Christian Siam

 

 

 

 

Christian Siam - เว็บสำหรับคนอยากรู้จักพระเจ้า

 
 :: สำหรับผู้สนใจพระเจ้า ::
Christian Siam คำถาม - คำตอบ
Christian Siam พระเยซูคือใคร
Christian Siam พระเยซูเกิดจริงหรือ?
Christian Siam เราเกิดมาทำไม
Christian Siam เราตายแล้วไปไหน
Christian Siam ทฤษฎีวิวัฒนาการ...จริง?
Christian Siam เป็นคริสเตียนได้อย่างไร
Christian Siam คำพยานชีวิต

Christian Siam
H O M E
:: สำหรับคริสเตียนใหม่ ::
:: สื่อคริสเตียนออนไลน์ ::
Christian Siam มานาประจำวัน
Christian Siam เพลงจาก Youtube
 

                   CHRISTIAN
                   CHRISTIAN
                   CHRISTIAN

         CHRISTIAN SIAM.COM
         CHRISTIAN SIAM.COM
         CHRISTIAN SIAM.COM

                   CHRISTIAN
                   CHRISTIAN
                   CHRISTIAN
                   CHRISTIAN
                   CHRISTIAN
                   CHRISTIAN
                   CHRISTIAN
                   CHRISTIAN



สุภาษิต

สุภาษิต 1
1 สุภาษิตของซาโลมอน พระราชาแห่งอิสราเอล โอรสของดาวิด ทรงพระราชนิพนธ์ไว้
2 เพื่อให้บรรลุปัญญาและมีวินัย เข้าใจถ้อยคำแห่งความรอบรู้
3 รับคำสั่งสอนในเรื่องการกระทำที่ฉลาด ในเรื่องความชอบธรรม ความยุติธรรมและความเที่ยงธรรม
4 เพื่อให้ความหยั่งรู้แก่คนเขลา ให้ความรู้และความเฉลียวฉลาดแก่คนหนุ่ม
5 ทั้งปราชญ์จะได้ยินและเพิ่มพูนการเรียนรู้ และคนที่มีความเข้าใจจะได้ความช่ำชอง
6 เพื่อให้เข้าใจสุภาษิตและอุปมา ทั้งถ้อยคำของปราชญ์และปริศนาของเขา
7 ความยำเกรงพระเจ้า เป็นบ่อเกิดของ ความรู้ คนโง่ย่อมดูหมิ่นปัญญาและคำสั่งสอน
8 บุตรชายของเราเอ๋ย จงฟังคำเตือนของพ่อเจ้า และอย่าทิ้งคำสั่งสอนของแม่เจ้า
9 เพราะทั้งสองนั้นเป็นมงคลงามสวมศีรษะของเจ้า เป็นจี้ห้อยคอของเจ้า
10 บุตรชายของเราเอ๋ย ถ้าคนบาปล่อชวนเจ้า อย่าได้ยอมตาม
11 ถ้าเขาว่า "มากับพวกเราเถิด ให้เราหมอบคอยเอาเลือดคน ให้เราซุ่มดักคนไร้ผิดเล่นเถิด
12 ให้เรากลืนเขาทั้งเป็นอย่างแดนผู้ตาย และกลืนเขาทั้งตัว อย่างคนเหล่านั้นที่ลงไปสู่ปากแดน
13 เราจะพบของประเสริฐทุกอย่าง เราจะบรรจุเรือนของเราให้เต็มด้วยของที่ริบได้
14 จงเข้าส่วนกับพวกเรา เราทุกคนจะมีเงินถุงเดียวกัน"
15 บุตรชายของเราเอ๋ย อย่าเดินในทางนั้นกับเขา จงยับยั้งเท้าของเจ้าจากวิถีของเขา
16 เพราะว่าเท้าของเขาวิ่งไปหาความชั่วร้าย และเขารีบเร่งไปทำให้โลหิตตก
17 เพราะที่จะขึงข่ายไว้ให้นกเห็น ก็ไร้ผล
18 แต่คนเหล่านี้หมอบคอยโลหิตของตนเอง เขาซุ่มดักชีวิตของเขาเอง
19 ทางของบรรดาผู้ที่หากำไรด้วยความทารุณโหดร้าย ก็อย่างนี้แหละ คือมันย่อมคร่าเอาชีวิตของเจ้าของนั้นเอง
20 ปัญญาร้องเสียงดังอยู่ที่ถนน เธอเปล่งเสียงของเธอที่ลานเมือง
21 เธอร้องออกมาที่บนกำแพง เธอกล่าวอยู่ที่ทางเข้าประตูเมือง
22 ว่า "คนเขลาเอ๋ย เจ้าจะรักความเขลาไปนานสักเท่าใด คนมักเยาะเย้ยจะปีติยินดีในการเยาะเย้ยนานเท่าใด และคนโง่จะเกลียดความรู้นานเท่าใด
23 จงมาสนใจในคำตักเตือนของเรา นี่แน่ะ เราจะเทความคิดของเราให้เจ้า เราจะให้ถ้อยคำของเราแจ้งแก่เจ้า
24 เพราะเราได้เรียกแล้วและเจ้าปฏิเสธ เรากวักมือและไม่มีใครสนใจ
25 เจ้ามิได้รับรู้ในคำแนะนำของเรา และไม่ยอมรับคำตักเตือนของเราเลย
26 ฝ่ายเราจะหัวเราะเย้ยความหายนะของเจ้า เราจะเยาะเมื่อความกลัวลานมากระทบเจ้า
27 เมื่อความกลัวลานมากระทบเจ้าอย่างพายุ และความหายนะของเจ้ามาถึงอย่างลมบ้าหมู เมื่อความทุกข์และความระทมใจใหญ่หลวงมาถึงเจ้า
28 แล้วเขาจะทูลเรา แต่เราจะไม่ตอบ เขาจะแสวงหาเรา แต่จะไม่พบเรา
29 เพราะว่าเขาเกลียดความรู้ และไม่เลือกเอาความยำเกรงพระเจ้า
30 เขาไม่รับคำแนะนำของเราเลย แต่กลับดูหมิ่นคำตักเตือนของเราทั้งสิ้น
31 เพราะฉะนั้น เขาจะกินผลแห่งทางของเขา และอิ่มด้วยกลวิธีของเขาเอง
32 เพราะคนโง่ถูกฆ่า ก็ด้วยการหันกลับจากปัญญานั่นเอง และคนโง่ที่หลงเพลิดเพลินก็ถูกทำลาย
33 แต่บุคคลผู้ฟังเรา จะอยู่อย่างปลอดภัย เขาจะอยู่อย่างสุขสงบ ปราศจากความคิดพรั่นพรึงในความชั่วร้าย"

สุภาษิต 2
1 บุตรชายของเราเอ๋ย ถ้าเจ้ารับคำของเรา และสะสมคำบัญชาของเราไว้กับเจ้า
2 กระทำหูของเจ้าให้ผึ่งเพื่อรับปัญญา และเอียงใจของเจ้าเข้าหาความเข้าใจ
3 เออ ถ้าเจ้าร้องหาความรอบรู้ และเปล่งเสียงของเจ้าหาความเข้าใจ
4 ถ้าเจ้าแสวงปัญญาดุจหาเงิน และเสาะหาปัญญาอย่างหาขุมทรัพย์ที่ซ่อนไว้
5 นั่นแหละ เจ้าจะเข้าใจความยำเกรงพระเจ้า และพบความรู้ของพระเจ้า
6 เพราะพระเจ้าประทานปัญญา ความรู้และความเข้าใจมาจากพระโอษฐ์ของพระองค์
7 พระองค์ทรงสะสมสติปัญญาไว้ให้คนเที่ยงธรรม พระองค์ทรงเป็นโล่ให้แก่ผู้ที่ดำเนินในความซื่อสัตย์
8 ทรงรักษาระวังวิถีของความยุติธรรม และทรงสงวนทางของธรรมิกชนของพระองค์ไว้
9 แล้วเจ้าจะเข้าใจความชอบธรรมและความยุติธรรม และความเที่ยงธรรม คือวิถีที่ดีทุกสาย
10 เพราะปัญญาจะเข้ามาในใจของเจ้า และความรู้จะเป็นที่ร่มรื่นแก่วิญญาณจิตของเจ้า
11 ความเฉลียวฉลาดจะคอยเฝ้าเจ้า และความเข้าใจจะระแวดระวังเจ้าไว้
12 ช่วยให้เจ้าพ้นจากทางแห่งคนชั่วร้าย จากคนที่พูดตลบตะแลง
13 ผู้ทอดทิ้งวิถีแห่งความเที่ยงธรรม เพื่อเดินในทางแห่งความมืด
14 ผู้เปรมปรีดิ์ในการกระทำความชั่วร้าย และปีติยินดีในการนั้น
15 คือคนที่วิถีชีวิตของเขา ล้วนแต่คดเคี้ยวทั้งสิ้น
16 เจ้าจะรอดพ้นจากหญิงชั่ว จากหญิงสัญจรที่พูดจาพะเน้าพะนอ
17 ผู้ทอดทิ้งคู่เคียงที่นางได้มาเมื่อยังสาวๆนั้นเสีย และลืมพันธสัญญาแห่งพระเจ้าของตน
18 เพราะเรือนของนางจมลงไปสู่ความมรณา และวิถีของนางไปสู่ชาวเมืองผี
19 ผู้ที่ไปหานางไม่มีกลับมาสักคนเดียว หรือหามีผู้ใดหันเข้าทางแห่งชีวิตอีกได้ไม่
20 ดังนั้น เจ้าควรจะดำเนินในทางของคนดี และรักษาวิถีของคนชอบธรรม
21 เพราะว่าคนที่เที่ยงธรรมจะได้อยู่ในแผ่นดิน และคนซื่อสัตย์จะคงอยู่ในนั้น
22 แต่คนชั่วร้ายจะถูกตัดขาดเสียจากแผ่นดิน และคนทรยศจะถูกถอนรากออกไป

สุภาษิต 3
1 บุตรชายของเราเอ๋ย อย่าลืมคำสอนของเรา แต่ให้ใจของเจ้ารักษาบัญญัติของเรา
2 เพราะสิ่งเหล่านี้จะให้วันเดือนปีชีวิตยืนยาว และอำนวยความสุขสมบูรณ์แก่เจ้า
3 อย่าให้ความจงรักภักดีและความซื่อสัตย์ทอดทิ้งเจ้า จงผูกมันไว้ที่คอของเจ้า จงเขียนมันไว้ที่แผ่นจารึกแห่งหัวใจของเจ้า
4 ดังนั้น เจ้าจงหาความพอใจ และชื่อเสียงดี ในสายพระเนตรพระเจ้า และในสายตามนุษย์
5 จงวางใจในพระเจ้าด้วยสุดใจของเจ้า และอย่าพึ่งพาความรอบรู้ของตนเอง
6 จงยอมรับรู้พระองค์ในทุกทางของเจ้า และพระองค์จะทรงกระทำให้วิถีของเจ้าราบรื่น
7 อย่าคิดว่าตนฉลาด จงยำเกรงพระเจ้า และหันจากความชั่วร้าย
8 การกระทำเช่นนี้ จะเป็นที่ชุ่มเนื้อของเจ้า และเป็นที่ชื่นฉ่ำแก่กระดูกของตน
9 จงถวายเกียรติแด่พระเจ้าด้วยทรัพย์สินของตน และด้วยผลแรกแห่งผลิตผลทั้งสิ้นของเจ้า
10 แล้วยุ้งของเจ้าจะเต็มด้วยความอุดม และบ่อเก็บของเจ้าจะล้นด้วยเหล้าองุ่น
11 บุตรชายของเราเอ๋ย อย่าดูหมิ่นพระดำรัสสอนของพระเจ้า หรือเบื่อหน่ายต่อพระดำรัสเตือนของพระองค์
12 เพราะพระเจ้าทรงตักเตือนผู้ที่พระองค์ทรงรัก ดังบิดาตักเตือนบุตรผู้ที่เขาปีติชื่นชม
13 มนุษย์ผู้ประสบปัญญา และผู้ได้ความเข้าใจ เป็นสุขจริงหนอ
14 เพราะผลที่ได้จากปัญญา ย่อมดีกว่าผลที่ได้จากเงิน และกำไรนั้นดีกว่าทองคำ
15 ปัญญาประเสริฐกว่าทับทิม และบรรดาสิ่งที่เจ้าปรารถนาจะเปรียบกับปัญญาไม่ได้
16 ชีวิตยืนยาวอยู่ที่มือขวาของปัญญา และที่มือซ้ายมีความมั่งคั่งและเกียรติยศ
17 ทางของปัญญาเป็นทางของความร่มรื่น และวิถีทั้งสิ้นของปัญญาคือสันติภาพ
18 ปัญญาเป็นต้นไม้แห่งชีวิตแก่ผู้ที่ยึดเธอไว้ บรรดาผู้ที่ยึดเธอไว้แน่น เรียกว่า สบาย
19 พระเจ้าทรงวางรากแผ่นดินโลกโดยปัญญา พระองค์ทรงสถาปนาฟ้าสวรรค์โดยความเข้าใจ
20 โดยความรู้ของพระองค์ น้ำบาดาลก็ปะทุออกมา และเมฆก็หยาดน้ำค้างลงมา
21 บุตรชายของเราเอ๋ย จงรักษาสติปัญญาและความเฉลียวฉลาดไว้ อย่าให้ทั้งสองนี้หนีไปจากสายตาของเจ้า
22 และทั้งสองจะเป็นชีวิตแก่เจ้า เป็นอาภรณ์ประดับคอของเจ้า
23 แล้วเจ้าจะดำเนินในทางของเจ้าอย่างปลอดภัย และเท้าของเจ้าจะไม่สะดุด
24 ถ้าเจ้านั่ง เจ้าจะไม่กลัว เมื่อเจ้านอน ก็จะหลับไปอย่างผาสุกสดชื่น
25 อย่ากลัวความกลัวลานที่มาถึงปัจจุบันทันด่วน หรือกลัวความพินาศย่อยยับของคนชั่วร้ายที่เกิดขึ้น
26 เพราะพระเจ้าจะทรงเป็นความไว้วางใจของเจ้า และจะทรงรักษาเท้าของเจ้าให้พ้นจากการถูกจับ
27 อย่ายึดความดีไว้จากผู้ที่สมควรจะได้รับ ในเมื่อสิ่งนี้อยู่ในอำนาจของเจ้าที่จะกระทำได้
28 อย่าพูดกับเพื่อนบ้านของเจ้าว่า "ไปเถอะ แล้วกลับมาอีก พรุ่งนี้ฉันจะให้" ในเมื่อเจ้ามีให้อยู่แล้ว
29 อย่ากะแผนงานชั่วร้ายต่อเพื่อนบ้านของเจ้า ผู้อาศัยอย่างไว้วางใจอยู่ข้างๆเจ้า
30 อย่าโต้แย้งกับผู้ใดอย่างไร้เหตุผล ในเมื่อเขามิได้ทำอันตรายอย่างใดแก่เจ้า
31 อย่าอิจฉาคนที่ทารุณ อย่าเลือกทางใดๆของเขาเลย
32 เพราะคนตลบตะแลงเป็นที่เกลียดชังต่อพระเจ้า แต่คนเที่ยงธรรมอยู่ในความไว้พระทัยของพระองค์
33 คำสาปของพระเจ้าอยู่บนเรือนของคนชั่วร้าย แต่พระองค์ทรงอำนวยพระพรแก่ที่อาศัยของคนชอบธรรม
34 พระองค์ทรงเยาะเย้ยคนที่มักเยาะเย้ย แต่พระองค์ทรงสำแดงพระคุณแก่คนใจถ่อม
35 คนฉลาดจะได้เกียรติเป็นมรดก แต่คนโง่จะได้ความอัปยศ

สุภาษิต 4
1 บุตรชายของเราเอ๋ย จงฟังคำสั่งสอนของพ่อเจ้า อย่างตั้งใจเพื่อเจ้าจะได้รับความรอบรู้
2 เพราะเราให้ภาษิตดีแก่เจ้า อย่าทอดทิ้งคำสอนของเรา
3 เมื่อเราเป็นลูกอยู่กับพ่อของเรา เป็นแก้วตาของแม่เรา ดูน่ารักอ่อนโยน
4 บิดาสอนเรา และพูดกับเราว่า "ให้ใจของเจ้ายึดคำสอนของเราไว้ให้มั่น จงรักษาบัญญัติของเรา และมีชีวิตอยู่
5 อย่าลืมและอย่าหันกลับจากถ้อยคำแห่งปากของเรา จงเอาปัญญา และเอาความรอบรู้
6 อย่าทอดทิ้งเธอ และเธอจะรักษาเจ้าไว้ จงรักปัญญา และปัญญาจะระแวดระวังเจ้า
7 ที่เริ่มต้นของปัญญาเป็นอย่างนี้คือจงเอาปัญญา แม้เจ้าจะได้อะไรก็ตาม จงเอาความรอบรู้ไว้
8 จงตีราคาปัญญาให้สูง และปัญญาจะยกย่องเจ้า ถ้าเจ้ากอดปัญญาไว้ ปัญญาจะให้เกียรติเจ้า
9 เธอจะเอามงคลงามสวมศีรษะเจ้า จะให้มงกุฎงามแก่เจ้า"
10 บุตรชายของเราเอ๋ย จงฟังและรับถ้อยคำของเรา เพื่อปีเดือนแห่งชีวิตของเจ้าจะมากหลาย
11 เราได้สอนเจ้าในเรื่องทางปัญญาแล้ว เราได้นำเจ้าในวิถีของความเที่ยงธรรม
12 เมื่อเจ้าเดิน ย่างเท้าของเจ้าจะไม่ถูกขัดขวาง และถ้าเจ้าวิ่ง เจ้าจะไม่สะดุด
13 จงยึดวินัยไว้ และอย่าปล่อยไป จงระแวดระวังเธอไว้ เพราะเธอเป็นชีวิตของเจ้า
14 อย่าเข้าไปในวิถีของคนชั่วร้าย และอย่าเดินในทางของคนอธรรม
15 จงหลีกเสีย อย่าเดินบนนั้น เลี้ยวออกไปเสีย และจงผ่านไป
16 เพราะถ้าคนชั่วร้ายไม่ได้ทำความผิด เขานอนไม่หลับ ถ้าเขาไม่ได้ทำให้คนใดสะดุดเขาจะหลับไม่ลง
17 เพราะเขารับประทานอาหารของความโหดร้าย และดื่มเหล้าองุ่นแห่งความทารุณ
18 แต่วิถีของคนชอบธรรมเหมือนแสงอรุณ ซึ่งฉายสุกใสยิ่งขึ้นๆจนเต็มวัน
19 ทางของคนชั่วร้ายก็เหมือนความมืดทึบ เขาไม่ทราบว่า เขาสะดุดอะไร
20 บุตรชายของเราเอ๋ย จงตั้งใจต่อถ้อยคำของเรา จงเอียงหูของเจ้าเข้าหาคำพูดของเรา
21 อย่าให้มันหนีไปจากสายตาของเจ้า จงรักษามันไว้ภายในใจของเจ้า
22 เพราะมันเป็นชีวิตแก่ผู้ที่ค้นพบ และมันรักษาเนื้อของผู้นั้นทั้งสิ้น
23 จงรักษาใจของเจ้าด้วยความระวังระไวรอบด้าน เพราะชีวิตเริ่มต้นออกมาจากใจ
24 จงทิ้งวาจาคดๆเสีย และให้คำพูดลดเลี้ยวห่างจากเจ้า
25 ให้ตาของเจ้ามองตรงไปข้างหน้า และให้การจ้องของเจ้าตรงไปข้างหน้าเจ้า
26 จงสนใจในวิถีแห่งเท้าของเจ้า แล้วทางทั้งสิ้นของเจ้าจะแน่นอน
27 อย่าเหไปข้างขวาหรือหันมาข้างซ้าย จงกลับเท้าของเจ้าเสียจากความชั่วร้าย

สุภาษิต 5
1 บุตรชายของเราเอ๋ย จงตั้งใจต่อปัญญาของเรา จงเอียงหูของเจ้าฟังความเข้าใจของเรา
2 เพื่อเจ้าจะรักษาความเฉลียวฉลาดไว้ และริมฝีปากของเจ้าจะระแวดระวังความรู้
3 เพราะริมฝีปากของหญิงชั่วนั้นก็หยาดน้ำผึ้งออกมา และคำพูดของนางก็ลื่นยิ่งกว่าน้ำมัน
4 แต่ในที่สุด นางขมขื่นยิ่งกว่าบอระเพ็ด และคมอย่างดาบสองคม
5 เท้าของนางก้าวลงไปสู่ความตาย ย่างเท้าของนางติดตามวิถีสู่แดนผู้ตาย
6 นางไม่สนใจในวิถีแห่งชีวิต ทางของนางวนเวียนไป และนางหารู้ไม่
7 บุตรชายเอ๋ย บัดนี้จงฟังเรา และอย่าพรากจากถ้อยคำแห่งปากของเรา
8 จงหลีกทางของเจ้าให้ไกลจากนาง อย่าไปใกล้ประตูเรือนของนาง
9 เกรงว่าเจ้าจะให้เกียรติของเจ้าแก่คนอื่น และให้ปีเดือนของเจ้าแก่คนไร้เมตตา
10 เกรงว่าแขกแปลกหน้าจะกินกำลังของเจ้าจนอิ่ม และแรงงานของเจ้าตกไปในเรือนของคนต่างด้าว
11 และถึงบั้นปลายชีวิตของเจ้า เจ้าครวญคราง เมื่อเนื้อและกายของเจ้าถูกล้างผลาญ
12 และเจ้าว่า "ข้าเคยเกลียดการตีสอนเสียจริงๆ และจิตใจของข้าดูหมิ่นการตักเตือน
13 ข้าไม่เคยฟังเสียงครูของข้า หรือเอียงหูให้แก่ผู้สั่งสอนของข้า
14 ข้าจวนจะล้มละลายสู่ความพินาศอยู่รอมร่อ ในหมู่คนที่ประชุมกันอยู่นั้น"
15 จงดื่มน้ำจากถังเก็บน้ำของเจ้า ดื่มน้ำไหลจากบ่อของเจ้าเอง
16 ควรหรือที่จะให้น้ำพุของเจ้าไหลเพรื่อออกไปนอกบ้าน และให้ธารน้ำนั้นไหลไปที่ลานเมือง
17 จงให้มันเป็นของเจ้าแต่ผู้เดียว และมิใช่สำหรับคนแปลกหน้าด้วย
18 จงให้น้ำพุของเจ้าได้รับพร และเปรมปรีดิ์อยู่กับภรรยาคนที่เจ้าได้เมื่อหนุ่มนั้น
19 เหมือนนางกวางที่น่ารัก เลียงผาที่งามสง่า จงให้ถันของภรรยาเจ้าเป็นที่หนำใจเจ้าอยู่ทุกเวลา จงดื่มด่ำอยู่กับความรักของนางเสมอ
20 บุตรชายของเราเอ๋ย เจ้าจะเคลิบเคลิ้มอยู่กับหญิงชั่วทำไมเล่า และโอบกอดอกของนางสัญจรอยู่ทำไม
21 เพราะว่าทางของคนก็อยู่ในสายพระเนตรพระเจ้า และพระองค์ทรงเฝ้าดูวิถีทั้งสิ้นของเขา
22 ความบาปชั่วของคนชั่วร้ายดักเขาเอง และเขาก็ติดอยู่กับตาข่ายบาปของเขา
23 เขาตายเพราะขาดวินัยในชีวิต และเพราะความโง่อย่างยิ่งของเขา เขาจึงหลงเจิ่นไป

สุภาษิต 6
1 บุตรชายของเราเอ๋ย ถ้าเจ้าเป็นผู้ประกันเพื่อนบ้านของเจ้า ได้ทำสัญญาให้แก่คนอื่น
2 ถ้าเจ้าติดบ่วงเพราะคำจากปากของเจ้า และเจ้าติดกับเพราะคำพูดของเจ้า
3 บุตรชายของเราเอ๋ย จงทำอย่างนี้และช่วยตัวเจ้าให้รอดเถิด เพราะเจ้าตกอยู่ในกำมือเพื่อนบ้านของเจ้าแล้ว ไป รีบไปวิงวอนเพื่อนบ้านของเจ้า
4 อย่าให้ตาของเจ้าหลับลง อย่าให้หนังตาของเจ้าปรือไป
5 จงปลีกตัวของเจ้าจากภัย อย่างละมั่งที่ปลีกตัวจากพราน อย่างนกจากมือของคนจับนก
6 คนเกียจคร้านเอ๋ย ไปหามดไป๊ พิเคราะห์ดูทางของมัน และจงฉลาด
7 โดยปราศจากผู้หัวหน้า เจ้าหน้าที่หรือผู้ปกครอง
8 มันเตรียมอาหารของมันในฤดูแล้ง และส่ำสมของกินของมันในฤดูเกี่ยว
9 คนเกียจคร้านเอ๋ย เจ้าจะนอนนานเท่าใด เมื่อไรเจ้าจะลุกขึ้นจากหลับ
10 หลับนิด เคลิ้มหน่อย กอดมือพักนิดหน่อย
11 และความจนจะมาเหนือเจ้าอย่างคนจร และความขัดสน อย่างคนถืออาวุธ
12 คนไร้ค่า คือคนชั่วร้าย ที่เที่ยวไปด้วยวาจาคดเคี้ยว
13 ตาของเขาก็ขยิบ เท้าของเขาก็ขยับ นิ้วของเขาก็ชี้ไป
14 ประดิษฐ์ความชั่วร้ายด้วยใจตลบตะแลง หว่านความแตกร้าวอยู่เรื่อยไป
15 เพราะฉะนั้นความหายนะจะมาถึงเขาอย่างปัจจุบันทันด่วน ฉับพลันนั้นเองเขาจะแตกอย่างซ่อมไม่ได้
16 มีหกสิ่งซึ่งพระเจ้าทรงเกลียด มีเจ็ดซึ่งเป็นที่น่าเกลียดน่าชังสำหรับพระองค์
17 ตา ยโส ลิ้นมุสา และมือที่ทำโลหิตไร้ผิดให้ตก
18 จิตใจที่คิดแผนงานโหดร้าย เท้าซึ่งรีบวิ่งไปสู่ความชั่ว
19 พยานเท็จซึ่งหายใจออกเป็นคำมุสา และคนผู้หว่านความแตกร้าวท่ามกลางพวกพี่น้อง ตักเตือนให้ระวังการล่วงประเวณี
20 บุตรของเราเอ๋ย จงรักษาบัญญัติของพ่อเจ้า และอย่าละทิ้งคำสั่งสอนของแม่เจ้า
21 มัดมันติดไว้บนใจของเจ้าเสมอ ผูกมันไว้ที่คอของเจ้า
22 เมื่อเจ้าเดิน มันจะนำเจ้า เมื่อเจ้านอนลง มันจะเฝ้าเจ้า และเมื่อเจ้าตื่นขึ้น มันจะพูดกับเจ้า
23 เพราะพระบัญญัติเป็นประทีป และคำสอนเป็นสว่าง และคำตักเตือนของวินัย เป็นทางแห่งชีวิต
24 เพื่อสงวนเจ้าไว้จากหญิงชั่วร้าย จากลิ้นพะเน้าพะนอของหญิงสัญจร
25 อย่าครุ่นปรารถนาความงามของนาง อยู่ในใจของเจ้า อย่าให้นางจับเจ้าด้วยขนตาของนาง
26 เพราะจะจ้างหญิงแพศยาด้วยขนมปังก้อนเดียวก็ยังได้ แต่หญิงเล่นชู้ล่าชีวิตประเสริฐของชายทีเดียว
27 ผู้ชายจะหอบไฟไว้ที่อกของเขา โดยไม่ให้เสื้อผ้าของเขาไหม้ได้หรือ
28 หรือผู้ใดจะเดินบนถ่านที่ลุกโพลง โดยไม่ให้เท้าของเขาถูกไฟลวกได้หรือ
29 บุคคลผู้เข้าหาภรรยาของเพื่อนบ้านก็เป็นอย่างนั้นแหละ ไม่มีผู้ใดที่แตะต้องนางแล้วจะไม่ถูกปรับโทษ
30 ถ้าขโมยเข้าลัก เพื่อบรรเทาความอยากเมื่อเขาหิว คนก็ดูหมิ่นขโมยนั้นมิใช่หรือ
31 ถ้าจับเขาได้ เขาต้องชำระคืนเจ็ดเท่า เขาจะต้องให้สิ่งของทั้งสิ้นในบ้านของเขา
32 ชายใดที่ล่วงประเวณีผัวเมีย ย่อมไม่มีสามัญสำนึก ผู้ใดที่กระทำอย่างนั้นก็ทำลายตนเอง
33 เขาได้รับบาดแผลและความอัปยศ และจะล้างความขายหน้าของตนหาได้ไม่
34 เพราะความริษยากระทำให้คนเกรี้ยวกราด ในวันที่เขาแก้แค้น เขาจะไม่เพลามือ
35 เขาจะไม่รับค่าทำขวัญใดๆ ถึงเจ้าจะทวีของกำนัล เขาก็ไม่ยอมสงบ

สุภาษิต 7
1 บุตรชายของเราเอ๋ย จงรักษาถ้อยคำของเรา จงสะสมบัญญัติของเราไว้กับเจ้า
2 จงรักษาบัญญัติของเรา และดำรงชีวิตอยู่ จงรักษาคำสอนของเราอย่างกับแก้วตาของเจ้า
3 มัดมันไว้ที่นิ้วมือของเจ้า เขียนมันไว้บนแผ่นจารึกแห่งใจของเจ้า
4 จงพูดกับปัญญาว่า "เธอเป็นพี่สาวของฉัน" และจงเรียกความรอบรู้ว่า "เพื่อนสนิท"
5 เพื่อปัญญานี้จะพิทักษ์เจ้าไว้ให้พ้นจากหญิงชั่ว จากหญิงสัญจรที่พูดจาพะเน้าพะนอ
6 เพราะที่หน้าต่างบ้านของเรา เราได้มองออกไปตามบานเกล็ด
7 เราเห็นว่าท่ามกลางคนเขลา และท่ามกลางคนหนุ่มๆที่เราพิเคราะห์ดูนั้น ก็มีหนุ่มคนหนึ่งไร้สามัญสำนึก
8 ผ่านไปตามถนนใกล้ทางแยกไปบ้านของนาง เดินตามถนนซึ่งไปบ้านนาง
9 ในเวลาโพล้เพล้ ในเวลาเย็น เวลาค่ำคืนและความมืด
10 และนี่แน่ะ หญิงคนหนึ่งมาพบเขา แต่งตัวอย่างหญิงแพศยาหัวใจเจ้าเล่ห์
11 นางจัดจ้านและหัวเห็ด เท้าของนางไม่อยู่กับบ้าน
12 ประเดี๋ยวอยู่ถนน ประเดี๋ยวอยู่ที่ลานเมือง และนางหมอบคอยอยู่ทุกมุม
13 นางฉวยเขาได้และจุบเขา นางพูดกับเขาอย่างไม่มียางอายว่า
14 "ฉันจำต้องถวายเครื่องสักการบูชา และวันนี้ฉันได้แก้บนแล้ว
15 ฉันจึงออกมาหาเธอ เสาะเธอ และฉันพบเธอแล้ว
16 ฉันได้ประดับเตียงของฉันด้วยผ้าคลุม เป็นผ้าลินินอียิปต์สีต่างๆ
17 ฉันได้อบที่นอนของฉันด้วยมดยอบ กฤษณา และอบเชย
18 มาเถอะ ให้เรามาอิ่มด้วยความรักจนรุ่งเช้า ให้เราทำตัวของเราให้ปีติยินดีด้วยความรัก
19 เพราะผัวของฉันไม่อยู่บ้าน เขาไปทางไกล
20 เขาเอาเงินไปถุงหนึ่ง พอวันเพ็ญเขาจึงกลับมา"
21 นางหว่านล้อมด้วยวาจาโอ้โลม นางบังคับเขาด้วยคำพูดพะเน้าพะนอ
22 เขาก็ติดตามนางไปทันที อย่างวัวตัวผู้ไปสู่การฆ่า หรืออย่างกวางติดแน่น
23 จนลูกธนูปักเข้าไปถึงตับ อย่างนกรนเข้าไปหาบ่วง เขาหาทราบไม่ว่า นี่มีค่าถึงชีวิต
24 โอ บุตรชายเอ๋ย บัดนี้จงฟังเรา และจงตั้งใจต่อถ้อยคำจากปากของเรา
25 อย่าให้ใจของเจ้าหันไปตามทางของนาง อย่าเจิ่นอยู่ในวิถีของนางนั้น
26 เพราะนางได้ฟัดเหยื่อลงเสียเป็นอันมาก เออ บรรดาที่นางฆ่าเสียนั้นก็เป็นจำนวนมากมาย
27 เรือนของนางเป็นทางไปสู่แดนผู้ตาย ลงไปถึงห้วงแห่งความตาย

สุภาษิต 8
1 ปัญญามิได้ร้องเรียกหรือ ความเข้าใจมิได้เปล่งเสียงหรือ
2 ณ ที่สูงที่ข้างทาง ที่กลางถนนปัญญาก็ยืนอยู่
3 ข้างประตูหน้าเมือง ที่ทางเข้ามุข ปัญญาก็ร้องเสียงดังว่า
4 "โอ บรรดาผู้ชายเอ๋ย เราเรียกเจ้า และเสียงเรียกของเราไปถึงบุตรชายของมนุษย์
5 โอ คนเขลา จงเข้าถึงความหยั่งรู้ โอ คนโง่ จงเข้าใจ
6 ฟังซิ เพราะเราจะพูดถึงสิ่งที่มีเกียรติ เพราะสิ่งที่ชอบจะมาจากริมฝีปากของเรา
7 เพราะปากของเราจะเปล่งความจริง ความโหดร้ายเป็นสิ่งน่าเกลียดน่าชังต่อริมฝีปากของเรา
8 บรรดาคำปากของเรานั้นชอบธรรม ในนั้นไม่มีคำบิดหรือคำคด
9 คำเหล่านั้นสำหรับผู้ที่เข้าใจก็ตรงหมด สำหรับผู้พบความรู้ก็ถูกต้อง
10 จงรับคำสั่งสอนของเราแทนเงิน และความรู้แทนทองคำอย่างดี
11 เพราะปัญญาดีกว่าทับทิม และสิ่งที่เจ้าปรารถนาทั้งหมดจะเปรียบเทียบกับปัญญาไม่ได้
12 เราคือปัญญา อยู่ในความหยั่งรู้ และเราพบความรู้และความเฉลียวฉลาด
13 ความยำเกรงพระเจ้าเป็นความเกลียดชังความชั่วร้าย เราเกลียดความเย่อหยิ่งและความจองหอง และทางของความชั่วร้ายกับวาจาตลบตะแลง
14 เรามีคำหารือและสติปัญญา เรามีความรอบรู้ เรามีกำลัง
15 โดยเรานี่แหละพระราชาจึงปกครอง และผู้ครอบครองจึงตรากฎหมายที่ ยุติธรรม
16 โดยเรานี่แหละเจ้านายได้ครอบครอง คือบรรดาขุนนางผู้ปกครองแผ่นดินโลก
17 เรารักบรรดาผู้ที่รักเรา และบรรดาผู้ที่แสวงเราก็พบเรา
18 ความมั่งคั่งและเกียรติอยู่กับเรา ทั้งทรัพย์ศฤงคารที่ทนทานและความชอบธรรม
19 ผลของเราดีกว่าทองคำ แม้ทองคำนพคุณ และผลได้ของเราดีกว่าเงินบริสุทธิ์
20 เราดำเนินในทางแห่งความชอบธรรม ในวิถีทั้งหลายของความยุติธรรม
21 ประสาททรัพย์ศฤงคารแก่บรรดาผู้ที่รักเรา บรรจุคลังทรัพย์ทั้งหลายของเขาให้เต็ม
22 พระเจ้าได้ประทานกำเนิดแก่เราแล้ว เมื่อพระองค์ทรงเริ่มงานของพระองค์ คือเป็นสิ่งแรกในบรรดาพระราชกิจโบราณของพระองค์
23 เราถูกสถาปนาไว้ ตั้งแต่ดึกดำบรรพ์มาแล้ว ตั้งแต่แรก ก่อนปฐมกาลของแผ่นดินโลก
24 เราถือกำเนิดมาเมื่อก่อนมีมหาสมุทร เมื่อไม่มีน้ำพุที่มีน้ำมากมาย
25 ก่อนการเนรมิตสร้างภูเขา ก่อนเนินเขา เราก็ถือกำเนิดมาแล้ว
26 ก่อนที่พระองค์ทรงสร้างแผ่นดินโลกทั้งไร่นา หรือก่อนผงคลีแรกของพิภพ
27 เมื่อพระองค์ทรงสถาปนาฟ้าสวรรค์เราอยู่ที่นั่นแล้ว เมื่อพระองค์ทรงลากเส้นรอบวงบนพื้นมหาสมุทร
28 เมื่อทรงกระทำฟ้าเบื้องบนให้มั่นไว้ เมื่อพระองค์ทรงสถาปนาน้ำพุของน้ำบาดาล
29 เมื่อพระองค์ทรงกำหนดเขตจำกัดให้แก่ทะเล เพื่อว่าน้ำจะไม่ละเมิดพระบัญชาของพระองค์ เมื่อพระองค์ทรงปักผังรากฐานของพิภพ
30 เราอยู่ข้างพระองค์แล้ว เหมือนอย่างนายช่าง เราเป็นความปีติยินดีประจำวันของพระองค์ เปรมปรีดิ์อยู่ต่อพระพักตร์พระองค์เสมอ
31 เปรมปรีดิ์ในพิภพที่มีคนอาศัยของพระองค์ และปีติยินดีในบุตรชายของมนุษย์
32 บุตรชายของเราเอ๋ย บัดนี้จงฟังเรา บรรดาผู้ที่รักษาทางของเราก็อยู่สุขสงบ
33 จงฟังคำสั่งสอน และจงฉลาด และอย่าเพิกเฉยเสีย
34 ผู้ใดที่ฟังเรา ก็เป็นสุข คือเฝ้าอยู่ที่ประตูรั้วของเราทุกวัน และคอยอยู่ข้างประตูบ้านของเรา
35 เพราะผู้ใดที่พบเรา ก็พบชีวิต และได้รับความพอพระทัยจากพระเจ้า
36 แต่ผู้ที่พลาดขาดเราก็กระทำตัวเองให้เจ็บ บรรดาผู้ที่เกลียดเราก็รับความมรณา"

สุภาษิต 9
1 ปัญญาได้สร้างเรือนของเธอแล้ว เธอได้ตั้งเสาเจ็ดต้น
2 ปัญญาได้ฆ่าสัตว์ของเธอ ได้ประสมเหล้าองุ่นของเธอ ได้จัดโต๊ะของเธอแล้วด้วย
3 และได้ส่งสาวใช้ของเธอออกไปส่งเสียงเรียก จากที่สูงในเมือง
4 ว่า "ผู้ใดที่เป็นคนเขลา ให้เขาหันเข้ามาที่นี่" เธอพูดกับผู้ที่ไร้สามัญสำนึกว่า
5 "มาเถอะ มารับประทานขนมปังของเรา และดื่มเหล้าองุ่นที่เราได้ประสม
6 จงทิ้งความเขลาเสีย และดำรงชีวิตอยู่ ดำเนินในทางของความรอบรู้นั้นเถิด"
7 ผู้ที่ว่ากล่าวคนมักเยาะเย้ย จะได้รับการดูหมิ่น และผู้ที่ตักเตือนคนชั่วร้ายจะถูกกล่าวหยาบช้า
8 อย่าตักเตือนคนมักเยาะเย้ย เพราะเขาจะเกลียดเจ้า จงตักเตือนปราชญ์ และเขาจะรักเจ้า
9 จงให้คำสั่งสอนแก่ปราชญ์และเขาจะฉลาดยิ่งขึ้น จงสอนคนชอบธรรมและเขาจะเพิ่มการเรียนรู้มากขึ้น
10 ความยำเกรงพระเจ้า เป็นที่เริ่มต้นของปัญญา และซึ่งรู้จักองค์บริสุทธิ์ เป็นความรอบรู้
11 เนื่องจากเรา วันคืนของเจ้าจะเพิ่มทวีคูณ และปีเดือนแห่งชีวิตของเจ้าจะเพิ่มพูน
12 ถ้าเจ้าฉลาด เจ้าก็ฉลาดเพื่อตนเอง ถ้าเจ้าเยาะเย้ย เจ้าก็จะทนแต่ลำพัง
13 หญิงโง่นั้นเสียงเอ็ดอึง นางปล่อยตัวและไม่รู้จักอาย
14 นางนั่งที่ประตูเรือนของนาง และณที่สูงในเมือง
15 พลางร้องเรียกบรรดาผู้ที่ผ่านไป ผู้เดินตรงไปตามทางของเขา
16 ว่า "ผู้ใดที่เป็นคนเขลา ให้เขาหันเข้ามาที่นี่" นางพูดกับเขาผู้ไร้สามัญสำนึก
17 ว่า "น้ำที่ขโมยมาหวานดี และขนมที่รับประทานในที่ลับก็อร่อย"
18 แต่เขาไม่ทราบว่าคนตายอยู่ที่นั่น และแขกของนางก็อยู่ในห้วงลึกของแดนผู้ตาย

สุภาษิต 10
1 สุภาษิตของซาโลมอน บุตรชายที่ฉลาดกระทำให้บิดายินดี แต่บุตรชายที่โง่เป็นความโศกของมารดาเขา
2 คลังทรัพย์อธรรมไม่เป็นกำไร แต่ความชอบธรรมช่วยกู้จากความตาย
3 พระเจ้ามิได้ทรงปล่อยให้คนชอบธรรมหิว แต่พระองค์ทรงขัดขวางความอยากของคนชั่วร้าย
4 มือที่หย่อนเป็นเหตุให้เกิดความยากจน แต่มือที่ขยันขันแข็งกระทำให้มั่งคั่ง
5 บุตรชายที่ส่ำสมไว้ในฤดูแล้งก็เป็นคนหยั่งรู้ แต่บุตรชายผู้หลับในฤดูเกี่ยวก็นำความอับอายมา
6 พระพรอยู่บนศีรษะของผู้ชอบธรรม แต่ความทารุณท่วมปากคนชั่วร้าย
7 การระลึกถึงของคนชอบธรรมเป็นพระพร แต่ชื่อเสียงของคนชั่วร้ายจะเน่าเสีย
8 ใจที่ประกอบด้วยปัญญาจะสนใจในบัญญัติ แต่คนที่พูดโง่ๆจะถึงความพินาศ
9 ผู้ใดที่ดำเนินในความสัตย์ซื่อก็ดำเนินอย่างมั่นคงดี แต่ผู้ที่ทำทางของตนให้ชั่วก็จะปรากฏแจ้งแก่คนอื่น
10 ผู้ที่ขยิบตาก็ก่อความยุ่งยาก แต่ผู้ที่ตักเตือนอย่างกล้าหาญจะสร้างสันติภาพ
11 ปากของคนชอบธรรมเป็นบ่อน้ำชีวิต แต่ปากของคนชั่วร้ายปิดบังความทารุณ
12 ความเกลียดชังเร้าให้เกิดความวิวาท แต่ความรักครอบงำบรรดาการทรยศเสีย
13 ที่ริมฝีปากของผู้ที่มีความเข้าใจจะพบปัญญา แต่ไม้เรียวก็เหมาะสำหรับหลังของผู้ที่ขาดสามัญสำนึก
14 ปราชญ์ก็ส่ำสมความรู้ไว้ แต่ปากของคนโง่นำความย่อยยับมาใกล้
15 ทรัพย์ศฤงคารของคนมั่งคั่งคือเมืองเข้มแข็งของเขา แต่ความยากจนของคนจน คือความพินาศของเขา
16 ผลงานของคนชอบธรรมนำไปถึงชีวิต แต่ของคนชั่วร้ายนำไปถึงบาป
17 เขาผู้สนใจในคำสั่งสอนก็อยู่ในวิถีแห่งชีวิต แต่เขาผู้ปฏิเสธคำเตือนสติก็หลงเจิ่นไป
18 เขาผู้ปิดบังความเกลียดชังมีริมฝีปากมุสา และเขาผู้ออกปากใส่ร้ายเป็นคนโง่
19 การพูดมากก็จะสะสมการทรยศ แต่เขาผู้ยับยั้งริมฝีปากของตนเป็นผู้หยั่งรู้
20 ลิ้นของคนชอบธรรมคือเงินเนื้อบริสุทธิ์ ความคิดของคนชั่วร้ายมีค่าแต่น้อย
21 ริมฝีปากของคนชอบธรรมเลี้ยงคนเป็นอันมาก แต่คนโง่ตายเพราะขาดสามัญสำนึก
22 พระพรของพระเจ้ากระทำให้มั่งคั่ง และพระองค์มิได้แถมความโศกเศร้าไว้ด้วย
23 คนโง่กระทำความผิดเหมือนการเล่นสนุก แต่ความประพฤติอันกอปรด้วยปัญญา เป็นความเพลิดเพลินแก่คนที่มีความเข้าใจ
24 สิ่งใดที่คนชั่วร้ายคิดกลัว มันจะมาถึงเขา แต่สิ่งใดที่คนชอบธรรมปรารถนา พระองค์ทรงประสาทให้
25 เมื่อพายุร้ายผ่านไปแล้ว คนชั่วก็ไม่มีอีก แต่คนชอบธรรมจะได้รับการสถาปนาไว้เป็นนิตย์
26 อย่างน้ำส้มกับฟัน และควันกับตาเป็นฉันใด คนเกียจคร้านกับผู้ที่ใช้เขาก็เป็นฉันนั้น
27 ความยำเกรงพระเจ้านั้นยืดชีวิตให้ยาวไป แต่ปีเดือนของคนชั่วร้ายนั้นจะสั้นเข้า
28 ความหวังของความชอบธรรมจบลงในความยินดี แต่ความมุ่งหวังของความชั่วร้ายก็สูญเปล่า
29 พระเจ้าทรงเป็นที่กำบังเข้มแข็งแก่ผู้ที่ประพฤติ อย่างเที่ยงธรรม แต่ผู้กระทำชั่วพระองค์ทรงทำลาย
30 ผู้ชอบธรรมจะไม่ถูกกำจัดเลย แต่คนชั่วร้ายจะไม่ได้อยู่ในแผ่นดิน
31 ปากของคนชอบธรรมนำปัญญาออกมา แต่ลิ้นของคนตลบตะแลงจะถูกตัดออก
32 ริมฝีปากของคนชอบธรรมรู้ว่าอะไรพอหูคน แต่ปากของคนชั่วร้ายรู้ว่าสิ่งใดตลบตะแลง

สุภาษิต 11
1 ตราชูขี้ฉ้อนั้นเป็นที่เกลียดชังต่อพระเจ้า แต่ลูกตุ้มที่ยุติธรรมเป็นที่ปีติยินดีแด่พระองค์
2 เมื่อความเย่อหยิ่งมาถึง ความหยามน้ำหน้าก็มาด้วย แต่ปัญญาอยู่กับคนใจถ่อม
3 ความสัตย์ซื่อของคนที่เที่ยงธรรมย่อมนำเขา แต่ความคดโกงของคนทรยศย่อมทำลายเขา
4 ความมั่งคั่งไม่อำนวยกำไรในวันทรงพระพิโรธ แต่ความชอบธรรมช่วยกู้ให้พ้นความมรณา
5 ความชอบธรรมของคนที่ไร้ตำหนิย่อมรักษาทาง ของเขาให้ตรง แต่คนชั่วร้ายก็ล้มลงด้วยความชั่วร้ายของเขาเอง
6 ความชอบธรรมของคนเที่ยงธรรมย่อมช่วยกู้เขา แต่คนทรยศจะถูกราคะของเขาจับเป็นเชลย
7 เมื่อคนชั่วร้ายตาย ความหวังของเขาก็พินาศ และความมุ่งหวังของคนชั่วช้าก็สูญเปล่า
8 คนชอบธรรมรับการช่วยเหลือให้พ้นความลำบาก และคนชั่วร้ายเข้าไปแทนที่
9 คนไร้พระเจ้าทำลายเพื่อนบ้านของเขาด้วยปาก แต่คนชอบธรรมได้รับการช่วยให้พ้นด้วยอาศัยความรู้
10 เมื่อคนชอบธรรมอยู่เย็นเป็นสุขบ้านเมืองก็เปรมปรีดิ์ และเมื่อคนชั่วร้ายพินาศ ก็มีเสียงโห่ร้องด้วยความยินดี
11 โดยพรของคนเที่ยงธรรมบ้านเมืองก็เป็นที่ยกย่อง แต่ว่ามันคว่ำลงโดยปากของคนชั่วร้าย
12 บุคคลที่เหยียดเพื่อนบ้านของตนย่อมขาดสามัญสำนึก แต่คนที่มีความเข้าใจก็ยังนิ่งอยู่
13 บุคคลที่เที่ยวซุบซิบก็เผยความลับ แต่บุคคลที่ไว้วางใจได้ย่อมปิดบังสิ่งหนึ่งสิ่งใดไว้ได้
14 ที่ไหนที่ไม่มีการนำ ประชาชนก็ล้มลง แต่ในที่ซึ่งมีที่ปรึกษามากย่อมมีความปลอดภัย
15 บุคคลผู้รับประกันคนอื่นจะต้องทนทุกข์ แต่คนที่เกลียดการรับประกันย่อมปลอดภัย
16 สตรีงามสง่าย่อมได้รับเกียรติ และชายหน้าเลือดย่อมมั่งคั่ง
17 ชายผู้มีความเอ็นดูย่อมให้ประโยชน์แก่ตน แต่ชายที่ดุร้ายย่อมทำให้ตัวเองเจ็บ
18 ชายชั่วร้ายได้ผลจ้างที่หลอกลวง แต่บุคคลที่หว่านความชอบธรรมจะได้บำเหน็จที่แน่นอน
19 บุคคลผู้ตั้งมั่นอยู่ในความชอบธรรมจะมีชีวิตอยู่ แต่บุคคลผู้ติดตามความชั่วร้ายจะถึงความตาย
20 คนที่ความคิดตลบตะแลงเป็นที่น่าเกลียดน่าชังแด่พระเจ้า แต่คนที่มีทางไร้ตำหนิย่อมเป็นที่ปีติยินดีของพระองค์
21 จงแน่ใจเถิด ซึ่งคนชั่วร้ายจะไม่มีโทษนั้นหามิได้ แต่บรรดาผู้ที่เป็นคนชอบธรรมจะได้รับการช่วยกู้
22 สตรีงามที่ปราศจากความเฉลียวฉลาด ก็เหมือนห่วงทองคำที่จมูกหมู
23 ความปรารถนาของคนชอบธรรมจบลงในความดีเท่านั้น ความมุ่งหวังของคนชั่วร้ายจบลงในความพิโรธ
24 บางคนยิ่งจำหน่ายยิ่งมั่งคั่ง บางคนยิ่งยึดสิ่งที่ควรจำหน่ายไว้ยิ่งขัดสนก็มี
25 บุคคลที่ใจกว้างขวางย่อมได้รับความมั่งคั่ง บุคคลที่รดน้ำ เขาเองจะรับการรดน้ำ
26 ประชาชนแช่งบุคคลที่กักข้าว แต่พระพรอยู่บนศีรษะของผู้ที่ขายข้าว
27 บุคคลผู้แสวงความดี ก็แสวงความพอใจ แต่ความชั่วร้ายมาถึงผู้ที่เสาะมัน
28 บุคคลผู้วางใจในความมั่งคั่งจะล้มละลาย แต่คนชอบธรรมจะรุ่งเรืองอย่างใบไม้เขียว
29 บุคคลผู้ทำให้ครัวเรือนของเขาลำบากจะรับลมเป็นมรดก และคนโง่จะเป็นคนใช้ของคนฉลาด
30 ผลของคนชอบธรรมเป็นต้นไม้แห่งชีวิต การฝ่าฝืนกฎหมายย่อมทำลายชีวิต
31 ดูเถิด แม้คนชอบธรรมอาจจะถูกทำโทษในแผ่นดินโลก คนชั่วร้ายและคนบาปจะยิ่งกว่านั้นสักเท่าใด

สุภาษิต 12
1 ผู้ใดที่รักวินัยก็รักความรู้ แต่บุคคลที่เกลียดการตักเตือนก็เป็นคนโฉด
2 คนดีเป็นที่โปรดปรานของพระเจ้า แต่คนที่คิดการชั่วร้ายพระองค์ทรงลงโทษ
3 คนจะตั้งอยู่ด้วยความโหดร้ายไม่ได้ แต่รากของคนชอบธรรมจะไม่รู้จักเคลื่อนย้าย
4 ภรรยาดีเป็นมงกุฎของสามีตน แต่นางผู้ที่นำความอับอายมาก็เหมือนความ เน่าเปื่อยในกระดูกสามี
5 ความคิดของคนชอบธรรมนั้นยุติธรรม แต่คำหารือของคนชั่วร้ายนั้นทรยศ
6 ถ้อยคำของคนชั่วร้ายหมอบคอยเอาโลหิต แต่ปากของคนเที่ยงธรรม ช่วยคนให้รอด
7 คนชั่วร้ายคว่ำแล้วและไม่มีอีก แต่เรือนของคนชอบธรรมยังดำรงอยู่
8 คนจะได้คำชมเชยตามสามัญสำนึกที่ดีของเขา แต่คนที่ความคิดตลบตะแลงก็เป็นที่ดูหมิ่น
9 ผู้น้อยที่ทำมาหากินเอง ก็ดีกว่าคนที่ทำทีว่าเป็นผู้ยิ่งใหญ่แต่ขาดอาหาร
10 คนชอบธรรมย่อมเห็นแก่ชีวิตสัตว์ของเขา แต่ความกรุณาของคนโหดร้ายคือความดุร้าย
11 บุคคลที่ไถนาของตนจะมีอาหารอุดม แต่บุคคลที่ติดตามการงานที่ไร้ค่า ย่อมไม่มีสามัญสำนึก
12 หอคอยแข็งแรงของคนชั่วร้ายปรักหักพังสิ้น แต่รากของคนชอบธรรมตั้งมั่นคงอยู่
13 คนชั่วร้ายย่อมติดบ่วงโดยการละเมิดแห่งริมฝีปากของตน แต่คนชอบธรรมหนีพ้นจากความลำบาก
14 จากผลแห่งถ้อยคำของตนคนก็อิ่มใจในความดี และผลงานแห่งมือของเขาก็กลับมาหาเขา
15 ทางของคนโง่นั้นถูกต้องในสายตาของเขาเอง แต่ปราชญ์ย่อมฟังคำแนะนำ
16 จะรู้ความร้อนใจของคนโง่ได้ทันที แต่คนที่หยั่งรู้ย่อมไม่นำพาต่อการดูถูก
17 บุคคลผู้พูดความจริงให้หลักฐานที่ซื่อตรง แต่พยานเท็จกล่าวคำหลอกลวง
18 มีบางคนที่คำพูดพล่อยๆของเขาเหมือนดาบแทง แต่ลิ้นของปราชญ์นำการรักษามาให้
19 ริมฝีปากที่พูดจริงทนอยู่ได้เป็นนิตย์ แต่ลิ้นที่พูดมุสาอยู่ได้เพียงประเดี๋ยวเดียว
20 ความหลอกลวงอยู่ในใจของบรรดาผู้คิดแผนการชั่วร้าย แต่บรรดาผู้กะแผนงานที่ดีมีความชื่นบาน
21 ไม่มีความชั่วตกอยู่กับคนชอบธรรม แต่คนชั่วร้ายเต็มด้วยความลำบาก
22 ริมฝีปากที่พูดมุสาเป็นที่น่าเกลียดน่าชังแก่พระเจ้า แต่บรรดาผู้ที่ประพฤติความซื่อสัตย์เป็นที่ปีติยินดีแด่พระองค์
23 คนที่หยั่งรู้ย่อมเก็บความรู้ไว้ แต่คนโง่ป่าวร้องความโง่ของตน
24 มือของคนที่ขยันขันแข็งจะครอบครอง ฝ่ายคนเกียจคร้านจะถูกบังคับให้ทำงานโยธา
25 ความกระวนกระวายของคนถ่วงเขาลง แต่ถ้อยคำที่ดีกระทำให้เขาชื่นชม
26 คนชอบธรรมหันจากทางชั่วร้ายแต่ทางของคนชั่วร้าย นำเขาเองให้เจิ่นไป
27 คนเกียจคร้านจะจับเหยื่อของเขาไม่ได้ แต่คนขยันขันแข็งจะได้ทรัพย์ศฤงคารประเสริฐ
28 ในวิถีของความชอบธรรมเป็นชีวิต แต่ทางของความผิดนำไปถึงความมรณา

สุภาษิต 13
1 บุตรชายที่ฉลาดฟังคำเตือนสติของบิดาตน แต่คนมักเยาะเย้ยไม่ฟังคำขนาบ
2 คนดีกินของดีจากผลปากของตน แต่ความปรารถนาของคนทรยศก็เพื่อความทารุณ
3 บุคคลที่ระแวดระวังปากของเขาจะสงวนชีวิตของเขา บุคคลที่เปิดริมฝีปากกว้างก็มาถึงความพินาศ
4 วิญญาณของคนเกียจคร้านยังอยากอยู่ แต่ไม่ได้อะไรเลย ฝ่ายวิญญาณของคนขยันจะอ้วนพี
5 คนชอบธรรมเกลียดความเท็จ แต่คนชั่วร้ายประพฤติน่าอับอายและน่าอดสู
6 ความชอบธรรมระแวดระวังผู้ที่ทางของเขาเที่ยงธรรม แต่บาปคว่ำคนชั่วร้าย
7 คนที่ว่าตนมั่งคั่ง แต่ไม่มีอะไรเลยก็มี คนที่ว่าตนเป็นคนจน แต่มีทรัพย์ศฤงคารเป็นอันมากก็มีอยู่
8 ค่าไถ่ชีวิตของคนคือทรัพย์ศฤงคารของเขา แต่คนยากจนไม่มีอะไรเป็นค่าไถ่
9 สว่างของคนชอบธรรมก็เปรมปรีดิ์ แต่ประทีปของคนชั่วร้ายจะถูกดับ
10 เพราะความทะลึ่งผู้ประมาทจึงก่อวิวาท แต่ปัญญาอยู่กับบรรดาผู้ที่รับคำแนะนำ
11 ทรัพย์ศฤงคารที่ได้มาอย่างเร่งร้อนจะยอบแยบลง แต่บุคคลที่ส่ำสมทีละเล็กทีละน้อยจะได้เพิ่มพูนขึ้น
12 ความหวังที่ถูกหน่วงไว้ทำให้ใจเจ็บช้ำ แต่ความปรารถนาที่สำเร็จแล้วเป็นต้นไม้แห่งชีวิต
13 บุคคลผู้ดูหมิ่นพระวจนะ นำการทำลายมาถึงตนเอง แต่บุคคลผู้นับถือพระบัญญัติจะได้รับบำเหน็จ
14 คำสอนของปราชญ์เป็นน้ำพุแห่งชีวิต เพื่อให้หลีกจากบ่วงของความมรณา
15 มีสามัญสำนึกที่ดีก็ได้รับความโปรดปราน แต่หนทางของคนที่ไม่ซื่อเป็นความย่อยยับของเขา
16 คนที่หยั่งรู้กระทำทุกอย่างด้วยความรู้ แต่คนโง่ก็อวดความโง่ของตน
17 ผู้สื่อสารไม่ดีก็เอาคนจุ่มลงไปในความลำบาก แต่ทูตที่ซื่อสัตย์นำการรักษามาให้
18 ความยากจนและความอดสูมาถึงบุคคลที่เพิกเฉยต่อ คำเตือนสติ แต่บุคคลที่สนใจคำตักเตือนก็ได้รับเกียรติ
19 ความปรารถนาที่สำเร็จเป็นของหวานสำหรับวิญญาณ แต่ที่จะหันเสียจากความชั่วร้ายเป็นสิ่งน่าเกลียด น่าชังของคนโง่
20 บุคคลที่เดินกับปราชญ์ ก็กลายเป็นคนฉลาด แต่เพื่อนฝูงของคนโง่จะรับภยันตราย
21 ความเคราะห์ร้ายตามติดคนบาป แต่ความเจริญรุ่งเรืองให้บำเหน็จแก่คนชอบธรรม
22 คนดีก็ละมรดกไว้ให้แก่หลานๆ แต่ทรัพย์ศฤงคารของคนบาปนั้นส่ำสมไว้ให้คนชอบธรรม
23 ดินของคนยากจนที่ไถทิ้งไว้ก็เกิดผลอุดม แต่มันถูกกวาดไปตามความอยุติธรรม
24 บุคคลที่สงวนไม้เรียวก็เกลียดบุตรชายของตน แต่ผู้ที่รักเขาพยายามตีสอนเขา
25 คนชอบธรรมรับประทานได้จนพอใจ แต่ท้องของคนชั่วร้ายก็หิว

สุภาษิต 14
1 ปัญญาสร้างเรือนของเธอขึ้น แต่ความโง่รื้อมันลงด้วยมือตนเอง
2 บุคคลผู้ดำเนินในความเที่ยงธรรมเกรงกลัวพระเจ้า แต่บุคคลที่คดเคี้ยวในทางของเขาก็ดูหมิ่นพระองค์
3 ในปากของคนโง่มีไม้เรียวสำหรับหลังของเขา แต่ริมฝีปากของปราชญ์จะสงวนเขาไว้
4 ที่ไหนที่ไม่มีวัวผู้ ที่นั่นไม่มีข้าว แต่พืชผลอุดมได้มาด้วยแรงวัว
5 พยานที่ซื่อสัตย์ไม่มุสา แต่พยานเท็จหายใจคำมุสาออกมา
6 คนมักเยาะเย้ยแสวงปัญญาเสียเปล่า แต่ความรู้นั้นก็ง่ายแก่คนที่มีความเข้าใจ
7 จงไปให้พ้นหน้าคนโง่ เพราะที่นั่นเจ้าไม่พบถ้อยคำแห่งความรู้
8 ปัญญาของคนหยั่งรู้คือการเข้าใจทางของเขา แต่ความโง่ของคนโง่เป็นที่หลอกลวง
9 พระเจ้าทรงเยาะเย้ยคนชั่วร้าย แต่คนเที่ยงธรรมชื่นบานในความโปรดปรานของพระองค์
10 จิตใจรู้ความขมขื่นของใจเอง และไม่มีใครอื่นมาเข้าส่วนความชื่นบานของมัน
11 เรือนของคนชั่วร้ายจะถูกทำลาย แต่เต็นท์ของคนเที่ยงธรรมจะรุ่งเรือง
12 มีทางหนึ่งซึ่งคนเราดูเหมือนถูก แต่มันสิ้นสุดลงที่ทางของความมรณา
13 แม้ใจของคนที่หัวเราะก็เศร้า และที่สุดของความชื่นบานคือความโศกสลด
14 คนตลบตะแลงจะได้ผลจากทางของเขาจนเต็ม และคนดีก็จะได้ผลดีแห่งการกระทำของเขา
15 คนเขลาเชื่อถือทุกอย่าง แต่คนหยั่งรู้มองดูว่าเขากำลังไปทางไหน
16 คนมีปัญญาก็ระวังตัวและหันเสียจากความชั่วร้าย แต่คนโง่ขาดความยับยั้งและสะเพร่า
17 คนโมโหร้ายประพฤติโง่เขลา แต่คนเฉลียวฉลาดนั้นอดทน
18 คนเขลาได้ความโง่ แต่คนหยั่งรู้ก็มีความรู้เป็นมงกุฎ
19 คนชั่วร้ายกราบคนดี คนชั่วร้ายกราบอยู่ที่ประตูเมืองของคนชอบธรรม
20 คนยากจนนั้นแม้เพื่อนบ้านของตนก็รังเกียจ แต่คนมั่งคั่งมีสหายมากมาย
21 บุคคลที่ดูหมิ่นเพื่อนบ้านของตนก็เป็นคนบาป แต่บุคคลที่เอ็นดูคนยากจนก็อยู่เป็นสุข
22 คนที่คิดการชั่วนั้นไม่ผิดหรือ บรรดาผู้ที่คิดการดีก็พบความจงรักภักดีและความซื่อสัตย์
23 มีกำไรอยู่ในงานทุกอย่าง การเพียงแต่พูดนั้นโน้มไปทางความขาดแคลน
24 มงกุฎของปราชญ์คือปัญญา แต่ความโง่เป็นพวงมาลัยของคนโง่
25 พยานซื่อตรงช่วยชีวิตให้รอด แต่ผู้ที่เปล่งคำมุสาเป็นคนขายคน
26 ความยำเกรงพระเจ้าทำให้คนอยู่อย่างอุ่นใจ ลูกหลานของเขาจะมีที่พึ่ง
27 ความยำเกรงพระเจ้าเป็นน้ำพุแห่งชีวิต เพื่อผู้หนึ่งผู้ใดจะหลีกจากบ่วงของความมรณาได้
28 ในมวลประชาชนก็มีศักดิ์ศรีของพระราชา แต่ไร้ประชาชนเจ้านายก็ไร้ค่า
29 บุคคลที่โกรธช้าก็มีความเข้าใจมาก แต่บุคคลที่โมโหเร็วก็ยกย่องความโง่
30 ใจที่สงบให้ชีวิตแก่เนื้อหนัง แต่กิเลสกระทำให้กระดูกผุ
31 บุคคลผู้บีบบังคับคนยากจน ดูถูกพระผู้สร้างของเขา แต่บุคคลที่เอ็นดูต่อคนขัดสนก็ถวายเกียรติแด่พระองค์
32 คนชั่วร้ายก็ถูกคว่ำลงตามการกระทำชั่วร้ายของเขา แต่คนชอบธรรมพบที่ลี้ภัยด้วยใจแน่วแน่ของเขา
33 ปัญญาอาศัยอยู่ในความคิดของคนที่มีความเข้าใจ แต่ปัญญานั้นไม่ประจักษ์ในใจของคนโง่
34 ความชอบธรรมเชิดชูประชาชาติหนึ่งๆ แต่บาปเป็นเหตุให้ชนชาติหนึ่งๆ ถูกตำหนิ
35 ข้าราชการผู้ประกอบกิจอย่างเฉลียวฉลาดก็ได้รับความ โปรดปรานจากพระราชา แต่พระพิโรธของพระองค์ก็ตกลงบนผู้ที่ประพฤติน่าละอาย

สุภาษิต 15
1 คำตอบอ่อนหวานช่วยละลายความโกรธเกรี้ยวให้หายไป แต่คำกักขฬะเร้าโทสะ
2 ลิ้นของปราชญ์แจกจ่ายความรู้ แต่ปากของคนโง่เทความโง่ออกมา
3 พระเนตรของพระเจ้าอยู่ในทุกแห่งหน ทรงเฝ้าดูคนชั่วและคนดี
4 ลิ้นที่สุภาพเป็นต้นไม้แห่งชีวิต แต่ลิ้นตลบตะแลงทำน้ำใจให้แตกสลาย
5 คนโง่ดูหมิ่นคำเตือนสติของบิดาตน แต่ผู้ที่สนใจคำทักท้วงเป็นผู้หยั่งรู้
6 ในเรือนของคนชอบธรรมมีคลังทรัพย์มาก แต่ความลำบากตกอยู่กับรายได้ของคนชั่วร้าย
7 ริมฝีปากของปราชญ์กระจายความรู้ แต่ความคิดของคนโง่หาเป็นเช่นนั้นไม่
8 เครื่องสักการบูชาของคนชั่วร้ายเป็นที่น่า เกลียดน่าชังแก่พระเจ้า แต่คำอธิษฐานของคนเที่ยงธรรมเป็นที่ปีติยินดีแก่พระองค์
9 ทางของคนชั่วร้ายเป็นที่น่าเกลียดน่าชังแก่พระเจ้า แต่พระองค์ทรงรักบุคคลผู้ตามติดความชอบธรรม
10 มีโทษหนักสำหรับผู้ที่ทอดทิ้งทางดี บุคคลผู้เกลียดคำเตือนสติจะตายเปล่า
11 แดนผู้ตายและแดนพินาศก็ประจักษ์แจ้งอยู่เฉพาะพระเจ้า ใจของมนุษย์จะแจ้งเฉพาะพระองค์ยิ่งกว่านั้นสักเท่าใด
12 คนมักเยาะเย้ยไม่ชอบถูกตักเตือน เขาจะไม่ไปหาปราชญ์
13 ใจที่ยินดีกระทำให้ใบหน้าร่าเริง แต่โดยความเสียใจดวงจิตก็สลายลง
14 ความคิดของบุคคลผู้มีความเข้าใจก็แสวงความรู้ แต่ปากของคนโง่กินความโง่เป็นอาหาร
15 ทุกๆวันของคนที่ทุกข์ใจก็ร้าย แต่ใจที่ร่าเริงมีการเลี้ยงต่อเนื่องกัน
16 มีทรัพย์น้อยแต่มีความยำเกรงพระเจ้า ดีกว่ามีคลังทรัพย์ใหญ่ แต่มีความลำบากอยู่ด้วย
17 กินผักเป็นอาหารในที่ที่มีความรัก ก็ดีกว่ากินเนื้อวัวอ้วนพร้อมกับความเกลียดชังอยู่ด้วย
18 คนใจร้อน เร้าการวิวาท แต่บุคคลผู้โกรธช้าก็ระงับการชิงดี
19 ทางของคนเกียจคร้านมีต้นหนามควัดงอกอยู่เต็ม แต่วิถีของคนเที่ยงธรรมเป็นทางหลวงราบเสมอ
20 บุตรชายที่ฉลาดกระทำให้บิดายินดี แต่คนโง่ดูหมิ่นมารดาของตน
21 ความโง่เป็นความชื่นบานแก่บุคคลผู้ไม่มีสามัญสำนึก แต่คนที่มีความเข้าใจจะเดินตรงไป
22 ปราศจากการปรึกษาหารือ แผนงานก็ล้มเหลว แต่มีผู้แนะนำมากๆ แผนงานนั้นก็สำเร็จ
23 ที่จะตอบให้เหมาะสมก็เป็นความชื่นบานแก่คน คำเดียวที่ถูกกาละก็ดีจริงๆ
24 ทางของคนฉลาดนำขึ้นสู่ชีวิต เพื่อเขาจะได้หลีกหนีจากแดนผู้ตายเบื้องล่าง
25 พระเจ้าทรงรื้อเรือนของคนเย่อหยิ่ง แต่ให้ขอบเขตของหญิงม่ายคงอยู่
26 ความคิดของคนชั่วร้ายเป็นสิ่งที่น่าเกลียดน่าชังแก่พระเจ้า แต่ถ้อยคำของคนบริสุทธิ์เป็นที่พอพระทัยของพระองค์
27 บุคคลผู้ตะกละหากำไรก็กระทำความลำบาก แก่ครัวเรือนของตน แต่บุคคลผู้เกลียดสินบน จะมีชีวิตอยู่
28 ใจของคนชอบธรรมรำพึงว่าจะตอบอย่างไร แต่ปากของคนชั่วร้ายเทสิ่งชั่วร้ายออก
29 พระเจ้าทรงอยู่ห่างไกลจากคนชั่วร้าย แต่พระองค์ทรงได้ยินคำอธิษฐานของคนชอบธรรม
30 สว่างของตาทำให้ใจเปรมปรีดิ์ และข่าวดีกระทำให้กระดูกสดชื่น
31 หูที่ฟังคำตักเตือนที่ให้ชีวิต จะอยู่ท่ามกลางปราชญ์
32 บุคคลผู้เพิกเฉยต่อคำเตือนสติก็ดูหมิ่นตนเอง แต่บุคคลผู้สนใจการทักท้วงก็ได้ความเข้าใจ
33 ความยำเกรงพระเจ้าเป็นการสอนให้เกิดปัญญา และความถ่อมใจเดินอยู่ข้างหน้าเกียรติ

สุภาษิต 16
1 แผนงานของดวงความคิดเป็นของมนุษย์ แต่คำตอบของลิ้นมาจากพระเจ้า
2 ทางทั้งสิ้นของมนุษย์ก็บริสุทธิ์ในสายตาของเขา แต่พระเจ้าทรงชั่งจิตใจ
3 จงมอบงานของเจ้าไว้กับพระเจ้า และแผนงานของเจ้าจะได้รับการสถาปนาไว้
4 พระเจ้าทรงกระทำให้ทุกสิ่งมีเป้าหมายของมัน แม้คนชั่วร้ายก็เพื่อวันลำเค็ญ
5 ทุกคนผู้จองหองเป็นที่น่าเกลียดน่าชังแก่พระเจ้า จงแน่ใจเถิด เขาจะพ้นโทษก็หามิได้
6 ความจงรักภักดีและความซื่อสัตย์ได้ลบมลทินบาปชั่ว และคนหลีกความชั่วร้ายได้โดยความยำเกรงพระเจ้า
7 เมื่อทางของมนุษย์เป็นที่โปรดปรานแก่พระเจ้า แม้ศัตรูของเขานั้นพระองค์ก็ทรงกระทำให้คืนดีกับเขาได้
8 มีแต่น้อยแต่มีความชอบธรรม ก็ดีกว่ามีรายได้มากด้วยอยุติธรรม
9 ใจของมนุษย์กะแผนงานทางของเขา แต่พระเจ้าทรงนำย่างเท้าของเขา
10 คำตัดสินอันมาจากพระเจ้าอยู่ที่ ริมฝีพระโอษฐ์ของพระราชา พระโอษฐ์ของพระองค์ไม่บาปในการพิพากษา
11 ตราชูและตาชั่งเที่ยงตรงเป็นของพระเจ้า ลูกตุ้มทั้งสิ้นในถุงเป็นพระราชกิจของพระองค์
12 การกระทำความชั่วร้ายเป็นสิ่งที่น่าเกลียดน่าชังต่อพระราชา เพราะว่าพระที่นั่งนั้นถูกสถาปนาไว้ด้วยความชอบธรรม
13 ริมฝีปากที่ชอบธรรมเป็นที่ปีติยินดีแก่พระราชา และพระองค์ทรงรักบุคคลผู้พูดสิ่งที่ถูก
14 พระพิโรธของพระราชาเป็นผู้สื่อสารของความมรณา แต่ปราชญ์จะระงับเสียได้
15 มีชีวิตในสว่างแห่งพระพักตร์ของพระราชา และในความพอพระทัยของพระองค์ก็เหมือนเมฆ ที่นำฝนหนักปลายฤดูมา
16 ได้ปัญญาก็ดีกว่าได้ทองคำสักเท่าใด ที่จะเลือกเอาความรอบรู้ก็ดีกว่าเงิน
17 ทางหลวงของคนชอบธรรมหันออกจากความชั่วร้าย บุคคลผู้ระแวดระวังทางของตนก็สงวนชีวิตของเขาไว้
18 ความเย่อหยิ่งเดินหน้าการถูกทำลาย และจิตใจที่ยโสนำหน้าการล้ม
19 ที่จะเป็นคนมีใจถ่อมอยู่กับคนยากจน ก็ดีกว่าแบ่งของริบมาได้กับคนเย่อหยิ่ง
20 บุคคลผู้สนใจในพระวจนะจะพบของดี และคนที่วางใจในพระเจ้าจะสุขสบาย
21 คนใจฉลาดเรียกว่าเป็นคนมีความพินิจ และวาจาแช่มชื่นเพิ่มอำนาจ การสั่งสอน
22 ปัญญาเป็นน้ำพุแห่งชีวิต แก่ผู้ที่มีปัญญา แต่ความโง่เป็นการลงโทษแก่คนโง่
23 ใจของปราชญ์กระทำให้วาจาของเขาสุขุม และเพิ่มอำนาจในการสั่งสอนแก่ริมฝีปากของเขา
24 ถ้อยคำแช่มชื่นเหมือนรวงผึ้ง เป็นความหวานแก่วิญญาณจิตและเป็นอนามัยแก่ร่างกาย
25 มีทางหนึ่งซึ่งคนเราคิดว่าถูก แต่มันสิ้นสุดลงที่ทางของความมรณา
26 ความหิวของคนงานทำงานให้เขา เพราะปากของเขากระตุ้นเขาไป
27 คนไร้ค่า ปองทำความชั่ว วาจาของเขาเหมือนอย่างไฟลวก
28 คนตลบตะแลงแพร่การวิวาท และผู้กระซิบก็แยกเพื่อนสนิทออกจากกัน
29 คนทารุณล่อชวนเพื่อนบ้านของเขา และนำเขาไปในทางที่ไม่ดี
30 บุคคลผู้ขยิบตากะแผนงานที่ตลบตะแลง บุคคลผู้เม้มริมฝีปากของเขานำความชั่วร้ายให้เกิดขึ้น
31 ศีรษะที่มีผมหงอกเป็นมงกุฎแห่งศักดิ์ศรี ผู้ดำเนินชีวิตด้วยความชอบธรรมจึงจะหาพบได้
32 บุคคลผู้โกรธช้าก็ดีกว่าคนมีกำลังมาก และบุคคลผู้ปกครองจิตใจของตนเองก็ดีกว่าผู้ที่ตีเมืองได้
33 ฉลากนั้นเขาทอดลงที่ตัก แต่การตัดสินมาจากพระเจ้าทั้งสิ้น

สุภาษิต 17
1 เสบียงกรังหน่อยหนึ่งพร้อมกับความสงบ ดีกว่าเรือนที่มีการเลี้ยงเต็มพร้อมกับการวิวาท
2 ทาสที่กระทำการงานเฉลียวฉลาดจะปกครองบุตรชาย ผู้ประพฤติความละอาย และจะได้ส่วนแบ่งมรดกเท่ากับพวกพี่น้อง
3 เบ้ามีไว้สำหรับเงิน และเตาถลุงมีไว้สำหรับทองคำ และพระเจ้าทรงทดลองใจ
4 ผู้กระทำความชั่วฟังริมฝีปากชั่วร้าย และคนมุสาให้ความสนใจแก่ลิ้นหายนะ
5 บุคคลที่เย้ยหยันคนยากจนก็ดูถูกพระผู้สร้างของเขา บุคคลที่ยินดีเมื่อมีความลำบากยากเย็น จะไม่มีโทษหามิได้
6 หลานๆ เป็นมงกุฎของคนแก่ และศักดิ์ศรีของบุตรชายคือบิดาของเขา
7 วาจาสละสลวยไม่งามแก่คนโง่ฉันใด วาจามุสายิ่งไม่งามแก่เจ้านายฉันนั้น
8 สินบนเหมือนแก้วกายสิทธิ์ในสายตาของผู้ให้ เขาจะหันไปทางไหนก็เจริญรุ่งเรืองทางนั้น
9 บุคคลผู้ให้อภัยการทรยศก็มุ่งจะสร้างมิตรภาพ แต่คนปากโป้งจะทำลายความเป็นมิตร
10 คำขนาบเข้าไปในคนที่มีความเข้าใจ ลึกกว่าเฆี่ยนคนโง่สักร้อยที
11 คนชั่วร้ายก็แสวงแต่การกบฏ แต่จะมีผู้สื่อสารดุร้ายไปสู้เขา
12 ให้คนไปพบแม่หมีที่ลูกถูกขโมยไป ยังดีกว่าไปพบคนโง่ในความโง่ของเขา
13 ถ้าคนหนึ่งคนใดทำชั่วตอบแทนความดี ความชั่วจะไม่พรากจากเรือนของคนนั้น
14 เมื่อเริ่มต้นวิวาทก็เหมือนปล่อยน้ำให้ไหล ฉะนั้นจงเลิกเสียก่อนเกิดการวิวาท
15 บุคคลที่ปล่อยผู้กระทำผิดและบุคคลที่ลงโทษคนชอบธรรม ทั้งสองก็เป็นที่น่าเกลียดน่าชังแก่พระเจ้า
16 ทำไมคนโง่จึงมีเงินในมือเพื่อซื้อปัญญา ในเมื่อเขาไม่มีความคิด
17 มิตรสหายก็มีความรักอยู่ทุกเวลา และพี่น้องก็เกิดมาเพื่อช่วยกันยามทุกข์ยาก
18 คนที่ไม่มีสามัญสำนึกก็ให้คำปฏิญาณ และเป็นผู้รับประกันต่อหน้าเพื่อนบ้านของตน
19 บุคคลผู้รักการทรยศก็รักการวิวาท บุคคลผู้ทำประตูเรือนของเขาให้สูง ก็แสวงการทำลาย
20 ผู้หนึ่งผู้ใดมีใจคดก็ไม่เจริญรุ่งเรือง และผู้ที่ลิ้นตลบตะแลงก็ตกอยู่ในความยากลำบาก
21 บิดาที่มีบุตรชายโฉดก็มีความโศก และบิดาของคนโง่ไม่มีความชื่นบาน
22 ใจร่าเริงเป็นยาอย่างดี แต่จิตใจที่หมดมานะทำให้กระดูกแห้ง
23 คนชั่วร้ายรับสินบนจากอกเสื้อ เพื่อผันแปรทางแห่งความยุติธรรม
24 คนที่มีความเข้าใจมุ่งหน้าของเขาตรงไปสู่ปัญญา แต่ตาของคนโง่อยู่ที่สุดปลายแผ่นดินโลก
25 บุตรชายโง่เป็นที่โศกสลดแก่บิดา และเป็นความขมขื่นแก่สตรีผู้ให้กำเนิด
26 ที่จะปรับคนชอบธรรมก็ไม่ดี ที่จะโบยคนดีก็ผิด
27 บุคคลที่ยับยั้งถ้อยคำของเขาเป็นคนมีความรู้ และบุคคลผู้มีจิตใจเยือกเย็นเป็นคนมีความเข้าใจ
28 ถึงคนโง่หากนิ่งเสียก็นับว่าเป็นคนฉลาด เมื่อเขาหุบริมฝีปากของเขาก็นับว่าเขามีความคิด

สุภาษิต 18
1 คนที่ปลีกตัวไปจากผู้อื่นจงใจกระทำตามใจตนเอง และค้านคติแห่งสติปัญญาทั้งหลาย
2 คนโง่ไม่เพลิดเพลินในความเข้าใจ แต่เพลิดเพลินในการแสดงความคิดเห็นของตนเท่านั้น
3 เมื่อความชั่วร้ายมาถึง ความหมิ่นประมาทก็มาด้วย และความอดสูมากับความไร้เกียรติ
4 คำปากของคนเราเป็นน้ำลึก น้ำพุแห่งปัญญาเหมือนลำธารน้ำเชี่ยว
5 ที่จะลำเอียงเข้าข้างคนชั่วร้ายนั้นไม่ดี หรือจะบังคับคนชอบธรรมเรื่องความชอบธรรมก็ไม่ดีด้วย
6 ริมฝีปากของคนโง่นำการวิวาทมา และปากของเขาก็เชื้อเชิญการโบย
7 ปากของคนโง่เป็นสิ่งทำลายตัวเขาเอง และริมฝีปากของเขาก็เป็นบ่วงดักตนเอง
8 ถ้อยคำของผู้กระซิบนินทาก็เหมือนชิ้นอาหารอร่อย มันล่วงเข้าไปยังส่วนต่างๆของร่างกาย
9 บุคคลที่หย่อนยานในการงาน ก็เป็นพี่น้องกับคนเจ้าทำลาย
10 พระนามของพระเจ้าเป็นป้อมเข้มแข็ง คนชอบธรรมวิ่งเข้าไปในนั้นและปลอดภัย
11 ทรัพย์ศฤงคารของเศรษฐีเป็นเมืองเข้มแข็งของเขา และเป็นเหมือนกำแพงสูงตามความคิดเห็นของเขา
12 ใจของคนก็จองหองก่อนถึงการถูกทำลาย แต่ความถ่อมใจเดินอยู่หน้าเกียรติ
13 ถ้าคนหนึ่งคนใดตอบก่อนที่เขาได้ยิน ก็เป็นความโง่และความอับอายของเขา
14 จิตใจของคนจะทนต่อความเจ็บป่วยได้ แต่จิตใจที่ชอกช้ำใครจะทนได้เล่า
15 ใจที่มีความคิดย่อมหาความรู้ และหูของปราชญ์แสวงความรู้
16 ของกำนัลของผู้หนึ่งผู้ใดย่อมเปิดทางให้ผู้นั้น และนำเขามาถึงคนใหญ่คนโต
17 บุคคลผู้แถลงคดีของตนก่อนก็ดูเหมือนเป็นฝ่ายถูก จนกว่าฝ่ายตรงข้ามจะมาสอบสวนเขา
18 การจับฉลากกระทำให้การทะเลาะสิ้นสุด และตัดสินคู่โต้แย้งที่มีกำลัง
19 พี่น้องที่ได้รับความช่วยเหลือก็เหมือนเมืองที่เข้มแข็ง และการทะเลาะวิวาทเหมือนดาลที่ป้อมปราการ
20 ท้องจะอิ่มก็จากผลแห่งปากของเขา เขาหนำใจเพราะผลอันเกิดจากริมฝีปากของตน
21 ความตายความเป็น อยู่ที่อำนาจของลิ้น และบรรดาผู้ที่รักมันก็จะกินผลของมัน
22 บุคคลที่พบภรรยาก็พบของดี และได้ความโปรดปรานจากพระเจ้า
23 คนยากจนใช้คำวิงวอน แต่คนมั่งคั่งตอบเสียงห้วนๆ
24 มีเพื่อนที่แสร้งทำเป็นเพื่อน แต่มีมิตรบางคนที่ใกล้ชิดยิ่งกว่าพี่น้อง

สุภาษิต 19
1 คนยากจนผู้ดำเนินในความสัตย์ซื่อของเขา ดีกว่าคนตลบตะแลงซึ่งเป็นคนโง่
2 คนที่ไม่มีความรู้ก็ไม่ดี และบุคคลที่เร่งเท้าหนักก็มักพลาดผิด
3 เมื่อความโง่ของคนใดนำความพินาศมาถึงเขา ใจของเขาก็เกรี้ยวกราดต่อพระเจ้า
4 ทรัพย์ศฤงคารเพิ่มเพื่อนเป็นอันมาก แต่คนยากจนก็ถูกเพื่อนของเขาร้างไป
5 พยานเท็จจะไม่ได้รับโทษหามิได้ และบุคคลผู้เปล่งคำมุสาจะหนีไม่พ้น
6 คนเป็นอันมากเอาอกเอาใจคนใจกว้าง และทุกคนก็เป็นมิตรกับคนที่ให้ของกำนัล
7 พวกพี่น้องของคนยากจนก็ยังเกลียดเขา มิตรของเขาจะยิ่งไกลจากเขาสักเท่าใด เขาพยายามพูด แต่ไม่มีใครยอมฟัง
8 บุคคลที่ได้ปัญญาก็รักตนเอง บุคคลผู้รักษาความเข้าใจไว้จะจำเริญรุ่งเรือง
9 พยานเท็จจะไม่รับโทษหามิได้ และบุคคลที่เปล่งคำมุสาจะพินาศ
10 ที่คนโง่จะอยู่อย่างฟุ่มเฟือยก็ไม่เหมาะอยู่แล้ว ที่ทาสจะปกครองเจ้านายก็ยิ่งไม่เหมาะมากกว่านั้นอีก
11 สามัญสำนึกที่ดีกระทำให้คนโกรธช้า และที่มองข้ามการทรยศไปเสียก็เป็นศักดิ์ศรีแก่เขา
12 พระพิโรธของพระราชาเหมือนเสียงคำรามของสิงห์หนุ่ม แต่ความโปรดปรานของพระองค์เหมือนน้ำค้างบนผักหญ้า
13 บุตรโง่เขลาเป็นความพินาศของบิดาของเขา และการทะเลาะวิวาทของภรรยาก็เหมือนน้ำฝนย้อยหยดไม่หยุด
14 เรือนและทรัพย์ศฤงคารเป็นมรดกมาจากบิดา แต่ภรรยาที่หยั่งรู้ก็มาจากพระเจ้า
15 ความเกียจคร้านทำให้หลับสนิท และคนขี้เกียจจะต้องหิว
16 บุคคลที่รักษาพระบัญญัติก็รักษาชีวิตของตน บุคคลที่ดูหมิ่นพระวจนะก็จะถึงตาย
17 บุคคลที่เอ็นดูคนยากจนก็ให้พระเจ้าทรงยืม และพระองค์จะทรงตอบแทนแก่การกระทำของเขา
18 จงตีสอนบุตรชายของตนเมื่อยังมีความหวัง อย่าจงใจให้เขาถึงพินาศไป
19 คนที่โมโหฉุนเฉียวจะต้องได้รับโทษ เพราะถ้าเจ้าช่วยกู้เขาแล้ว ก็ต้องช่วยกู้เขาอีก
20 จงฟังคำแนะนำและรับคำเตือนสติ เพื่อเจ้าจะได้ปัญญาสำหรับอนาคต
21 ในใจของมนุษย์มีแผนงานเป็นอันมาก แต่พระประสงค์ของพระเจ้านั่นแหละ จะดำรงอยู่ได้
22 สิ่งที่น่าปรารถนาในตัวมนุษย์คือความจงรักภักดี และคนยากจนยังดีกว่าคนมุสา
23 ความยำเกรงพระเจ้านำไปสู่ชีวิต และบุคคลผู้ได้รับแล้วก็หยุดด้วยความพอใจ จะไม่มีอันตรายใดมาเยี่ยมกรายเขา
24 คนเกียจคร้านฝังมือของตัวไว้ในชาม และไม่ยอมแม้แต่จะนำอาหารมาสู่ปากของตน
25 จงตีคนที่มักเยาะเย้ย และคนเขลาจะเรียนความหยั่งรู้เอง จงตักเตือนคนที่มีความเข้าใจและเขาจะได้ความรู้
26 บุคคลผู้ทำทารุณแก่บิดาของเขาและขับไล่ มารดาของเขาไปเสีย เป็นบุตรชายผู้ก่อให้เกิดความอับอายและการถูกตำหนิ
27 บุตรชายเอ๋ย ผู้ที่เลิกรักษาคำสั่งสอนของบิดา จะหลงไปจากคำที่มีปัญญา
28 พยานที่ไร้ค่าก็เยาะเย้ยความยุติธรรม และปากของคนชั่วร้ายก็กลืนกินแต่ความบาปผิด
29 การปรับโทษมีพร้อมอยู่สำหรับคนมักเยาะเย้ย และการโบยก็สำหรับหลังของคนโง่

สุภาษิต 20
1 เหล้าองุ่นให้เกิดการเยาะเย้ย และสุราก็ให้เกิดเป็นพาลเกเร ผู้ใดยอมให้มันพาเจิ่นไป ก็ไม่เป็นคนฉลาด
2 ความพิโรธอันน่าครั่นคร้ามของพระราชา ก็เหมือนสิงห์หนุ่มคำราม ผู้ใดยั่วเย้าพระองค์ให้กริ้วก็เสี่ยงชีวิตของตนเอง
3 ที่จะรักษาตนให้พ้นการวิวาทก็เป็นเกียรติ แต่คนโง่ทุกคนจะทะเลาะวิวาทกัน
4 คนเกียจคร้านไม่ไถนาในหน้านา เขาจะแสวงหาเมื่อถึงฤดูเกี่ยวแต่ไม่พบอะไรเลย
5 ความประสงค์ในใจของคนเหมือนน้ำลึก แต่คนที่มีความเข้าใจจะสามารถโพงมันออกมาได้
6 คนเป็นอันมากป่าวร้องความจงรักภักดีของเขาเอง แต่ใครจะหาคนสัตย์ซื่อพบเล่า
7 คนชอบธรรมผู้ดำเนินในความสัตย์ซื่อของตน บุตรชายของเขาที่เกิดตามเขามาย่อมได้รับพร
8 พระราชาผู้ประทับบนบัลลังก์พิพากษา ย่อมทรงฝัดความชั่วออกด้วยพระเนตรของพระองค์
9 ผู้ใดจะกล่าวได้ว่า "ข้าพเจ้าได้กระทำใจของข้าพเจ้าให้สะอาดแล้ว ข้าพเจ้าบริสุทธิ์พ้นบาปของข้าพเจ้า"
10 ลูกตุ้มฉ้อและเครื่องตวงโกง ทั้งสองเป็นที่น่าเกลียดน่าชังแก่พระเจ้าเหมือนๆกัน
11 แม้เด็กๆก็แสดงตัวโดยการประพฤติของเขา ว่าสิ่งที่เขากระทำจะบริสุทธิ์และถูกต้องหรือไม่
12 หูที่ฟังได้และตาที่มองเห็น พระเจ้าทรงสร้างมันทั้งสอง
13 อย่ารักการหลับใหล เกรงว่าเจ้าจะมาถึงความยากจน จงลืมตาของเจ้า และเจ้าจะได้กินอิ่ม
14 ผู้ซื้อพูดว่า "เลว เลว" แต่เมื่อเขาไปแล้วเขาจึงอวด
15 มีทองคำและทับทิมมีค่าเป็นอันมาก แต่ริมฝีปากที่มีความรู้ก็เป็นเพชรนิลจินดาประเสริฐ
16 จงยึดเสื้อผ้าของเขาไว้ เมื่อเขาเป็นประกันให้คนอื่น และยึดตัวเขาไว้ เมื่อเขาประกันคนต่างด้าว
17 อาหารที่ได้มาด้วยการหลอกลวงมีรสหวานแก่ผู้ได้มา แต่ภายหลังปากของเขาจะมีแต่กรวด
18 แผนงานดำรงอยู่ได้ด้วยการปรึกษาหารือ จงทำสงครามด้วยมีการนำที่ฉลาด
19 บุคคลที่เที่ยวซุบซิบไปก็เผยความลับให้กระจาย ฉะนั้นอย่าเข้าสังคมกับคนปากบอน
20 ถ้าคนหนึ่งคนใดแช่งบิดาหรือมารดาของตน ประทีปของเขาจะดับมืดมิด
21 มรดกที่ได้รับมาอย่างชิงสุกก่อนห่าม ที่สุดปลายก็ไม่เป็นมงคล
22 อย่าพูดว่า "ข้าจะแก้แค้นความชั่ว" จงรอคอยพระเจ้า พระองค์จะทรงช่วยเจ้า
23 ลูกตุ้มฉ้อฉลเป็นที่น่าเกลียดน่าชังแก่พระเจ้า และตราชูที่โกงก็เลวพอๆกัน
24 ย่างเท้าของมนุษย์นั้นพระเจ้าทรงเป็นผู้สั่ง แล้วคนจะเข้าใจทางของเขาเองได้อย่างไร
25 ที่คนจะพูดพล่อยๆว่า "นี่เป็นของบริสุทธิ์" ก็เป็นบ่วงดักตนเอง แล้วจะมาคิดได้เมื่อปฏิญาณไปแล้ว
26 พระราชาที่ฉลาดย่อมฝัดคนชั่วร้าย แล้วทรงขับกงจักรทับเขา
27 มโนธรรมของมนุษย์เป็นประทีปของพระเจ้า ส่องดูส่วนลึกที่สุดของเขาทั้งสิ้น
28 ความจงรักภักดีและความซื่อสัตย์สงวนพระราชาไว้ และความชอบธรรมก็เชิดชูพระที่นั่งของพระองค์ไว้
29 ศักดิ์ศรีของคนหนุ่ม คือกำลังของเขา แต่ความงามของคนแก่คือผมหงอกของเขา
30 การเฆี่ยนที่ให้เป็นบาดแผล ก็ชำระความชั่วเสีย การโบยตีกระทำให้ส่วนลึกที่สุดสะอาดสะอ้าน

สุภาษิต 21
1 พระทัยพระราชาเป็นเหมือนธารน้ำในพระหัตถ์ของพระเจ้า พระเจ้าจะหันไปไหนๆ ตามแต่พระองค์ทรงโปรด
2 ทางของคนทุกทางก็ถูกต้องในสายตาของตน แต่พระเจ้าทรงชั่งใจ
3 ที่จะกระทำความชอบธรรมและความยุติธรรม ก็เป็นที่โปรดปรานแด่พระเจ้ามากกว่าเครื่องสักการบูชา
4 ตา ยโส และใจเย่อหยิ่ง ประทีปของคนชั่วร้ายเป็นบาป
5 แผนงานของคนขยันขันแข็งนำสู่ความอุดมแน่นอน แต่ทุกคนที่เร่งร้อนก็มาสู่ความขัดสนเท่านั้น
6 การได้คลังทรัพย์มาด้วยลิ้นมุสา ก็คือการไล่จับของอนิจจังจนติดบ่วงความตาย
7 ความทารุณของคนชั่วร้ายจะกวาดเขาไป เพราะเขาปฏิเสธไม่ยอมทำสิ่งที่ยุติธรรม
8 ทางของคนที่มีกรรมชั่วนั้นคด แต่ความประพฤติของผู้บริสุทธิ์นั้นถูกต้อง
9 อยู่ที่มุมบนหลังคาเรือน ดีกว่าอยู่ในเรือนร่วมกับหญิงขี้ทะเลาะ
10 วิญญาณของคนชั่วร้ายปรารถนาความชั่ว เพื่อนบ้านของเขาไม่มีความกรุณาในหน่วยสายตาของเขา
11 เมื่อคนมักเยาะเย้ยถูกลงโทษ คนเขลาก็ฉลาดขึ้น เมื่อปราชญ์ได้รับการสั่งสอนเขาก็ได้ความรู้
12 คนชอบธรรมสังเกตดูเรือนของคนชั่วร้าย คนชั่วร้ายก็ถูกเหวี่ยงลงถึงความพินาศ
13 บุคคลผู้อุดหูไม่ฟังเสียงร้องของคนยากจน ตัวเขาเองจะร้องและไม่มีใครได้ยิน
14 ให้ของกำนัลในที่ลับย่อมแปรความโกรธ ให้สินบนในอกก็แปรการพิโรธร้าย
15 เมื่อกระทำการยุติธรรม ก็เป็นการชื่นบานแก่คนชอบธรรม แต่เป็นความพินาศแก่คนกระทำชั่ว
16 ผู้ใดที่หันเหไปจากทางแห่งความเข้าใจ จะพักอยู่ในที่ประชุมของคนตาย
17 บุคคลที่รักความเพลิดเพลินจะเป็นคนยากจน บุคคลที่รักเหล้าองุ่นและน้ำมัน จะไม่มั่งคั่ง
18 คนชั่วร้ายเป็นค่าไถ่สำหรับคนชอบธรรม และคนที่ไม่ซื่อก็สำหรับคนเที่ยงธรรม
19 อยู่ในแผ่นดินทุรกันดาร ดีกว่าอยู่กับผู้หญิงที่ขี้ทะเลาะและจู้จี้ขี้บ่น
20 คลังทรัพย์ประเสริฐและน้ำมันมีอยู่ในที่อาศัยของคนฉลาด แต่คนโง่กินมันหมด
21 บุคคลผู้ตามติดความชอบธรรมและความเอ็นดู จะพบชีวิตและความชอบธรรมกับเกียรติยศ
22 ปราชญ์ที่ปีนเข้าไปในเมืองของคนที่มีกำลัง และพังทลายที่กำบังเข้มแข็งที่เขาไว้วางใจ
23 บุคคลที่รักษาปากและลิ้นของตน ก็รักษาตัวเขาเองให้พ้นความลำบาก
24 "คนมักเยาะเย้ย" เป็นชื่อของคนเย่อหยิ่งและคนจองหอง ผู้ประพฤติตัวด้วยความเย่อหยิ่งยโส
25 ความปรารถนาของคนเกียจคร้านฆ่าตัวเขาเอง เพราะมือของเขาปฏิเสธไม่ทำงาน
26 คนโลภก็โลภอยู่วันยังค่ำ แต่คนชอบธรรมให้และไม่หน่วงเหนี่ยวไว้
27 เครื่องสักการบูชาของคนชั่วร้ายเป็นสิ่งน่าเกลียดน่าชัง เมื่อเขานำมาด้วยความตั้งใจชั่วจะยิ่งกว่านั้นสักเท่าใด
28 พยานเท็จจะต้องพินาศ แต่ถ้อยคำของคนที่เชื่อฟังจะยังคงอยู่
29 คนชั่วร้ายทำให้หน้าของตนด้านไป แต่คนเที่ยงธรรม พิเคราะห์ดูทางของตน
30 ปัญญาก็ดี ความเข้าใจก็ดี คำปรึกษาก็ดี จะเอาชนะพระเจ้าไม่ได้
31 ม้าก็เตรียมไว้พร้อมแล้วสำหรับวันสงคราม แต่ความมีชัยเป็นของพระเจ้า

สุภาษิต 22
1 ชื่อเสียงดีเป็นสิ่งควรเลือกยิ่งกว่าความมั่งคั่งมากมาย และซึ่งเป็นที่โปรดปราน ก็ดีกว่ามีเงินหรือทอง
2 คนมั่งคั่งและยากจนประชุมพร้อมกัน พระเจ้าทรงสร้างเขาทั้งสิ้น
3 คนหยั่งรู้เห็นอันตรายและซ่อนตัวของเขาเสีย แต่คนเขลาเดินเรื่อยไป และรับอันตรายนั้น
4 บำเหน็จของความถ่อมใจและความยำเกรงพระเจ้า คือความมั่งคั่งเกียรติและชีวิต
5 หนามและบ่วงอยู่ในทางของคนตลบตะแลง บุคคลที่ระแวดระวังตนเองจะอยู่ไกลเสียจากสิ่งเหล่านี้
6 จงฝึกเด็กในทางที่เขาควรจะเดินไป และเมื่อเขาเป็นผู้ใหญ่แล้วเขาจะไม่พรากจากทางนั้น
7 คนมั่งคั่งปกครองเหนือคนยากจน และคนขี้ยืมก็เป็นทาสของคนให้ยืม
8 บุคคลผู้หว่านอยุติธรรม จะเกี่ยวความหายนะ และไม้ถือแห่งความดุเดือดของเขาจะล้มเหลว
9 บุคคลที่มีตาแสดงใจกว้างขวางก็จะรับพร เพราะเขาแบ่งส่วนอาหารของเขาแก่คนยากจน
10 จงขับคนมักเยาะเย้ยออกไปเสียแล้วการวิวาทจะหมดไป การวิวาทและการดูแคลนจะหยุดลง
11 บุคคลที่รักใจบริสุทธิ์ และวาจาของเขามีกรุณาคุณจะได้พระราชาเป็นมิตร
12 พระเนตรของพระเจ้าเฝ้าอยู่เหนือความรู้ แต่พระองค์ทรงคว่ำถ้อยคำของคนไร้ความเชื่อเสีย
13 คนเกียจคร้านกล่าวว่า "มีสิงห์อยู่ข้างนอก ข้าจะถูกฆ่าที่ลานเมือง"
14 ปากของหญิงชั่วเป็นหลุมลึก บุคคลซึ่งพระเจ้าทรงพระพิโรธจะตกลงในที่นั้น
15 ความโง่มักอยู่ในใจของเด็ก แต่ไม้เรียวที่ตีสอนก็ขับมันให้ห่างไปจากเขา
16 บุคคลผู้บีบบังคับคนยากจนเพื่อเพิ่มทรัพย์ศฤงคารของตน หรือเพิ่มให้แก่คนมั่งคั่ง จะมาถึงความขัดสนเท่านั้น หลักธรรมและคำตักเตือน
17 เอียงหูของเจ้าและฟังถ้อยคำของปราชญ์ และเอาใจใส่ความรู้ของเรา
18 เพราะถ้าเจ้ารักษาถ้อยคำและความรู้นั้นไว้ในตัวเจ้า และพร้อมที่จะพูดคำเหล่านั้นเสมอ มันจะเป็นความชื่นใจแก่เจ้า
19 เพื่อความไว้วางใจของเจ้าจะอยู่ในพระเจ้า เราให้แจ้งประจักษ์แก่เจ้าในวันนี้แม้แก่ตัวเจ้าเอง
20 เราได้เขียนให้เจ้าถึงสามสิบข้อ ถึงเรื่องการทักท้วงและความรู้แล้วมิใช่หรือ
21 เพื่อสำแดงแก่เจ้าว่าสิ่งใดถูกและจริง เพื่อเจ้าจะได้ให้คำตอบที่จริงแก่ผู้ที่ใช้เจ้าไป
22 อย่าปล้นคนยากจน เพราะเขาเป็นคนยากจน หรือบีบคั้นคนทุกข์ใจที่ประตูเมือง
23 เพราะว่าพระเจ้าจะทรงว่าความแทนเขา และริบชีวิตของผู้ที่ริบเขา
24 อย่าเป็นมิตรกับคนที่มักโกรธ หรือไปกับคนขี้โมโห
25 เกรงว่าเจ้าจะเรียนรู้ทางของเขา และพัวพันตัวเจ้าเข้าในบ่วง
26 อย่าเป็นพวกที่ตกปากลงคำ อย่าเป็นพวกผู้เป็นประกันหนี้สิน
27 ถ้าเจ้าไม่มีอะไรชำระเขา ทำไมจึงควรให้เขาเอาที่นอนไปจากใต้ตัวเจ้าเล่า
28 อย่าย้ายหลักเขตเก่าแก่ ซึ่งบรรพบุรุษของเจ้าได้ปักไว้
29 เจ้าเห็นคนที่มีฝีมือในงานของเขาหรือ เขาจะได้เข้าเฝ้าพระราชา เขาจะยืนอยู่ต่อหน้าคนที่มีชื่อเสียง

สุภาษิต 23
1 เมื่อเจ้านั่งลงรับประทานกับผู้ครอบครองบ้านเมือง จงสังเกตให้ดีว่าอะไรอยู่ข้างหน้าเจ้า
2 ถ้าเจ้าเป็นคนตะกละ เจ้าจงจ่อมีดไว้ที่คอของเจ้า
3 อย่าปรารถนาของโอชะของท่าน เพราะมันเป็นอาหารที่หลอกลวง
4 อย่าทำงานเพื่อเห็นแก่ทรัพย์ศฤงคาร จงฉลาดพอที่จะยับยั้งไว้
5 เจ้าจะเพ่งตาของเจ้าอยู่ที่ของอนิจจังหรือ เพราะทรัพย์สมบัติมีปีกแน่นอนทีเดียว มันจะบินไปในท้องฟ้าเหมือนนกอินทรี
6 อย่ากินอาหารของคนที่ตระหนี่ อย่าปรารถนาของโอชะของเขา
7 เพราะเขาเป็นเหมือนคนที่คอยนับอยู่ข้างใน เขาพูดกับเจ้าว่า "จงกินและดื่มเถิด" แต่ใจของเขามิได้อยู่กับเจ้า
8 เจ้าจะต้องสำรอกอาหารซึ่งเจ้าได้กินเข้าไปนั้น และเสียถ้อยคำแช่มชื่นของเจ้าเสียเปล่าๆ
9 อย่าพูดให้คนโง่ได้ยิน เพราะเขาจะดูหมิ่นปัญญาแห่งถ้อยคำของเจ้า
10 อย่าโยกย้ายเสาเขตเก่าแก่ หรือเข้าไปในไร่นาของคนกำพร้า
11 เพราะพระผู้ไถ่ของเขาแข็งแรง พระองค์จะว่าคดีของเขาต่อสู้เจ้า
12 จงเอาใจของเจ้ารับคำสั่งสอน และเอาหูของเจ้ารับถ้อยคำแห่งความรู้
13 อย่ายับยั้งการตีสอนเสียจากเด็ก ถ้าเจ้าตีเขาด้วยไม้เรียว เขาจะไม่ตาย
14 ถ้าเจ้าตีเขาด้วยไม้เรียว เจ้าจะช่วยชีวิตของเขาให้รอดจากแดนผู้ตาย
15 บุตรชายของเราเอ๋ย ถ้าใจของเจ้าฉลาด ใจของเราเองก็จะยินดี
16 วิญญาณของเราจะเปรมปรีดิ์ เมื่อริมฝีปากของเจ้าพูดสิ่งที่ถูกต้อง
17 อย่าให้ใจของเจ้าริษยาคนบาป แต่จงดำเนินในความยำเกรงพระเจ้าวันยังค่ำ
18 มีอนาคตแน่นอนทีเดียว และความหวังของเจ้าจะมิได้ถูกตัดออก
19 บุตรชายของเราเอ๋ย จงฟัง และจงฉลาดเถิด และนำใจของเจ้าไปในทางนั้น
20 อย่าอยู่ท่ามกลางคนดื่มเหล้าองุ่น หรือท่ามกลางคนตะกละที่กินเนื้อ
21 เพราะคนขี้เมาและคนตะกละจะมาถึงความยากจน และความง่วงเหงาจะเอาผ้าขี้ริ้วห่มคนนั้น
22 จงฟังบิดาของเจ้าผู้ให้กำเนิดเจ้า และอย่าดูหมิ่นมารดาของเจ้าเมื่อนางแก่
23 จงซื้อความจริงและอย่าขายไปเสีย จงซื้อปัญญา วินัย และความรอบรู้
24 บิดาของคนชอบธรรมจะเปรมปรีดิ์อย่างยิ่ง บุคคลผู้ให้เกิดบุตรชายที่ฉลาดจะยินดีด้วยกันกับเขา
25 จงให้บิดามารดาของเจ้ายินดี จงให้ผู้ที่คลอดเจ้าเปรมปรีดิ์
26 บุตรชายของเราเอ๋ย ขอใจของเจ้าให้เราเถอะ และให้ตาของเจ้า สังเกตดู ทางของเรา
27 เพราะหญิงแพศยาเป็นหลุมลึก และหญิงสัญจรเป็นเหมือนบ่อแคบ
28 นางหมอบคอยอยู่เหมือนโจร และเพิ่มคนที่ไม่ซื่อขึ้นท่ามกลางมนุษย์
29 ใครที่ร้องโอย ใครที่ร้องอุย ใครที่มีการวิวาท ใครที่มีการร้องคราง ใครที่มีบาดแผลปราศจากเหตุ ใครที่มีตาแดง
30 คือบรรดาผู้ที่นั่งแช่อยู่กับเหล้าองุ่น บรรดาผู้ที่ไปทดลองเหล้าประสม
31 อย่ามองดูเหล้าองุ่นเมื่อมันมีสีแดง เมื่อเป็นประกายในถ้วย และลงไปคล่องๆ
32 ณ ที่สุดมันกัดเหมือนงู และมันฉกเอาเหมือนงูทับทาง
33 ตาของเจ้าจะเห็นสิ่งแปลกๆ และใจของเจ้าจะพูดตลบตะแลง
34 เจ้าจะเป็นเหมือนคนที่นอนอยู่กลางทะเล อย่างคนที่นอนอยู่บนเสากางใบ
35 เจ้าจะว่า "เขาตีข้าแต่ข้าไม่เจ็บ เขาทุบข้า แต่ข้าไม่รู้สึก ข้าจะตื่นเมื่อไรหนอ ข้าจะแสวงการดื่มอีก"

สุภาษิต 24
1 อย่าคิดริษยาคนชั่ว หรือปรารถนาอยู่ร่วมกับเขา
2 เพราะว่าใจของเขาคิดประกอบการทารุณ และริมฝีปากของเขาพูดการประทุษร้าย
3 เรือนนั้นเขาสร้างกันด้วยปัญญา และสถาปนามันไว้ด้วยความเข้าใจ
4 โดยความรู้บรรดาห้องก็เต็มไปด้วยความมั่งคั่ง ล้วนประเสริฐและเพลิดเพลินทั้งสิ้น
5 คนฉลาดมีกำลังมาก และคนมีความรู้ก็เพิ่มกำลังขึ้น
6 เพราะว่าโดยการนำที่ฉลาด เจ้าก็เข้าสงครามได้ และด้วยมีที่ปรึกษามากๆ ก็มีชัยชนะ
7 สำหรับคนโง่นั้นปัญญาสูงเกินไป ที่ประตูเมืองเขาไม่อ้าปากพูด
8 บุคคลผู้กะแผนงานทำความชั่ว เขาเรียกกันว่าคนเจ้าเล่ห์
9 การคิดประดิษฐ์ความโง่เป็นบาป และคนมักเยาะเย้ยเป็นที่น่าเกลียดน่าชังแก่มนุษย์
10 ถ้าเจ้าท้อใจในวันเคราะห์ร้าย กำลังของเจ้าก็น้อย
11 จงช่วยบรรดาผู้ที่ถูกนำไปสู่ความมรณา จงช่วยยึดบรรดาผู้ที่ตุปัดตุเป๋ไปเพื่อถูกฆ่า
12 ถ้าเจ้าจะว่า "ดูเถิด เราไม่รู้เรื่องนี้เลย" พระองค์ผู้ทรงชั่งใจจะไม่ทรงเพ่งเล็งเห็นหรือ พระองค์ผู้ทรงเฝ้าวิญญาณอยู่เหนือเจ้าจะไม่ทราบหรือ และพระองค์จะไม่ทรงเรียกเอาจากคนตามการ กระทำของเขาหรือ
13 บุตรชายของเราเอ๋ย จงรับประทานน้ำผึ้งเพราะเป็นของดี และน้ำผึ้งที่หยดจากรวงนั้นมีรสหวาน
14 จงรู้เถอะว่าปัญญาก็เป็นเช่นนั้นแก่วิญญาณ ถ้าเจ้าพบปัญญา ก็จะมีอนาคต และความหวังของเจ้าจะไม่ถูกตัดออก
15 อย่าหมอบคอยอย่างคนชั่วร้ายเพื่อต่อสู้กับที่อาศัย ของคนชอบธรรม อย่าทำทารุณแก่เรือนของเขา
16 เพราะคนชอบธรรมล้มลงเจ็ดครั้งแล้วก็ลุกขึ้นอีก แต่คนชั่วร้ายจะถูกความลำบากยากเย็นคว่ำลง
17 อย่าเปรมปรีดิ์เมื่อศัตรูของเจ้าล้ม และอย่าให้ใจของเจ้ายินดีเมื่อเขาสะดุด
18 เกรงว่าพระเจ้าจะทอดพระเนตรและไม่ทรงพอพระทัย และทรงหันความกริ้วจากเขาเสีย
19 เจ้าอย่ากระวนกระวายเพราะคนกระทำบาป และอย่ามีใจริษยาคนชั่วร้าย
20 เพราะคนชั่วไม่มีอนาคต ประทีปของคนชั่วร้ายจะถูกดับเสีย
21 บุตรชายของเราเอ๋ย จงยำเกรงพระเจ้าและพระราชา อย่าขัดพระทัยของทั้งสองพระองค์เลย
22 เพราะภัยพิบัติจากพระองค์ทั้งสองจะอุบัติขึ้นโดยพลัน และผู้ใดจะทราบถึงความพินาศที่จะมาจากพระองค์ทั้งสอง
23 ข้อความเหล่านี้เป็นคำกล่าวของปราชญ์ด้วย การลำเอียงในการตัดสินนั้นไม่ดีเลย
24 บุคคลผู้กล่าวแก่คนชั่วร้ายว่า "เจ้าไร้ความผิด" จะถูกชนชาติทั้งหลายแช่งและประชาชาติรังเกียจ
25 แต่บรรดาผู้ขนาบเขาจะมีความปีติยินดี และพรอันดีจะมีอยู่กับเขา
26 ผู้ให้คำตอบที่ถูก จะจุบริมฝีปาก
27 จงเตรียมงานของเจ้าที่ภายนอก ทำทุกอย่างของเจ้าให้พร้อมที่ในนา และหลังจากนั้นก็จงสร้างเรือนของเจ้า
28 อย่าเป็นพยานปรักปรำเพื่อนบ้านของเจ้าอย่างไม่มีเหตุ และอย่าล่อลวงด้วยริมฝีปากของเจ้า
29 อย่ากล่าวว่า "ข้าจะทำแก่เขาอย่างที่เขาได้ทำแล้วแก่ข้า ข้าจะทำตอบแก่เขาอย่างที่เขาได้กระทำ"
30 เราผ่านไปที่ไร่นาของคนเกียจคร้าน ข้างสวนองุ่นของคนที่ไร้สามัญสำนึก
31 และนี่แน่ะ มีตำแยงอกเต็มไปหมด และแผ่นดินก็เต็มไปด้วยต้นเหงือกหนาม และกำแพงหินของมันก็พังลง
32 แล้วเราได้เห็นและพิเคราะห์ดู เรามองดูและได้รับคำสั่งสอน
33 "หลับนิด เคลิ้มหน่อย กอดมือพักนิดหน่อย"
34 แล้วความจนจะมาหาเจ้าอย่างขโมย ความขัดสนอย่างคนถืออาวุธ

สุภาษิต 25
1 ต่อไปนี้เป็นสุภาษิตของซาโลมอนด้วยเหมือนกัน ซึ่งคนของเฮเซคียาห์ พระราชาแห่งยูดาห์ได้คัดลอกไว้
2 ความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าคือการซ่อนสิ่งต่างๆไว้ แต่ศักดิ์ศรีของพระราชา คือการค้นสิ่งต่างๆให้ปรากฏ
3 ฟ้าสวรรค์สูงฉันใด และแผ่นดินโลกลึกฉันใด พระทัยของพระราชาก็เหลือจะหยั่งรู้ฉันนั้น
4 จงไล่ขี้ออกจากเงินเสีย แล้วจะมีวัสดุสำหรับช่างทำขัน
5 จงไล่คนชั่วร้ายออกไปเสียจากพระพักตร์พระราชา และพระที่นั่งของพระองค์จะสถาปนาไว้ด้วยความชอบธรรม
6 อย่าเอาตัวเจ้าขึ้นมาข้างหน้าต่อพระพักตร์พระราชา หรือยืนอยู่ในที่ของผู้หลักผู้ใหญ่
7 เพราะที่จะให้เขาว่า "เชิญมาที่นี่" ก็ดีกว่าถูกไล่ลงไปที่ต่ำต่อหน้าเจ้านาย สิ่งที่ตาของเจ้านายเห็น
8 อย่าด่วนนำเข้ามายังโรงศาล เพราะเมื่อเพื่อนบ้านของเจ้าทำให้เจ้าได้อายแล้ว ในที่สุดเจ้าจะทำอย่างไร
9 จงตกลงเรื่องของเจ้ากับเพื่อนบ้านของเจ้า และอย่าทำให้เผยความลับของเขา
10 เกรงว่าผู้ที่ได้ยินจะนำความอายมาสู่เจ้า และชื่อเสียงของเจ้าจะมัวหมองอยู่นาน
11 ถ้อยคำที่พูดเหมาะๆ จะเหมือนลูกท้อทองคำล้อมเงิน
12 คนตักเตือนที่ฉลาดกับหูที่คอยฟัง ก็เหมือนแหวนหรืออาภรณ์ทองคำ
13 หิมะให้ความเย็นในฤดูเกี่ยวอย่างไร ผู้สื่อสารที่ซื่อสัตย์ย่อมทำให้จิตวิญญาณของนายผู้ใช้ เขาชุ่มชื่นอย่างนั้น
14 คนที่อวดว่าจะให้ของกำนัลแต่มิได้ให้ ก็เหมือนเมฆและลมที่ไม่มีฝน
15 ความพากเพียรอาจจะชักนำผู้ครอบครองได้ และลิ้นที่อ่อนหวานอาจจะโน้มน้าวจิตใจให้อ่อนลงได้
16 ถ้าเจ้าพบน้ำผึ้ง จงกินแต่พอดี เกรงว่าเจ้าจะอิ่มและอาเจียนออกมา
17 จงให้เท้าของเจ้าอยู่ในเรือนเพื่อนบ้านของเจ้านานๆหนหนึ่ง เกรงว่าเขาจะเหน็ดเหนื่อยเพราะเจ้า และเกลียดชังเจ้า
18 คนใดที่เป็นพยานเท็จกล่าวโทษเพื่อนบ้านของเขา ก็เหมือนกระบองศึก หรือดาบหรือลูกธนูที่คม
19 การวางใจในคนที่ไม่ซื่อในยามลำบาก ก็เหมือนฟันที่เสียหรือเท้าที่เคล็ด
20 บรรดาคนที่ร้องเพลงให้คนหนักใจฟัง ก็เหมือนคนถอดเครื่องแต่งกายออกในวันที่อากาศหนาว และเหมือนเอาน้ำส้มมาราดบนแผล
21 ถ้าศัตรูของเจ้าหิว จงให้อาหารเขารับประทาน และถ้าเขากระหาย จงให้น้ำเขาดื่ม
22 เพราะเจ้าจะกองถ่านที่ลุกโพลงไว้บนศีรษะของเขา และพระเจ้าจะทรงให้บำเหน็จแก่เจ้า
23 ลมเหนือนำฝนมาฉันใด ลิ้นที่ส่อเสียด ก็นำหน้าความโกรธฉันนั้น
24 อยู่ที่มุมบนหลังคาเรือน ดีกว่าอยู่ในเรือนร่วมกับหญิงขี้ทะเลาะ
25 ข่าวดีจากเมืองไกล ก็เหมือนน้ำเย็นที่ให้แก่คนกระหาย
26 คนชอบธรรมที่ยอมแพ้แก่คนชั่วร้าย ก็เหมือนน้ำพุมีโคลนหรือเหมือนน้ำบ่อที่สกปรก
27 ที่จะกินน้ำผึ้งมากก็ไม่ดี ฉะนั้นจึงควรประหยัดคำพูดชมเชย
28 คนที่ปราศจากการปกครองตนเอง ก็เหมือนเมืองที่ปรักหักพังและไม่มีกำแพง

สุภาษิต 26
1 เกียรติยศไม่เหมาะสมกับคนโง่ เช่นเดียวกับหิมะในฤดูร้อนและฝนในฤดูเกี่ยว
2 คำแช่งสาปที่ไร้เหตุผลย่อมไม่มาเกาะ เช่นเดียวกับนกกระจอกที่กำลังโผไปมาและ นกนางแอ่นที่กำลังบิน
3 แส้ สำหรับม้า บังเหียนสำหรับลา และไม้เรียวสำหรับหลังคนโง่
4 อย่าตอบคนโง่ตามความโง่ของเขา เกรงว่าเจ้าเองจะเป็นเหมือนเขาเข้า
5 จงตอบคนโง่ตามความโง่ของเขา เกรงว่าเขาจะฉลาดในสายตาของเขาเอง
6 บุคคลที่ส่งข่าวไปด้วยมือของคนโง่ ก็ตัดเท้าของเขาเองออกและดื่มความเสียหาย
7 สุภาษิตที่อยู่ในปากของคนโง่ ก็เหมือนขาของคนพิการที่ห้อยลงมาอย่างไร้ประโยชน์
8 บุคคลผู้ให้เกียรติแก่คนโง่ ก็เหมือนผู้ที่มัดก้อนหินไว้กับสลิ่ง
9 สุภาษิตที่อยู่ในปากของคนโง่ ก็เหมือนต้นกระชับอยู่ในมือคนขี้เมา
10 บุคคลที่จ้างคนโง่หรือคนขี้เมาที่ผ่านไป ก็เหมือนนักธนูที่ยิงคนทุกคนไม่เลือกหน้า
11 คนโง่ที่ทำความโง่ซ้ำแล้วซ้ำอีก ก็เหมือนสุนัขที่กลับไปหาสิ่งที่มันสำรอกออกมา
12 ท่านเห็นคนที่คิดว่าตัวเองฉลาดหรือ ยังมีหวังในคนโง่ได้มากกว่าในคนเช่นนั้น
13 คนเกียจคร้านพูดว่า "มีราชสีห์อยู่ที่ถนน มีสิงห์อยู่ที่ลานเมือง"
14 ประตูหันไปมาด้วยบานพับของมันฉันใด คนเกียจคร้าน ก็ทำอย่างนั้นบนที่นอนของเขา
15 คนเกียจคร้านฝังมือของเขาไว้ในชาม เขาเหน็ดเหนื่อยที่จะนำมือกลับมาที่ปากของตน
16 คนเกียจคร้านเห็นว่าตัวเองฉลาดกว่า คนเจ็ดคนที่ตอบได้อย่างหลักแหลม
17 บุคคลที่เข้ายุ่งในการทะเลาะวิวาทซึ่งไม่ใช่เรื่องของเขาเอง ก็เหมือนคนจับหูสุนัขตัวที่กำลังผ่านไป
18 คนที่ล่อลวงเพื่อนบ้านของเขา และกล่าวว่า "ข้าล้อเล่นเท่านั้นเอง"
19 ก็เหมือนกับคนบ้าที่โยนดุ้นไฟ ลูกธนู และความตายออกไป
20 เพราะขาดฟืน ไฟก็ดับ และที่ไหนที่ไม่มีคนซุบซิบ การทะเลาะวิวาทก็หยุดไป
21 ถ่านเป็นเชื้อเพลิง และฟืนเป็นเชื้อไฟฉันใด คนที่มักทะเลาะวิวาทก็เป็นเชื้อการวิวาทฉันนั้น
22 ถ้อยคำของคนปากบอนเป็นอาหารอร่อย มันลงไปยังส่วนข้างในของร่างกาย
23 ริมฝีปากที่ราบรื่นกับใจที่ชั่วร้าย ก็เหมือนน้ำยาเคลือบที่อาบอยู่บนภาชนะดิน
24 บุคคลที่เกลียดผู้อื่น ก็สอพลอด้วยลิ้นของตน และตอแหลอยู่ในใจ
25 เมื่อเขาพูดอย่างใจกรุณาอย่าเชื่อเขา เพราะมีสิ่งน่าเกลียดน่าชังร้อยแปดอยู่ในใจของเขา
26 ถึงแม้เขาจะปิดความเกลียดชังของเขาไว้ด้วยเล่ห์ ความชั่วร้ายของเขาเผยออกในที่ประชุม
27 บุคคลที่ขุดหลุมพราง เขาจะตกลงไปเอง ผู้ใดให้ก้อนหินกลิ้งมา มันจะกลับทับเขาเอง
28 ลิ้นที่มุสาเกลียดชังผู้ที่มันทำลาย และปากที่ป้อยอก็ทำความพินาศ

สุภาษิต 27
1 อย่าคุยอวดถึงพรุ่งนี้ เพราะเจ้าไม่ทราบว่าวันหนึ่งๆจะนำอะไรมาให้บ้าง
2 จงให้คนอื่นสรรเสริญเจ้า และไม่ใช่ปากของเจ้าเอง ให้คนต่างถิ่นสรรเสริญ ไม่ใช่ริมฝีปากของเจ้าเอง
3 หินก็หนัก และทรายก็มีน้ำหนัก แต่การยั่วเย้าของคนโง่ ก็หนักยิ่งกว่าทั้งสองอย่างนั้น
4 ความพิโรธก็ดุร้าย ความโกรธก็ท่วมท้น แต่ใครจะยืนต่อหน้าความริษยาได้
5 ว่ากันต่อหน้า ดีกว่ารักกันลับๆ
6 บาดแผลที่มิตรทำก็สุจริต แต่การจุบของศัตรูนั้นมากเกินความจริง
7 บุคคลที่อิ่มแล้ว น้ำผึ้งก็น่าเบื่อ แต่สำหรับผู้ที่หิว ทุกสิ่งที่ขมก็กลับหวาน
8 คนที่เจิ่นไปจากบ้านของตน ก็เหมือนนกที่เจิ่นไปจากรังของมัน
9 น้ำมันและน้ำหอมกระทำให้ใจยินดี และคำเตือนสติอันอ่อนหวานของเพื่อนก็เป็นที่ ให้ชื่นใจ
10 อย่าทอดทิ้งมิตรของเจ้า และมิตรของบิดาเจ้า และอย่าไปที่เรือนพี่น้องของเจ้าในวันลำบากยากเย็นของเจ้า เพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้ ดีกว่าพี่น้องที่อยู่ห่างไกล
11 บุตรชายของเราเอ๋ย จงฉลาด และกระทำใจของเราให้ยินดี เพื่อเราจะตอบบุคคลที่ตำหนิเราได้
12 คนหยั่งรู้ เห็นอันตรายและซ่อนตัวของเขาเสีย แต่คนเขลาเดินเรื่อยไป และรับอันตรายนั้น
13 จงยึดเสื้อผ้าของเขาไว้ เมื่อเขาเป็นประกันให้คนอื่น และยึดตัวเขาไว้ เมื่อเขารับประกันหญิงต่างด้าว
14 บุคคลที่ตื่นแต่เช้ามืดไปอวยพรเพื่อนบ้านด้วยเสียงดัง เขากลับจะเห็นว่าเป็นคำสาปแช่ง
15 ฝนย้อยแปะๆไม่หยุดในฤดูฝนฉันใด ผู้หญิงที่ขี้ทะเลาะก็เหมือนกันฉันนั้น
16 ที่จะยับยั้งเธอก็เหมือนยับยั้งลม หรือกอบน้ำมันด้วยมือขวา
17 เหล็กลับเหล็กได้ คนหนึ่งก็ลับเพื่อนของตนได้
18 บุคคลที่ดูแลต้นมะเดื่อจะได้กินผลของมัน และบุคคลที่ระแวดระวังนายของตน จะได้รับเกียรติ
19 ในน้ำ คนเห็นหน้าคนฉันใด ความคิดของคนก็ส่อคนฉันนั้น
20 แดนผู้ตายและแดนพินาศไม่รู้จักอิ่ม ตาของคนเราก็ไม่รู้จักอิ่ม
21 เบ้ามีไว้สำหรับเงิน เตาถลุงมีไว้สำหรับทองคำ คำสรรเสริญของคนจะพิสูจน์คน
22 เอาคนโง่ใส่ครกตำด้วยสาก พร้อมกับข้าวต้ม คนโง่ก็ยังโง่อยู่นั่นเอง
23 จงรู้ความทุกข์สุขของฝูงแพะแกะของเจ้าให้ดี และจงเอาใจใส่ฝูงโคของเจ้า
24 เพราะความมั่งคั่งไม่ได้ทนอยู่ได้เป็นนิตย์ และมงกุฎทนอยู่ได้ทุกชั่วชาติพันธุ์หรือ
25 เมื่อเก็บหญ้าแห้งไปแล้ว และหญ้างอกใหม่ปรากฏขึ้นมา และเขาเก็บผักหญ้าต่างๆ ที่ภูเขากันแล้ว
26 เมื่อนั้นลูกแกะจะให้เสื้อผ้าแก่เจ้า และแพะก็จะเป็นค่านา
27 จะมีนมแพะเป็นอาหารแก่เจ้าเพียงพอ ทั้งเป็นอาหารแก่ครัวเรือนของเจ้า และเป็นเครื่องยังชีพสาวใช้ของเจ้า

สุภาษิต 28
1 คนชั่วร้ายก็หนีเมื่อไม่มีใครไล่ตาม แต่คนชอบธรรมก็กล้าหาญอย่างสิงห์หนุ่ม
2 เมื่อแผ่นดินทรยศ ก็มีผู้ครอบครองเพิ่มขึ้น แต่ด้วยคนที่มีความเข้าใจและความรู้ เสถียรภาพของแผ่นดินนั้นจะยั่งยืนนาน
3 คนยากจนที่บีบบังคับคนยากจน ก็เหมือนฝนที่ซัดลงมา แต่ไม่ให้อาหาร
4 บรรดาผู้ที่ทอดทิ้งบัญญัติย่อมสรรเสริญคนชั่วร้าย แต่บรรดาผู้ที่รักษาบัญญัติย่อมคอยต่อสู้เขา
5 คนชั่วร้ายไม่เข้าใจความยุติธรรม แต่บรรดาผู้ที่แสวงหาพระเจ้าเข้าใจถี่ถ้วน
6 คนยากจนที่ดำเนินในความสัตย์ซื่อของเขา ก็ดีกว่าคนมั่งคั่งที่คดโกงในทางของตน
7 บุคคลที่รักษาบัญญัติเป็นบุตรชายที่ฉลาด แต่เพื่อนของคนตะกละนำความอับอายมาถึงบิดาเขา
8 บุคคลที่เพิ่มทรัพย์ศฤงคารของตนด้วยดอกเบี้ยและเงินเพิ่ม พระเจ้าจะทรงเอาทรัพย์นั้นไปจากเขา เพื่อเพิ่มแก่คนที่เอ็นดูคนยากจน
9 ถ้าผู้ใดไม่ฟังพระบัญญัติ แม้คำอธิษฐานของเขาก็เป็นสิ่งน่าเกลียดน่าชัง
10 บุคคลผู้นำคนเที่ยงธรรมเข้าไปในทางชั่ว ก็จะตกลงในหลุมของเขาเอง แต่คนที่ปราศจากตำหนิจะมีมรดกอย่างดี
11 คนมั่งคั่งก็ฉลาดในสายตาของเขาเอง แต่คนยากจนผู้มีความเข้าใจจะรู้จักเขาแจ่มแจ้ง
12 เมื่อคนชอบธรรมมีชัย ความรุ่งเรืองก็มีมากขึ้น แต่เมื่อคนชั่วร้ายทวีอำนาจ คนก็พากันซ่อนตัวเสีย
13 บุคคลที่ซ่อนการละเมิดของตนจะไม่จำเริญ แต่บุคคลที่สารภาพและทิ้งความชั่วเสียจะได้ความกรุณา
14 คนที่เกรงกลัวอยู่เสมอก็ได้รับพร แต่บุคคลที่ทำใจตนให้กระด้างจะตกในความลำบากยากเย็น
15 ผู้ครอบครองที่ชั่วร้ายเหนือคนยากจน ก็เหมือนสิงห์คำรามหรือหมีที่กำลังเข้าต่อสู้
16 ผู้ครอบครองที่ขาดความเข้าใจก็เป็นผู้บีบบังคับที่ดุร้าย แต่บุคคลที่เกลียดกำไรอธรรมย่อมยืดปีเดือนของเขาออกไป
17 คนใดที่มีกรรมชั่วเรื่องโลหิตของคนอื่น คนนั้นก็เป็นคนหลบหนีอยู่จนตาย อย่าให้ใครช่วยเขาเลย
18 บุคคลที่ดำเนินในความสัตย์ซื่อจะได้รับการช่วยกู้ แต่คนที่มีเล่ห์กระเท่ห์ในทางของเขาเองจะตกในหลุม
19 บุคคลที่ไถไร่นาของตนจะได้อาหารมากมาย แต่ผู้ที่ประกอบการงานที่ไร้ค่าจะยิ่งจนลง
20 คนที่ซื่อสัตย์จะได้รับพรมากมาย แต่ผู้ที่รีบมั่งคั่งจะไม่มีโทษหามิได้
21 ซึ่งจะสำแดงความลำเอียงก็ไม่ดี คนอาจจะทรยศเพราะอาหารชิ้นหนึ่งก็เป็นได้
22 คนที่มีนัยน์ตาชั่วก็เร่งหาทรัพย์ศฤงคาร และไม่ทราบว่าความขัดสนจะมาถึงเขา
23 บุคคลที่ขนาบคนหนึ่งคนใด ทีหลังเขาจะได้รับความชอบ มากกว่าคนที่ป้อยอด้วยลิ้นของตัว
24 บุคคลที่ขโมยของของบิดาหรือมารดาของตน และกล่าวว่า "อย่างนี้ไม่ทรยศ" เขาก็เป็นเพื่อนของคนทำลาย
25 คนตะกละเร้าให้เกิดการวิวาท แต่ผู้ที่วางใจในพระเจ้าจะเจริญขึ้น
26 บุคคลที่วางใจในความคิดของตัวเป็นคนโง่ แต่บุคคลที่ดำเนินในปัญญาจะได้รับการช่วยกู้
27 บุคคลที่ให้แก่คนยากจนจะไม่รู้จักการขัดสน แต่บุคคลที่ปิดตาของเขาเสียจากการนี้จะได้ รับการแช่งสาปมาก
28 เมื่อคนชั่วร้ายมีอำนาจขึ้น คนก็ซ่อนตัวเสีย แต่เมื่อเขาทั้งหลายพินาศไปคนชอบธรรมก็เพิ่มขึ้น

สุภาษิต 29
1 บุคคลที่ถูกตักเตือนบ่อยๆ แต่ยังแข็งคอ ประเดี๋ยวคอจะหัก รักษาไม่ได้
2 เมื่อคนชอบธรรมทวีอำนาจ ประชาชนก็เปรมปรีดิ์ แต่เมื่อคนชั่วร้ายครอบครองประชาชนก็คร่ำครวญ
3 บุคคลผู้รักปัญญาย่อมทำให้บิดาของเขายินดี แต่ผู้ที่คบค้าหญิงแพศยาก็ผลาญทรัพย์สิ่งของของเขา
4 พระราชาทรงให้เสถียรภาพแก่แผ่นดินด้วยความยุติธรรม แต่องค์ที่ทรงบีบคั้นเอาของกำนัลก็ทำให้แผ่นดินย่อยยับ
5 คนที่ป้อยอเพื่อนบ้านของตน ย่อมกางข่ายไว้ดักเท้าของเขา
6 คนชั่วติดกับอยู่ในความทรยศของตน แต่คนชอบธรรมร้องเพลงและเปรมปรีดิ์
7 คนชอบธรรมรู้จักสิทธิของคนยากจน คนชั่วร้ายไม่เข้าใจความรู้อย่างนี้
8 คนมักเยาะเย้ยกระทำบ้านเมืองให้ลุกเป็นไฟ แต่ปราชญ์แปรความโกรธเกรี้ยวไปเสีย
9 ถ้าปราชญ์มีเรื่องโต้เถียงกับคนโง่ คนโง่ก็ดุเดือด ทั้งหัวเราะและไม่มีวันสงบลงได้
10 คนที่กระหายเลือดย่อมเกลียดคนที่ไร้ตำหนิ และคนชั่วร้ายแสวงชีวิตของเขา
11 คนโง่ย่อมให้ความโกรธของเขาพลุ่งออกมาเต็มที่ แต่ปราชญ์ย่อมยับยั้งโทสะไว้เงียบๆ
12 ถ้าผู้ครอบครองเชื่อฟังความเท็จ ข้าราชการของท่านก็พลอยชั่วร้ายทั้งสิ้น
13 คนยากจนและผู้บีบบังคับมักมาประจัญหน้ากันเสมอ และพระเจ้าประทานความสว่างแก่ตาของคนทั้งสอง
14 ถ้าพระราชาพิพากษาคนยากจนด้วยความเที่ยงธรรม พระที่นั่งของพระองค์จะสถาปนาอยู่เป็นนิตย์
15 ไม้เรียวและคำตักเตือนให้เกิดปัญญา แต่ถ้าปล่อยเด็กไว้แต่ลำพังจะนำความอับอาย มาสู่มารดาของตน
16 เมื่อคนชั่วร้ายอยู่ในอำนาจหน้าที่การทรยศก็ทวีขึ้น แต่คนชอบธรรมจะมองดูความล่มจมของเขา
17 จงฝึกสอนบุตรชายของเจ้า และเขาจะให้เจ้าได้หยุดพัก เออ เขาจะให้ความปีติยินดีแก่ใจของเจ้า
18 ที่ใดๆที่ไม่มีการเผยธรรม ประชาชนก็ละทิ้งความ ยับยั้งชั่งใจเสีย แต่คนที่รักษาธรรมบัญญัติจะเป็นสุข
19 สักแต่ใช้คำพูดเท่านั้นจะฝึกสอนคนใช้ไม่ได้ เพราะถึงแม้เขาจะเข้าใจ แต่เขาก็ไม่ฟัง
20 เจ้าเห็นคนที่ปากไวหรือ ยังมีหวังในคนโง่มากกว่าเขา
21 บุคคลที่ทนุถนอมคนใช้ของตนตั้งแต่เด็กๆ ที่สุดจะเห็นว่าเขาเป็นผู้รับมรดกของตน
22 คนเจ้าโมโหย่อมเร้าการวิวาท และคนที่มักโกรธก็เป็นเหตุให้มีการทรยศมากขึ้น
23 ความเย่อหยิ่งของคนนำเขาให้ต่ำลง แต่คนที่มีใจถ่อมจะได้รับเกียรติ
24 ผู้เข้าส่วนกับขโมยก็เกลียดชังชีวิตของตน เขาได้ยินคำสาบาน แต่ไม่เปิดเผยอะไรเลย
25 การกลัวคนวางบ่วงไว้ แต่บุคคลที่วางใจในพระเจ้าก็ปลอดภัย
26 คนเป็นอันมากแสวงความพอใจจากผู้ครอบครอง แต่คนจะได้ความยุติธรรมจากพระเจ้า
27 คนอธรรมเป็นที่สะอิดสะเอียนแก่คนชอบธรรม แต่คนตรงกลับเป็นที่น่าเกลียดน่าชังแก่คนชั่วร้าย

สุภาษิต 30
1 ถ้อยคำของอากูร์ บุตรชายยาเคห์แห่งเมืองมัสสา ชายคนนั้นพูดกับอิธีเอล กับอิธีเอลและอูคาลว่า
2 แท้จริงข้าก็ เขลาเกินที่จะเป็นคน ข้าไม่มีความรอบรู้อย่างมนุษย์
3 ข้าไม่เคยเรียนรู้ปัญญา ทั้งไม่มีความรู้ขององค์ผู้บริสุทธิ์
4 ใครเล่าได้ขึ้นไปยังสวรรค์และลงมา ใครเล่าได้รวบรวมลมไว้ในกำมือของท่าน ใครเล่าได้เอาเครื่องแต่งกายห่อห้วงน้ำไว้ ใครเล่าได้สถาปนาที่สุดปลายแห่งแผ่นดินโลกไว้ นามของผู้นั้นว่ากระไร และนามบุตรชายของผู้นั้นว่ากระไร ท่านจะต้องรู้เป็นแน่
5 พระวจนะทุกคำของพระเจ้านั้นพิสูจน์เห็นจริงแล้ว พระองค์ทรงเป็นโล่แก่บรรดาผู้ลี้ภัยอยู่ในพระองค์
6 อย่าเพิ่มอะไรเข้ากับพระวจนะของพระองค์ เกรงว่าพระองค์จะทรงขนาบเจ้าและเขาจะเห็น ว่าเจ้าเป็นคนมุสา
7 ข้าพระองค์ขอสองสิ่งจากพระองค์ ขออย่าทรงปฏิเสธที่จะให้ข้าพระองค์ก่อนข้าพระองค์ตาย
8 ขอให้ความมุสาและความเท็จไกลจากข้าพระองค์ ขออย่าประทานความยากจนหรือความมั่งคั่งแก่ข้าพระองค์ ขอเลี้ยงข้าพระองค์ด้วยอาหารที่พอดีแก่ข้าพระองค์
9 เกรงว่าข้าพระองค์จะอิ่ม และปฏิเสธพระองค์ แล้วพูดว่า "พระเจ้าเป็นผู้ใดเล่า" หรือเกรงว่าข้าพระองค์จะยากจนและขโมย และกระทำให้พระนามพระเจ้าของข้าพระองค์เป็นมลทิน
10 อย่านินทาคนใช้ให้นายของเขาฟัง เกรงว่าเขาจะแช่งเจ้า และเจ้าจะต้องรับกรรมชั่ว
11 มีคนที่แช่งบิดาของตน และไม่อวยพรแก่มารดาของตน
12 มีคนที่คิดว่าตนเองบริสุทธิ์ แต่มิได้รับการชำระความโสโครกของตน
13 มีคนเช่นนั้นอยู่ทั่วไป ตาของเขาสูงจริงหนอ และหนังตาของเขาสูงยิ่ง
14 มีคนที่ฟันของเขาเป็นดาบ ทนต์ของเขาเป็นมีด เพื่อจะทำลายคนยากจนเสียจากแผ่นดินโลก คนขัดสน เสียจากท่ามกลางมนุษย์
15 ปลิงมีลูกตัวเมียสองตัวมันร้องว่า "ให้ ให้" แต่สิ่งสามสิ่งนี้ไม่เคยอิ่ม สี่สิ่งไม่เคยพูดว่า "พอแล้ว"
16 คือแดนผู้ตาย ครรภ์ของหญิงหมัน แผ่นดินโลกที่ไม่อิ่มน้ำ และไฟที่ไม่เคยพูดว่า "พอแล้ว"
17 นัยน์ตาที่เยาะเย้ยบิดา และดูถูกไม่ฟังมารดา จะถูกกาแห่งหุบเขาจิกออก และแร้งจะกินเสีย
18 มีสามสิ่งที่ประหลาดเหลือสำหรับข้า เออ สี่สิ่งที่ข้าไม่เข้าใจ
19 คือท่าทีของนกอินทรีในฟ้า ท่าทีของงูบนหิน ท่าทีของเรือในท้องทะเล และท่าทีของชายกับหญิงสาว
20 นี่เป็นทางของหญิงผู้ล่วงประเวณี คือ นางรับประทาน และนางเช็ดปาก และนางพูดว่า "ฉันไม่ได้ทำผิด"
21 แผ่นดินโลกสั่นสะเทือนอยู่ใต้สามสิ่ง เออ มันทานอยู่ใต้สี่สิ่งไม่ได้
22 คือ ทาสเมื่อได้เป็นพระราชา คนโง่เมื่อกินอิ่ม
23 หญิงที่ไม่มีใครรักได้สามี และสาวใช้ที่ได้เป็นนายแทนนายหญิงของตน
24 มีสี่สิ่งในแผ่นดินโลกที่เล็กเหลือเกิน แต่มีปัญญามากเหลือล้น
25 มด เป็นประชากรที่ไม่แข็งแรง แต่มันยังเตรียมอาหารของมันไว้ในฤดูแล้ง
26 ตัวกระจงผา เป็นประชากรที่ไม่มีกำลัง แต่มันยังสร้างบ้านของมันในซอกหิน
27 ตั๊กแตนไม่มีราชา แต่มันยังเดินขบวนเป็นแถว
28 ตุ๊กแกนั้น เจ้าเอามือจับได้ แต่มันยังอยู่ในพระราชวัง
29 มีสามสิ่งที่สง่างามมากในท่าเดิน เออ มีสี่สิ่งที่ย่างเท้าของมันผ่าเผย
30 คือสิงห์ ซึ่งเป็นสัตว์ที่มีกำลังมากที่สุด และไม่ยอมหันหลังกลับเพราะสิ่งใดเลย
31 พ่อไก่ที่เดินป้ออยู่ แพะผู้ และพระราชาที่เสด็จพระราชดำเนินอยู่หน้า ประชาชนของพระองค์
32 ถ้าเจ้าเป็นคนโง่ยกย่องตนเอง หรือคิดแผนการชั่วร้าย จงเอามือปิดปากของเจ้าเสียเถิด
33 เพราะเมื่อกวนน้ำนมก็ได้เนยเหลว เมื่อบีบจมูกก็ได้โลหิต และเมื่อกวนโทโสก็ได้การวิวาท

สุภาษิต 31
1 ถ้อยคำของเลมูเอล พระราชาแห่งมัสสา พระราชชนนีได้สอนคำนี้ไว้แก่พระองค์
2 อะไรเล่า ลูกแม่เอ๋ย อะไรเล่า ลูกแห่งท้องแม่เอ๋ย อะไรเล่า ลูกแห่งคำปฏิญาณของแม่เอ๋ย
3 อย่าให้กำลังของเจ้าแก่ผู้หญิง และให้ทางของเจ้าแก่ผู้ทำลายพระราชาใดๆ
4 โอ เลมูเอลเอ๋ย ไม่สมควรที่พระราชา ไม่สมควรที่พระราชาจะเสวยเหล้าองุ่น หรือผู้ที่ครอบครองจะปรารถนาสุรา
5 เกรงว่าเขาจะดื่มและลืมคำที่ตราเป็นกฎหมายนั้นเสีย และวินิจฉัยความของเจ้าทุกข์ให้เขวไป
6 จงให้สุราแก่ผู้ที่กำลังพินาศ และน้ำองุ่นแก่ผู้ที่ทุกข์ใจอย่างขมขื่น
7 จงให้เขาดื่มและลืมความยากจนของเขา เพื่อจะจดจำความระทมทุกข์ของเขาไม่ได้อีกต่อไป
8 จงอ้าปากของเจ้าแทนคนใบ้ เพื่อสิทธิของทุกคนที่ถูกทิ้งร้างอยู่
9 จงอ้าปากของเจ้า พิพากษาอย่างชอบธรรม รักษาสิทธิของคนจนและคนขัดสนให้คงอยู่
10 ใครจะพบภรรยาที่ดี เธอประเสริฐยิ่งกว่าทับทิมมากนัก
11 จิตใจของสามีเธอก็วางใจในเธอ และสามีจะไม่ขาดกำไร
12 เธอทำความดีให้เขา ไม่ทำความร้าย ตลอดชีวิตของเธอ
13 เธอแสวงขนแกะและป่าน และทำงานด้วยมืออย่างเต็มใจ
14 เธอเป็นเหมือนกำปั่นของพ่อค้า เธอนำอาหารของเธอมาจากที่ที่ไกล
15 เธอลุกขึ้นตั้งแต่ยังมืดอยู่ และจัดอาหารให้ครัวเรือนของเธอ และจัดงานให้แก่สาวใช้ของเธอ
16 เธอพิเคราะห์ดูไร่นาแล้วก็ซื้อไว้ ด้วยผลน้ำมือของเธอ เธอปลูกสวนองุ่น
17 เธอคาดเอวของเธอด้วยกำลัง และกระทำให้แขนของเธอเข้มแข็ง
18 เธอรู้ว่าสินค้าของเธอจะได้กำไร กลางคืนตะเกียงของเธอก็ไม่ดับ
19 เธอยื่นมือออกจับไน และมือของเธอจับเครื่องปั่น
20 เธอหยิบยื่นให้คนยากจน เธอยื่นมือออกช่วยคนขัดสน
21 เธอไม่กลัวหิมะมาทำอันตรายแก่คนในครัวเรือนของเธอ เพราะเขาสวมเสื้อสองชั้น
22 เธอทำผ้าปูสำหรับเธอ เสื้อผ้าของเธอทำด้วยผ้าลินินเนื้อละเอียดและผ้าสีม่วง
23 สามีของเธอเป็นที่รู้จักที่ประตูเมือง เมื่อท่านนั่งอยู่ในหมู่พวกผู้ใหญ่ของแผ่นดินนั้น
24 เธอทำเครื่องแต่งกายด้วยผ้าลินินไว้ขาย เธอส่งผ้าคาดเอวให้แก่พ่อค้า
25 กำลังและความสง่าผ่าเผยเป็นอาภรณ์ของเธอ เธอหัวเราะให้แก่เหตุการณ์ที่จะมาถึง
26 เธออ้าปากกล่าวด้วยสติปัญญา และคำสอนเจือความเอ็นดูอยู่ที่ลิ้นของเธอ
27 เธอดูแลการงานในครัวเรือนของเธอ และไม่ชุบมือเปิบ
28 ลูกๆของเธอตื่นขึ้นมาก็ชมเชยเธอ สามีของเธอก็สรรเสริญเธอ
29 ว่า "สตรีเป็นอันมากทำอย่างดีเลิศ แต่เธอเลิศยิ่งกว่าเขาทั้งหมด"
30 เสน่ห์เป็นของหลอกลวง และความงามก็เปล่าประโยชน์ แต่สตรียำเกรงพระเจ้า สมควรได้รับคำสรรเสริญ
31 จงให้เธอรับผลแห่งน้ำมือของเธอ และให้การงานของเธอสรรเสริญเธอที่ประตูเมือง


 © Copyright 2009. Christian Siam.com