป
6 พระเจ้าจอมโยธาตรัสดังนี้ว่า ถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องประหลาดในสายตาของประชาชนที่เหลืออยู่ในสมัยนี้แล้ว พระเจ้าจอมโยธาตรัสว่า ก็ควรจะประหลาดในสายตาของเราด้วยซี
7 พระเจ้าจอมโยธาตรัสดังนี้ว่า ดูเถิด เราจะช่วยประชากรของเราให้พ้นจากประเทศตะวันออกและจากประเทศตะวันตก
8 และเราจะพาเขาทั้งหลายให้มาอาศัยอยู่ท่ามกลางเยรูซาเล็ม และเขาทั้งหลายจะเป็นประชากรของเรา และเราจะเป็นพระเจ้าของเขาทั้งหลายด้วยความเที่ยงตรงและความชอบธรรม
9 พระเจ้าจอมโยธาตรัสว่า จงให้มือของเจ้าทั้งหลายแข็งแรง คือเจ้าทั้งหลายผู้ได้ยินถ้อยคำเหล่านี้ในกาลนี้ ซึ่งมาจากปากบรรดาผู้เผยพระวจนะ ในวันที่ได้วางรากฐานพระนิเวศของพระเจ้าจอมโยธา เพื่อว่าจะได้ก่อสร้างพระวิหารนั้นขึ้น
10 เพราะว่าก่อนสมัยนั้นไม่มีค่าจ้างให้แก่คน หรือให้แก่สัตว์ ทั้งผู้ที่เข้าออก ก็ไม่มีความปลอดภัยจากศัตรู เพราะเราปล่อยให้คนทั้งหลายต่อสู้กับเพื่อนบ้านของตน
11 พระเจ้าจอมโยธาตรัสว่า บัดนี้เราจะไม่กระทำต่อประชาชนที่เหลืออยู่นี้อย่างกับสมัยก่อน
12 เพราะว่าจะมีการหว่านความสมบูรณ์พูนสุข เถาองุ่นจะมีลูกและแผ่นดินจะให้ผล และท้องฟ้าจะให้น้ำค้าง และเราจะกระทำให้ประชาชนที่เหลืออยู่นี้ ถือกรรมสิทธิ์สิ่งเหล่านี้ทั้งหมด
13 โอ พงศ์พันธุ์ยูดาห์และพงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย เจ้าเคยเป็นขี้ปากท่ามกลางประชาชาติทั้งหลาย ให้เขาแช่งฉันใด เราจะช่วยเจ้าและเจ้าจะได้เป็นแหล่งพระพรฉันนั้น อย่ากลัวเลย แต่จงให้มือของเจ้าแข็งแรงเถิด
14 "เพราะพระเจ้าจอมโยธาตรัสดังนี้ว่า เมื่อบรรพบุรุษของเจ้ายั่วเย้าให้เราโกรธนั้น เราก็ตั้งใจว่าจะลงโทษเจ้า เรามิได้หย่อนความตั้งใจลง พระเจ้าจอมโยธาตรัสดังนี้แหละ
15 ดังนั้น ในวันนี้เราตั้งใจอีกว่า เราจะกระทำดีต่อเยรูซาเล็มและต่อพงศ์พันธุ์ยูดาห์ อย่ากลัวเลย
16 ต่อไปนี้เป็นสิ่งที่เจ้าทั้งหลายพึงกระทำ จงพูดความจริงแก่กันและกัน จงให้การพิพากษาที่ประตูเมืองของเจ้าเที่ยงตรงและกระทำเพื่อศานติ
17 อย่าคิดอุบายชั่วในใจต่อกันและกัน อย่ารักคำสาบานเท็จ สิ่งเหล่านี้เราเกลียดชัง" พระเจ้าตรัสดังนี้แหละ
18 และพระวจนะของพระเจ้าจอมโยธามายังข้าพเจ้าว่า
19 "พระเจ้าจอมโยธาตรัสดังนี้ว่า การอดอาหารในเดือนที่สี่ การอดอาหารในเดือนที่ห้า และการอดอาหารในเดือนที่เจ็ด และการอดอาหารในเดือนที่สิบ จะเป็นที่ให้ความบันเทิงและความร่าเริง และเป็นการเลี้ยงที่ให้ชื่นชมแก่พงศ์พันธุ์ยูดาห์ เหตุฉะนั้นเจ้าจงรักความเที่ยงตรงและสันติภาพ
20 "พระเจ้าจอมโยธาตรัสดังนี้ว่า ชนชาติทั้งหลายยังจะมา คือประชาชนที่ยังอาศัยอยู่ในหัวเมืองอันมากมาย
21 ชาวเมืองหนึ่งจะไปหาชาวเมืองอีกเมืองหนึ่ง กล่าวว่า 'ให้เราไปกันทันที ไปทูลขอพระกรุณาต่อพระเจ้าและแสวงหาพระเจ้าจอมโยธา ข้าพเจ้าก็จะไป'
22 เออ ชนชาติทั้งหลายเป็นอันมาก และบรรดาประชาชาติที่เข้มแข็งจะมาแสวงหาพระเจ้าจอมโยธาในเยรูซาเล็ม และทูลขอพระกรุณาต่อพระเจ้า
23 พระเจ้าจอมโยธาตรัสดังนี้ว่า ในสมัยนั้นสิบคนจากประชาชาติทุกๆภาษา จะยึดชายเสื้อคลุมของยิวคนหนึ่งไว้แล้วกล่าวว่า 'ขอให้เราไปกับท่านทั้งหลายเถิด เพราะเราได้ยินว่า พระเจ้าทรงสถิตกับพวกท่าน'"

เศคาริยาห์ 9
1 ครุวาท พระวจนะของพระเจ้ามีมากล่าวโทษเมืองหัดราก และจะมาอยู่เหนือเมืองดามัสกัส ด้วยว่าหัวเมืองซีเรียเป็นของพระเจ้า แม้กระทั่งอิสราเอลทุกเผ่าด้วย
2 เมืองฮามัทซึ่งมีเขตแดนติดกันก็รวมอยู่ด้วย ไทระกับไซดอนแม้จะเป็นเมืองฉลาดก็ตาม
3 ไทระสร้างกำแพงป้อมไว้กันเมือง และสะสมเงินไว้เป็นกองอย่างกองฝุ่น และทองคำอย่างผงตามถนน
4 แต่นี่แหละ พระเจ้าทรงปลดเอาข้าวของของเมืองนี้ไปเสีย และเหวี่ยงทรัพย์สินของเมืองนี้ลงไปในทะเล และเมืองนี้จะถูกไฟเผาผลาญเสีย
5 เมืองอัชเคโลนจะเห็น และกลัว เมืองกาซาจะเห็น และสั่นสะท้านอย่างยิ่ง เมืองเอโครนด้วยเหมือนกันเพราะความหวังของเมืองนี้จะยุ่งเหยิง กษัตริย์จะพินาศจากเมืองกาซา เมืองอัชเคโลนจะไม่มีคนอาศัยอยู่
6 คนเลือดประสมจะมาอยู่ในเมืองอัชโดด เราจะกระทำให้ความหยิ่งผยองของฟีลิสเตีย ศูนย์สิ้นไป
7 เราจะเอาโลหิตออกไปเสียจากปากของเขา และเอาของโสโครกออกไปจากระหว่างซี่ฟันของเขาเสีย เมืองนี้จะเป็นคนที่เหลืออยู่แก่พระเจ้าของเราด้วย จะเป็นเหมือนตระกูลหนึ่งในยูดาห์ และเอโครนจะเหมือนคนเยบุส
8 และเราจะตั้งค่ายที่นิเวศของเราเป็นกองยาม เพื่อจะมิให้ผู้ใดเดินทัพไปมาได้ จะไม่มีผู้บีบบังคับมาข่มขี่เขาได้ เพราะบัดนี้เราเห็นกับตาของเราเอง
9 ธิดาแห่งศิโยนเอ๋ย จงร่าเริงอย่างยิ่งเถิด โอ บุตรีแห่งเยรูซาเล็มเอ๋ย จงโห่ร้อง ดูเถิด กษัตริย์ของเธอเสด็จมาหาเธอ ทรงความยุติธรรมและความรอด พระองค์ทรงอ่อนสุภาพและทรงลา ทรงลูกลา
10 เราจะกำจัดรถรบเสียจากเอฟราอิม และม้าเสียจากเยรูซาเล็ม ธนูสงครามถูกกำจัดเสียด้วย และท่านจะบัญชาสันติให้มีแก่ประชาชาติทั้งหลาย อาณาจักรของท่านจะมีจากทะเลนี้ไปถึงทะเลโน้น และจากแม่น้ำนั้นไปถึงสุดปลายพิภพ
11 ส่วนเจ้าเล่า เพราะโลหิตแห่งพันธสัญญาของเราซึ่งมีต่อเจ้า เราจะปลดปล่อยเชลยในพวกเจ้าให้เป็นอิสระจากบ่อแห้งนั้น
12 โอ นักโทษที่มีความหวังเอ๋ย จงกลับไปยังที่กำบังเข้มแข็งของเจ้า วันนี้เราประกาศว่า เราจะคืนแก่เจ้าสองเท่า
13 เพราะเราได้ดัดยูดาห์เหมือนโค้งคันธนู เราได้กระทำเอฟราอิมให้เป็นลูกธนู โอ ศิโยนเอ๋ย เราจะแกว่งบุตรทั้งหลายของเจ้าเป็นอาวุธ ต่อสู้บุตรทั้งหลายของเจ้านะกรีกเอ๋ย และแกว่งเจ้าอย่างดาบของนักรบ
14 แล้วพระเจ้าจะทรงปรากฏเหนือเขาทั้งหลาย และลูกธนูของพระองค์จะออกไปเหมือนฟ้าแลบ พระเจ้าจะทรงเป่าเขาสัตว์ และเสด็จไปในลมบ้าหมูทิศใต้
15 พระเจ้าจอมโยธาจะพิทักษ์รักษาเขาทั้งหลายไว้ และเขาทั้งหลายจะล้างผลาญและเหยียบนักยิงสลิ่งลง และจะ ดื่มโลหิตของเขา อย่างเหล้าองุ่น และจะอิ่มเหมือนชาม เปียกเหมือนมุมแท่นบูชา
16 ในวันนั้น พระเยโฮวาห์พระเจ้าของเขาจะทรงช่วยเขา เพราะเขาทั้งหลายเป็นประชากรของพระองค์ดังฝูงแกะ เขาทั้งหลายจะส่องแสงในแผ่นดินของพระองค์ อย่างกับเพชรที่อยู่ในมงกุฎ
17 เออ นั่น ช่างดีและสวยงามเสียจริงๆ เมล็ดข้าวจะกระทำให้คนหนุ่มเติบโต และเมรัยองุ่นจะกระทำให้หญิงสาวเจริญวัย

เศคาริยาห์ 10
1 จงขอฝนจากพระเจ้า ในฤดูฝนชุกปลายฤดู ขอจากพระเจ้าผู้ทรงปั้นเมฆพายุ ผู้ทรงประทานห่าฝนแก่มนุษย์ และผักในทุ่งนาแก่ทุกคน
2 เพราะว่ารูปเคารพประจำบ้านพูดไม่ได้เรื่อง และผู้ทำนายก็เห็นนิมิตเท็จ คนช่างฝันเล่าความฝันเท็จ และให้คำเล้าโลมที่เปล่าประโยชน์ เพราะฉะนั้น ประชาชนจึงหลงไปอย่างแกะ เขาทุกข์ใจเพราะขาดเมษบาล
3 "เราโกรธเมษบาลอย่างรุนแรง และเราจะลงโทษบรรดาแพะผู้ เพราะพระเจ้าจอมโยธาเอาพระทัยใส่ฝูงสัตว์ของพระองค์ คือพงศ์พันธุ์ยูดาห์ และจะทรงกระทำเขาให้เป็นเหมือนม้าศึกฮึกเหิมในสงคราม
4 ศิลามุมเอกจะออกมาจากเขา หมุดขึงเต็นท์จะออกมาจากเขา คันธนูรบศึกจะออกมาจากเขา และผู้ครอบครองทุกคนจะออกมาจากเขา
5 รวมกันเข้าเขาจะเป็นอย่างชายฉกรรจ์ในสงคราม เหยียบย่ำศัตรูไปในโคลนตามถนน เขาจะต่อสู้เพราะพระเจ้าทรงสถิตกับเขา เขาจะกระทำให้ผู้ที่อยู่บนหลังม้ายุ่งเหยิง
6 "เราจะหนุนกำลังพงศ์พันธุ์ของยูดาห์ และเราจะช่วยพงศ์พันธุ์ของโยเซฟให้รอด เราจะนำเขากลับมาเพราะเราสงสารเขา และเขาจะเป็นเหมือนอย่างว่าเรามิได้ทอดทิ้งเขา เพราะเราคือพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเขา เราจะตอบเขา
7 แล้วเอฟราอิมจะเป็นเหมือนชายฉกรรจ์ และจิตใจของเขาทั้งหลายจะ เปรมปรีดิ์เหมือนได้ดื่มเหล้าองุ่น ลูกหลานของเขาจะได้เห็นและเปรมปรีดิ์ และจิตใจของเขาจะยินดีเหลือล้นในพระเจ้า
8 "เราจะผิวปากเรียกเขาและรวบรวมเขาเข้ามา เพราะเราได้ไถ่เขาไว้แล้ว และเขาจะมีมากมายเหมือนกาลก่อน
9 แม้เราได้หว่านเขาไปท่ามกลางชนชาติทั้งหลาย แต่เขาจะระลึกถึงเราในประเทศที่ห่างไกลนั้น เขาจะดำรงชีวิตอยู่กับบุตรหลานของเขาและกลับมา
10 เราจะนำเขากลับจากแผ่นดินอียิปต์ และรวบรวมเขามาจากอัสซีเรีย และเราจะนำเขามายังแผ่นดินกิเลอาดและเลบานอน จนจะไม่มีที่ให้เขาอยู่
11 พระองค์จะเสด็จผ่านข้ามทะเลแห่งความระทม และจะทรงทุบคลื่นทะเล และที่ลึกทั้งสิ้นของแม่น้ำไนล์จะแห้งไป ความเห่อเหิมของอัสซีเรียจะตกต่ำ และคทาของอียิปต์จะพรากไปเสีย
12 เราจะกระทำให้เขาทั้งหลายเข้มแข็งในพระเจ้า และเขาจะอวดพระนามของพระองค์" พระเจ้าตรัสดังนี้แหละ

เศคาริยาห์ 11
1 โอ เลบานอนเอ๋ย จงเปิดบรรดาประตูของเจ้า เพื่อไฟจะได้เผาผลาญไม้สนสีดาร์ของเจ้าเสีย
2 โอ ต้นสนสามใบเอ๋ย จงร่ำไห้เถิด เพราะไม้สนสีดาร์ล้มเสียแล้ว เพราะบรรดาไม้ที่สง่างามพินาศลงไปแล้ว ต้นก่อเมืองบาชานเอ๋ย จงร่ำไห้เถิด เพราะป่าทึบถูกโค่นเสียแล้ว
3 ฟังซิ เสียงร่ำไห้ของเมษบาล เพราะศักดิ์ศรีของเขาทั้งหลายก็ถูกทำลายไปแล้ว ฟังซิ เสียงสิงห์หนุ่มคำราม เพราะว่าดงลุ่มแม่น้ำจอร์แดนก็ร้างเปล่า
4 พระเยโฮวาห์พระเจ้าของข้าพเจ้าตรัสดังนี้ว่า "จงเลี้ยงฝูงแพะแกะที่ต้องถูกฆ่า
5 บรรดาผู้ที่ซื้อมันไปก็ฆ่ามันเสีย และไม่ต้องมีโทษ และบรรดาคนที่ขายมันกล่าวว่า 'สาธุการแด่พระเจ้า ข้าพเจ้ามั่งมีแล้ว' และเมษบาลของมันทั้งหลายไม่สงสารมันเลย
6 พระเจ้าตรัสว่า เพราะเราจะไม่สงสารชาวแผ่นดินนี้อีกต่อไป นี่แน่ะ เราก็จะกระทำให้เขาต่างคนตกเข้าไปในมือของเมษบาลของเขา และต่างก็ตกไปในหัตถ์ของกษัตริย์ของเขา และท่านจะบีบโลกให้แหลก และเราจะไม่ช่วยเหลือคนหนึ่งคนใดให้พ้นมือของท่านทั้งหลายเลย"
7 ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงได้เลี้ยงดูฝูงแพะแกะที่ถูกฆ่าเพื่อเห็นแก่ผู้ที่ค้าแกะ ข้าพเจ้าจึงเอาไม้เท้าสองอัน อันหนึ่งให้ชื่อว่า  พระคุณ อีกอันหนึ่งข้าพเจ้าให้ชื่อว่า สหภาพ และข้าพเจ้าก็เลี้ยงดูแกะ
8 ในเดือนเดียวข้าพเจ้าทำลายเมษบาลสามคนนั้นเสีย แต่ข้าพเจ้าเบื่อแกะเสียแล้ว และแกะก็เกลียดชังข้าพเจ้าด้วย
9 ข้าพเจ้าจึงว่า "ข้าจะไม่เลี้ยงดูเจ้า อะไรจะต้องตายก็ให้ตายไป อะไรที่จะต้องถูกทำลายก็ให้ถูกทำลายไป และให้บรรดาที่เหลืออยู่นั้นกินเนื้อซึ่งกันและกัน"
10 ข้าพเจ้าก็เอาไม้เท้าที่ชื่อพระคุณนั้นมาหัก ล้มเลิกพันธสัญญาซึ่งข้าพเจ้าได้ทำไว้กับชนชาติทั้งหลายเสีย
11 จึงเป็นอันล้มเลิกในวันนั้น และบรรดานักค้าแกะ ผู้ซึ่งคอยดูข้าพเจ้าอยู่ก็รู้ว่านั่นเป็นพระวจนะของพระเจ้า
12 แล้วข้าพเจ้าจึงพูดกับเขาว่า "ถ้าท่านเห็นควรก็ขอค่าจ้างแก่เรา ถ้าไม่เห็นควรก็ไม่ต้อง" แล้วเขาก็ชั่งเงินสามสิบเชเขลออกให้แก่ข้าพเจ้าเป็นค่าจ้าง
13 แล้วพระเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า "จงโยนเงินนั้น เข้าไปในคลัง" คือเงินก้อนงามที่เขาจ่ายให้ข้าพเจ้า ดังนั้นข้าพเจ้าจึงเอาเงินสามสิบเชเขลโยน เข้าไปในพระคลัง ในพระนิเวศของพระเจ้า
14 แล้วข้าพเจ้าก็หักไม้เท้าอันที่สองที่ชื่อสหภาพ นั้นเสีย ล้มเลิกภราดรภาพระหว่างยูดาห์และอิสราเอล
15 แล้วพระเจ้าจึงตรัสกับข้าพเจ้าว่า "จงหยิบเครื่องใช้ของเมษบาลผู้ไร้ค่าขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
16 เพราะนี่แน่ะ เรากำลังตั้งเมษบาลผู้หนึ่งในแผ่นดินนี้ ผู้ไม่สนใจตัวที่กำลังพินาศ หรือแสวงหา ตัวที่ยังหนุ่ม หรือรักษาตัวที่กระดูกหัก หรือเลี้ยงดูตัวที่เป็นปกติ แต่กินเนื้อของแกะอ้วนทุกตัว ฉีกกินจนกระทั่งถึงกีบของมัน
17 วิบัติแก่เมษบาลผู้ไร้ค่าของเรา ผู้ที่ทอดทิ้งฝูงแพะแกะเสีย ขอให้ดาบฟันแขนของเขา และฟันตาขวาของเขาเถิด ขอให้แขนของเขาลีบไปเสีย และให้ตาขวาของเขาบอดทีเดียว"

เศคาริยาห์ 12
1 พระวจนะของพระเจ้าเกี่ยวด้วยเรื่องอิสราเอล พระเจ้าผู้ทรงขึงท้องฟ้าออก และวางรากพิภพ และปั้นจิตวิญญาณให้มีอยู่ในมนุษย์ ตรัสว่า
2 "ดูเถิด เรากำลังจะทำกรุงเยรูซาเล็มให้เป็นถ้วยน้ำเมาสำหรับบรรดาชนชาติทั้งหลายที่อยู่ล้อมรอบ ถ้วยนั้นจะอยู่เหนือยูดาห์เมื่อกรุงเยรูซาเล็มถูกล้อม
3 ในวันนั้น เราจะกระทำให้เยรูซาเล็มเป็นศิลาหนักแก่บรรดาชนชาติทั้งหลาย ผู้ใดที่พยายามยกหินนั้นขึ้นจะกระทำให้ตัวเราเองบาดเจ็บอย่างสาหัส และประชาชาติทั้งสิ้นในพิภพจะสมทบกันสู้เยรูซาเล็ม
4 พระเจ้าตรัสว่า ในวันนั้น เราจะให้ม้าทุกตัววุ่นวาย และกระทำให้คนขี่บ้าคลั่ง แต่เราจะลืมตาดูพงศ์พันธุ์ยูดาห์ และเรากระทำให้ม้าทุกตัวของชนชาติทั้งหลายตาบอดไป
5 แล้วหัวหน้าตระกูลยูดาห์จะรำพึงในใจว่า 'ชาวเยรูซาเล็มเป็นกำลังของเราเนื่องจากพระเจ้าจอมโยธาพระเจ้าของเขา'
6 "ในวันนั้น เราจะกระทำให้หัวหน้าตระกูลยูดาห์ทั้งหลายเหมือนหม้อร้อนแดงอยู่ท่ามกลางกองฟืน เหมือนคบเพลิงสว่างอยู่ท่ามกลางฟ่อนข้าว และจะเผาผลาญบรรดาชนชาติทั้งหลายที่อยู่ล้อมรอบไปทางขวาและไปทางซ้ายเสีย ฝ่ายเยรูซาเล็มจะมีคนอาศัยอยู่ในที่เดิมนั้นเอง คือเยรูซาเล็ม
7 "และพระเจ้าจะประทานชัยชนะแก่เต็นท์ของยูดาห์ก่อน เพื่อว่าศักดิ์ศรีแห่งราชวงศ์ดาวิด และศักดิ์ศรีแห่งชาวเยรูซาเล็มจะไม่ได้เป็นที่ยกย่องเหนือกว่าของยูดาห์
8 ในวันนั้นพระเจ้าจะทรงบังชาวเยรูซาเล็มไว้ เพื่อว่าคนที่อ่อนแอที่สุดท่ามกลางเขา ในวันนั้นจะเป็นเหมือนดาวิด และราชวงศ์ของดาวิดจะเป็นเหมือนพระเจ้า เหมือนทูตของพระเจ้านำหน้าเขาทั้งหลาย
9 ในวันนั้น เราจะแสวงที่จะทำลายประชาชาติทั้งสิ้น ซึ่งเข้ามาต่อสู้เยรูซาเล็ม
10 "และเราจะเทวิญญาณแห่งความเมตตาเอ็นดูและการวิงวอนบนราชวงศ์ดาวิดและชาวเยรูซาเล็ม ดังนั้นเมื่อเขาทั้งหลายมองดูเรา ผู้ซึ่งเขาเองได้แทง เขาจะไว้ทุกข์เพื่อท่าน เหมือนคนไว้ทุกข์เพื่อบุตรคนเดียวของตน และร้องไห้อย่างขมขื่นเพื่อท่าน เหมือนอย่างคนร้องไห้เพื่อบุตรหัวปีของตน
11 ในวันนั้น การไว้ทุกข์ในเยรูซาเล็มจะใหญ่โตอย่างการไว้ทุกข์เพื่อฮาดัดริมโมน ณที่ราบเมกิดโด
12 แผ่นดินจะไว้ทุกข์ ตามครอบครัวแต่ละครอบครัว ครอบครัวราชวงศ์ดาวิดต่างหาก และบรรดาภรรยาของท่านต่างหาก ครอบครัวของวงศ์นาธันต่างหาก และบรรดาภรรยาของเขาต่างหาก
13 ครอบครัวของวงศ์เลวีต่างหาก และภรรยาของเขาต่างหาก ครอบครัวตระกูลชิเมอีต่างหาก และภรรยาของเขาต่างหาก
14 และทุกครอบครัวที่เหลืออยู่ก็ไว้ทุกข์ต่างหาก และภรรยาของเขาต่างหาก

เศคาริยาห์ 13
1 "ในวันนั้น จะมีน้ำพุพลุ่งขึ้นสำหรับราชวงศ์ของดาวิดและชาวเยรูซาเล็ม เพื่อจะชำระเขาให้พ้นจากบาปและความไม่สะอาด
2 "พระเจ้าจอมโยธาตรัสว่า ในวันนั้น เราจะกำจัดชื่อของรูปเคารพเสียจากแผ่นดิน เพื่อว่าเขาจะระลึกถึงอีกไม่ได้เลย และเราจะไล่ผู้เผยพระวจนะและวิญญาณที่ไม่สะอาดไปเสียจากแผ่นดิน
3 ถ้ามีผู้ใดปรากฏตัวเป็นผู้เผยพระวจนะอีก บิดามารดาผู้ให้เขาบังเกิดมานั้นจะพูดกับเขาว่า 'เจ้าอย่ามีชีวิตอยู่เลย เพราะเจ้าพูดมุสาในพระนามของพระเจ้า' เมื่อเขาเผยพระวจนะ บิดามารดาผู้ให้เขาเกิดมาจะแทงเขาให้ทะลุ
4 ในวันนั้น ผู้เผยพระวจนะทุกคนจะมีความละอายเพราะนิมิตของเขาเมื่อเผยพระวจนะ เขาจะไม่สวมผ้ามีขนเพื่อล่อลวงอีกต่อไป
5 แต่เขาจะกล่าวว่า 'ข้าพเจ้าไม่ใช่ผู้เผยพระวจนะ ข้าพเจ้าเป็นชาวนา เพราะว่าพื้นดินเป็นกรรมสิทธิ์ของข้าพเจ้า ตั้งแต่ข้าพเจ้ายังหนุ่มๆ'
6 และถ้าผู้ใดจะถามเขาว่า 'ทำไมท่านมีแผลเป็นที่หลัง' เขาจะตอบว่า 'ข้าพเจ้าได้แผลเป็นนั้นในเรือนของพวกเพื่อนของข้าพเจ้า'"
7 พระเจ้าจอมโยธาตรัสว่า "ดาบเอ๋ย จงตื่นขึ้นต่อสู้เมษบาลของเรา จงต่อสู้ผู้ที่สนิทกับเรา จงตีเมษบาล และฝูงแกะนั้นจะกระจัดกระจายไป เราจะกลับมือของเราต่อสู้กับตัวเล็กตัวน้อย
8 พระเจ้าตรัสว่า ทั่วทั้งแผ่นดิน จะต้องกำจัดเสียให้พินาศสองในสาม และเหลือไว้หนึ่งในสาม
9 เราจะเอาหนึ่งในสามนี้ใส่ในไฟ และถลุงเขาเหมือนถลุงเงิน และลองดูเขาเหมือนทดลองทองคำ เขาจะร้องทูลออกนามของเรา และเราจะตอบเขา เราจะกล่าวว่า 'เขาทั้งหลายเป็นชนชาติของเรา' และเขาจะกล่าวว่า 'พระเยโฮวาห์คือพระเจ้าของข้าพเจ้า'"

เศคาริยาห์ 14
1 ดูเถิด วันแห่งพระเจ้ามาถึงแล้ว เมื่อทรัพย์สินที่เขาริบไปจากเจ้านั้น เขาจะแบ่งกันท่ามกลางเจ้า
2 เพราะเราจะรวบรวมประชาชาติทั้งสิ้นให้ทำศึกกับเยรูซาเล็ม เมืองนั้นจะถูกยึด เขาจะปล้นเอาทรัพย์ในเรือนและข่มขืนผู้หญิง พลเมืองครึ่งหนึ่งจะตกไปเป็นเชลย ประชาชนส่วนที่เหลืออยู่จะไม่ถูกตัดออกเสียจากเมือง
3 แล้วพระเจ้าจะเสด็จออกไปต่อสู้กับประชาชาติเหล่านั้น เหมือนเมื่อพระองค์ทรงต่อสู้ในวันสงคราม
4 ในวันนั้น พระบาทของพระองค์จะยืนอยู่ที่ภูเขามะกอกเทศ ซึ่งอยู่หน้าเมืองเยรูซาเล็มด้านตะวันออก และภูเขามะกอกเทศนั้นจะแยกออกเป็นสองส่วน จากทิศตะวันออกไปทิศตะวันตก โดยมีหุบเขากว้างมากคั่นอยู่ ภูเขากึ่งหนึ่งจึงจะถอยไปทางเหนือ และอีกกึ่งหนึ่งจะถอยไปทางใต้
5 และหุบเขาแห่งบรรดาภูเขาของเรานั้นจะถูกกั้นเสีย เพราะว่าหุบเขาแห่งบรรดาภูเขาจะมาจดอาซาล และท่านทั้งหลายจะต้องหนีไป อย่างที่หนีจากแผ่นดินไหวสมัยอุสซียาห์ กษัตริย์ประเทศยูดาห์ แล้วพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเราจะเสด็จมา และเทพเจ้าทั้งสิ้นจะมากับพระองค์
6 ในวันนั้นจะไม่มีความหนาวและน้ำค้างแข็ง
7 จะมีแต่วัน (พระเจ้าทรงทราบ) ไม่ใช่วันสลับคืน แต่เวลาเย็นจะมีแสงสว่าง
8 ในวันนั้นน้ำพุจะไหลออกจากเยรูซาเล็ม ครึ่งหนึ่งจะไหลไปสู่ทะเลด้านตะวันออก และครึ่งหนึ่งจะไหลไปสู่ทะเลด้านตะวันตก ในฤดูร้อนก็จะไหลเรื่อยไปดังในฤดูหนาว
9 และพระเจ้าจะทรงเป็นกษัตริย์เหนือพิภพทั้งสิ้น ในวันนั้นพระเจ้าจะทรงเป็นเอก และพระนามของพระองค์ก็เป็นเอก
10 แผ่นดินทั้งสิ้นจะกลายเป็นที่ราบจากเกบาถึงริมโมนใต้เยรูซาเล็ม แต่เยรูซาเล็มจะดำรงสูงเด่นอยู่ในที่ตั้งของเมืองนั้น จากประตูเบนยามินถึงสถานที่ที่เป็นประตูเก่าถึงประตูมุม และจากหอคอยฮานันเอลถึงบ่อย่ำองุ่นของกษัตริย์
11 และจะมีผู้คนอาศัยอยู่เพราะไม่มีคำสาปแช่งอีกแล้ว เยรูซาเล็มจะอยู่อย่างปลอดภัย
12 ต่อไปนี้เป็นภัยพิบัติซึ่งพระเจ้าจะทรงใช้โจมตีบรรดาชนชาติทั้งหลายที่ทำสงครามกับเยรูซาเล็ม คือ เนื้อของเขาจะเน่าไปเมื่อเขายังยืนอยู่ได้ ตาของเขาจะเน่าคาเบ้าตา และลิ้นของเขาจะเน่าคาปาก
13 ในวันนั้น การสับสนอลหม่านอย่างใหญ่โตจากพระเจ้าจะตกลงเหนือเขาทั้งหลาย เพราะฉะนั้นคนหนึ่งจะจับกุมเพื่อนของตน และเขาจะยกมือขึ้นต่อสู้กันและกัน
14 แม้ว่ายูดาห์ก็จะต่อสู้กัน ที่เยรูซาเล็ม ทรัพย์สมบัติของประชาชาติทั้งสิ้นที่อยู่ล้อมรอบจะถูกเก็บ มีทองคำ เงิน และเสื้อผ้ามากมาย
15 และภัยพิบัติอย่างหนึ่งที่เหมือนภัยพิบัติอย่างนี้จะบังเกิดแก่ม้า ล่อ อูฐ ลา และไม่ว่าสัตว์ชนิดใดซึ่งมีอยู่ในค่ายเหล่านั้น
16 และอยู่มาบรรดาคนที่เหลืออยู่ในประชาชาติทั้งปวงซึ่งยกขึ้นมาสู้รบกับเยรูซาเล็ม จะขึ้นไปนมัสการกษัตริย์ปีแล้วปีเล่า คือพระเจ้าจอมโยธา และจะถือเทศกาลอยู่เพิง
17 ถ้าตระกูลใดในพื้นพิภพไม่ขึ้นไปยังเยรูซาเล็ม เพื่อนมัสการกษัตริย์คือพระเจ้าจอมโยธา ฝนก็จะไม่ตกเหนือเขาเหล่านั้น
18 และถ้าตระกูลอียิปต์ไม่ขึ้นไปปรากฏตัวที่นั่น เขาก็จะบังเกิดภัยพิบัติไม่เหมือนภัยพิบัติซึ่งพระเจ้าทรงใช้โจมตีประชาชาติอื่นๆ ซึ่งไม่ขึ้นไปถือเทศกาลอยู่เพิง
19 ที่กล่าวนี้จะเป็นการลงทัณฑ์อียิปต์และประชาชาติทั้งสิ้น ซึ่งไม่ขึ้นไปถือเทศกาลอยู่เพิง
20 และในวันนั้น ลูกพรวนที่ผูกม้าจะมีคำจารึกว่า "บริสุทธิ์แด่พระเจ้า" และหม้อซึ่งอยู่ในพระนิเวศของพระเจ้าจะเป็นเหมือนชามซึ่งอยู่หน้าแท่นบูชา
21 เออ และหม้อทุกลูกในเยรูซาเล็มและยูดาห์ จะเป็นของบริสุทธิ์แด่พระเจ้าจอมโยธา เพื่อว่าทุกคนที่มาถวายสัตวบูชาจะเอาหม้อไปบ้าง และจะต้มเนื้อในหม้อเหล่านั้น ในวันนั้นจะไม่มีพ่อค้าในพระนิเวศของพระเจ้าจอมโยธาอีกต่อไป


 © Copyright 2009. Christian Siam.com