Christian Siam

 

 

 

 

Christian Siam - เว็บสำหรับคนอยากรู้จักพระเจ้า

 
 :: สำหรับผู้สนใจพระเจ้า ::
Christian Siam คำถาม - คำตอบ
Christian Siam พระเยซูคือใคร
Christian Siam พระเยซูเกิดจริงหรือ?
Christian Siam เราเกิดมาทำไม
Christian Siam เราตายแล้วไปไหน
Christian Siam ทฤษฎีวิวัฒนาการ...จริง?
Christian Siam เป็นคริสเตียนได้อย่างไร
Christian Siam คำพยานชีวิต

Christian Siam
H O M E
:: สำหรับคริสเตียนใหม่ ::
:: สื่อคริสเตียนออนไลน์ ::
Christian Siam มานาประจำวัน
Christian Siam เพลงจาก Youtube
 

                   CHRISTIAN
                   CHRISTIAN
                   CHRISTIAN

         CHRISTIAN SIAM.COM
         CHRISTIAN SIAM.COM
         CHRISTIAN SIAM.COM

                   CHRISTIAN
                   CHRISTIAN
                   CHRISTIAN
                   CHRISTIAN
                   CHRISTIAN
                   CHRISTIAN
                   CHRISTIAN
                   CHRISTIAN



เลวีนิติ

เลวีนิติ 1
1 พระเจ้าทรงเรียกโมเสสตรัสกับท่านจากเต็นท์นัดพบว่า
2 "จงพูดกับคนอิสราเอล และกล่าวแก่เขาว่า เมื่อคนใดในพวกท่านนำเครื่องบูชามาถวายพระเจ้า ให้นำสัตว์เลี้ยงอันเป็นเครื่องบูชาของท่านมาจากฝูง โคหรือฝูงแพะแกะ
3 "ถ้าเครื่องบูชานี้เป็นเครื่องเผาบูชามาจากฝูงโค ก็ให้เขานำสัตว์ตัวผู้ที่ไม่มีตำหนิ ให้เขานำเครื่องบูชานั้นมาที่ประตูเต็นท์นัดพบ เพื่อให้เขาเป็นที่โปรดปรานต่อพระเจ้า
4 ให้เขาเอามือวางบนหัวสัตว์ซึ่งเป็นเครื่องเผาบูชานั้น และเครื่องเผาบูชานั้นจะเป็นที่ทรงโปรดปรานเพื่อทำ การลบมลทินของผู้นั้น
5 แล้วให้เขาฆ่าโคตัวผู้นั้นต่อพระพักตร์พระเจ้า ฝ่ายบุตรของอาโรนผู้เป็นปุโรหิตจะถวายเลือด และเอาเลือดมาประพรมที่แท่นและรอบแท่นบูชาซึ่งอยู่ ตรงประตูเต็นท์นัดพบ
6 และให้เขาถลกหนังเครื่องเผาบูชานั้นออกเสีย แล้วตัดเป็นท่อนๆ
7 และบุตรของอาโรนผู้เป็นปุโรหิตจะก่อไฟที่แท่น และเรียงฟืนบนไฟ
8 และพวกบุตรของอาโรนผู้เป็นปุโรหิตจะวางท่อนเนื้อ หัว และไขมันสัตว์ ตามลำดับไว้บนฟืนบนไฟที่แท่นบูชา
9 แต่ให้เขาเอาน้ำล้างเครื่องในและขาสัตว์เสีย แล้วปุโรหิตจึงเผาของทั้งหมดบนแท่นเป็นเครื่องเผาบูชา เป็นเครื่องบูชาด้วยไฟ เป็นกลิ่นที่พอพระทัยแด่พระเจ้า
10 "ถ้าของถวายที่ผู้ใดจะใช้เป็นเครื่องเผาบูชามาจาก ฝูงแกะหรือฝูงแพะ ให้ผู้นั้นเลือกเอาสัตว์ตัวผู้ที่ไม่มีตำหนิ
11 ให้เขาฆ่าสัตว์นั้นเสียที่แท่นบูชาข้างด้านเหนือต่อ พระพักตร์พระเจ้า และบุตรของอาโรนผู้เป็นปุโรหิตจะเอาเลือดสัตว์นั้น ประพรมที่แท่นและรอบแท่นบูชา
12 ให้เขาฟันสัตว์นั้นเป็นท่อนๆ ทั้งหัวและไขมันด้วย และปุโรหิตจะวางเครื่องเหล่านี้ตามลำดับไว้บน ฟืนบนไฟที่แท่นบูชา
13 แต่เครื่องในกับขานั้นผู้ถวายบูชาจะล้างเสียด้วยน้ำ และให้ปุโรหิตเอาเครื่องทั้งหมดเหล่านี้เผาบูชาด้วยกันบนแท่น เป็นเครื่องเผาบูชา คือเป็นเครื่องบูชาด้วยไฟ เป็นกลิ่นที่พอพระทัยแด่พระเจ้า
14 "ถ้าผู้ใดจะนำนกมาถวายเป็นเครื่องเผาบูชาแด่พระเจ้า ก็ให้ผู้นั้นนำของบูชาที่เป็นนกเขาหรือนกพิราบรุ่นๆมาถวาย
15 จงให้ปุโรหิตนำนกนั้นมาที่แท่น บิดหัวเสียแล้วเผาบูชาบนแท่น ให้เลือดไหลออกมาข้างๆแท่น
16 และให้ฉีกกระเพาะข้าวและถอนขนนกออกเสีย ทิ้งลงริมแท่นด้านตะวันออกในที่ที่ทิ้งมูลเถ้า
17 และให้เขาฉีกปีกอย่าให้ขาดจากตัว และปุโรหิตจะเผานกนั้นบนแท่นที่กองฟืนบนไฟ เป็นเครื่องเผาบูชา คือเป็นเครื่องบูชาด้วยไฟ เป็นกลิ่นที่พอพระทัยแด่พระเจ้า

เลวีนิติ 2

1 "เมื่อผู้ใดนำธัญญบูชามาเป็นเครื่องบูชาถวายแด่พระเจ้า ก็ให้ผู้นั้นนำยอดแป้งมาถวาย ให้เขาเทน้ำมันลงที่แป้งและใส่กำยานด้วย
2 แล้วนำมาให้บุตรของอาโรนผู้เป็นปุโรหิต ผู้ถวายบูชาจะหยิบยอดแป้งคลุกน้ำมันกำมือหนึ่งกับ กำยานทั้งหมดออก และปุโรหิตจะเผาเครื่องบูชาส่วนนี้เป็นส่วนอนุสรณ์บนแท่น คือบูชาด้วยไฟ เป็นกลิ่นที่พอพระทัยแด่พระเจ้า
3 ส่วนธัญญบูชาที่เหลืออยู่นั้นจะเป็นของอาโรนและ บุตรของเขา เป็นส่วนบริสุทธิ์อย่างยิ่งจากเครื่องบูชาด้วยไฟถวายแด่พระเจ้า
4 "เมื่อท่านนำธัญญบูชาเป็นขนมอบในเตาอบมาถวาย เป็นเครื่องบูชา ให้เป็นขนมไร้เชื้อทำด้วยยอดแป้งเคล้าน้ำมัน หรือขนมแผ่นไร้เชื้อทาน้ำมัน
5 และถ้าท่านนำธัญญบูชาเป็นขนมปิ้งบนเหล็ก ก็ให้เป็นขนมทำด้วยยอดแป้งไร้เชื้อเคล้าน้ำมัน
6 ท่านจงหักขนมนั้นเป็นชิ้นๆ เทน้ำมันราดเป็นธัญญบูชา 
7 ถ้าเครื่องบูชาของท่านเป็นธัญญบูชาทอดด้วยกระทะ ให้ทำด้วยยอดแป้งเคล้าน้ำมัน
8 ท่านจงนำธัญญบูชาซึ่งทำด้วยสิ่งเหล่านี้มาถวาย แด่พระเจ้า เมื่อนำมาให้ปุโรหิตแล้ว ปุโรหิตจะนำมาถึงแท่นบูชา
9 และปุโรหิตจะนำส่วนที่ระลึกออกจากธัญญบูชา และเผาเสียบนแท่นเป็นเครื่องบูชาด้วยไฟ เป็นกลิ่นที่พอพระทัยแด่พระเจ้า
10 ส่วนธัญญบูชาที่เหลืออยู่นั้นตกเป็นของอาโรนและของ บุตรท่าน เป็นส่วนบริสุทธิ์อย่างยิ่งจากเครื่องบูชาด้วยไฟถวายแด่พระเจ้า
11 "บรรดาธัญญบูชาซึ่งนำมาถวายแด่พระเจ้านั้น อย่าให้มีเชื้อ เจ้าอย่าเผาเชื้อหรือน้ำผึ้งเป็นเครื่องบูชาด้วยไฟ ถวายแด่พระเจ้า
12 ถ้าเจ้าจะนำสิ่งทั้งสองนี้เป็นผลรุ่นแรก มาถวายแด่พระเจ้าก็ได้ แต่อย่าเผาถวายบนแท่น ให้เป็นกลิ่นที่พอพระทัย
13 เจ้าจงปรุงบรรดาธัญญบูชาด้วยใส่เกลือ เจ้าอย่าให้เกลือแห่งพันธสัญญากับพระเจ้าของเจ้า ขาดเสียจากธัญญบูชาของเจ้า เจ้าจงถวายเกลือพร้อมกับบรรดาเครื่องบูชาของเจ้า
14 "ถ้าเจ้าถวายธัญญบูชาเป็นผลรุ่นแรกแด่พระเจ้า ธัญญบูชาอันเป็นผลรุ่นแรกนั้นเจ้าจงถวายรวงใหม่ๆ ย่างไฟให้แห้ง บดเมล็ดให้ละเอียด
15 เจ้าจงใส่น้ำมันและวางเครื่องกำยานไว้บนนั้น เป็นธัญญบูชา
16 ปุโรหิตจะเอาส่วนหนึ่งของเมล็ดที่บด น้ำมันและเครื่องกำยานเผาถวายเป็นส่วนอนุสรณ์ เป็นเครื่องบูชาด้วยไฟถวายแด่พระเจ้า

เลวีนิติ 3

1 "ถ้าผู้หนึ่งผู้ใดถวายเครื่องบูชาเป็นศานติบูชา ถ้าเขาถวายโคผู้หรือโคเมียจากฝูง ให้เขาถวายสัตว์ตัวที่ไม่มีตำหนิแด่พระเจ้า
2 ให้เขาเอามือวางบนหัวของสัตว์ตัวที่จะถวาย และจงฆ่าเสียที่ประตูเต็นท์นัดพบ บุตรของอาโรนผู้เป็นปุโรหิตจะเอาเลือดประพรม ที่แท่นและรอบแท่นบูชา
3 จากเครื่องบูชาที่ถวายเป็นศานติบูชา เป็นเครื่องบูชาด้วยไฟถวายแด่พระเจ้า ผู้ถวายจะนำไขมันที่ติดกับเครื่องในและไขมัน ที่ในเครื่องในทั้งหมด
4 และไตทั้งสองลูกกับไขมันที่ติดอยู่ตรงบั้นเอวนั้น และให้เอาพังผืดที่ติดอยู่เหนือตับนั้นออกเสียพร้อมกับไต
5 บุตรอาโรนจะเผาเสียบนแท่นบูชาบนเครื่องเผาบูชา ซึ่งอยู่บนฟืนบนไฟ เป็นเครื่องบูชาด้วยไฟ เป็นกลิ่นที่พอพระทัยแด่พระเจ้า
6 "ถ้าผู้ใดนำเครื่องบูชาที่เป็นศานติบูชา เป็นสัตว์ตัวผู้หรือตัวเมีย ที่ได้มาจากฝูงแพะแกะ ก็อย่าให้สัตว์นั้นมีตำหนิ
7 ถ้าเขาจะถวายลูกแกะเป็นเครื่องบูชา ก็ให้เขานำมาถวายแด่พระเจ้า
8 ให้เขาเอามือวางบนหัวของ สัตว์นั้นและให้ฆ่าเสียที่หน้าเต็นท์นัดพบ และบุตรอาโรนจะเอาเลือดพรมที่แท่นและรอบแท่น
9 จากเครื่องบูชาที่ถวายเป็นศานติบูชา คือบูชาด้วยไฟถวายแด่พระเจ้า ให้เขาถวายไขมัน หางที่เป็นไขมันทั้งหมดตัดชิดกระดูกสันหลัง และไขมันที่หุ้มเครื่องใน กับไขมันที่ในเครื่องใน
10 ไตสองลูกกับไขมันที่ติดอยู่ตรงบั้นเอว ให้เอาพังผืดที่ติดอยู่เหนือตับออกเสียพร้อมกับไต
11 และปุโรหิตจะเอาสิ่งเหล่านี้เผาบนแท่น เป็นอาหารเผาด้วยไฟถวายแด่พระเจ้า
12 "ถ้าเครื่องบูชาของเขาเป็นแพะก็ให้เขานำ มาถวายต่อพระพักตร์พระเจ้า
13 ให้เขาเอามือวางบนหัวของมัน และฆ่ามันเสียที่หน้าเต็นท์นัดพบ และบุตรของอาโรนจะเอาเลือดประพรมที่แท่นและรอบแท่นบูชา
14 แล้วให้เขาเอาสิ่งเหล่านี้จากแพะตัวนั้นเป็นเครื่องบูชา เป็นเครื่องบูชาด้วยไฟถวายแด่พระเจ้า คือไขมันที่หุ้มเครื่องใน และไขมันที่อยู่ในเครื่องใน
15 ไตสองลูกกับไขมันที่ติดอยู่ตรงบั้นเอว พังผืดที่ติดอยู่ตรงเหนือตับ ซึ่งเขาจะต้องเอาออกเสียพร้อมกับไต
16 และปุโรหิตจะเผาสิ่งเหล่านี้บนแท่นเป็นอาหารเผาไฟ เป็นกลิ่นที่พอพระทัย ไขมันทั้งหมดเป็นของพระเจ้า
17 ให้เป็นกฎเกณฑ์ถาวรประจำตลอดชั่วชาติพันธุ์ของเจ้า ในที่ที่เจ้าอาศัยอยู่ทั่วๆ ไปว่า เจ้าอย่ารับประทานไขมันหรือเลือด"

เลวีนิติ 4

1 พระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า
2 "จงกล่าวแก่คนอิสราเอลว่า ถ้าผู้หนึ่งผู้ใดกระทำผิดสิ่งใดซึ่งพระเจ้าได้ทรง บัญชามิให้กระทำ โดยเขามิได้เจตนากระทำสิ่งเหล่านั้นประการหนึ่ง ประการใด
3 ถ้าผู้กระทำผิดเป็นปุโรหิตที่ได้รับการเจิมไว้ ย่อมนำกรรมบาปมาสู่ประชาชน เหตุด้วยบาปที่เขาได้กระทำไปก็ให้เขานำวัวหนุ่ม ซึ่งไม่มีตำหนิมาถวายเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป
4 ให้เขานำวัวนั้นมาที่หน้าเต็นท์นัดพบต่อพระเจ้า และให้เขาเอามือวางบนหัววัวตัวนั้น และให้ฆ่ามันเสียต่อพระพักตร์พระเจ้า
5 และปุโรหิตผู้ได้รับการเจิมแล้ว จะนำเลือดวัวนั้นมาที่เต็นท์นัดพบบ้าง
6 ปุโรหิตจะเอานิ้วจุ่มลงในเลือด และประพรมที่หน้าม่านสถานนมัสการ เจ็ดครั้งต่อพระพักตร์พระเจ้า
7 และปุโรหิตจะเอาเลือดเล็กน้อยเจิมที่ เชิงงอนของแท่นเผาเครื่องหอม ซึ่งอยู่ในเต็นท์นัดพบต่อพระพักตร์พระเจ้า ส่วนเลือดวัวที่เหลืออยู่นั้นเขาจะเทลง ที่ฐานแท่นเผาเครื่องเผาบูชาซึ่งอยู่ที่ประตูเต็นท์นัดพบ
8 และเขาจะเอาไขมันออกเสียจากวัวตัวที่เป็นเครื่อง บูชาไถ่บาปนี้ คือไขมันที่หุ้มเครื่องใน และไขมันที่ในเครื่องใน
9 และไตสองลูกกับไขมันที่ติดอยู่ และพังผืดที่อยู่เหนือตับ ซึ่งเขาจะต้องเอาออกเสียพร้อมกับไต
10 (ให้เอาออกเช่นเดียวกับเอาออกจากวัวที่ถวายเป็นศานติบูชา) และปุโรหิตจะเผาสิ่งเหล่านี้บนแท่นเครื่องเผาบูชา
11 แต่หนังของวัวพร้อมกับเนื้อวัว หัว ขา เครื่องในและมูลของมัน
12 คือวัวทั้งตัวนี้ ให้เอาออกไปเสียจากค่ายถึงที่สะอาด ที่ทิ้งมูลเถ้า และให้สุมไฟเผาเสีย ที่ทิ้งมูลเถ้าอยู่ที่ไหนก็ให้เผาที่นั่น
13 "ถ้าชุมนุมชนอิสราเอลทั้งหมดกระทำผิดโดยไม่รู้ตัว และความผิดนั้นก็ปรากฏแก่ที่ประชุม และเขาได้กระทำสิ่งหนึ่งสิ่งใด ซึ่งพระเจ้าบัญชามิให้กระทำ จึงเป็นการกระทำกรรมบาป
14 เมื่อความผิดที่เขาได้กระทำนั้นเป็นที่ประจักษ์ขึ้น ให้ที่ประชุมถวายวัวหนุ่มตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป ให้นำวัวนั้นมาที่หน้าเต็นท์นัดพบ
15 และผู้ใหญ่ของชุมนุมชนจะเอามือวางบนหัวของวัวนั้น  ต่อพระพักตร์พระเจ้า และให้ฆ่าวัวตัวนั้นเสียต่อพระพักตร์พระเจ้า
16 แล้วปุโรหิตผู้รับการเจิมจะนำเลือดของ วัวมาที่เต็นท์นัดพบบ้าง
17 และปุโรหิตจะเอานิ้วจุ่มลงในเลือดและประพรมที่หน้า ม่านเจ็ดครั้งต่อพระพักตร์พระเจ้า
18 และปุโรหิตจะเอาเลือดสักหน่อยเจิมที่เชิงงอน ของแท่นบูชาซึ่งอยู่ในเต็นท์นัดพบต่อพระพักตร์พระเจ้า ส่วนเลือดที่เหลืออยู่นั้น เขาจะเทลงที่ฐานแท่นเครื่องบูชาซึ่งอยู่ที่ประตูเต็นท์นัดพบ
19 และเขาจะเอาไขมันออกจากวัวนั้นหมด นำไปเผาเสียบนแท่น
20 เขาจะกระทำดังนี้แก่วัวตัวนี้ เขาได้กระทำกับวัวตัวที่ถวายเป็นเครื่องบูชา ไถ่บาปอย่างไรก็ให้เขากระทำแก่วัวตัวนี้อย่างนั้น ดังนี้ปุโรหิตจะทำการลบมลทินบาปของชุมนุมชน แล้วเขาทั้งหลายจะได้รับการอภัย
21 แล้วปุโรหิตจะนำวัวออกไปนอกค่าย และเผาเสียอย่างกับเผาวัวตัวก่อน เป็นเครื่องบูชาไถ่บาปของที่ประชุม
22 "ถ้าผู้ครอบครองกระทำความผิด กระทำสิ่งซึ่งพระเยโฮวาห์พระเจ้า ของเขาทรงบัญชามิให้กระทำโดยไม่รู้ตัว แล้วมีกรรมบาป
23 ถ้าได้แจ้งให้เขาทราบถึงความผิดที่เขาได้ กระทำนั้นแล้ว ก็ให้เขานำแพะตัวผู้ที่ไม่มีตำหนิตัวหนึ่งมาเป็นเครื่องบูชา
24 ให้เขาเอามือวางบนหัวแพะ และให้ฆ่าแพะเสียในที่ที่เขาฆ่าสัตว์ เป็นเครื่องเผาบูชาแด่พระเจ้า นี่เป็นเครื่องบูชาไถ่บาป
25 ปุโรหิตจะเอานิ้วจุ่มเลือดเครื่องบูชาไถ่บาปบ้าง นำไปเจิมที่เชิงงอนบนแท่นเครื่องเผาบูชา และเทเลือดที่เหลืออยู่นั้นที่ฐานของแท่นเครื่องเผาบูชา
26 และให้เขาเผาไขมันทั้งหมดบนแท่น เช่นเดียวกับเผาไขมันเครื่องศานติบูชา ดังนี้แหละปุโรหิตจะทำการลบมลทินบาปของเขา และเขาจะได้รับการอภัย
27 "ถ้าประชาชนสามัญคนหนึ่งคนใดกระทำความผิด โดยมิได้เจตนา คือกระทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดซึ่งพระเจ้าทรงบัญชามิให้กระทำ แล้วก็มีกรรมบาป
28 เมื่อได้แจ้งให้เขาทราบถึงความผิดซึ่งเขาได้กระทำแล้ว ให้เขานำแพะเมียตัวหนึ่งซึ่งไม่มีตำหนิมาเป็นเครื่องบูชา ไถ่บาปที่เขาได้กระทำไปนั้น
29 และเขาจะเอามือวางบนหัวของเครื่องบูชาไถ่บาป และฆ่าเครื่องบูชาไถ่บาปนั้น ในที่ที่เขาถวายเครื่องเผาบูชา
30 ปุโรหิตจะเอานิ้วจุ่มเลือดแพะนั้นไปเจิม ที่เชิงงอนของแท่นเครื่องเผาบูชา และเทเลือดส่วนที่เหลือลงที่ฐานของแท่นนั้น
31 และเขาจะเอาไขมันออกเสีย ให้หมดอย่างที่เอาออกเสียจากเครื่องศานติบูชา และปุโรหิตจะเผาไขมันนั้นบนแท่น เป็นกลิ่นที่พอพระทัยแด่พระเจ้า และปุโรหิตจะทำการลบมลทินบาปของเขา และเขาจะได้รับการอภัย
32 "ถ้าเขานำลูกแกะมาเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป ก็ให้เขานำลูกแกะเมียไม่มีตำหนิมา
33 เขาจะเอามือวางบนหัวของเครื่องบูชาไถ่บาป และฆ่าเสียเป็นเครื่องบูชาไถ่บาปในที่ที่เขาฆ่าเครื่องเผาบูชา
34 และปุโรหิตจะเอานิ้วจุ่มเลือดเครื่องบูชาไถ่บาปนั้นบ้าง นำไปเจิมที่เชิงงอนของแท่นเครื่องเผาบูชาและเทเลือดที่ เหลือนั้นลงที่ฐานของแท่น
35 และเขาจะเอาไขมันทั้งหมดออกเสียอย่างที่เอาไขมัน ของลูกแกะออกจากเครื่องศานติบูชา และปุโรหิตจะเผาไขมันบนแท่นบนเครื่องบูชาด้วยไฟถวายแด่ พระเจ้า และปุโรหิตจะทำการลบ มลทินบาปของเขาซึ่งเขาได้กระทำผิด และเขาจะได้รับการอภัย

เลวีนิติ 5

1 "ถ้าผู้ใดกระทำความ ผิดในข้อที่ได้ยินคำให้สาบานตัวเป็นพยาน และแม้ว่าเขาเป็นพยาน โดยที่เขาเห็นหรือรู้เรื่องก็ตาม แต่เขาไม่ยอมให้การเป็นพยาน เขาต้องรับความผิด
2 หรือผู้หนึ่งผู้ใดแตะต้องสิ่งที่เป็นมลทิน จะเป็นซากสัตว์ป่าที่มลทิน หรือซากสัตว์เลี้ยงที่มลทิน หรือซากสัตว์เล็กๆที่มีมากที่เป็นมลทิน โดยไม่ทันรู้ตัว เขาจึงเป็นคนมีมลทิน เขาก็มีกรรมบาป
3 ถ้าเขาแตะต้องมลทินของคน จะเป็นสิ่งใดๆ ซึ่งเป็นมลทินอันเป็นสิ่งที่กระทำให้คนนั้นเป็นมลทิน โดยเขาไม่รู้ตัว เมื่อเขารู้เข้าแล้วเขาก็มีกรรมบาป
4 ถ้าคนหนึ่งคนใดเผลอตัวกล่าว คำสาบานว่าจะกระทำชั่วหรือดี หรือเผลอตัวกล่าวคำสาบานใดๆ และเขากระทำโดยไม่ทันรู้ตัว เมื่อเขารู้สึกตัวแล้วในประการใดก็ตาม เขาก็มีกรรมบาป
5 เมื่อผู้หนึ่งผู้ใดกระทำกรรมบาปใดๆที่กล่าวมานี้ ก็ให้เขาสารภาพความผิดที่เขาได้กระทำ
6 และให้เขานำเครื่องบูชาไถ่กรรมบาปมาถวายแด่พระเจ้า เพราะบาปซึ่งเขาได้กระทำนั้น เครื่องบูชานั้นจะเป็นสัตว์ตัวเมียจากฝูง คือลูกแกะหรือแพะ ก็เป็นเครื่องบูชาไถ่บาปได้ ดังนี้ปุโรหิตจะทำการลบมลทินบาปให้เขา เพราะเขาทำบาป
7 "ถ้าเขาไม่สามารถถวายลูกแกะตัวหนึ่ง ก็ให้เขานำนกเขาสองตัวหรือนกพิราบหนุ่มสองตัว นกตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป และนกอีกตัวหนึ่งเป็นเครื่องเผาบูชา ให้เป็นเครื่องบูชาไถ่กรรมบาปถวายแด่พระเจ้า ล้างความผิดที่เขาได้กระทำไป
8 ให้เขานำนกทั้งสองนี้มาให้ปุโรหิต ปุโรหิตก็ถวายนกตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป ให้เขาบิดหัวนกหลุดจากคอแต่อย่าให้ขาด
9 และให้เอาเลือดเครื่องบูชาไถ่บาปประพรมที่ข้างแท่นเสียบ้าง ส่วนเลือดที่เหลืออยู่ให้ไหลออกจากที่ฐานแท่น นี่เป็นเครื่องบูชาไถ่บาป
10 แล้วเขาจะถวายนกตัวที่สองเป็นเครื่องเผาบูชาตามกฎหมาย และปุโรหิตจะทำการลบมลทินบาปของเขาซึ่งเขาได้ กระทำไป และเขาจะได้รับการอภัย
11 "แต่ถ้าเขายังไม่สามารถที่จะนำนกเขาสองตัว หรือนกพิราบหนุ่มสองตัวมา ก็ให้เขานำเครื่องบูชาไถ่บาปซึ่งเขาได้กระทำนั้นมา คือยอดแป้งหนึ่งในสิบเอฟาห์ เอามาเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป อย่าใส่น้ำมัน หรือใส่เครื่องกำยานในแป้ง เพราะเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป
12 ให้เขานำแป้งมาให้ปุโรหิต และปุโรหิตจะเอาแป้งกำมือหนึ่งเป็นส่วนอนุสรณ์ และเผาเสียบนแท่นบนเครื่องเผาบูชาด้วยไฟถวาย แด่พระเจ้าเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป
13 อย่างนี้แหละ ปุโรหิตจะทำการลบมลทินบาปของเขา ซึ่งเขาได้กระทำในเรื่องหนึ่งเรื่องใดที่กล่าวมานี้ และเขาจะได้รับการอภัย ส่วนที่เหลือนั้นจะเป็นของปุโรหิตเช่นเดียวกับธัญญบูชา"
14 พระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า
15 "ถ้าผู้ใดทำการไม่ซื่อตรง และทำบาปโดยไม่รู้ตัวในเรื่องของบริสุทธิ์แห่งพระเจ้า ให้ผู้นั้นนำแกะตัวผู้ที่ปราศจากตำหนิเป็นเครื่องบูชา ไถ่กรรมบาปถวายแด่พระเจ้า ให้เจ้าตีราคาเป็นเงินเชเขล ตาม เชเขลของสถานนมัสการ เป็นเครื่องบูชาไถ่กรรมบาป
16 และให้ผู้นั้นชดใช้ของบริสุทธิ์ที่ขาดไป และเพิ่มอีกหนึ่งในห้าของราคาสิ่งที่ขาดไปนั้น นำมอบให้แก่ปุโรหิต และปุโรหิตจะทำการลบมลทินบาปของเขาด้วยแกะผู้ ที่ถวายเป็นเครื่องบูชาไถ่กรรมบาป และเขาจะได้รับการอภัย
17 "ถ้าผู้ใดกระทำผิด คือกระทำสิ่งที่พระเจ้าทรงบัญชามิให้กระทำ ถึงแม้ว่าเขากระทำโดยไม่รู้เท่าถึงการ เขาก็มีความผิดจะต้องรับโทษ
18 ให้ผู้นั้นนำแกะตัวผู้ที่ปราศจากตำหนิมาจากฝูง ให้เจ้าตีราคา เป็นราคาเครื่องบูชาไถ่กรรมบาป และให้ปุโรหิตทำการลบมลทินบาปของเขาตามความผิด ซึ่งเขาได้กระทำด้วยมิได้เจตนานั้น และเขาจะได้รับการอภัย
19 เป็นเครื่องบูชาไถ่กรรมบาป เพราะเขาได้กระทำกรรมบาปต่อพระเจ้า"

เลวีนิติ 6
1 พระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า
2 "ผู้ใดทำบาปและทำการไม่ซื่อตรงต่อพระเจ้า ด้วยการหลอกลวงเพื่อนบ้านในเรื่องการฝากหรือการประกัน หรือทางการโจรกรรม หรือถ้าเขาได้บีบบังคับเพื่อนบ้าน
3 หรือพบสิ่งที่หายไปแล้ว แต่ไม่ยอมรับ สาบานตนเป็นความเท็จ หรือกระทำสิ่งใดที่คนกระทำผิด
4 เมื่อผู้ใดได้ทำบาป และมีกรรมบาปแล้ว ก็ให้ผู้นั้นคืนของที่ได้มาทางโจรกรรมนั้นเสีย หรือสิ่งใดที่เขาได้มาด้วยการบีบบังคับ หรือสิ่งที่ฝากเขาไว้ หรือสิ่งสูญหายที่เขาได้พบเข้า
5 หรือสิ่งใดๆที่ได้สาบานเท็จไว้ เขาต้องคืนให้เต็มตามจำนวน และจงเพิ่มอีกหนึ่งในห้า และมอบให้แก่เจ้าของในวันที่เขาถวายเครื่องบูชาไถ่กรรมบาป
6 ให้ผู้นั้นนำแกะตัวผู้ที่ไม่มีตำหนิ มาจากฝูงเป็นเครื่องบูชาไถ่กรรมบาปถวายแด่พระเจ้า มามอบให้ปุโรหิต ให้เจ้าตีราคาเองเป็นราคาเครื่องบูชาไถ่กรรมบาป
7 และให้ปุโรหิตทำการลบมลทินบาปของเขาต่อ พระพักตร์พระเจ้า และเขาจะได้รับการอภัยในทุกสิ่งที่เขาได้กระทำ ไปซึ่งให้รับกรรมบาป"
8 พระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า
9 "จงบัญชาแก่อาโรนและบุตรของเขาว่า ต่อไปนี้เป็นกฎเรื่องเครื่องเผาบูชา เครื่องเผาบูชานั้นจะต้องเผาอยู่บนแท่นตลอดคืนจนรุ่งเช้า จงให้ไฟบนแท่นเผาเครื่องบูชาลุกอยู่เรื่อยไป
10 ให้ปุโรหิตสวมเสื้อผ้าป่านและสวมกางเกงผ้าป่าน และให้ตักมูลเถ้าออกจากไฟที่ไหม้เครื่องเผาบูชาอยู่บนแท่น นำไปไว้ข้างแท่น
11 ให้ถอดเสื้อที่สวมอยู่ออก แล้วสวมเสื้ออีกตัวหนึ่ง นำมูลเถ้าออกไปนอกค่ายยังที่สะอาด
12 ให้รักษาไฟที่บนแท่นให้ลุกอยู่ อย่าให้ดับเลยทีเดียว ให้ปุโรหิตใส่ฟืนทุกเช้าและให้เรียงเครื่องเผาบูชาให้เป็น ระเบียบไว้บนแท่น และเผาไขมันของเครื่องศานติบูชาบนนั้น
13 ต้องรักษาให้ไฟติดอยู่บนแท่นเรื่อยไป อย่าให้ดับเป็นอันขาด
14 "ต่อไปนี้เป็นกฎของการถวายธัญญบูชา ให้บุตรอาโรนถวายเครื่องบูชานี้ต่อพระพักตร์ พระเจ้าที่หน้าแท่นบูชา
15 ให้ปุโรหิตคนหนึ่งหยิบยอดแป้งกำมือหนึ่งมาจากธัญญบูชา คลุกน้ำมันและเครื่องกำยานทั้งหมดซึ่งอยู่บนธัญญบูชา และเผาส่วนนี้บนแท่นเป็นส่วนอนุสรณ์ เป็นกลิ่นที่พอพระทัยแด่พระเจ้า
16 ส่วนที่เหลืออยู่ให้อาโรนและบุตรของเขารับประทาน ให้เป็นขนมไร้เชื้อรับประทานในสถานศักดิ์สิทธิ์ ให้รับประทานในลานของเต็นท์นัดพบ
17 อย่าใส่เชื้อในขนมนั้นแล้วปิ้ง เราได้ให้ส่วนนี้เป็นส่วนเครื่องบูชาด้วยไฟของ เราอันตกแก่เขา เป็นสิ่งบริสุทธิ์ที่สุดเช่นเดียวกับเครื่องบูชาไถ่บาป และเครื่องบูชาไถ่กรรมบาป
18 ให้บุตรทั้งหลายของอาโรนรับประทานสิ่งนี้ เป็นกฎถาวรตลอดชั่วชาติพันธุ์ของเจ้า จากเครื่องบูชาด้วยไฟของพระเจ้า ผู้ใดที่ถูกต้องสิ่งเหล่านี้จะบริสุทธิ์"
19 พระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า
20 "ต่อไปนี้เป็นเครื่องบูชา ที่อาโรนและบุตรทั้งหลายของเขาจะต้อง ถวายแด่พระเจ้าในวันที่เขารับการเจิม คือยอดแป้งหนึ่งในสิบเอฟาห์เป็นธัญญบูชา ประจำให้ถวายตอนเช้าครึ่งหนึ่ง ตอนเย็นครึ่งหนึ่ง
21 ให้เคล้ากับน้ำมันให้เข้ากันดีแล้ว ทอดบนเหล็ก ทำเป็นแผ่นเหมือนธัญญบูชา แล้วถวายเป็นกลิ่นที่พอพระทัยแด่พระเจ้า
22 ให้ปุโรหิตจากบรรดาบุตรของอาโรน ผู้รับการเจิมตั้งแทนเขา ให้ถวายสิ่งนี้แด่พระเจ้าเป็นกฎสืบไปเนืองนิตย์ ให้เผาเครื่องบูชาทั้งหมดเสีย
23 ธัญญบูชาของปุโรหิตทุกรายให้เผาเสียให้หมด อย่าให้รับประทาน"
24 พระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า
25 "จงกล่าวแก่อาโรน และบุตรของเขาว่า ต่อไปนี้เป็นกฎของการถวายเครื่องบูชาไถ่บาป ให้ฆ่าสัตว์ที่เป็นเครื่องบูชาไถ่บาปในที่ที่ฆ่าสัตว์ อันเป็นเครื่องเผาบูชาต่อพระพักตร์พระเจ้า เป็นของบริสุทธิ์ที่สุด
26 ให้ปุโรหิตผู้ถวายบูชาไถ่บาปรับประทานสัตว์นั้น ให้เขารับประทานในสถานศักดิ์สิทธิ์ ในลานเต็นท์นัดพบ
27 อะไรที่แตะต้องเนื้อสัตว์นั้นจะบริสุทธิ์ และเมื่อประพรมมีเลือดติดเสื้อ ก็ให้ซักเสื้อส่วนที่ติดเลือดนั้นในสถานศักดิ์สิทธิ์
28 จงทำลายภาชนะดินที่ใช้ต้มเนื้อนั้นเสีย ถ้าต้มในภาชนะทองสัมฤทธิ์ก็ให้ขัดและล้างเสียด้วยน้ำ
29 ผู้ชายทุกคนที่เป็นปุโรหิตรับประทานได้ เป็นของ บริสุทธิ์ที่สุด
30 แต่เครื่องบูชาไถ่บาป ซึ่งปุโรหิตนำเลือดไปในเต็นท์นัดพบ เพื่อทำการลบมลทินในสถานศักดิ์สิทธิ์นั้นอย่ารับประทานเลย ต้องเผาไฟเสีย

เลวีนิติ 7
1 "ต่อไปนี้เป็นกฎเรื่องเครื่องบูชาไถ่กรรมบาป เป็นสิ่งบริสุทธิ์ที่สุด
2 ให้ฆ่าสัตว์อันเป็นเครื่องบูชาไถ่กรรมบาปในที่ที่ ฆ่าสัตว์อันเป็นเครื่องเผาบูชา และให้เอาเลือดสัตว์นั้นประพรมที่แท่นและรอบแท่น
3 และให้เอาไขมันของสัตว์นั้นถวายบูชาเสียทั้งหมดด้วย หางมันๆ ไขมันที่หุ้มเครื่องใน
4 ไตสองลูกพร้อมกับไขมันที่ติดอยู่ตรงบั้นเอว และพังผืดเหนือตับซึ่งต้องเอาออกพร้อมกับไต
5 ให้ปุโรหิตเผาสิ่งเหล่านี้บนแท่นเป็นเครื่อง บูชาด้วยไฟถวายแด่พระเจ้า เป็นเครื่องบูชาไถ่กรรมบาป
6 ผู้ชายทุกคนที่เป็นปุโรหิตรับประทานได้ ให้รับประทานในสถานบริสุทธิ์เป็นของบริสุทธิ์ที่สุด
7 เครื่องบูชาไถ่กรรมบาปก็เหมือนเครื่องบูชาไถ่บาป มีกฎ อย่างเดียวกัน ปุโรหิตผู้ใช้เครื่องบูชาทำการลบมลทินจะได้เครื่องบูชานั้น
8 ปุโรหิตคนใดถวายเครื่องเผาบูชาของผู้ใด ปุโรหิตผู้นั้นย่อมได้หนังของเครื่องเผาบูชาที่ตนถวาย
9 เครื่องธัญญบูชาทุกอย่างที่ปิ้งในเตาอบ และสิ่งทั้งหมดซึ่งเตรียมในกระทะหรือ ที่เหล็กให้ตกเป็นของปุโรหิตผู้ถวายของเหล่านั้น
10 ธัญญบูชาทุกอย่างที่เคล้าน้ำมันหรือไม่เคล้าจะตก เป็นของบุตรอาโรนทั่วกัน
11 "ต่อไปนี้เป็นกฎเรื่องเครื่องศานติบูชาซึ่งผู้หนึ่ง ผู้ใดนำมาถวายแด่พระเจ้า
12 ถ้าเขาถวายเป็นเครื่องโมทนาพระคุณ ก็ให้เขาถวายขนมไร้เชื้อเคล้าน้ำมัน ขนมแผ่นไร้เชื้อทาน้ำมัน ขนมยอดแป้งคลุกน้ำมันให้ดีพร้อมกับเครื่องบูชาโมทนา
13 ให้เขานำขนมปังใส่เชื้อมาถวายเป็นส่วนของเครื่องบูชา พร้อมกับสัตว์อันเป็นเครื่องศานติบูชาที่ถวายเป็นการโมทนา พระคุณ
14 ให้เขาถวายของบูชาเหล่านี้อย่างละก้อนแด่พระเจ้า ซึ่งเป็นส่วนที่ตกแก่ปุโรหิตผู้เอาเลือดศานติบูชาประพรม
15 ส่วนเนื้อสัตว์เครื่องศานติบูชาเพื่อโมทนาพระคุณนั้น เขาจะต้องรับประทานเสียในวันทำการถวายบูชา อย่าเหลือไว้จนวันรุ่งเช้าเลย
16 ถ้าเครื่องบูชานั้นเป็นเครื่องบูชาแก้บน หรือเป็นเครื่องบูชาตามใจสมัครให้เขารับประทาน เสียในวันทำการถวายบูชา และในวันรุ่งขึ้นเขายังรับประทานส่วนที่เหลือได้
17 ส่วนเนื้อของเครื่องบูชาที่เหลือถึงวันที่สามให้ เผาเสียด้วยไฟ
18 ถ้าผู้ใดรับประทานเนื้อสัตว์ อันเป็นเครื่องศานติบูชาในวันที่สาม ผู้ถวายนั้นจะไม่เป็นที่โปรดปราน และไม่ทรงถือว่า เครื่องบูชานั้นเป็นที่พอพระทัย เป็นการกระทำที่พึงรังเกียจ และผู้ที่รับประทานจะต้องได้รับโทษ
19 "เนื้อที่ไปถูกของที่เป็นมลทินใดๆอย่ารับประทาน จงเผาเสียด้วยไฟ บุคคลที่สะอาดทุกคนรับประทานเนื้อได้
20 ถ้าผู้ใดรับประทานเนื้อสัตวบูชาอันเป็นศานติบูชาแด่พระเจ้า โดยที่ตนยังมีมลทินติดตัวอยู่ ต้องอเปหิผู้นั้นเสียจากประชาชน
21 ถ้าผู้ใดแตะต้องสิ่งที่เป็นมลทินไม่ว่าจะเป็นมลทินของคน หรือเป็นสัตว์ที่มลทิน หรือเป็นสิ่งที่พึงรังเกียจอันใดที่มลทิน และผู้นั้นมารับประทานเนื้อเครื่องบูชาของศานติบูชาแด่พระเจ้า ให้อเปหิผู้นั้นเสียจากชนชาติของตน"
22 พระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า
23 "จงกล่าวแก่คนอิสราเอลว่า เจ้าทั้งหลายอย่ารับประทานไขมันของวัว ของแกะ หรือของแพะ
24 ไขมันของสัตว์ที่ตายเอง และไขมันของสัตว์ที่สัตว์กัดตายจะนำไปใช้อย่างอื่นก็ได้ แต่อย่ารับประทานเลยเป็นอันขาด
25 ถ้าบุคคลใดๆ รับประทานไขมันสัตว์อันเป็นเครื่องบูชาด้วยไฟถวายแด่พระเจ้า ให้อเปหิผู้นั้นเสียจากชนชาติของตน
26 ยิ่งกว่านั้นอีกเจ้าอย่ารับประทานเลือดเลยทีเดียว ไม่ว่าเลือดนกหรือเลือดสัตว์ในที่ใดๆที่เจ้าอาศัยอยู่
27 ผู้ใดรับประทานเลือดอย่างใดๆ ให้อเปหิผู้นั้นเสียจากชนชาติของ ตน"
28 พระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า
29 "จงกล่าวแก่คนอิสราเอลว่า ผู้ใดจะถวายสัตวบูชาอันเป็นศานติบูชาแด่พระเจ้า ให้ผู้นั้นนำเครื่องบูชาของเขามาถวายแด่พระเจ้า จากสัตวบูชาอันเป็นศานติบูชาของเขา
30 ให้เขานำเครื่องถวายบูชาด้วยไฟแด่พระเจ้ามาด้วยตนเอง ให้เขานำไขมันมาพร้อมกับเนื้ออกนั้น เพื่อเอาเนื้ออกนั้นทำพิธียื่นถวายเป็นเครื่องยื่นบูชา ถวายแด่พระเจ้า
31 ให้ปุโรหิตเผาไขมันเสียบนแท่นบูชา แต่เนื้ออกนั้นตกเป็นของอาโรนและบุตรของเขา
32 แต่ขาขวาของสัตว์นั้น เจ้าจงให้ปุโรหิตเป็นส่วนถวายจากเครื่องบูชาแห่งศานติบูชา
33 บุตรอาโรนผู้ทำพิธีถวายเลือดแห่งศานติบูชาและไขมัน จะได้รับขาขวาเป็นส่วนของเขา
34 เพราะว่าเนื้ออกที่ยื่นถวาย และเนื้อขาที่ถวายนั้น เราได้เอาจากคนอิสราเอลจากเครื่องศานติบูชาของเขา และเราได้มอบให้แก่อาโรนปุโรหิต และบุตรของเขา เป็นส่วนได้อันถาวรจากคนอิสราเอล
35 นี่เป็นส่วนของอาโรนและบุตรของเขา ได้จากเครื่องบูชาด้วยไฟถวายแด่พระเจ้า มอบหมายให้แก่เขาทั้งหลายในวันที่เขา ทั้งหลายถูกถวายไว้เป็นปุโรหิตปรนนิบัติพระเจ้า
36 พระเจ้าทรงบัญชาคนอิสราเอลให้มอบ สิ่งเหล่านี้แก่เขาทั้งหลาย ในวันที่เขาทั้งหลายได้รับการเจิมเป็นปุโรหิต เป็นส่วนได้อันถาวรตลอดชั่วชาติพันธุ์ของเขา"
37 ทั้งหมดนี้ เป็นกฎเรื่องเครื่องเผาบูชา เครื่องธัญญบูชา เครื่องบูชาไถ่บาป เครื่องบูชาไถ่กรรมบาป พิธีชำระให้บริสุทธิ์ และเครื่องศานติบูชา
38 ซึ่งพระเจ้าบัญชาโมเสสบนภูเขาซีนาย ในวันที่พระองค์ทรงบัญชาคนอิสราเอล ให้นำเครื่องบูชามาถวายแด่พระเจ้า ในถิ่นทุรกันดารซีนาย

เลวีนิติ 8
1 พระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า
2 "จงนำอาโรนและบุตรของเขามาพร้อมกับเสื้อยศ น้ำมันเจิม วัวอันเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป แกะผู้สองตัว กระบุงขนมปังไร้เชื้อ
3 และจงเรียกชุมนุมชนทั้งหมดให้ประชุมกันที่ประตู เต็นท์นัดพบ"
4 และโมเสสก็กระทำดังที่พระเจ้าทรงบัญชาแก่ท่าน และชุมนุมชนก็ประชุมกันที่ประตูเต็นท์นัดพบ
5 โมเสสกล่าวแก่ชุมนุมชนว่า "ต่อไปนี้เป็นสิ่งซึ่งพระเจ้าทรงบัญชาให้กระทำ"
6 โมเสสก็นำอาโรนและบุตรทั้งหลายของ เขามาชำระกายด้วยน้ำ
7 แล้วสวมเสื้อให้และคาดเจียระบาดให้ แล้วสวมเสื้อในให้ และสวมเอโฟดให้เขา เอาเจียระบาดของเอโฟดที่ทออย่างวิจิตรคาดเอวให้ ผูกเอโฟดให้ติดเขาไว้
8 และโมเสสสวมทับทรวงให้อาโรนและใส่ อูริม กับทูมมิม ไว้ในทับทรวงนั้น
9 และสวมผ้ามาลาไว้บนศีรษะและ ติดแผ่นทองคำอันเป็นมกุฎที่ผ้ามาลาด้านหน้า ดังที่พระเจ้าทรงบัญชาโมเสสไว้นั้น
10 แล้วโมเสสนำน้ำมันเจิม มาเจิมพลับพลาและทุกสิ่งที่อยู่ในนั้น ชำระให้เป็นของบริสุทธิ์
11 และท่านเอาน้ำมันเจิมประพรมบนแท่นเจ็ดครั้ง เจิมแท่นและเจิมภาชนะประจำแท่นทั้งหมด เจิมขันและพานรองขันเพื่อชำระให้เป็นของบริสุทธิ์
12 และท่านเทน้ำมันเจิมลงบนศีรษะของอาโรนบ้าง แล้วเจิมเขาไว้เพื่อชำระให้บริสุทธิ์
13 และโมเสสก็นำบุตรอาโรนเข้ามา สวมเสื้อแล้วคาดเจียระบาดให้ และสวมมาลาให้ ดังที่พระเจ้าทรงบัญชาโมเสสไว้
14 แล้วท่านจึงนำวัวอันเป็นเครื่องบูชาไถ่บาปเข้ามา อาโรนและบุตรทั้งหลายของเขาก็เอามือของตนวาง บนหัววัว อันเป็นเครื่องบูชาไถ่บาปนั้น
15 โมเสสก็ฆ่าวัวตัวนั้นเสีย เอานิ้วจุ่มเลือดไปเจิมที่เชิงงอนรอบแท่น ชำระแท่นให้บริสุทธิ์ แล้วเทเลือดที่ฐานของแท่น ถวายแท่นไว้เป็นสิ่งบริสุทธิ์ เพื่อทำการลบมลทินของแท่นนั้น
16 และท่านนำไขมันที่อยู่กับเครื่องในและพังผืดเหนือตับ และไตสองลูก พร้อมกับไขมัน แล้วโมเสสก็เผาสิ่งเหล่านี้เสียบนแท่น
17 แต่วัวและหนังวัว กับเนื้อและมูลของมัน ท่านเผาเสียด้วยไฟข้างนอกค่าย ดังที่พระเจ้าทรงบัญชาโมเสสไว้
18 แล้วท่านก็นำแกะผู้อันเป็นเครื่องเผาบูชาเข้ามา อาโรนกับบุตรทั้งหลายของเขาก็เอามือของตนวาง บนหัวของแกะผู้นั้น
19 โมเสสก็ฆ่าแกะนั้นเสีย เอาเลือดประพรมที่แท่นและรอบแท่น
20 เมื่อเขาฟันแกะออกเป็นท่อนๆ โมเสสก็เผาหัวและแกะท่อนๆกับไขมันเสีย
21 เมื่อเอาน้ำล้างเครื่องในและขาแกะแล้ว โมเสสก็เผาแกะทั้งตัวบนแท่น เป็นเครื่องเผาบูชาเป็นกลิ่นที่พอพระทัย เป็นเครื่องบูชาด้วยไฟถวายแด่พระเจ้า ดังที่พระเจ้าทรงบัญชาโมเสส
22 ท่านจึงนำแกะผู้อีกตัวหนึ่งนั้นเข้ามา คือแกะตัวที่เป็นเครื่องสถาปนา อาโรนและบุตรทั้งหลายของเขาก็เอามือของ ตนวางบนหัวของแกะผู้นั้น
23 โมเสสก็ฆ่าแกะนั้นเสีย เอาเลือดเจิมที่ปลายหูข้างขวาของอาโรน และที่นิ้วหัวแม่มือขวาของเขา และที่นิ้วหัวแม่เท้าขวาของเขา
24 แล้วก็นำบุตรทั้งหลายของอาโรนเข้ามา และโมเสสเอาเลือดเจิมที่ปลายหูข้างขวา ที่นิ้วหัวแม่มือข้างขวา ที่นิ้วหัวแม่เท้าข้างขวาของเขา และโมเสสเอาเลือดประพรมที่แท่นและรอบแท่น
25 แล้วท่านจึงนำไขมัน และหางมันๆ และไขมันทั้งหมดที่อยู่กับเครื่องใน และพังผืดเหนือตับ และไตสองลูกกับไขมันที่ติดอยู่ และขาข้างขวา
26 และท่านหยิบขนมไร้เชื้อหนึ่งก้อนจากกระบุงขนมไร้เชื้อ ซึ่งอยู่ต่อพระพักตร์พระเจ้า และหยิบขนมปังคลุกน้ำมันก้อนหนึ่ง ขนมแผ่นแผ่นหนึ่ง วางของเหล่านี้ไว้บนไขมัน และบนขาข้างขวา
27 ท่านเอาสิ่งเหล่านี้วางไว้ในมือของอาโรน และมือของบุตรทั้งหลายของเขา และทำพิธียื่นเป็นเครื่องยื่นถวายแด่พระเจ้า
28 แล้วโมเสสก็รับของเหล่านั้นมาจากมือของเขาทั้งหลาย และเผาเสียบนแท่น พร้อมกับเครื่องเผาบูชา เป็นเครื่องสถาปนบูชาเป็นกลิ่นที่พอพระทัย เป็นเครื่องบูชาด้วยไฟถวายแด่พระเจ้า
29 และโมเสสเอาเนื้ออกทำพิธียื่น เป็นเครื่องยื่นถวาย แด่พระเจ้า นี่เป็นแกะสถาปนาส่วนของโมเสส ดังที่พระเจ้าทรง บัญชาโมเสส
30 แล้วโมเสสนำน้ำมันเจิมและเลือด ซึ่งอยู่บนแท่นประพรมบนอาโรนและเครื่องยศของเขา และบนบุตรทั้งหลายกับบนเสื้อของบุตรทั้งหลายของเขา ดังนี้แหละท่านก็ชำระอาโรนกับเครื่องยศของเขาให้บริสุทธิ์ บุตรทั้งหลายของเขากับเครื่องยศของบุตรนั้นด้วย
31 โมเสสสั่งอาโรนและบุตรทั้งหลายของเขาว่า "จงต้มเนื้อเสียที่ประตูเต็นท์นัดพบ และรับประทานเสียที่นั่นกับขนมปังซึ่งอยู่ในกระบุง เครื่องสถาปนบูชา ดังที่ข้าพเจ้าบัญชาท่านว่า อาโรนและบุตรทั้งหลายของเขาจะรับประทาน
32 เนื้อและขนมปังที่เหลือนั้นท่านจงเผาเสียด้วยไฟ
33 และท่านทั้งหลายอย่าออกไปนอกประตูเต็นท์นัดพบ ตลอดเจ็ดวัน จนกว่าวันกำหนดสถาปนาของท่านจะครบเพราะที่จะ สถาปนาท่านนั้น ก็กินเวลาเจ็ดวัน
34 สิ่งที่ได้กระทำในวันนี้ พระเจ้าทรงบัญชาให้กระทำเพื่อลบมลทินของท่าน
35 ท่านจงอยู่ที่ประตูเต็นท์นัดพบทั้งกลางวันและกลางคืน ตลอดเจ็ดวัน กระทำกิจที่พระเจ้าทรงกำชับไว้ เกลือกว่าท่านจะต้องถึงตาย เพราะนี่เป็นสิ่งที่ข้าพเจ้าได้รับบัญชามา"
36 อาโรนกับบุตรทั้งหลายของเขา ได้กระทำตามที่พระเจ้าทรงบัญชาทางโมเสสทุกประการ

เลวีนิติ 9
1 ณวันที่แปดโมเสสก็เรียกอาโรนและบุตรทั้งหลายของเขา และพวกผู้ใหญ่ของอิสราเอล
2 และท่านกล่าวแก่อาโรนว่า "จงนำลูกวัวตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป และแกะผู้ตัวหนึ่งเป็นเครื่องเผาบูชา ทั้งสองอย่าให้มีตำหนิ จงถวายบูชาแด่พระเจ้า
3 และกล่าวแก่คนอิสราเอลว่า 'จงเอาแพะผู้ตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป และลูกวัวตัวหนึ่งกับลูกแกะตัวหนึ่ง ทั้งสองให้มีอายุหนึ่งขวบ ปราศจากตำหนิเป็นเครื่องเผาบูชา
4 และเอาวัวผู้ตัวหนึ่งและแกะผู้ตัวหนึ่งเป็นศานติบูชา บูชาถวายแด่พระเจ้า และเอาธัญญบูชาเคล้าน้ำมันมาถวาย เพราะว่าพระเจ้าจะทรงปรากฏแก่ท่านในวันนี้'"
5 เขาทั้งหลายก็นำสิ่งที่โมเสสบัญชานั้นมาที่เต็นท์นัดพบ และชุมนุมชนทั้งหมดก็เข้ามาใกล้ยืนอยู่ต่อพระพักตร์พระเจ้า
6 โมเสสกล่าวว่า "นี่เป็นสิ่งซึ่งพระเจ้าทรงบัญชาให้ท่านทั้งหลายกระทำ และพระสิริของพระเจ้าจะปรากฏแก่ท่านทั้งหลาย"
7 แล้วโมเสสจึงสั่งอาโรนว่า "จงเข้าไปใกล้แท่นบูชา ถวายเครื่องบูชาไถ่บาป และเครื่องบูชาของท่านเสีย และทำการลบมลทินบาปของตัวท่านกับประชาชนทั้งหลาย และจงนำเครื่องถวายบูชาของประชาชนมา และทำการลบมลทินบาปของเขา ดังที่พระเจ้าทรงบัญชา"
8 อาโรนจึงเข้าไป ใกล้แท่นบูชาและฆ่าลูกวัวอันเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป ซึ่งเป็นของเพื่อตน
9 และบุตรอาโรนก็นำเลือดมาให้เขา เขาก็เอานิ้วจุ่มเลือดไปเจิมเชิงงอนของแท่น และเทเลือดลงที่ฐานแท่น
10 ส่วนไขมันและไตกับพังผืดเหนือตับ จากเครื่องบูชาไถ่บาปนั้นเขาเผาเสียบนแท่น ดังที่พระเจ้าทรงบัญชาโมเสส
11 เขาก็เผาเนื้อและหนังเสียด้วยไฟที่ภายนอกค่าย
12 เขาฆ่าสัตว์เครื่องเผาบูชา แล้วบุตรอาโรน ก็นำเลือดมาให้เขา เขาจึงเอาเลือดนั้นประพรมที่แท่น และรอบแท่น
13 และบุตรอาโรนก็ส่งเครื่อง เผาบูชาทีละท่อนกับหัวมาให้อาโรน อาโรนก็เผาสิ่งเหล่านี้บนแท่น
14 อาโรนจึงล้างเครื่องในและขาสัตว์และเผาเสีย พร้อมกับเครื่องเผาบูชาที่บนแท่นบูชา
15 แล้วอาโรนก็นำเครื่องบูชาของประชาชนมาถวาย คือนำแพะซึ่งเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป ซึ่งเป็นของเพื่อประชาชนมาฆ่าเสียบูชาไถ่บาป ดังเครื่องบูชาไถ่บาปครั้งก่อนนั้น
16 และเขาก็ถวายเครื่องเผาบูชาถวายตามกฎหมาย
17 และเขาก็ถวายธัญญบูชาโดยหยิบมากำมือหนึ่ง เผาเสียบนแท่น นอกเหนือเครื่องเผาบูชาประจำเวลาเช้า
18 เขาฆ่าวัวผู้ด้วย และแกะผู้เป็นเครื่องศานติบูชาสำหรับประชาชน และบุตรอาโรนนำเลือดมาให้อาโรน อาโรนก็เอาเลือดประพรมที่แท่นและรอบแท่น
19 และนำไขมันวัวและไขมันแกะ กับหางมันๆ และไขมันที่หุ้มเครื่องใน และไตกับพังผืดเหนือตับมาให้
20 และเขาทั้งหลายวางไขมันไว้บนเนื้ออก และอาโรนก็เผาไขมันเสียบนแท่น
21 ส่วนเนื้ออกและเนื้อขาขวานั้น อาโรนทำพิธียื่นถวายแด่พระเจ้า ดังที่โมเสสบัญชาไว้
22 แล้วอาโรนยกมือขึ้นอวยพรประชาชน และอาโรนก็ลงมาจากการถวายเครื่องบูชาไถ่บาป เครื่องเผาบูชาและศานติบูชา
23 โมเสสกับอาโรนจึงเข้าไปในเต็นท์นัดพบ เมื่อเขาทั้งสองออกมา เขาก็อวยพรประชาชน และพระสิริของพระเจ้า ก็ปรากฏแก่ประชาชนทั้งมวล
24 เปลวเพลิงพลุ่งออกมาต่อพระพักตร์พระเจ้า เผาเครื่องเผาบูชาและไขมันซึ่งอยู่บนแท่น เมื่อประชาชนทั้งหลายเห็นก็โห่ร้องและซบหน้าลง

เลวีนิติ 10
1 ฝ่ายนาดับกับอาบีฮูบุตรของอาโรน ต่างนำกระถางไฟของเขามา และเอาไฟใส่ในนั้น แล้วใส่เครื่องหอมลง เอาไฟที่ต้องห้ามมาเผาถวายบูชาแด่พระเจ้า ซึ่งพระองค์มิได้ทรงบัญชาให้เขากระทำเช่นนั้น
2 ไฟก็พุ่งขึ้นมาจากที่พระเจ้าประทับไหม้เขาทั้งสอง และเขาก็ตายต่อพระพักตร์พระเจ้า
3 โมเสสจึงบอกอาโรนว่า "พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า 'เราจะสำแดงความบริสุทธิ์ของเราท่ามกลางผู้ที่อยู่ใกล้เรา เขาจะถวายความยิ่งใหญ่แก่เราต่อหน้าประชาชนทั้งปวง'" และอาโรนก็นิ่งอยู่
4 โมเสสเรียกมิชาเอลและเอลซาฟานบุตรของอุสซีเอล อาของอาโรนบอกเขาว่า "จงเข้ามาใกล้ หามเอาพี่น้องของเจ้าออกไปเสียนอกค่าย จากหน้าสถานนมัสการ"
5 เขาก็เข้ามาใกล้หามศพทั้งเสื้อออกไปไว้นอกค่าย ตามที่โมเสสสั่ง
6 และโมเสสกล่าวแก่อาโรนและเอเลอาซาร์และอิธามาร์ บุตรอาโรนว่า "ท่านทั้งหลายอย่าปล่อยผมห้อย หรือฉีกเสื้อผ้าของท่าน เกลือกว่าท่านจะต้องตาย และเกลือกว่าพระพิโรธจะตกเหนือชุมนุมชน แต่พี่น้องของท่านคือวงศ์วานอิสราเอลทั้งมวล จะไว้ทุกข์เพราะพระเจ้าทรงให้บังเกิดการเผาไหม้ก็ได้
7 และอย่าออกไปจากประตูเต็นท์นัดพบเกลือกว่าท่านต้องตาย เพราะว่าน้ำมันเจิมแห่งพระเจ้าอยู่เหนือท่านทั้งหลาย" และเขาทั้งหลายก็กระทำตามคำของโมเสส
8 พระเจ้าตรัสกับอาโรนว่า
9 "เมื่อตัวเจ้าหรือบุตรของเจ้าจะเข้าไปในเต็นท์นัดพบ อย่าดื่มเหล้าองุ่นหรือสุรา เกลือกว่าเจ้าจะต้องตาย ทั้งนี้ให้เป็นกฎเกณฑ์ถาวรอยู่ตลอดชั่วชาติพันธุ์ของเจ้า
10 เจ้าจงแยกของบริสุทธิ์จากของสาธารณ์ ของมลทินจากของไม่มลทิน
11 และเจ้าจะต้องสอนประชาชนอิสราเอล ให้ทราบถึงกฎเกณฑ์ทั้งมวล ซึ่งพระเจ้าได้ตรัสแก่เขาทั้งหลายทางโมเสส"
12 โมเสสกล่าวแก่อาโรนและเอเลอาซาร์ และอิธามาร์ บุตรของเขาผู้ที่เหลืออยู่ว่า "จงเอาธัญญบูชา ซึ่งเหลือจากการบูชาด้วยไฟถวายแด่พระเจ้า มารับประทานที่ริมแท่นบูชา ไม่ใส่เชื้อ เพราะเป็นของบริสุทธิ์ที่สุด
13 เจ้าจงรับประทานในสถานบริสุทธิ์เพราะเป็นส่วนของเจ้า และส่วนของบุตรของเจ้า จากเครื่องบูชาด้วยไฟถวายแด่พระเจ้า เพราะข้าพเจ้าได้รับบัญชาดังนี้
14 แต่เนื้ออกที่ยื่นบูชาและเนื้อขาที่บูชาแล้วนั้น เจ้าจงรับประทานในที่สะอาดที่ไหนก็ได้ ทั้งตัวเจ้าและบุตรชายบุตรหญิงของเจ้าก็รับประทานได้ เพราะเป็นส่วนที่ได้มาจากศานติบูชาของประชาชน อันตกอยู่กับท่าน ทั้งบุตรชายทั้งหลายของท่านด้วย
15 เนื้อขาที่บูชาและเนื้ออกที่ยื่นถวายเขา จะนำมาบูชาพร้อมกับเครื่องไขมันที่บูชาด้วยไฟ เพื่อยื่นถวายเป็นเครื่องยื่นบูชาถวายแด่พระเจ้า สิ่งเหล่านี้เป็นของท่านและบุตรทั้งหลายของท่าน เป็นส่วนได้ของท่านเป็นนิตย์ ดังที่พระเจ้าทรงบัญชาไว้"
16 ฝ่ายโมเสสได้พยายามไต่ถามถึงเรื่องแพะ ซึ่งเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป และ ดูเถิด แพะตัวนั้นถูกเผาเสียแล้ว ท่านจึงโกรธเอเลอาซาร์และอิธามาร์ บุตรชายของอาโรนที่เหลืออยู่ท่านว่าเขาว่า
17 "เหตุไฉนท่านจึงมิได้รับประทานเครื่องบูชาไถ่บาป ในสถานศักดิ์สิทธิ์ ในเมื่อเป็นของบริสุทธิ์ที่สุดและเขา ได้ให้ท่านเพื่อท่านจะได้รับความผิดของชุมนุมชน เพื่อทำการลบมลทินบาปของเขาทั้งหลายต่อพระเจ้า
18 ดูเถิด เลือดสัตว์นั้นก็มิได้นำเข้ามายังวิสุทธิสถานที่ห้องชั้นใน ท่านควรจะได้รับประทานสิ่งเหล่านี้ในสถานศักดิ์สิทธิ์ ดังที่ข้าพเจ้าได้บัญชาแล้วนั้น"
19 อาโรนจึงกล่าวแก่โมเสสว่า "ดูเถิด วันนี้เขาได้ถวายเครื่องบูชาไถ่บาป และเครื่องเผาบูชาของเขาต่อพระพักตร์พระเจ้าแล้ว และเหตุการณ์เหล่านี้ก็ตกที่ข้าพเจ้า ถ้าวันนี้ข้าพเจ้าได้รับประทานเครื่องบูชาไถ่บาป จะเป็นที่โปรดปรานเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าหรือ"
20 เมื่อโมเสสได้ฟังดังนั้นท่านก็พอใจ

เลวีนิติ 11
1 พระเจ้าตรัสกับโมเสสและอาโรนว่า
2 "จงกล่าวแก่คนอิสราเอลว่า ต่อไปนี้เป็นสัตว์ที่มีชีวิตในบรรดาสัตว์ในโลก ซึ่งเจ้าจะรับประทานได้
3 บรรดาสัตว์ที่แยกกีบและมีกีบผ่า และสัตว์เคี้ยวเอื้องเจ้ารับประทานได้
4 อย่างไรก็ตาม สัตว์ต่อไปนี้ที่เคี้ยวเอื้องหรือแยกกีบ เจ้าก็อย่ารับประทานอูฐ เพราะมันเคี้ยวเอื้องแต่ไม่แยกกีบ เป็นสัตว์มลทินแก่เจ้า
5 ตัวกระจงผา เพราะว่ามันเป็นสัตว์เคี้ยวเอื้องแต่ไม่แยกกีบ เป็นสัตว์มลทินแก่เจ้า
6 กระต่าย เพราะว่ามันเป็นสัตว์เคี้ยวเอื้อง แต่ไม่แยกกีบ เป็นสัตว์มลทินแก่เจ้า
7 หมู เพราะมันเป็นสัตว์แยกกีบและมีกีบผ่าแต่ไม่เคี้ยวเอื้อง จึงเป็นสัตว์มลทินแก่เจ้า
8 อย่ารับประทานเนื้อของสัตว์เหล่านี้เลย และเจ้าอย่าแตะต้องซากของมัน มันเป็นของมลทินแก่เจ้า
9 "สัตว์ที่อยู่ในน้ำทั้งหมดเหล่านี้ เจ้ารับประทานได้ ของทุกอย่างซึ่งอยู่ในน้ำ ที่มีครีบและมีเกล็ด จะอยู่ในทะเลหรือในแม่น้ำก็ตาม เจ้ารับประทานได้
10 แต่ของทุกอย่างซึ่งอยู่ในน้ำไม่มีครีบและเกล็ด จะเป็นสัตว์เล็กๆในน้ำ หรือสัตว์ที่มีชีวิตในน้ำ เป็นสัตว์ที่พึงรังเกียจแก่เจ้า
11 ให้คงเป็นสัตว์ที่พึงรังเกียจแก่เจ้า เนื้อมันก็ดีเจ้าอย่ารับประทาน และซากของมันก็ดีเจ้าพึงรังเกียจ
12 ของทุกอย่างซึ่งอยู่ในน้ำไม่มีครีบและเกล็ด เป็นของพึงรังเกียจแก่เจ้า
13 "ต่อไปนี้เป็นนกซึ่งเจ้าพึงรังเกียจ เจ้าอย่ารับประทาน มันเป็นสัตว์ที่พึงรังเกียจ คือ นกอินทรี นกแร้ง นกออก
14 นกเหยี่ยวหางยาว เหยี่ยวดำตามชนิดของมัน
15 นกแกตามชนิดของมัน
16 นกกระจอกเทศ นกเค้าโมง นกนางนวล เหยี่ยวนกเขาตามชนิดของมัน
17 นกเค้าแมว นกอ้ายงั่ว นกทึดทือ
18 นกอีโก้ง นกกระทุง นกแร้ง
19 นกกระสาดำ นกกระสาตามชนิดของมัน นกหัวขวาน และค้างคาว
20 "แมลงมีปีกซึ่งคลานสี่ขา เป็นสัตว์ที่พึงรังเกียจแก่เจ้า
21 แต่ในบรรดาแมลงมีปีกที่คลานสี่ขานี้ เจ้าจะรับประทานจำพวกที่มีขาพับใช้กระโดดไปบนดินได้
22 ในจำพวกแมลงต่อไปนี้เจ้ารับประทานได้ ตั๊กแตนตามชนิดของมัน จิ้งหรีดโกร่งตามชนิดของมัน จักจั่นตามชนิดของมัน และตั๊กแตนโมตามชนิดของมัน
23 แต่แมลงมีปีกอย่างอื่นซึ่งมีสี่ขา เป็นสัตว์ที่พึงรังเกียจแก่เจ้า
24 "สิ่งเหล่านั้นจะกระทำให้เจ้ามลทินได้ คือผู้หนึ่งผู้ใดแตะต้องซากของ มันจะต้องมลทินไปถึงเวลาเย็น
25 ผู้ใดถือซากสัตว์ส่วนใดๆไป ต้องซักเสื้อผ้าของตน และมลทินไปจนถึงเวลาเย็น
26 สัตว์แยกกีบแต่ไม่มีกีบผ่าไม่เคี้ยวเอื้อง เป็นสัตว์มลทินแก่เจ้า ผู้ใดแตะต้องสัตว์เหล่านี้จะมลทิน
27 ในบรรดาสัตว์สี่เท้าทุกอย่างซึ่งเดินด้วยขยุ้มเท้า เป็นสัตว์มลทินแก่เจ้า ผู้ใดแตะต้องซากสัตว์นี้จะต้องมลทินไปถึงเวลาเย็น
28 ผู้ใดนำซากมันไปจะต้องซักเสื้อผ้าของตน และมลทินไปจนถึงเวลาเย็น เป็นสัตว์มลทินแก่เจ้า
29 "ในบรรดาสัตว์เล็กๆซึ่งมีมากบนดินชนิดต่อไปนี้ เป็นสัตว์มลทินแก่เจ้า คือ อีเห็น หนู เหี้ย ตามชนิดของมัน
30 จิ้งจก จะกวด แย้ จิ้งเหลน และกิ้งก่า
31 ในบรรดาสัตว์เล็กๆที่มีมากชนิดเหล่านี้ เป็นมลทินแก่เจ้า ผู้ใดแตะต้องเมื่อมันตายแล้ว ผู้นั้นจะมลทินไปถึงเวลาเย็น
32 และเมื่อมันตายตกทับสิ่งใดสิ่งนั้นก็เป็นมลทิน ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่เป็นไม้ หรือเสื้อผ้า หรือหนังสัตว์ หรือกระสอบ หรือภาชนะใดๆ ที่ใช้เพื่อประโยชน์อย่างใดจะต้องแช่น้ำ และจะมลทินไปจนถึงเวลาเย็น ต่อไปก็นับว่าสะอาดได้
33 และถ้ามันตกลงไปในภาชนะดิน สิ่งที่อยู่ในภาชนะนั้นจะมลทิน จงทุบภาชนะนั้นเสีย
34 อาหารในภาชนะนั้นที่รับประทานได้ซึ่งมีน้ำปนอยู่ ก็เป็นมลทิน และน้ำดื่มทั้งสิ้นซึ่งจะดื่มได้จากภาชนะอย่างนี้จะมลทิน
35 ถ้าส่วนใดของซากสัตว์ตกใส่สิ่งใดๆ สิ่งนั้นๆก็มลทิน ไม่ว่าเป็นเตาอบหรือเตา ต้องทุบเสีย เป็นมลทิน และเป็นของมลทินแก่เจ้า
36 อย่างไรก็ตาม น้ำพุหรือน้ำในแอ่งเก็บน้ำเป็นของสะอาด แต่สิ่งใดที่แตะต้องซากสัตว์นั้น จะมลทิน
37 ถ้าส่วนใดของซากตกใส่เมล็ดพืชที่ใช้หว่าน พืชนั้นนับว่าสะอาด
38 ถ้าเทน้ำใส่พืชนั้น และซากสัตว์ส่วนใดตกใส่พืชนั้น ก็เป็นมลทินแก่เจ้า
39 "ถ้าสัตว์ซึ่งเจ้าจะรับประทานได้นั้นตายเอง ผู้ที่แตะต้องซากสัตว์นั้นจะมลทินไปจนถึงเวลาเย็น
40 และผู้ใดที่รับประทานซาก นั้นจะต้องซักเสื้อผ้าของเขาเสีย และเป็นมลทินไปจนถึงเวลาเย็น ผู้ใดที่จับถือซากนั้นไปก็ต้องซักเสื้อผ้าของตน และเป็นมลทินไปจนถึงเวลาเย็น
41 "บรรดาสัตว์เลื้อยคลานที่ไปเป็นฝูงๆ บนแผ่นดินเป็นสิ่งพึงรังเกียจอย่ารับประทาน
42 สิ่งใดที่เลื้อยไปด้วยท้อง หรือสิ่งที่เดินสี่ขา หรือสิ่งที่มีหลายขา ทุกสิ่งที่คลานไปบนแผ่นดินเจ้าอย่ารับประทาน เพราะเป็นสิ่งพึงรังเกียจแก่เจ้า
43 เจ้าอย่ากระทำให้ตัวเองเป็นที่พึงรังเกียจ ด้วยสัตว์เลื้อยคลานใดๆ อย่าทำตัวให้เป็นมลทินไปด้วยสิ่งเหล่านี้เลย เกรงว่าเจ้าจะไม่สะอาดไปด้วย
44 เพราะเราคือพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้า จงชำระตัวไว้ให้บริสุทธิ์เพราะเรา บริสุทธิ์ เจ้าอย่าทำตัวให้เป็นมลทินไปด้วยสัตว์เล็กๆ ที่มีมากซึ่งคลานไปบนดิน
45 เพราะเราคือพระเจ้าผู้นำเจ้าออกจากแผ่นดินอียิปต์ เพื่อเป็นพระเจ้าของเจ้า เพราะฉะนั้นเจ้าจึงต้องบริสุทธิ์ เพราะเราบริสุทธิ์"
46 เหล่านี้เป็นกฎกล่าวถึงเรื่องสัตว์และนก และสิ่งมีชีวิตที่เคลื่อนไหวไปมาในน้ำ และสัตว์ทุกชนิดที่เลื้อยคลานบนแผ่นดิน
47 เพื่อให้สังเกตความแตกต่างระหว่าง สิ่งที่เป็นมลทินและสิ่งที่สะอาด และระหว่างสิ่งที่มีชีวิตรับประทานได้ และสัตว์มีชีวิตที่รับประทานไม่ได้

เลวีนิติ 12
1 พระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า
2 "จงกล่าวแก่คนอิสราเอลว่า ถ้าหญิงคนใดมีครรภ์คลอดบุตรเป็นชาย นางต้องเป็นมลทินไปเจ็ดวัน นางจะเป็นมลทินอย่างเดียวกับมลทินเวลาที่นางมีประจำเดือน
3 ในวันที่แปดให้ตัดหนังปลายองคชาตของเด็กนั้นเสีย เพื่อเป็นการเข้าสุหนัต
4 ให้นางคอยอยู่อีกสามสิบสามวันด้วยเรื่องโลหิตชำระของนาง อย่าให้นางแตะต้องของบริสุทธิ์อันใด หรือเข้าไปในสถานนมัสการ จนกว่าจะครบวันชำระของนาง
5 แต่ถ้านางคลอดบุตรเป็นหญิง นางจะมลทินไปสองสัปดาห์ อย่างเดียวกับเรื่องการมีประจำเดือน และนางจะต้องคอยอยู่หกสิบหกวัน ด้วยเรื่องโลหิตชำระของนาง
6 "และเมื่อวันชำระของนางครบแล้ว ไม่ว่าเป็นกำหนดของบุตรชายหรือบุตรหญิง ให้นางไปหาปุโรหิตที่ประตูเต็นท์นัดพบ นำลูกแกะอายุหนึ่งขวบตัวหนึ่งไปเป็นเครื่องเผาบูชา และนกพิราบหนุ่มตัวหนึ่งหรือนกเขาตัวหนึ่งเป็น เครื่องบูชาไถ่บาป
7 ให้ปุโรหิตนำถวายแด่พระเจ้า และทำการลบมลทินให้นาง แล้วนางจะสะอาดในเรื่องโลหิตของนางตก นี่เป็นกฎกล่าวด้วยเรื่องการคลอดบุตร ไม่ว่าเป็นชายหรือหญิง
8 และถ้านางไม่สามารถหาลูกแกะตัวหนึ่งได้ ก็ให้นางนำนกเขาสองตัวหรือนกพิราบหนุ่มสองตัว ตัวหนึ่งเป็นเครื่องเผาบูชา และอีกตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป และให้ปุโรหิตทำการลบมลทินให้นาง แล้วนางจะสะอาด"

เลวีนิติ 13
1 พระเจ้าตรัสกับโมเสสและอาโรนว่า
2 "ถ้าผู้ใดเกิดอาการบวมหรือพุหรือด่างขึ้นที่ผิวหนัง แล้วผิวหนังของเขาเป็นเรื้อน ก็ให้พาผู้นั้นมาหาอาโรนปุโรหิต หรือมาหาบุตรคนหนึ่งคนใดของเขาที่เป็นปุโรหิต
3 ให้ปุโรหิตตรวจผิวหนังตรงที่เป็นโรค ถ้าขนในที่นั้นหงอกและเห็นว่าโรคนั้นอยู่ลึกกว่าผิวหนังลงไป นับว่าเป็นโรคเรื้อน เมื่อปุโรหิตตรวจเขาเสร็จแล้วให้ประกาศว่า เขาเป็นมลทิน
4 ถ้าผิวหนังตรงที่ป่วยนั้นขาว และปรากฏว่ากินไม่ลึกไปกว่า ผิวหนังและขนในบริเวณนั้นก็ไม่หงอก ให้ปุโรหิตกักตัวผู้ป่วยไว้เจ็ดวัน
5 และให้ปุโรหิตตรวจเขาอีกในวันที่เจ็ด ถ้าตามสายตาของเขาเห็นว่า โรคนั้นทรงอยู่ไม่ลามออกไปในผิวหนัง ก็ให้ปุโรหิตกักตัวเขาต่อไปอีกเจ็ดวัน
6 พอถึงวันที่เจ็ดให้ปุโรหิตตรวจเขาอีกครั้งหนึ่ง ถ้าบริเวณที่ป่วยนั้นจางลง และโรคมิได้ลามออกไปในผิวหนัง ก็ให้ปุโรหิตประกาศว่า เขาสะอาดแล้ว เขาเป็นโรคพุเท่านั้น ให้เขาซักเสื้อผ้าแล้วเขาก็จะสะอาดได้
7 แต่ถ้าหากว่าภายหลังจากที่เขาสำแดง ตัวแก่ปุโรหิตเพื่อรับการชำระแล้วนั้น ปรากฏว่าบริเวณที่พุลามออกไปในผิวหนัง เขาต้องกลับไปหาปุโรหิตอีก
8 ให้ปุโรหิตทำการตรวจ ถ้าบริเวณพุลามออกไปในผิวหนัง ก็ให้ปุโรหิตประกาศว่า เขาเป็นมลทิน เขาเป็นโรคเรื้อน
9 "ถ้าผู้ใดเป็นโรคเรื้อนก็ให้พาเขามาหาปุโรหิต
10 และให้ปุโรหิตตรวจดูตัวเขา ถ้ามีบริเวณบวมสีขาวเกิดขึ้นที่ผิวหนัง ซึ่งทำให้ขนที่นั่นหงอก และมีเนื้อแผลสดในที่ที่บวมนั้น
11 แสดงว่าเป็นโรคเรื้อนเรื้อรังที่ผิวหนัง ให้ปุโรหิตประกาศว่าเขามลทิน อย่ากักตัวเขาไว้ เพราะว่าเขาเป็นมลทิน
12 ถ้าโรคเรื้อนนั้นลามไปตามผิวหนัง ตามที่ปุโรหิตเห็นก็ปรากฏว่า ลามไปตามผิวหนังทั่วตัวผู้ป่วยตั้งแต่ศีรษะจนเท้า
13 ปุโรหิตต้องตรวจดู ถ้าเรื้อนนั้นแผ่ไปทั่วตัว ให้ปุโรหิตประกาศว่า เขาสะอาดด้วยโรคของเขาแล้วตัวของเขาเผือก เขาสะอาด
14 ถ้ามีเนื้อแผลสดปรากฏขึ้นมาเมื่อไร เขาก็เป็นมลทิน
15 ให้ปุโรหิตตรวจดูที่เนื้อแผลสด และประกาศว่าเขาเป็นมลทิน เพราะเนื้อแผลสดนั้นทำให้มลทิน เขาเป็นโรคเรื้อน
16 ถ้าเนื้อแผลสดนั้นเปลี่ยนไปอีกกลายเป็นสีขาว ให้เขามาหาปุโรหิต
17 และให้ปุโรหิตตรวจเขา และถ้าโรคนั้นกลายเป็นโรคเผือก ให้ปุโรหิตประกาศว่า คนที่เป็นโรคนั้นสะอาด เขาสะอาด
18 "ถ้าที่ร่างกายของคนใดมีแผลฝีซึ่งหายแล้ว
19 ถ้าที่แผลเป็นนั้นมีสีขาวบวมขึ้นมาหรือมีรอยสีแดงเรื่อๆปรากฏ ก็ให้ผู้นั้นไปสำแดงตัวต่อปุโรหิต
20 และปุโรหิตจะตรวจดู ถ้าปรากฏว่าที่เป็นนั้นลึกกว่าผิวหนังและขนที่ บริเวณนั้นหงอกให้ปุโรหิตประกาศว่า เขาเป็นมลทิน โรคนั้นเป็นโรคเรื้อนมันพุขึ้นมาที่แผลฝี
21 แต่ถ้าปุโรหิตตรวจดูแล้วเห็นว่าขนที่นั่นก็ไม่หงอก และเป็นไม่ลึกกว่าผิวหนัง แต่จาง ให้ปุโรหิตกักตัวเขาไว้เจ็ดวัน
22 ถ้าโรคนั้นลามออกไปในผิวหนัง ก็ให้ปุโรหิตประกาศว่า เขาเป็นมลทิน เขาเป็นโรคแล้ว
23 แต่ถ้าบริเวณนั้นคงที่อยู่ไม่ลามออกไป ก็เป็นแต่เพียงแผลเป็นของฝีให้ปุโรหิตประกาศว่า เขาสะอาด
24 "หรือ เมื่อส่วนของร่างกายถูกไฟลวกและเนื้อแผลสด ที่ตรงนั้นเป็นรอยสีแดงเรื่อๆ หรือสีขาว
25 ให้ปุโรหิตตรวจดู ถ้าขนในบริเวณนั้นหงอกและปรากฏว่าเป็นลึกกว่าผิวหนัง ก็เป็นโรคเรื้อน มันพุขึ้นมาที่แผลไฟลวก และให้ปุโรหิตประกาศว่า เขาเป็นมลทิน เขาเป็นโรคเรื้อน
26 แต่ถ้าปุโรหิตตรวจดู เห็นว่าขนในบริเวณนั้นไม่หงอก และเป็นไม่ลึกกว่าผิวหนัง แต่จาง ให้ปุโรหิตกักตัวเขาไว้เจ็ดวัน
27 พอถึงวันที่เจ็ดก็ให้ปุโรหิตตรวจดูเขา ถ้าที่เป็นนั้นลามออกไปในผิวหนัง ก็ให้ปุโรหิตประกาศว่าเขาเป็นมลทิน เขาเป็นโรคเรื้อน
28 ถ้ารอยที่เป็นนั้นทรงอยู่ ไม่ลามออกไปในผิวหนัง แต่จาง บวมเพราะไฟลวก ให้ปุโรหิตประกาศว่าเขาสะอาด เพราะมันเป็นเพียงแผลเป็นของไฟลวก
29 "ถ้าชายหรือหญิงคนใดมีโรคที่ศีรษะหรือที่เครา
30 ให้ปุโรหิตตรวจดูโรคนั้น ถ้าปรากฏว่าเป็นลึกกว่าผิวหนัง และผมตรงนั้นเหลืองและบางให้ปุโรหิตประกาศว่า เขาเป็นมลทินเขาเป็นโรคคัน เป็นโรคเรื้อนที่ศีรษะหรือที่เครา
31 และถ้าปุโรหิตตรวจดูโรคคันนั้น และปรากฏว่าเป็นไม่ลึกกว่าผิวหนัง และไม่มีผมดำอยู่ในบริเวณนั้น ให้ปุโรหิตกักตัวบุคคลที่เป็นโรคคันนั้นไว้เจ็ดวัน
32 พอถึงวันที่เจ็ดก็ให้ปุโรหิตตรวจโรคนั้น ถ้าอาการคันนั้นไม่ลามออกไป และไม่มีขนเหลืองในบริเวณนั้นและปรากฏว่าอาการ คันไม่ลึกกว่าผิวหนัง
33 ก็ให้คนนั้นโกนผมเสีย แต่อย่าโกนตรงบริเวณที่คัน ให้ปุโรหิตกักตัวบุคคลที่เป็นโรคคันนั้นไว้อีกเจ็ดวัน
34 พอถึงวันที่เจ็ด ก็ให้ปุโรหิตตรวจดูตรงที่คัน ถ้าที่คันนั้นไม่ลามออกไปในผิวหนัง และปรากฏว่าเป็นไม่ลึกไปกว่าผิวหนัง ให้ปุโรหิตประกาศว่า เขาสะอาด ให้เขาซักเสื้อผ้า แล้วจะสะอาด
35 แต่ถ้าเขาชำระตัวแล้ว ยังปรากฏว่า โรคคันนั้นลามออกไปในผิวหนัง
36 ก็ให้ปุโรหิตตรวจเขา ถ้าโรคคันนั้นลามออกไปในผิวหนังแล้ว ไม่จำเป็นต้องมองหาขนสีเหลือง เขาเป็นมลทินแล้ว
37 "แต่ถ้าตามสายตาของเขาโรคคันนั้นระงับแล้ว และมีผมดำงอกอยู่ในบริเวณนั้น โรคคันนั้นหายแล้วเขาก็สะอาด และให้ปุโรหิตประกาศว่า เขาสะอาด
38 "เมื่อผู้ชายหรือผู้หญิงมีรอยขาวที่ผิวหนัง
39 ให้ปุโรหิตตรวจเขา ถ้ารอยที่ผิวกายนั้นเป็นสีขาวหม่น นั่นเป็นเกลื้อนที่พุขึ้นในผิวหนัง เขาสะอาด
40 "ถ้าชายคนใดมีผมร่วงจากศีรษะ เขาเป็นคนศีรษะล้าน แต่เขาสะอาด
41 ถ้าชายคนใดมีผมที่หน้าผากและที่ขมับร่วง หน้าผากของเขาล้าน แต่เขาสะอาด
42 แต่ถ้าตรงบริเวณศีรษะล้าน หรือหน้าผากล้าน มีบริเวณเป็นโรคสีแดงเรื่อๆ เขาเป็นเรื้อนพุขึ้นที่ศีรษะล้านหรือที่หน้าผากล้านนั้น
43 ให้ปุโรหิตตรวจดูเขา ถ้าโรคบวมนั้นสีแดงเรื่อๆ อยู่ที่ศีรษะล้านหรือที่หน้าผากล้านของเขา เหมือนกับโรคเรื้อนที่ปรากฏตามผิวหนัง
44 ชายผู้นั้นเป็นโรคเรื้อน เขาเป็นมลทิน ปุโรหิตต้องประกาศว่า เขาเป็นมลทิน โรคของเขาอยู่ที่ศีรษะ
45 "ให้บุคคลที่เป็นโรคเรื้อนสวมเสื้อผ้าที่ขาด และให้ปล่อยผม และให้เขาปิดริมฝีปากบนไว้แล้วร้องไปว่า 'มลทิน มลทิน'
46 เขาจะเป็นมลทินอยู่ตลอดเวลาที่เขาเป็นโรค เขาเป็นมลทิน เขาจะต้องอยู่แต่ลำพังภายนอกค่าย
47 "เมื่อในเครื่องแต่งกายมีเรื้อน ไม่ว่าจะเป็นเครื่องแต่งกายขนสัตว์หรือผ้าป่าน
48 อยู่ที่ด้ายเส้นยืนหรือเส้นพุ่ง อยู่ที่ผ้าป่านหรือผ้าขนสัตว์หรืออยู่ในหนัง หรือสิ่งใดๆทีี่ทำด้วยหนัง
49 ถ้าโรคนั้นทำให้เครื่องแต่งกายมีสีเขียวๆ หรือแดงๆที่ด้ายเส้นยืนหรือเส้นพุ่ง ที่หนังหรือสิ่งใดๆที่ทำด้วยหนัง นั่นเป็นเรื้อนจะต้องนำไปแสดงต่อปุโรหิต
50 และให้ปุโรหิตตรวจโรคนั้น และให้กักสิ่งที่เป็นโรคนั้นไว้เจ็ดวัน
51 พอถึงวันที่เจ็ดก็ให้ตรวจดูโรคนั้นอีก ถ้าโรคนั้นลามไปในเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ไม่ว่าที่ด้ายเส้นยืนหรือเส้นพุ่ง เป็นที่หนังสัตว์ หรือสิ่งใดที่ทำด้วยหนังสัตว์ โรคนั้นเป็นโรคเรื้อนอย่างร้าย นับว่าเป็นมลทิน
52 ให้ปุโรหิตเผาเครื่องแต่งกายนั้นเสียไม่ว่า เป็นโรคที่ด้ายเส้นยืน หรือเส้นพุ่งเป็นที่ผ้าขนสัตว์หรือผ้าป่าน หรือสิ่งใดๆที่ทำด้วยหนังสัตว์ เพราะเป็นโรคเรื้อนที่ร้าย จึงให้เผาเสียในไฟ
53 "และถ้าปุโรหิตนั้นตรวจดู และโรคนั้นมิได้ลามไปในเสื้อทั้งที่ด้ายเส้นยืนหรือเส้นพุ่ง หรือในสิ่งใดที่ทำด้วยหนังสัตว์
54 ก็ให้ปุโรหิตบัญชาให้เขาซักตัวที่เป็นโรคนั้นเสีย และให้กักไว้อีกเจ็ดวัน
55 เมื่อซักแล้วก็ให้ปุโรหิตตรวจดูตัวที่เป็นโรคนั้นอีก ถ้าบริเวณที่เป็นโรคไม่เปลี่ยนสี แม้ว่าโรคนั้นไม่ลามไป ก็เป็นมลทิน เจ้าจงเอาใส่ในไฟ เผาเสีย ไม่ว่าบริเวณที่เป็นโรคเรื้อนนั้นจะอยู่ข้างในหรือข้างนอก
56 "ถ้าปุโรหิตตรวจดูเมื่อซักแล้ว เห็นว่าโรคนั้นจาง ก็ให้ฉีกบริเวณนั้นออกเสียจากเสื้อหรือหนังสัตว์ หรือเส้นยืนหรือเส้นพุ่ง
57 ถ้าปรากฏขึ้นอีกในเครื่องแต่งกายไม่ว่าที่ ด้ายเส้นยืนหรือเส้นพุ่ง หรือในสิ่งใดๆที่ทำด้วยหนังสัตว์ โรคนั้นลามไปแล้ว เจ้าจงเผาสิ่งที่เป็นโรคนั้นด้วยไฟ
58 ถ้าเสื้อทั้งที่ด้ายเส้นยืนหรือเส้นพุ่ง หรือสิ่งที่ทำด้วยหนังสัตว์ ซึ่งเมื่อซักแล้วโรคนั้นหมดไป ก็ให้ซักอีกเป็นครั้งที่สอง สะอาดได้แล้ว"
59 นี่เป็นกฎว่าด้วยโรคเรื้อนใน เสื้อที่ทำด้วยขนสัตว์หรือผ้าป่าน ไม่ว่าเป็นที่ด้ายเส้นยืนหรือเส้นพุ่ง หรือเป็นที่สิ่งใดๆที่ทำด้วยหนังสัตว์ เพื่อให้พิจารณาว่าอย่างใดสะอาด อย่างใดเป็นมลทิน

เลวีนิติ 14
1 พระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า
2 "ต่อไปนี้เป็นกฎเรื่องคนเป็นโรคเรื้อน ในวันชำระตัวของเขา ให้พาเขามาหาปุโรหิต
3 และให้ปุโรหิตออกไปนอกค่าย และให้ปุโรหิตทำการตรวจ ถ้าผู้ป่วยหายจากเรื้อนแล้ว
4 ก็ให้ปุโรหิตบัญชาเขาให้จัดของสำหรับผู้จะรับการชำระ คือนกสะอาดที่มีชีวิตสองตัว ไม้สนสีดาร์ กับด้ายสีแดง และต้นหุสบ
5 ให้ปุโรหิตบัญชาให้เขาฆ่านกตัวหนึ่งในภาชนะดิน ข้างบนน้ำไหล
6 ให้ปุโรหิตเอานกตัวที่ยังเป็นอยู่กับไม้สนสีดาร์ ด้ายสีแดง ต้นหุสบ จุ่มเข้าไปในเลือดของนกที่ถูกฆ่าข้างบนน้ำไหล
7 และให้ปุโรหิตประพรมคนที่จะรับการชำระจาก โรคเรื้อนนั้นเจ็ดครั้ง แล้วประกาศว่าเขาสะอาด และให้ปล่อยนกตัวที่ยัง มีชีวิตนั้นไปในพื้นทุ่ง
8 และให้ผู้ที่รับการชำระนั้นซักเสื้อผ้าของตน และให้โกนผมกับขนทั้งหมดเสีย และอาบน้ำ เขาก็จะสะอาด ต่อจากนั้นก็ให้เขาเข้าค่ายได้ แต่ให้นอนอยู่นอกเต็นท์ของเขาเจ็ดวัน
9 พอวันที่เจ็ดให้เขาโกนผมจากศีรษะของเขาให้หมด ให้เขาโกนเคราและโกนขนคิ้ว คือโกนให้หมด แล้วให้ซักเสื้อผ้า และอาบน้ำเขาก็จะสะอาด
10 "ในวันที่แปดให้เขาเอาลูกแกะผู้สองตัว ปราศจากตำหนิ และลูกแกะเมียอายุหนึ่งขวบตัวหนึ่งปราศจากตำหนิ และยอดแป้งคลุกน้ำมันสามในสิบเอฟาห์เป็นธัญญบูชา กับน้ำมันลก หนึ่ง
11 ให้ปุโรหิตผู้ทำการชำระ นำผู้ที่รับการชำระกับสิ่งของเหล่านี้มา ต่อพระพักตร์พระเจ้าที่ประตูเต็นท์นัดพบ
12 ให้ปุโรหิตนำลูกแกะผู้นั้นตัวหนึ่งไปถวายเป็นเครื่องบูชา ไถ่กรรมบาปพร้อมกับน้ำมันลกหนึ่ง นำยื่นถวายเป็นเครื่องยื่นถวายแด่พระเจ้า
13 ให้ปุโรหิตฆ่าลูกแกะนั้นในที่ ที่เขาฆ่าสัตว์อันเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป และสัตว์อันเป็นเครื่องเผาบูชาในที่บริสุทธิ์ เพราะว่าเครื่องบูชาไถ่กรรมบาปก็เหมือนเครื่องบูชาไถ่บาป เป็นของที่ตกแก่ปุโรหิต เป็นของบริสุทธิ์ที่สุด
14 ปุโรหิตจะนำเลือดของเครื่องบูชาไถ่กรรมบาปมาบ้าง และปุโรหิตจะเจิมที่ปลายหูข้างขวาของผู้ที่รับการชำระ และเจิมที่นิ้วหัวแม่มือขวาและที่นิ้วหัวแม่เท้าขวาของเขา
15 และปุโรหิตจะนำน้ำมันหนึ่งลกนั้นมาบ้าง เทใส่ฝ่ามือซ้ายของเขา
16 และเอานิ้วมือขวาจิ้มน้ำมันซึ่งอยู่ในมือซ้าย ประพรมน้ำมันด้วยนิ้วของเขาเจ็ดครั้งต่อพระพักตร์พระเจ้า
17 ส่วนน้ำมันที่เหลืออยู่ในมือนั้นปุโรหิตจะเอามาบ้าง เจิมที่ปลายหูขวาของผู้ที่รับการชำระ และที่นิ้วหัวแม่มือขวาและที่นิ้วหัวแม่เท้าขวา ทับบนเลือดเครื่องบูชาไถ่กรรมบาป
18 ส่วนน้ำมันที่ยังเหลืออยู่ในมือของปุโรหิตนั้น เขาจะเจิมศีรษะของผู้รับการชำระ แล้วปุโรหิตจะทำการลบมลทินของเขาต่อพระพักตร์พระเจ้า
19 ปุโรหิตจะถวายเครื่องบูชาไถ่บาปเพื่อทำการลบมลทินของผู้รับ การชำระให้พ้นจากมลทินของเขา ภายหลังปุโรหิตจึงฆ่าสัตว์อันเป็นเครื่องเผาบูชา
20 และปุโรหิตจะถวายเครื่องเผาบูชาและธัญญบูชาบนแท่น ปุโรหิตจะทำการลบมลทินของเขาดังนี้ และเขาก็จะสะอาดได้
21 "ถ้าผู้นั้นเป็นคนยากจนและไม่สามารถจะหามา ได้เท่านั้น ก็ให้เขานำลูกแกะผู้ตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาไถ่กรรมบาป เพื่อยื่นถวายกระทำการลบมลทินของเขา และนำยอดแป้งหนึ่งในสิบเอฟาห์เคล้าเข้ากับน้ำมัน เป็นธัญญบูชากับน้ำมันลกหนึ่ง
22 พร้อมกับนกเขาสองตัว หรือลูกนกพิราบสองตัว ตามที่เขาสามารถหามาได้ ตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป นกอีกตัวหนึ่งเป็นเครื่องเผาบูชา
23 ในวันที่แปดให้เขานำมามอบให้แก่ปุโรหิต เพื่อการชำระของตน ที่ประตูเต็นท์นัดพบถวายต่อพระพักตร์พระเจ้า
24 และปุโรหิตจะนำลูกแกะที่เป็นเครื่องบูชาไถ่กรรมบาป และน้ำมันลกหนึ่งนั้น และปุโรหิตจะทำพิธียื่นถวายเป็นเครื่องยื่นบูชาถวายแด่พระเจ้า
25 และเขาจะฆ่าลูกแกะเครื่องบูชาไถ่กรรมบาป และปุโรหิตจะเอาเลือดของเครื่องบูชาไถ่กรรมบาปมาบ้าง เจิมที่ปลายหูข้างขวาของผู้รับการชำระ และที่นิ้วหัวแม่มือขวา กับที่นิ้วหัวแม่เท้าขวาของเขา
26 แล้วปุโรหิตจะเทน้ำมันใส่ฝ่ามือซ้ายของตนบ้าง
27 และเอาน้ำมันที่อยู่ในมือซ้ายนั้น ประพรมด้วยนิ้วมือขวาต่อพระพักตร์พระเจ้า
28 และปุโรหิตจะเอาน้ำมันที่อยู่ในมือเจิม ที่ปลายหูข้างขวาของผู้รับการชำระ และที่หัวแม่มือขวากับหัวแม่เท้าขวาของเขา ตรงที่ที่เจิมด้วยเลือดของเครื่องบูชาไถ่กรรมบาป
29 น้ำมันที่เหลืออยู่ในมือของปุโรหิตนั้น เขาจะเจิมศีรษะของผู้ที่รับการชำระ ทำการลบมลทินของเขาต่อพระพักตร์พระเจ้า
30 และเขาจะถวายนกเขาหรือนกพิราบหนุ่ม ตามที่เขาสามารถหามาได้
31 ถวายนกตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป นกอีกตัวหนึ่งเป็นเครื่องเผาบูชาพร้อมกับธัญญบูชา และปุโรหิตจะทำการลบมลทินของผู้รับการ ชำระต่อพระพักตร์พระเจ้า
32 นี่เป็นกฎสำหรับผู้ที่เป็นเรื้อนไม่สามารถหาเครื่องบูชา เพื่อการชำระของตนได้"
33 พระเจ้าตรัสกับโมเสสและอาโรนว่า
34 "เมื่อเจ้าเข้าไปในแผ่นดินคานาอัน ซึ่งเราให้แก่เจ้าเป็นกรรมสิทธิ์นั้น และเราจะใส่เรื้อนเข้าที่เรือนหลังหนึ่ง หลังใดในแผ่นดินที่เจ้าถือกรรมสิทธิ์นั้น
35 ผู้ใดที่ถือกรรมสิทธิ์ของเรือนนั้นจะ ต้องมาบอกแก่ปุโรหิตว่า 'ข้าพเจ้าเห็นโรคอะไรอย่างหนึ่งเกิดในเรือนของข้าพเจ้า'
36 แล้วปุโรหิตจะบัญชาให้เขาขนของออกจากเรือนให้หมด ก่อนที่ปุโรหิตจะไปตรวจโรค เกรงว่าของทุกอย่างที่อยู่ในเรือนนั้นจะถูกประกาศว่า มลทิน ต่อจากนั้นปุโรหิตจึงจะเข้าไปตรวจดูเรือน
37 และปุโรหิตจะตรวจดูโรค ถ้าโรคนั้นอยู่ที่ผนังของเรือนเป็นรอยสีเขียวๆแดงๆ และปรากฏว่าอยู่ลึกกว่าผิว
38 แล้วปุโรหิตจะออกจากเรือนไปอยู่ที่ประตูเรือน แล้วปิดเรือนเสียเจ็ดวัน
39 พอถึงวันที่เจ็ดปุโรหิตจะกลับมาตรวจดูอีก ถ้าโรคนั้นลามไปในผนังเรือน
40 แล้วปุโรหิตก็จะบัญชาให้เอาหินก้อนที่ติดโรคนั้นออกเสีย นำไปโยนทิ้งในที่มลทินภายนอกเมือง
41 และสั่งให้ขูดข้างในเรือนทั่วๆไป ผงปูนที่ขูดออกมานั้นให้นำไปทิ้งเสียในที่ มลทินภายนอกเมือง
42 แล้วให้หาหินอื่นมาแทนหินก้อนที่นำออกไป และเอาปูนอื่นมาโบกผนังเรือนนั้น
43 "เมื่อเขาเอาหินออกขูดเรือนและโบกปูนใหม่แล้ว ยังเกิดโรคขึ้นในเรือนนั้นอีก
44 แล้วปุโรหิตจะไปตรวจดู ถ้าโรคนั้นลามไปในเรือนเป็นโรคเรื้อนอย่างร้ายในเรือน เรือนนั้นก็เป็นมลทิน
45 ให้เขาพังเรือนนั้นลง หิน ไม้และปูนที่ทำเรือนนั้นให้ขนไปทิ้งเสีย ในที่ที่มลทินภายนอกเมือง
46 ยิ่งกว่านั้นอีก เมื่อเรือนปิดอยู่ มีผู้ใดเข้าไป ผู้นั้นจะเป็นมลทินจนถึงเวลาเย็น
47 ผู้ใดที่นอนลงในเรือนนั้น ต้องซักเสื้อผ้าของเขา และผู้ที่รับประทานในเรือนนั้น ต้องซักเสื้อผ้าของเขาด้วย
48 "แต่ถ้าปุโรหิตมาทำการตรวจเห็นว่า เมื่อโบกปูนใหม่แล้ว โรคนั้นมิได้ลามไปในเรือน ปุโรหิตก็จะประกาศว่าเรือนนั้นสะอาด เพราะโรคหายแล้ว
49 และเพื่อจะชำระเรือนนั้น ให้เจ้าของเรือนนำนกเล็กๆสองตัว กับไม้สนสีดาร์ ด้ายสีแดง และต้นหุสบ
50 ให้ฆ่านกตัวหนึ่งในภาชนะดินข้างบนน้ำที่ไหล
51 เอาไม้สนสีดาร์ ต้นหุสบ และด้ายสีแดง พร้อมกับนกตัวที่ยังมีชีวิตอยู่ จุ่มลงในเลือดนกที่ได้ฆ่าข้างบนน้ำที่ไหลนั้น แล้วประพรมเรือนนั้นเจ็ดครั้ง
52 ดังนี้เขาจะได้ชำระเรือนด้วยเลือดนก ด้วยน้ำไหลและด้วยนกที่มีชีวิต ด้วยไม้สนสีดาร์ ต้นหุสบ และด้ายสีแดง
53 ให้เขาปล่อยนกที่มีชีวิตออกไปจากเมืองยังพื้นทุ่ง ดังนี้แหละ เขาจะได้ทำการลบมลทินของเรือน และเรือนนั้นก็สะอาด"
54 นี่เป็นกฎเกี่ยวกับเรื้อนต่างๆ โรคคัน
55 โรคเรื้อนในเครื่องแต่งกายหรือในเรือน
56 ที่บวมหรือพุ หรือที่ด่าง
57 เพื่อจะแสดงว่าเมื่อไรจึงเรียกว่ามลทิน เมื่อไรเรียกว่าสะอาด นี่เป็นกฎเรื่องโรคเรื้อน

เลวีนิติ 15
1 พระเจ้าตรัสกับโมเสสและอาโรนว่า
2 "จงกล่าวแก่คนอิสราเอลว่า เมื่อผู้ใดมีสิ่งไหลออกจากร่างกาย สิ่งที่ไหลออกของเขานั้นเป็นมลทิน
3 ต่อไปนี้เป็นกฎเกี่ยวด้วยเรื่องมลทินของเขา เนื่องด้วยสิ่งที่ไหลออก ร่างกายของเขาจะมีสิ่งไหลออก หรือสิ่งที่ไหลออกคั่งอยู่ในร่างกายของเขาก็ดี เรื่องนี้เป็นมลทินแก่เขา
4 เตียงนอนซึ่งผู้ใดที่มีสิ่งไหลออกขึ้นไปนอน เตียงนั้นก็เป็นมลทิน ทุกสิ่งที่เขารองนั่งก็เป็นมลทิน
5 ผู้ใดที่แตะต้องเตียงของเขาต้อง ซักเสื้อผ้าของตนและอาบน้ำ และจะเป็นมลทินไปจนถึงเวลาเย็น
6 ผู้ใดไปนั่งบนสิ่งที่ผู้มีสิ่งไหลออกได้นั่งก่อน ผู้นั้นต้องซักเสื้อผ้าของตนและอาบน้ำ และจะเป็นมลทินไปจนถึงเวลาเย็น
7 ผู้ใดไปแตะต้องร่างกายของผู้ที่มีสิ่งไหลออก ผู้นั้นต้องซักเสื้อผ้าของตน และอาบน้ำ และเป็นมลทินไปจนถึงเวลาเย็น
8 และถ้าผู้ใดที่มีสิ่งไหลออกนั้นถ่ม น้ำลายรดผู้ที่สะอาดเข้า ผู้ที่ถูกน้ำลายรดต้องซักเสื้อผ้าและอาบน้ำ และเป็นมลทินไปจนถึงเวลาเย็น
9 และอานใดๆซึ่งผู้มีสิ่งไหลออกนั่งอยู่ อานนั้นก็เป็นมลทิน
10 ผู้หนึ่งผู้ใดแตะต้องสิ่งที่รองเขาอยู่นั้น ผู้นั้นจะเป็นมลทินไปจนถึงเวลาเย็น และผู้ใดที่หยิบถือสิ่งนั้นต้องซักเสื้อผ้าของตัวและอาบน้ำ และมลทินไปจนถึงเวลาเย็น
11 ผู้ที่มีสิ่งไหลออกแตะต้องผู้ใดด้วยมือที่มิได้ล้าง ผู้ถูกแตะต้องนั้นต้องซักเสื้อผ้าของตัวและอาบน้ำ และเป็นมลทินไปจนถึงเวลาเย็น
12 ภาชนะดินซึ่งผู้มีสิ่งไหลออกแตะต้องให้ทุบเสีย และภาชนะไม้ทุกอย่างก็ให้ชำระเสียด้วยน้ำ
13 "เมื่อผู้มีสิ่งไหลออกได้ชำระสิ่งไหลออกของเขาแล้ว เขาต้องนับการชำระของเขาให้ครบเจ็ดวัน และเขาต้องซักเสื้อผ้า และอาบน้ำที่ไหลเขาจึงจะสะอาด
14 ในวันที่แปดให้เขานำนกเขาสองตัว หรือนกพิราบหนุ่มสองตัวมาต่อ พระพักตร์พระเจ้าที่ประตูเต็นท์นัดพบ และมอบของเหล่านั้นให้แก่ปุโรหิต
15 ให้ปุโรหิตถวายบูชา คือถวายนก ตัวหนึ่งเป็นเครื่องถวายบูชาไถ่บาป และนกอีกตัวหนึ่งเป็นเครื่องเผาบูชา และปุโรหิตจะทำการลบมลทินของเขาต่อพระเจ้า ด้วยเรื่องสิ่งไหลออกของเขา
16 "ชายคนใดมีน้ำกามไหลออกให้เขาอาบน้ำ และเป็นมลทินไปจนถึงเวลาเย็น
17 เครื่องแต่งกายทุกชิ้นและผิวหนัง ทุกส่วนที่น้ำกามไหลรดต้องชำระเสียในน้ำ และเป็นมลทินไปจนถึงเวลาเย็น
18 ชายคนใดสมสู่กับหญิงคนใด และมีน้ำกามไหลออกทั้งสองจะต้องอาบน้ำ และเป็นมลทินไปจนถึงเวลาเย็น
19 "เมื่อสตรีมีสิ่งไหลออกเป็นโลหิตประจำเดือน เธอจะต้องเป็นมลทินไปเจ็ดวัน และผู้ใดแตะต้องเธอ จะต้องเป็นมลทินจนถึงเวลาเย็น
20 ขณะเมื่อเธอมีมลทิน เธอไปนอนที่ใดที่นั้นก็มีมลทิน สิ่งใดที่เธอไปนั่งทับสิ่งนั้นก็เป็นมลทิน
21 ผู้ใดไปแตะต้องที่นอนของเธอ ผู้นั้นต้องซักเสื้อผ้า และอาบน้ำ และเป็นมลทินไปจนถึงเวลาเย็น
22 และผู้หนึ่งผู้ใดแตะต้องสิ่งที่เธอนั่ง ผู้นั้นต้องซักเสื้อผ้า และอาบน้ำ และเป็นมลทินไปจนถึงเวลาเย็น
23 สิ่งที่เธอนั่งทับจะเป็นที่นอนหรือสิ่งใดก็ดี เมื่อชายใดไปแตะต้องเข้า ผู้นั้นจะเป็นมลทินไปจนถึงเวลาเย็น
24 ถ้าชายใดไปสมสู่กับเธอ และมลทินของเธอมาติดที่ชายนั้น ชายนั้นจะเป็นมลทินไปเจ็ดวัน เขาไปนอนที่เตียงใด เตียงนั้นก็เป็นมลทิน
25 "ถ้าสตรีใดมีโลหิตไหลออกหลายวัน ไม่ใช่เป็นเวลาเป็นมลทินประจำของเธอ หรือถ้าเธอมีโลหิตไหลออกเลยกำหนด เป็นมลทินประจำของเธอ ทุกวันที่มีโลหิตไหลออกเธอต้องเป็นมลทิน เธอต้องเป็นมลทินอย่างเดียวกับเวลาเป็นมลทินประจำของเธอ
26 ที่นอนทุกหลังที่เธอนอนเมื่อวันเธอมีสิ่งไหลออก ที่นอนนั้นเป็นดังที่นอนเป็นมลทินประจำของเธอ ทุกสิ่งที่เธอนั่งทับต้องเป็นมลทิน อย่างเดียวกับมลทินในมลทินประจำของเธอ
27 ผู้ใดแตะต้องสิ่งเหล่านั้น ผู้นั้นก็เป็นมลทินด้วย เขาต้องซักเสื้อผ้าและอาบน้ำ และเป็นมลทินไปจนถึงเวลาเย็น
28 ถ้าเธอชำระสิ่งไหลออกของเธอแล้ว ให้เธอนับเองให้ครบเจ็ดวัน ต่อจากนั้นเธอจึงจะสะอาด
29 และในวันที่แปดให้เธอนำนกเขาสองตัว หรือลูกนกพิราบสองตัวไปให้ปุโรหิตที่ประตูเต็นท์นัดพบ
30 และปุโรหิตจะถวายนกตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป และอีกตัวหนึ่งเป็นเครื่องเผาบูชา และปุโรหิตจะทำการลบมลทินให้เธอต่อพระเจ้า ด้วยเรื่องสิ่งไหลออกที่เป็นมลทินของเธอ
31 "ดังนี้แหละ พวกเจ้าจะให้คนอิสราเอลแยกจากมลทินของเขาทั้งหลาย เกลือกว่าเขาจะต้องตายด้วยมลทินของเขา เมื่อเขาทำให้พลับพลาของเราที่อยู่ท่ามกลางเขาเป็นมลทินไป"
32 นี่เป็นกฎเรื่องผู้มีสิ่งไหลออกและชายที่มีน้ำกามไหลออก ซึ่งกระทำให้ตัวเป็นมลทิน
33 และเกี่ยวกับสตรีที่ป่วยด้วยเป็นมลทินประจำของเธอ คือทั้งนี้เกี่ยวกับผู้ที่มีสิ่งไหลออกไม่ว่าชายหรือหญิง และเกี่ยวกับชายผู้สมสู่กับหญิงผู้มีมลทิน

เลวีนิติ 16
1 พระเจ้าตรัสกับโมเสสหลังจากที่บุตรทั้งสอง ของอาโรนสิ้นชีวิต คือเมื่อเขาเข้ามาใกล้พระเจ้า และถึงแก่ความตาย
2 และพระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า "เจ้าจงบอกอาโรนพี่ชายว่า อย่าเข้าไปในอภิสุทธิสถาน ตลอดทุกเวลา คือเข้าไปหน้าพระที่นั่งพระกรุณาซึ่งอยู่บนหลังหีบ เกลือกว่าเขาจะต้องตาย เพราะว่าเราจะปรากฏในเมฆเหนือพระที่นั่งกรุณา
3 แต่อาโรนจะเข้ามาในที่บริสุทธิ์ได้ดังนี้ คือ ให้เอาวัวหนุ่มตัวหนึ่งไปเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป และแกะผู้ตัวหนึ่งเป็นเครื่องเผาบูชา
4 ให้เขาสวมเสื้อป่านบริสุทธิ์และสวมกางเกงผ้าป่าน คาดเจียระบาดผ้าป่านและสวมผ้ามาลาป่าน นี่เป็นเครื่องแต่งกายบริสุทธิ์ เขาจะต้องอาบน้ำแล้วจึงสวม
5 และให้เขานำแพะผู้สองตัวเป็นเครื่องบูชาไถ่บาปกับ แกะผู้ตัวหนึ่งเป็นเครื่องเผาบูชาจากชุมนุมชนอิสราเอล
6 "และอาโรนจะถวายวัวเป็นเครื่องบูชาไถ่บาปของตนเอง และจะทำการลบมลทินบาปตนเองและครอบครัวของตน
7 แล้วเขาจะนำแพะสองตัวนั้นไปถวายพระเจ้าที่ประตู เต็นท์นัดพบ
8 และอาโรนจะจับฉลากแพะสองตัวนั้น ฉลากหนึ่งตกเป็นของพระเจ้า และอีกฉลากหนึ่งเพื่ออาซาเซล
9 แพะตัวที่ฉลากตกเป็นของพระเจ้านั้น อาโรนจะถวายเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป
10 แต่แพะอีกตัวหนึ่งซึ่งฉลากตกเพื่ออาซาเซลนั้น จะนำถวายต่อพระพักตร์พระเจ้าเป็นสัตว์เป็น เพื่อทำการลบมลทินบาปให้ตกที่มัน แล้วจะได้ปล่อยมันเข้าไปในถิ่นทุรกันดารให้แก่อาซาเซล
11 "อาโรนจะถวายวัวเป็นเครื่องไถ่บาปของตน และจะทำการลบมลทินบาปตนเองกับครอบครัวของตน เขาจะฆ่าวัวเป็นเครื่องบูชาไถ่บาปของเขาเอง
12 และอาโรนจะเอากระถางไฟที่มีถ่านลุกอยู่มาจาก แท่นบูชา ต่อพระพักตร์พระเจ้า และเครื่องหอมทุบละเอียดสองกำมือนำเข้าไปภายในม่าน
13 แล้วเอาเครื่องหอมนั้นใส่ไฟถวายแด่พระเจ้า ให้ควันเครื่องหอมขึ้นคลุมพระที่นั่งกรุณาซึ่งอยู่เหนือ หีบพระโอวาท เกลือกว่าเขาจะต้องตาย
14 เขาจะเอาเลือดวัวมาบ้างประพรมที่หน้า พระที่นั่งกรุณาด้วยนิ้ว แล้วจะประพรมที่พระที่นั่งกรุณาเจ็ดครั้งด้วยนิ้วของเขา
15 "แล้วอาโรนจะฆ่าแพะอันเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป สำหรับประชาชน และนำเลือดแพะเข้าไปภายในม่าน และเอาเลือดแพะไปกระทำเช่นเดียวกับกระทำเลือดวัว คือประพรมบนพระที่นั่งกรุณาและที่ข้างหน้าพระที่นั่งกรุณา
16 ดังนี้แหละ เขาจะทำการลบมลทินของสถานศักดิ์สิทธิ์ เพราะเหตุมลทินของคนอิสราเอล และเพราะเหตุการทรยศ เพราะบาปทั้งสิ้นของเขา และอาโรนจะกระทำต่อเต็นท์นัดพบ ซึ่งอยู่กับเขาท่ามกลางมลทินของประชาชน
17 อย่าให้มีผู้ใดอยู่ในเต็นท์นัดพบ เมื่ออาโรนเข้าไปทำการลบมลทินในสถานศักดิ์สิทธิ์ จนกว่าเขาจะออกมาและทำการลบมลทินสำหรับตัวเขา และสำหรับครอบครัวของเขาและสำหรับชุมนุมชนอิสราเอล
18 และอาโรนจะออกไปยังแท่นซึ่งอยู่ต่อพระพักตร์พระเจ้า และทำการลบมลทินแท่นนั้น เขาจะเอาเลือดวัวบ้าง เลือดแพะบ้างเจิมที่เชิงงอนของแท่นโดยรอบ
19 และเอานิ้วจุ่มเลือดประแท่นนั้นเจ็ดครั้ง และชำระกระทำให้แท่นบริสุทธิ์พ้นจากมลทินของคนอิสราเอล
20 "เมื่ออาโรนเสร็จการลบมลทินของสถานศักดิ์สิทธิ์ และเต็นท์นัดพบ และแท่นบูชาแล้ว เขาจะถวายแพะตัวที่เป็นอยู่
21 และอาโรนจะเอามือทั้งสองวางบนหัวแพะที่มีชีวิตนั้น และกล่าวคำสารภาพบรรดาบาปของคนอิสราเอล และการทรยศทั้งหมด และบาปทั้งสิ้นให้ตกลงบนหัวแพะนั้น และให้คนที่เตรียมมือไว้พร้อมแล้วมานำแพะไป ปล่อยเข้าถิ่นทุรกันดาร
22 แพะนั้นจะบรรทุกมลทินทั้งหมดไปยังที่เปลี่ยว แล้วเขาก็ปล่อยให้มันเข้าถิ่นทุรกันดารไป
23 "แล้วอาโรนจะเข้ามาในเต็นท์นัดพบ เขาจะเปลื้องเครื่องแต่งกายผ้าป่านชุดที่แต่ง เข้าไปในสถานศักดิ์สิทธิ์ออกเสียเก็บไว้ที่นั่น
24 และเขาจะชำระตัวในน้ำในที่บริสุทธิ์แล้วสวม เครื่องแต่งกายของตน และเดินออกมาถวายเครื่องเผาบูชาของตน และเครื่องเผาบูชาของประชาชน และทำการลบมลทินของตนเองกับประชาชนทั้งหลาย
25 เขาจะเอาไขมันของเครื่องบูชาไถ่บาปไปเผาเสียบนแท่น
26 ผู้ที่ปล่อยแพะไปให้อาซาเซลนั้นจะต้องซักเสื้อผ้า ของตน แล้วต่อมาจึงจะเข้าในค่ายได้
27 เขาจะเอาวัวซึ่งเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป และแพะซึ่งเป็นเครื่องบูชาไถ่บาปที่ อาโรนเอาเลือดไปทำการลบมลทินสถานบริสุทธิ์นั้น ไปเสียข้างนอกค่าย และเขาจะเผาเนื้อหนังและมูลเสียด้วยไฟ
28 ผู้ที่ทำการเผาก็ต้องซักเสื้อผ้าของตนและอาบน้ำ ภายหลังเขาจึงจะกลับเข้าค่ายได้
29 "ให้เป็นกฎเกณฑ์ถาวรแก่เจ้าทั้งหลายว่า ในวันที่สิบเดือนที่เจ็ด เจ้าต้องบังคับใจตนเองไม่กระทำการงานสิ่งใด ทั้งตัวชาวเมืองเองหรือคนต่างด้าวที่อาศัยอยู่ท่ามกลางเจ้า
30 เพราะว่าในวันนี้จะกระทำการลบมลทินบาปของเจ้า และชำระเจ้า เจ้าจะสะอาดต่อพระพักตร์พระเจ้า พ้นจากบาปทั้งสิ้นของเจ้า
31 เป็นวันสะบาโตให้เจ้าทั้งหลายหยุดพักสงบและ เจ้าต้องบังคับใจของเจ้า ทั้งนี้ให้เป็นกฎเกณฑ์ถาวร
32 ปุโรหิตผู้ที่ถูกเจิม และถูกชำระให้บริสุทธิ์แทนบิดาของตนจะต้องทำการ ลบมลทินโดยสวมเสื้อป่านบริสุทธิ์
33 ให้เขาทำการลบมลทินแก่สถานศักดิ์สิทธิ์ และเขาจะทำการลบมลทินให้แก่เต็นท์นัดพบ และให้แก่แท่น และเขาจะทำการลบมลทินให้แก่ปุโรหิตและประชาชน ทั้งหมดในชุมนุมชนนั้น
34 ทั้งนี้ให้เป็นกฎเกณฑ์ถาวรแก่เจ้าทั้งหลาย ให้ทำการลบมลทินบาปเพื่อคนอิสราเอลปีละครั้ง เพราะบาปทั้งสิ้นของเขา" และโมเสสก็กระทำตาม ที่พระเจ้าทรงบัญชาท่านไว้

เลวีนิติ 17
1 พระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า
2 "จงกล่าวแก่อาโรนและบุตรทั้งหลายของเขา และแก่คนอิสราเอลว่า ต่อไปนี้เป็นสิ่งซึ่งพระเจ้าได้ทรงบัญชาไว้
3 ถ้าชาวอิสราเอลคนใดฆ่าวัวหรือลูกแกะ หรือแพะในค่าย หรือฆ่าภายนอกค่าย
4 และมิได้นำมาที่ประตูเต็นท์นัดพบ เพื่อถวายเป็นของบูชาแด่พระเจ้าที่หน้าพลับพลาแห่งพระเจ้า ผู้นั้นต้องมีโทษด้วยมีกรรมบาปเรื่องเลือด คือเขาทำให้เลือดตก ให้อเปหิผู้นั้นเสียจากชนชาติของตน
5 ทั้งนี้เพื่อประสงค์ให้คนอิสราเอลนำ เครื่องถวายซึ่งเขาฆ่าที่พื้นทุ่ง มาถวายแด่พระเจ้า มายังปุโรหิตที่ประตูเต็นท์นัดพบ และฆ่าสัตว์นั้นเป็นศานติบูชาถวายแด่พระเจ้า
6 และปุโรหิตจะเอาเลือดสัตว์นั้นประพรมบน แท่นบูชาพระเจ้าที่ประตูเต็นท์นัดพบ และเผาไขมันให้เป็นกลิ่นที่พอพระทัยถวายแด่พระเจ้า
7 เขาก็จะไม่ฆ่าสัตว์บูชาเมษปีศาจอีกต่อไปซึ่ง เขาทั้งหลายเล่นชู้นั้น ให้เรื่องนี้เป็นกฎเกณฑ์แก่เขาตลอดชั่วชาติพันธุ์ของเขา
8 "และเจ้าจงกล่าวแก่เขาว่า วงศ์วานอิสราเอลคนใดหรือคน ต่างด้าวคนใดผู้อาศัยอยู่ในหมู่พวกเขา ผู้ถวายเครื่องเผาบูชาหรือเครื่องสัตวบูชา
9 และมิได้นำเครื่องสัตวบูชานั้นมาที่ ประตูเต็นท์นัดพบเพื่อถวายแด่พระเจ้า ก็ให้อเปหิชายผู้นั้นเสียจากชนชาติของตน
10 "ถ้าวงศ์วานอิสราเอลหรือคนต่างด้าว คนใดผู้อาศัยอยู่ท่ามกลางเขารับประทานเลือด เราจะหมายหน้าบุคคลผู้รับประทานเลือดนั้น และจะอเปหิเขาเสียจากชนชาติของ ตน
11 เพราะว่าชีวิตของเนื้อหนังอยู่ในเลือด เราได้ให้เลือดแก่เจ้าเพื่อใช้บนแท่น เพื่อจะทำการลบมลทินบาปแห่งวิญญาณจิตของเจ้า เพราะว่าโลหิตเป็นสิ่งที่ทำการลบมลทินบาป ด้วยชีวิตเป็นเหตุ
12 เพราะฉะนั้นเราจึงได้พูดกับคนอิสราเอลว่า ในพวกเจ้าอย่าให้คนใดรับประทานเลือดเลย หรือคนต่างด้าวผู้อาศัยท่ามกลางเจ้าก็อย่า ได้รับประทานเลือด
13 คนอิสราเอลคนใดหรือคนต่างด้าวที่อาศัยอยู่ ท่ามกลางเขา ไปล่าสัตว์หรือนกเพื่อนำมารับประทานก็ให้หลั่งเลือดออก แล้วเอาฝุ่นกลบ
14 "เพราะว่าชีวิตของสัตว์ทุกตัวก็คือเลือดของมันนั่นเอง เพราะฉะนั้นเราจึงได้กล่าวแก่ประชาชนอิสราเอลว่า เจ้าอย่ารับประทานเลือดของสัตว์ใดๆเลย เพราะว่าชีวิตของสัตว์ทุกตัวก็คือเลือดของมันนั่นเอง ผู้ใดรับประทานก็ต้องถูกอเปหิ
15 และทุกคนไม่ว่าชาวเมืองหรือคนต่างด้าวผู้ รับประทานสัตว์ที่ตายเอง หรือสัตว์ที่ถูกสัตว์อื่นกัดตาย ต้องซักเสื้อผ้าและอาบน้ำ และเป็นมลทินอยู่จนถึงเวลาเย็น แล้วจึงจะสะอาดได้
16 ถ้าเขาไม่ซักเสื้อผ้าหรืออาบน้ำ เขาต้องรับโทษของเขา"

เลวีนิติ 18
1 พระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า
2 "จงกล่าวแก่คนอิสราเอลว่า เราคือพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้า
3 เจ้าทั้งหลายอย่ากระทำดังที่เขากระทำกัน ในแผ่นดินอียิปต์ ซึ่งเจ้าเคยพำนักอยู่นั้น และเจ้าอย่ากระทำดังที่เขากระทำกันในแผ่นดินคานาอัน ซึ่งเรากำลังพาเจ้าไปนั้น เจ้าอย่าประพฤติตามกฎเกณฑ์ของเขา
4 เจ้าทั้งหลายจงกระทำตามกฎหมาย ของเราและรักษากฎเกณฑ์ของเราและประพฤติตาม เราคือพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้า
5 เพราะฉะนั้นเจ้าทั้งหลายจึงต้องรักษากฎเกณฑ์ของเรา และกฎหมายของเราด้วยการกระทำตามนั่นแหละ มนุษย์จึงจะมีชีวิตอยู่ได้เราคือพระเจ้า
6 "อย่าให้ผู้ใดเข้าใกล้ญาติสนิทของตนหรือเปิดของลับของเขา เราคือพระเจ้า
7 เจ้าอย่าเปิดของลับของบิดาเจ้า คือของลับมารดาเจ้า มารดาก็เป็นแม่ของเจ้า เจ้าอย่าเปิดของลับของแม่เจ้า
8 เจ้าอย่าเปิดของลับของภรรยาของบิดาเจ้า เพราะเป็นของลับของบิดาเจ้า
9 เจ้าอย่าเปิดของลับของพี่สาวหรือน้องสาวของเจ้า คือของบุตรสาวของบิดาเจ้า หรือของบุตรสาวของมารดาเจ้า ไม่ว่าที่เกิดในบ้านหรือเกิดที่ต่างด้าว
10 เจ้าอย่าเปิดของลับของบุตรสาวของบุตรชายของเจ้า หรือของบุตรสาวของบุตรีของเจ้า เพราะว่าของลับของเขาก็เป็นของลับของเจ้าเอง
11 เจ้าอย่าเปิดของลับของบุตรสาวของภรรยาของบิดาเจ้า ซึ่งเกิดจากบิดาเจ้าเอง เพราะว่าเธอเป็นน้องสาวหรือพี่สาวของเจ้า
12 เจ้าอย่าเปิดของลับของอาหญิง หรือของป้า เพราะเธอเป็นญาติหญิงที่สนิทของบิดาเจ้า
13 เจ้าอย่าเปิดของลับของป้าหรือน้าหญิงของเจ้า เพราะเธอเป็นญาติหญิงที่สนิทของมารดาเจ้า
14 เจ้าอย่าเปิดของลับของลุงหรืออาชายของเจ้า คือเจ้าอย่าสมสู่กับภรรยาของเขา เพราะเธอเป็นป้าสะใภ้หรืออาสะใภ้ของเจ้า
15 เจ้าอย่าเปิดของลับของลูกสะใภ้ของเจ้า เธอเป็นภรรยาลูกชายเจ้า เจ้าอย่าเปิดของลับของเธอเลย
16 เจ้าอย่าเปิดของลับของภรรยาของพี่ชาย หรือน้องชายของเจ้า เธอเป็นของลับของพี่น้องผู้ชายของเจ้า
17 เจ้าอย่าเปิดของลับของสตรีคนใดและของบุตรสาวของนาง และเจ้าอย่านำบุตรสาวของบุตรชายของนาง หรือบุตรสาวของบุตรสาวของนางไปเปิดของลับ เพราะว่าเขาเป็นญาติหญิงที่สนิท เป็นการอธรรม
18 และเจ้าอย่าเปิดของลับของพี่สาว หรือน้องสาวของภรรยามาเป็นคู่แข่งกับภรรยา เมื่อภรรยายังมีชีวิตอยู่
19 "เมื่อสตรีคนใดกำลังมีประจำเดือน เจ้าอย่าเข้าไปเปิดของลับของเธอ
20 เจ้าอย่าสมสู่กับภรรยาของเพื่อนบ้านของเจ้า กระทำให้ตัวเจ้าลามกอนาจารกับนาง
21 เจ้าอย่าถวายลูกหลานของเจ้าให้ พระ โมเลค ด้วยให้ลุยไฟ กระทำให้พระนามพระเจ้าของเจ้าเสื่อมเกียรติ เราคือพระเจ้า
22 เจ้าอย่าสมสู่กับผู้ชายใช้ต่างผู้หญิงเป็นสิ่งพึง รังเกียจ
23 เจ้าอย่าสมสู่กับสัตว์เดียรัจฉาน กระทำตนให้ ลามกอนาจาร หรืออย่าให้หญิงคนใดยอมตัวสมสู่กับสัตว์เดียรัจฉาน ดังนี้เป็นเรื่องกามวิปลาส
24 "เจ้าทั้งหลายอย่ากระทำตัวให้ลามกอนาจารด้วย สิ่งเหล่านี้เลย เพราะว่าบรรดาประชาชาติ ที่เราได้ไล่ไปเสียต่อหน้าเจ้านั้น กระทำลามกอนาจารอย่างนี้เอง
25 และแผ่นดินนั้นก็ลามก เราจึงต้องลงโทษแก่แผ่นดินนั้น และแผ่นดินก็สำรอกเอาพลเมืองของตนออกเสีย
26 แต่เจ้าทั้งหลายจะต้องรักษากฎเกณฑ์ของ เราและกฎหมายของเรา และอย่ากระทำสิ่งพึงรังเกียจเหล่านี้ ไม่ว่าเป็นชาวเมืองหรือคนต่างด้าวผู้อาศัยอยู่ในหมู่พวกเจ้า
27 (ประชาชนในแผ่นดินผู้อยู่ก่อนเจ้าได้กระทำสิ่งพึง รังเกียจเหล่านี้ ดังนั้นแผ่นดินจึงลามก)
28 เกลือกว่าเมื่อเจ้าทั้งหลายทำให้แผ่นดินเป็นมลทิน แผ่นดินก็จะสำรอกเจ้าออก ดังที่แผ่นดินได้สำรอกประชาชาติที่อยู่ก่อนเจ้าออกไปนั้น
29 เพราะผู้ใดกระทำสิ่งพึงรังเกียจเหล่านี้ ให้อเปหิผู้กระทำนั้นเสียจากชนชาติของตน
30 เหตุฉะนั้นเจ้าทั้งหลายจงปฏิบัติตามคำสั่งของเรา อย่าประพฤติตามธรรมเนียมอันพึงรังเกียจ ซึ่งเขาประพฤติ กันอยู่ต่อหน้าเจ้า  และอย่าทำตัวเจ้าให้ลามกด้วยสิ่งเหล่านี้ เราคือพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้า"

เลวีนิติ 19
1 พระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า
2 "จงกล่าวแก่ชุมนุมชนอิสราเอลว่า เจ้าทั้งหลายต้องบริสุทธิ์ เพราะเราพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้า เป็นผู้บริสุทธิ์
3 เจ้าทุกคนต้องเคารพมารดาและบิดาของตน และเจ้าต้องรักษาบรรดาสะบาโตของเรา เราคือพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้า
4 อย่าให้ผู้ใดกลับนับถือรูปเคารพ หรือหล่อพระไว้ เป็นรูปเคารพสำหรับตน เราคือพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้า
5 "เมื่อเจ้าถวายศานติบูชาแด่พระเจ้า จงถวายเพื่อให้เจ้าเป็นที่โปรดปราน
6 เจ้าจงรับประทานเครื่องบูชานั้นเสียในวันที่เจ้าถวายบูชา หรือในวันรุ่งขึ้น ถ้ามีส่วนใดเหลืออยู่จนวันที่สาม จงเผาไฟเสีย
7 ถ้าเอาเครื่องบูชานั้นมารับประทานในวันที่สาม ก็เป็นการพึงรังเกียจไม่เป็นที่โปรดปราน
8 และทุกคนที่รับประทานเครื่องบูชานั้นต้องรับโทษ เพราะเขาได้กระทำสิ่งบริสุทธิ์ของพระเจ้าให้มลทิน ให้อเปหิผู้นั้นเสียจากชนชาติของตน
9 "เมื่อเจ้าทั้งหลายเกี่ยวข้าวในนา อย่าเกี่ยวเก็บข้าวที่ขอบนาให้หมด เมื่อเกี่ยวแล้วก็อย่าเก็บข้าวที่ตก
10 อย่าเก็บผลที่สวนองุ่นให้หมด เจ้าอย่าเก็บองุ่นที่ตกในสวนของเจ้า จงเหลือไว้ให้คนยากจนและคนต่างด้าวบ้าง เราคือพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้า
11 "เจ้าอย่าลักทรัพย์หรือโกงหรือมุสาต่อกัน
12 อย่าสาบานออกนามของเราเป็นความ เท็จ กระทำให้พระนามพระเจ้าของเจ้าเป็นที่เหยียดหยาม เราคือพระเจ้า
13 "เจ้าอย่าบีบคั้นเพื่อนบ้านหรือปล้นเขา อย่าให้ค่าจ้างของลูกจ้างค้างอยู่กับเจ้า จนถึงรุ่งเช้า
14 เจ้าอย่าแช่งคนหูหนวก หรือวางของให้คนตาบอดสะดุด แต่เจ้าจงยำเกรงพระเจ้าของเจ้า เราคือพระเจ้า
15 "เจ้าอย่าพิพากษาด้วยความอยุติธรรม เจ้าอย่าลำเอียงเข้าข้างคนจนหรือเห็นแก่หน้าผู้เป็นใหญ่ แต่เจ้าจงพิพากษาเพื่อนบ้านของเจ้าด้วยความ ชอบธรรม
16 อย่าเทียวขึ้นเทียวล่องคอยส่อเสียดท่ามกลางชนชาติของตน และอย่าปองร้ายต่อชีวิตของเพื่อนบ้าน เราคือพระเจ้า
17 "อย่าเกลียดชังพี่น้องของเจ้าอยู่ในใจ แต่เจ้าจงตักเตือนเพื่อนบ้านของเจ้า เพื่อเจ้าจะไม่ต้องรับโทษเพราะเขา
18 เจ้าอย่าแก้แค้นหรือผูกพยาบาทลูกหลานญาติพี่น้องของเจ้า แต่เจ้าจงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง เราคือพระเจ้า
19 "เจ้าจงรักษากฎเกณฑ์ของเรา เจ้าอย่าประสมสัตว์ของเจ้ากับสัตว์ประเภทอื่น เจ้าอย่าหว่านพืชปนกันสองชนิดในนาของเจ้า อย่าใช้เครื่องแต่งกายที่ทำด้วยผ้าสองชนิดปน กัน
20 "ถ้าผู้ใดเข้านอนกับผู้หญิงที่เป็นทาส ที่ชายอีกคนหนึ่งสู่ขอไว้แล้ว แต่ยังมิได้ไถ่ถอนหรือปล่อยเป็นอิสระต้องสืบสวนดูก่อน แต่อย่าให้ถึงตายเพราะว่าทาสหญิงนั้นยังไม่เป็นอิสระ
21 แต่ให้ผู้นั้นนำเครื่องบูชาไถ่กรรมบาปสำหรับตัวเขา ถวายแด่พระเจ้าที่ประตูเต็นท์นัดพบ คือแกะผู้ตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาไถ่กรรมบาป
22 และปุโรหิตจะทำการลบมลทินบาปของเขา ด้วยถวายแกะผู้นั้นเป็นเครื่องบูชาไถ่กรรมบาปแด่พระเจ้า เพราะบาปซึ่งเขาได้กระทำไป และให้เขาได้รับการอภัยบาปที่เขาได้กระทำไปนั้นเสีย
23 "เมื่อเจ้าเข้าไปในแผ่นดินและปลูกต้นไม้ทุกชนิด ที่มีผลเป็นอาหาร ผลที่ได้นั้นต้องเป็นผลที่ต้องห้าม สามปีเจ้าอย่ารับประทานเลย
24 และปีที่สี่ผลที่ได้ทั้งหมดจะเป็นของบริสุทธิ์ เป็นเครื่องบูชายอพระเกียรติแด่พระเจ้า
25 แต่ในปีที่ห้า เจ้าจงรับประทานผลไม้นั้นได้เพื่อจะ บังเกิดผลทวีขึ้นเพื่อเจ้า เราคือพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้า
26 "เจ้าอย่ารับประทานเนื้อสัตว์ที่มีเลือดใน เนื้อนั้น เจ้าอย่าเป็นหมอดูหรือเป็นหมอผี
27 เจ้าอย่ากันผมที่จอนหูหรือกันริมเคราของเจ้า
28 เจ้าอย่าเชือดเนื้อของเจ้าเพราะเหตุมีคนตาย หรือสักเป็นเครื่องหมายใดๆลงที่ตัวเจ้าเราคือพระเจ้า
29 "อย่าทำบุตรสาวของตนให้เป็นคนลามก ด้วยให้เป็นหญิงโสเภณี เกลือกว่าแผ่นดินนั้นจะเป็นถิ่นการโสเภณี และแผ่นดินจะเต็มด้วยความลามก
30 เจ้าจงรักษาสะบาโตทั้งหลายของเรา และเคารพต่อสถานนมัสการของเรา เราคือพระเจ้า
31 "อย่าไปหาคนทรงหรือพ่อมดแม่มด อย่าเที่ยวค้นหาให้ตนมลทินไปเพราะเขาเลย เราคือพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้า
32 "เจ้าจงลุกขึ้นคำนับคนผมหงอกและเคารพคนชรา และจงยำเกรงพระเจ้าของเจ้า เราคือพระเจ้า
33 "เมื่อคนต่างด้าวอาศัยอยู่กับเจ้าในแผ่นดินของเจ้า อย่าข่มเหงเขา
34 คนต่างด้าวที่อาศัยอยู่กับเจ้านั้นก็เหมือนกับชาวเมือง ของเจ้า เจ้าจงรักเขาเหมือนกับรักตัวเอง เพราะว่าเจ้าเคยเป็นคนต่างด้าวในแผ่นดิน อียิปต์เราคือพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้า
35 "เจ้าอย่ากระทำผิดในการพิพากษาในการวัดยาว หรือชั่งน้ำหนักหรือนับจำนวน
36 "เจ้าจงใช้ตาชั่งเที่ยงตรง ลูกตุ้มเที่ยงตรง เอฟาห์เที่ยงตรงและฮิน เที่ยงตรงเราคือพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้า ผู้ได้พาเจ้าออกมาจากแผ่นดินอียิปต์
37 ดังนี้แหละ เจ้าจงรักษากฎเกณฑ์ทั้งหมดของเราและกฎหมายของเรา ทั้งสิ้น และกระทำตาม เราคือพระเจ้า"

เลวีนิติ 20
1 พระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า
2 "จงกล่าวแก่คนอิสราเอลว่า คนอิสราเอลคนใดหรือคนต่างด้าวคนใดที่อาศัยอยู่ ในอิสราเอล ผู้ที่มอบลูกหลานของตนให้แก่พระโมเลค ผู้นั้นต้องมีโทษถึงตาย ให้ราษฎรเอาหินขว้างเขาเสียให้ตาย
3 ตัวเราเองจะหมายหน้าผู้นั้นไว้ และจะอเปหิเขาจากท่ามกลางชนชาติของตน เพราะว่าเขาได้ให้ลูกของเขาคนหนึ่งแก่พระโมเลค กระทำให้สถานศักดิ์สิทธิ์ของเราเป็นมลทิน และกระทำให้นามบริสุทธิ์ของเราเป็นที่เหยียดหยาม
4 และถ้าราษฎรหลับหูหลับตา เรื่องชายคนที่ให้ลูกหลานแก่พระโมเลคนั้นเสีย ไม่ขว้างเขาให้ตาย
5 เราจะหมายหน้าชายคนนั้น และสู้กับครอบครัวของเขา และอเปหิเขาเสียจากชนชาติของตน ทั้งตัวเขาก็ดีและผู้ใดที่ทำตาม เขาในการเล่นชู้กับพระโมเลคนั้นก็ดี
6 "ผู้ใดใฝ่หาคนทรงผีหรือพ่อมดแม่มด เล่นชู้กับเขา เราจะหมายหน้าผู้นั้น และอเปหิเขาเสียจากชนชาติของตน
7 เหตุฉะนั้นเจ้าจงชำระตัวให้บริสุทธิ์เพราะ เราคือพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้า
8 จงรักษากฎเกณฑ์ของเราและกระทำตาม เราคือพระเจ้าผู้ตั้งเจ้าไว้ให้บริสุทธิ์
9 เพราะว่าทุกคนที่แช่งบิดาหรือมารดาของตนจะต้อง มีโทษถึงตาย เขาได้แช่งบิดาหรือมารดาของเขา ที่เขาต้องตายนั้นเขาเองรับผิดชอบ
10 "ถ้าผู้ใดร่วมประเวณีกับภรรยาของ เพื่อนบ้าน ให้ขว้างผู้ร่วมประเวณีทั้งชายและหญิงนั้นเสียให้ ตาย
11 ผู้ใดเข้านอนกับภรรยาของบิดาตน ผู้นั้นได้เปิดของลับของบิดาตน ให้ขว้างทั้งสองคนนั้นเสียให้ตายที่เขาต้องตายนั้นเขา เองรับผิดชอบ
12 ผู้ใดเข้านอนกับลูกสะใภ้ให้ขว้างทั้งสองคนนั้นให้ตาย เพราะเขาได้กระทำผิดประเวณีต่อญาติสนิท ที่เขาต้องตายนั้นเขาเองรับผิดชอบ
13 ชายใดเข้านอนกับผู้ชายกระทำอย่างกับผู้หญิง ทั้งสองคนกระทำผิดในสิ่งอันพึงรังเกียจ ให้ขว้างทั้งสองคนนั้นเสียให้ตาย ที่เขาต้องตายนั้นเขาเองรับผิดชอบ
14 ชายใดได้ภรรยาและได้มารดาของนางมาเป็นภรรยาด้วย นี่เป็นเรื่องอธรรม ให้เผาทั้งชายนั้นและหญิงทั้งสองนั้นเสียด้วยไฟ เพื่อว่าจะไม่มีความอธรรมในหมู่พวก เจ้า
15 ถ้าชายใดสมสู่กับสัตว์เดียรัจฉาน ให้ขว้างชายคนนั้นเสียให้ตาย และเจ้าจงขว้างสัตว์เดียรัจฉานนั้นเสียให้ตาย
16 ถ้าหญิงคนใดเข้าใกล้สัตว์เดียรัจฉาน และเข้านอนกับมันเจ้าจงขว้างหญิงนั้นและสัตว์เดียรัจฉาน นั้นเสียให้ตาย ทั้งสองต้องถูกขว้างตาย ที่เขาต้องตายนั้นเขาเองรับผิดชอบ
17 "ถ้าชายใดพาพี่สาวหรือน้องสาวของตน คือบุตรสาวของพ่อ หรือบุตรสาวของแม่ และดูของลับของเธอและเธอก็ดูของลับของเขา เป็นสิ่งที่น่าอายมาก จะต้องอเปหิเขาต่อหน้าชนชาติของเขา เพราะเขาได้เปิดของลับของพี่สาวน้องสาวของเขา เขาต้องรับโทษของเขา
18 ชายใดเข้านอนกับหญิงผู้มีประจำเดือน และเปิดของลับของเธอ เขาได้กระทำให้แหล่งโลหิตของเธอเปิด ส่วนเธอก็เปิดแหล่งโลหิตของเธอ ให้อเปหิทั้งสองคนออกจากชนชาติของเขา
19 เจ้าอย่าเปิดของลับของพี่สาวหรือน้องสาวมารดาเจ้า หรือพี่สาวน้องสาวของบิดาเจ้า เพราะกระทำเช่นนั้นเจ้าได้เปิดของลับของญาติสนิท เขาต้องได้รับโทษ
20 ถ้าชายใดเข้านอนกับภรรยาของลุง เขาได้เปิดของลับของลุง ทั้งสองจะต้องรับโทษ เขาจะตายโดยไม่มีบุตร
21 ถ้าชายใดเอาภรรยาของพี่ชาย หรือ น้องชายไปเป็นเรื่องมลทิน เขาได้เปิดของลับของพี่ชายหรือน้องชาย เขาจะต้องไม่มีบุตร
22 "เพราะฉะนั้นเจ้าจงรักษากฎเกณฑ์ทั้งสิ้นของเรา และกฎหมายทั้งสิ้นของเรา และกระทำตาม เพื่อว่าแผ่นดินซึ่งเรานำเจ้าให้มาอยู่นั้นจะ มิได้สำรอกเจ้าให้ออกไปเสีย
23 และเจ้าอย่าประพฤติตามธรรมเนียมของประชาชาติ ที่เราไล่ไปเสียให้พ้นหน้าเจ้า ด้วยว่าเขาทั้งหลายได้ประพฤติผิดในสิ่งเหล่านี้ เราจึงเกลียดชังเขา
24 แต่เราได้บอกเจ้าแล้วว่า เจ้าทั้งหลายจะได้รับแผ่นดินนี้เป็นมรดก เราจะให้แก่เจ้าเป็นกรรมสิทธิ์ เป็นแผ่นดินที่มีน้ำนมและน้ำผึ้งไหลบริบูรณ์ เราคือพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้า ผู้ได้แยกเจ้าออกจากชนชาติทั้งหลาย
25 เหตุฉะนั้นเจ้าจงสังเกตความแตกต่างระหว่างสัตว์สะอาด และสัตว์มลทิน ระหว่างนกมลทินและนกสะอาด เจ้าอย่ากระทำตัวให้เป็นที่พึงรังเกียจ ด้วยสัตว์หรือนกหรือสิ่งใดๆ ที่เลื้อยคลานอยู่บนดิน ซึ่งเราได้แยกให้เจ้าแล้วว่าเป็นของมลทิน
26 เจ้าต้องบริสุทธิ์สำหรับเรา เพราะเราคือพระเจ้าบริสุทธิ์ และได้แยกเจ้าออกจากชนชาติทั้งหลายเพื่อเจ้าจะเป็นของเรา
27 "ชายหรือหญิงคนใดที่เป็นคนทรงหรือพ่อมดแม่มด จงฆ่าเสีย จงเอาหินขว้าง ที่เขาต้องตายนั้นเขาเองรับผิดชอบ"

เลวีนิติ 21
1 พระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า "จงกล่าวแก่บรรดาปุโรหิต คือบุตรหลานของอาโรน และสั่งเขาว่า อย่าให้ผู้ใดกระทำตัวให้มลทินด้วยเรื่องศพในหมู่ประชาชน
2 เว้นแต่ญาติที่สนิทที่สุด คือ มารดา บิดา บุตรชายหญิง พี่ชายน้องชาย
3 หรือพี่สาวน้องสาวพรหมจารี (ผู้ที่ยังสนิทกับเขา เพราะเธอยังไม่มีสามี เขาจึงยอมตัวเป็นมลทินเพราะเธอได้)
4 อย่าให้เขามีมลทินเพราะเป็นสวามีในหมู่ชนชาติของเขา และกระทำให้ตนเป็นมลทิน
5 อย่าโกนศีรษะหรือกันเครา หรือเชือดเนื้อตัวเอง
6 พวกปุโรหิตต้องเป็นคนบริสุทธิ์ต่อพระเจ้าของตน และไม่กระทำให้พระนามของพระเจ้าเป็นที่เหยียดหยาม เพราะเขาทั้งหลายถวายเครื่องบูชาด้วยไฟแด่พระเจ้า เป็นพระกระยาหารแห่งพระเจ้าของเขาทั้งหลาย เพราะฉะนั้นเขาทั้งหลายจึงต้องบริสุทธิ์
7 ปุโรหิตจะแต่งงานกับหญิงโสเภณีหรือหญิงที่มีมลทินไม่ได้ หรือจะแต่งงานกับหญิงที่หย่าจากสามีก็ไม่ได้ เพราะปุโรหิตจะต้องบริสุทธิ์แด่พระเจ้าของเขา
8 เจ้าจงชำระเขาให้บริสุทธิ์ เพราะเขาถวายพระกระยาหารแห่งพระเจ้าของเจ้า เขาจะต้องบริสุทธิ์สำหรับเจ้า เพราะเราคือพระเจ้าผู้ชำระเจ้าทั้งหลายให้บริสุทธิ์ เราบริสุทธิ์
9 บุตรสาวของปุโรหิตคนใด ถ้าเธอกระทำตัวให้มลทิน โดยไปเป็นหญิงโสเภณีก็กระทำให้บิดาเป็นมลทิน จะต้องเผาเธอเสียด้วยไฟ
10 "ปุโรหิตที่เป็นผู้ใหญ่ในหมู่พวกพี่น้อง ผู้ถูกเจิมที่ศีรษะด้วยน้ำมัน และผู้ที่ได้รับการชำระให้บริสุทธิ์ที่จะสวมเสื้อยศ อย่าปล่อยผมหรือฉีกเสื้อผ้าของตน
11 อย่าเข้าไปถูกต้องศพหรือกระทำตัวให้มลทิน แม้ว่าศพนั้นเป็นบิดาหรือมารดา 
12 อย่าออกไปจากสถานนมัสการ หรือกระทำสถานนมัสการของพระเจ้าให้เป็นมลทิน เพราะว่าการชำระให้บริสุทธิ์ด้วยน้ำมันเจิมของ พระเจ้าอยู่บนตัวเขา เราคือพระเจ้า
13 เขาจะต้องมีภรรยาเป็นหญิงพรหมจารี
14 อย่าให้เขาแต่งงานกับหญิงม่าย แม่ร้าง หญิงที่มีมลทิน หรือหญิงโสเภณี เขาจะต้องหาหญิงพรหมจารีในชนชาติของเขามาเป็นภรรยา
15 เพื่อเขาจะมิได้กระทำให้ลูกหลานของเขา ในหมู่ชนชาติของเขาเป็นมลทิน เพราะเราคือพระเจ้าผู้ตั้งเขาไว้ให้บริสุทธิ์"
16 พระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า
17 "จงกล่าวแก่อาโรนว่า ในบรรดาพงศ์พันธุ์ของเจ้า ตลอดทุกชั่วชาติพันธุ์ของเขาทั้งหลาย อย่าให้ผู้มีตำหนิพิการเข้าไปถวายพระกระยาหารแห่ง พระเจ้าของเขา
18 เพราะว่าผู้ใดที่มีตำหนิจะเข้าใกล้ไม่ได้ ไม่ว่าเป็นคนตาบอดหรือเป็นคนเขยก หรือที่หน้ามีแผลเป็นหรือแขนขายาวเกิน
19 หรือมีเท้าพิการหรือมือพิการ
20 คนหลังค่อม คนแคระ คนเสียตา คนเป็นขี้กลากหรือหิด หรือคนมีลูกอัณฑะฝ่อ
21 ผู้ใดในพงศ์พันธุ์ของอาโรนที่มีตำหนิ อย่าให้เข้ามาถวายเครื่องบูชาด้วยไฟแด่พระเจ้า เพราะว่าเขาเป็นคนมีตำหนิ อย่าให้เขามาถวายพระกระยาหารแห่งพระเจ้าของเขา
22 เขาจะรับประทานพระกระยาหารแห่งพระเจ้าของเขาได้ ทั้งของที่บริสุทธิ์ที่สุดและของบริสุทธิ์
23 แต่อย่าให้เขาเข้ามาใกล้ม่านหรือใกล้แท่น เพราะเขามีตำหนิ เพื่อเขาจะไม่กระทำให้สถานนมัสการของเราเป็นมลทิน เพราะเราคือพระเจ้า ผู้ตั้งเขาไว้ให้บริสุทธิ์"
24 โมเสสจึงบอกอาโรนและบุตรหลานของอาโรน และคนอิสราเอลดังนั้น

เลวีนิติ 22
1 พระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า
2 "จงบอกอาโรนกับบุตรหลานของเขาให้ออกห่าง เสียจากสิ่งบริสุทธิ์ของคนอิสราเอล ซึ่งเขาทั้งหลายถวายแก่เรา เพื่อว่าเขาทั้งหลายจะมิได้กระทำให้นามของเราเป็นมลทิน เราคือพระเจ้า
3 จงกล่าวแก่เขาว่า 'ถ้าคนหนึ่งคนใดในพงศ์พันธุ์ของเจ้าตลอดชั่ว ชาติพันธุ์เข้าใกล้ของบริสุทธิ์ซึ่งคนอิสราเอลถวายแด่พระเจ้า ขณะที่เขามีมลทินอยู่จะต้องอเปหิคนนั้นออกไป ให้พ้นหน้าเรา เราคือพระเจ้า
4 อย่าให้เชื้อสายอาโรนคนใดที่เป็นโรคเรื้อนหรือมี สิ่งไหลออกมารับประทานของบริสุทธิ์ ให้รอจนกว่าเขาสะอาดแล้วก่อน ผู้ใดแตะต้องสิ่งที่มลทิน โดยแตะต้องศพหรือผู้ที่มีน้ำกามไหลออก
5 ผู้ใดที่แตะต้องสิ่งเลื้อยคลาน ซึ่งกระทำให้เขามลทิน หรือแตะต้องคนซึ่งอาจทำให้เขามลทิน ไม่ว่าจะเป็นมลทินชนิดใด
6 บุคคลผู้แตะต้องสิ่งเหล่านี้ ต้องมลทินไปจนถึงเวลาเย็น และจะรับประทานสิ่งบริสุทธิ์ไม่ได้ นอกจากเขาจะอาบน้ำชำระตัวเสียก่อน
7 เมื่อดวงอาทิตย์ตกเขาก็สะอาด ภายหลังเขาจึงรับประทานสิ่งบริสุทธิ์ได้ เพราะสิ่งเหล่านั้นเป็นอาหารของเขา
8 สิ่งใดที่ตายเอง หรือถูกสัตว์กัดตาย อย่ารับประทาน เขาจะเป็นมลทินด้วยสิ่งเหล่านี้ เราคือพระเจ้า'
9 เพราะฉะนั้นเขาทั้งหลายต้องรักษาคำบัญชาของเรา เกลือกว่าเขาจะต้องรับโทษเพราะสิ่งนั้น และจะต้องตายเมื่อเขากระทำสิ่งนั้นให้เป็นมลทิน เราคือพระเจ้า ผู้ที่ตั้งเขาไว้ให้บริสุทธิ์
10 "อย่าให้คนภายนอกรับประทานสิ่งบริสุทธิ์ ผู้ที่มาอาศัยอยู่กับปุโรหิตหรือลูกจ้างอย่าให้รับประทานสิ่งบริสุทธิ์นั้น
11 แต่ถ้าปุโรหิตคนหนึ่งซื้อทาสมาด้วยเงินเป็นทรัพย์ของตน ทาสนั้นจะรับประทานก็ได้ และผู้ที่เกิดในครัวเรือนของปุโรหิตรับประทานอาหารนั้นได้
12 ถ้าบุตรสาวของปุโรหิตไปแต่งงานกับคนภายนอก เธอก็รับประทานสิ่งบริสุทธิ์นั้นไม่ได้
13 ถ้าบุตรสาวของปุโรหิตเป็นแม่ม่ายหรือแม่ร้าง และไม่มีบุตร และกลับมาอยู่ที่เรือนของบิดาอย่างเมื่อเธอยังสาว เธอรับประทานอาหารของบิดาได้ แต่คนภายนอก รับประทานไม่ได้
14 ถ้าคนใดรับประทานสิ่งบริสุทธิ์โดยมิได้เจตนา เขาจะต้องเพิ่มค่าของนั้นหนึ่งในห้า และมอบของบริสุทธิ์นั้นแก่ปุโรหิต
15 อย่าให้ปุโรหิตกระทำสิ่งบริสุทธิ์ของคนอิสราเอล ที่นำมาถวายแด่พระเจ้าให้เป็นมลทิน
16 ซึ่งจะกระทำให้เขาได้รับโทษด้วยมีความผิดที่รับประทานสิ่งบริสุทธิ์ เพราะเราคือพระเจ้า ผู้ตั้งเขาไว้ให้บริสุทธิ์"
17 พระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า
18 "จงกล่าวแก่อาโรนและบุตรหลานของอาโรน และแก่คนอิสราเอลทั้งหมดว่า เมื่อคนอิสราเอลหรือคนต่างด้าวในอิสราเอล ผู้ใดถวายเครื่องบูชา เป็นเครื่องแก้บนหรือเครื่องบูชาด้วยใจสมัคร ซึ่งถวายบูชาแด่พระเจ้าเป็นเครื่องเผาบูชา
19 เพื่อให้เป็นที่โปรดปราน เจ้าจงถวายสัตว์ ตัวผู้ปราศจากตำหนิ คือวัวผู้หรือแกะหรือแพะ
20 เจ้าอย่าถวายสิ่งใดๆที่มีตำหนิ เพราะจะไม่ทรงรับเพื่อเจ้า
21 เมื่อคนใดถวายเครื่องศานติบูชาแด่พระเจ้าเพื่อ แก้บนหรือถวายด้วยใจสมัคร เป็นสัตว์ที่ได้มาจากฝูงวัว หรือฝูงแพะแกะ สัตว์นั้นต้องไม่มีตำหนิจึงจะทรงรับ อย่าให้สัตว์นั้นมีที่ติเลย
22 สัตว์ที่ตาบอดหรือพิการ หรือมีแผล หรือมีสิ่งไหลออกหรือเป็นขี้กลากหรือเป็นหิด เจ้าอย่านำมาถวายแด่พระเจ้า หรือนำมาเป็นเครื่องบูชาด้วยไฟที่บนแท่นถวายแด่พระเจ้า
23 วัวหรือลูกแกะที่มีอวัยวะยาวเกินไปหรือสั้นเกินไป สักส่วนหนึ่ง ท่านจะนำมาถวายเป็นเครื่องบูชาด้วยใจสมัครก็ได้ แต่ถ้าเป็นเครื่องบูชาแก้บนก็ไม่เป็นที่โปรดปราน
24 สัตว์ตัวใดที่มีลูกอัณฑะช้ำหรือถูกทุบหรือฉีก ขาดหรือมีรอยตัด เจ้าอย่านำมาถวายแด่พระเจ้า ให้เป็นเครื่องบูชาในแผ่นดินของเจ้า
25 เจ้าอย่านำสัตว์ซึ่งได้มาจากคนต่างด้าวถวาย เป็นพระกระยาหารแห่งพระเจ้าของเจ้า เพราะสัตว์นั้นมีตำหนิด้วยถูกทำให้พิการจึงไม่ ทรงรับเพื่อเจ้า"
26 พระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า
27 "เมื่อวัวหรือแกะหรือแพะเกิดมา ให้อยู่กับแม่เจ็ดวัน ตั้งแต่วันที่แปดเป็นต้นไปจะใช้เป็นเครื่องบูชา ด้วยไฟถวายแด่พระเจ้าก็เป็นที่ทรงรับ
28 แม้ว่าแม่สัตว์นั้นจะเป็นวัวหรือแกะก็ดี เจ้าอย่าฆ่ามันพร้อมกับลูกของมันในวันเดียวกัน
29 เมื่อเจ้าถวายเครื่องสัตวบูชาเป็นเครื่องบูชา โมทนาพระคุณแด่พระเจ้า เจ้าจงถวายเครื่องสัตวบูชานั้นเพื่อเจ้าจะเป็นที่โปรดปราน
30 จงรับประทานเครื่องบูชานั้นในวันถวายเครื่องบูชา อย่าเหลือไว้จนรุ่งเช้าเลย เราคือพระเจ้า
31 "เพราะฉะนั้นเจ้าจงรักษาพระบัญญัติของเราและกระทำตาม เราคือพระเจ้า
32 เจ้าอย่ากระทำให้นามบริสุทธิ์ของเราเป็นที่เหยียดหยาม แต่ให้เราเป็นที่สรรเสริญในหมู่คนอิสราเอล เราคือพระเจ้า ผู้ทำเจ้าให้บริสุทธิ์
33 ผู้นำเจ้าออกจากแผ่นดินอียิปต์เพื่อเป็นพระเจ้าของเจ้า เราคือพระเจ้า"

เลวีนิติ 23
1 พระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า
2 "จงกล่าวแก่คนอิสราเอลว่า เทศกาลเลี้ยงตามกำหนดแด่พระเจ้า ซึ่งเจ้าจะต้องประกาศว่าเป็นการประชุมบริสุทธิ์ คือเทศกาลเลี้ยงตามกำหนดของเรานั้นมีดังนี้
3 จงทำการงานในหกวัน แต่วันที่เจ็ดนั้นเป็นสะบาโตแห่งการหยุดพักสงบ เป็นวันประชุมบริสุทธิ์ เจ้าอย่าทำการงานใดๆ เป็นสะบาโตแด่พระเจ้า ตามที่อยู่ทั่วไปของเจ้า
4 "ต่อไปนี้เป็นเทศกาลเลี้ยงตามกำหนดแด่พระเจ้า เป็นการประชุมบริสุทธิ์ ซึ่งเจ้าจะต้องประกาศตามเวลากำหนดให้เขาทราบ
5 ในเวลาเย็นวันที่สิบสี่เดือนที่หนึ่งเป็นวันเทศกาล ปัสกา ของพระเจ้า
6 และในวันที่สิบห้าเดือนเดียวกัน เป็นเทศกาลกินขนมปังไร้เชื้อถวายแด่พระเจ้า ให้เจ้ารับประทานขนมปังไร้เชื้อ เจ็ดวัน
7 ในวันต้นเจ้าจงมีการประชุมบริสุทธิ์ เจ้าอย่าทำงานหนัก
8 แต่เจ้าจงถวายเครื่องบูชาด้วยไฟแด่พระเจ้าให้ครบเจ็ดวัน ในวันที่เจ็ดเป็นวันประชุมบริสุทธิ์ เจ้าอย่าทำงานหนัก"
9 พระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า
10 "จงกล่าวแก่คนอิสราเอลว่า เมื่อเจ้ามาถึงแผ่นดินซึ่งเราให้เจ้า และเกี่ยวพืชผลของแผ่นดินนั้น เจ้าจงเอาฟ่อนข้าวที่เกี่ยวในรุ่นแรกนำไปให้ปุโรหิต
11 และปุโรหิตจะนำฟ่อนข้าวนั้น ทำพิธียื่นถวายแด่พระเจ้า เพื่อเจ้าจะเป็นที่โปรดปราน รุ่งขึ้นหลังวันสะบาโตปุโรหิตจะทำพิธียื่นถวาย
12 ในวันที่เจ้าทำพิธียื่นฟ่อนข้าว เจ้าจงถวายลูกแกะผู้อายุหนึ่งขวบ ไม่มีตำหนิเป็นเครื่องเผาบูชาถวายแด่พระเจ้า
13 และเครื่องธัญญบูชาที่คู่กันนั้น คือยอดแป้งสองในสิบเอฟาห์เคล้าน้ำมัน เผาด้วยไฟถวายแด่พระเจ้าเป็นกลิ่นพอพระทัย และเครื่องดื่มบูชาที่คู่กันคือเหล้าองุ่นหนึ่งในสี่ฮิน
14 เจ้าอย่ารับประทานขนมปังหรือข้าวคั่วข้าวสด จนกว่าจะถึงวันเดียวกันนี้ คือกว่าเจ้าจะนำเครื่องบูชาถวายแด่พระเจ้าของเจ้า ทั้งนี้เป็นกฎเกณฑ์ถาวรตลอดชั่วชาติพันธุ์ของเจ้าใน ที่อยู่ของเจ้าทั่วไป
15 "ตั้งแต่วันรุ่งขึ้นจนวันสะบาโต เจ้าจงนับให้ได้ครบเจ็ดสัปดาห์เต็มๆ คือนับจากวันที่เจ้านำฟ่อนข้าวเข้า มาทำพิธียื่นถวายเป็นต้นไป
16 นับไปให้ได้ห้าสิบวัน จนถึงวันถัดวันสะบาโตที่เจ็ด แล้วเจ้าจงนำข้าวใหม่มาถวายแด่พระเจ้าเป็นธัญญบูชา
17 จงนำขนมปังสองก้อนทำด้วยแป้งสองในสิบเอฟาห์จาก ที่อาศัยของเจ้ามาทำพิธียื่นถวาย ให้ทำด้วยยอดแป้งใส่เชื้อปิ้งเป็นผลรุ่นแรกถวายแด่พระเจ้า
18 พร้อมกับขนมปังนั้นเจ้าจงนำลูกแกะเจ็ดตัวอายุหนึ่ง ขวบปราศจากตำหนิ วัวหนุ่มตัวหนึ่ง แกะผู้สองตัว มาเป็นเครื่องเผาบูชาถวายแด่พระเจ้า พร้อมกับธัญญบูชาและเครื่องดื่มบูชา อันเป็นคู่กันให้เป็นเครื่องบูชาด้วยไฟ เป็นกลิ่นพอพระทัยถวายแด่พระเจ้า
19 เจ้าจงถวายแพะผู้ตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป และลูกแกะผู้อายุหนึ่งขวบสองตัวเป็นเครื่องศานติบูชา
20 ให้ปุโรหิตทำพิธียื่นถวายพร้อมกับขนมปังซึ่ง เป็นผลรุ่นแรก เป็นเครื่องยื่นถวายแด่พระเจ้า พร้อมกับลูกแกะสองตัว จะเป็นสิ่งบริสุทธิ์แด่พระเจ้าสำหรับปุโรหิต
21 และในวันเดียวกันนั้น เจ้าจงประกาศ เจ้าจงมีการประชุมบริสุทธิ์ เจ้าอย่าทำงานหนัก ทั้งนี้เป็นกฎเกณฑ์ถาวรทั่วไปในที่อาศัยของ เจ้าตลอดชั่วชาติพันธุ์ของเจ้า
22 "และเมื่อเจ้าเกี่ยวข้าวในแผ่นดินของเจ้า เจ้าอย่าเกี่ยวไปที่ขอบนาให้หมด และอย่าเก็บข้าวที่เกี่ยวตก เจ้าจงทิ้งไว้ให้คนยากจนและคนต่างด้าว เราคือพระเยโฮวาห์ พระเจ้าของเจ้า"
23 พระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า
24 "จงกล่าวแก่คนอิสราเอลว่า ในวันที่หนึ่งของเดือนที่เจ็ด เจ้าทั้งหลายจงถือเป็นวันหยุดพักสงบวันหนึ่ง เป็นวันประชุมบริสุทธิ์ประกาศเป็นที่ระลึกด้วยเสียงแตร
25 เจ้าอย่าทำงานหนัก และเจ้าจงนำเครื่องบูชาด้วยไฟถวายแด่พระเจ้า"
26 พระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า
27 "ในวันที่สิบของเดือนที่เจ็ดนี้เป็นวันทำการลบ มลทิน จะเป็นวันประชุมบริสุทธิ์แก่เจ้า และเจ้าจงบังคับใจตนเอง และนำเครื่องบูชาด้วยไฟถวายแด่พระเจ้า
28 ในวันเดียวกันนั้นเจ้าอย่าทำงานใดๆ เพราะเป็นวันทำการลบมลทิน ที่จะทำการลบมลทินของเจ้าต่อพระเยโฮวาห์ พระเจ้าของเจ้า
29 ในวันเดียวกันนี้ถ้าผู้ใดไม่บังคับใจก็ให้ อเปหิผู้นั้นเสียจากท่ามกลางชนชาติของตน
30 และในวันเดียวกันนี้ถ้าผู้ใดทำงานใดๆ เราจะทำลายผู้นั้นเสียจากท่ามกลางชนชาติของเขา
31 เจ้าอย่าทำงานสิ่งใดเลย ทั้งนี้เป็นกฎเกณฑ์ถาวรตลอดชั่วชาติพันธุ์ของเจ้า ทั่วไปในที่อาศัยของเจ้า
32 จะเป็นวันสะบาโตสำหรับหยุดพักสงบแก่เจ้า และเจ้าจงบังคับใจของเจ้า เริ่มแต่เวลาเย็นในวันที่เก้าของเดือน เจ้าต้องรักษาวันสะบาโตจากเวลาเย็นถึงเวลาเย็น"
33 พระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า
34 "จงกล่าวแก่คนอิสราเอลว่า ในวันที่สิบห้าเดือนที่เจ็ดนี้ เป็นวันเทศกาลอยู่เพิง ถวายแด่พระเจ้าสิ้นเจ็ดวัน
35 จะมีการประชุมบริสุทธิ์ในวันแรก เจ้าอย่าทำงานหนัก
36 จงนำเครื่องบูชาด้วยไฟถวายแด่พระเจ้าทั้งเจ็ดวัน ในวันที่แปดเจ้าจงมีการประชุมบริสุทธิ์ และนำเครื่องบูชาด้วยไฟถวายแด่พระเจ้า เป็นการประชุมตามพิธี เจ้าทั้งหลายอย่าทำงานหนัก
37 "ทั้งนี้เป็นเทศกาลเลี้ยงตามกำหนดแด่พระเจ้า ซึ่งเจ้าต้องประกาศเป็นเวลาประชุมบริสุทธิ์ เพื่อให้นำถวายแด่พระเจ้า ซึ่งเครื่องบูชาด้วยไฟ เครื่องเผาบูชาและธัญญบูชา ทั้งเครื่องสัตวบูชาและเครื่องดื่มบูชา ต่างก็ให้ถูกต้องตามวันกำหนดนั้นๆ
38 นอกเหนือวันสะบาโตแห่งพระเจ้าและนอกเหนือของถวายของเจ้า และนอกเหนือเครื่องบูชาแก้บนของเจ้า และนอกเหนือเครื่องบูชาด้วยใจสมัครของเจ้าซึ่งเจ้านำมาถวายแด่พระเจ้า
39 "ในวันที่สิบห้าของเดือนที่เจ็ด เมื่อเจ้าได้เก็บพืชผลที่ได้จากแผ่นดินนั้นเข้ามาแล้ว เจ้าจงมีเทศกาลเลี้ยงแห่งพระเจ้าเจ็ดวัน ในวันแรกให้หยุดพักสงบ และในวันที่แปดก็ให้หยุดพักสงบ
40 ในวันแรกเจ้าจงนำมาซึ่งผลจากต้นมะงั่ว ใบอินทผลัม กิ่งไม้ที่มีใบมาก กิ่งต้นไค้ และเจ้าจงปีติยินดีอยู่เจ็ดวันต่อพระเยโฮวาห์ พระเจ้าของเจ้า
41 เจ้าจงถือเป็นพิธีเทศกาลเลี้ยงปีละเจ็ดวันถวายแด่พระเจ้า ทั้งนี้เป็นกฎเกณฑ์ถาวรตลอดชั่วชาติพันธุ์ของเจ้า เจ้าจงถือพิธีนี้ในเดือนที่เจ็ด
42 เจ้าจงอยู่ในเพิงเจ็ดวัน ทุกคนที่เป็นชาวพื้นเมืองอิสราเอลให้เข้าอยู่ในเพิง
43 เพื่อชาติพันธุ์ของเจ้าจะได้ทราบว่า เมื่อเราพาคนอิสราเอลออกจากแผ่นดินอียิปต์นั้น เราได้ให้เขาอยู่ในเพิงเราคือพระเยโฮวาห์ พระเจ้าของเจ้า"
44 ดังนี้แหละ โมเสสจึงได้ประกาศให้คนอิสราเอลทราบถึง เทศกาลเลี้ยงตามกำหนดของพระเจ้า

เลวีนิติ 24
1 พระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า
2 "เจ้าจงบัญชาแก่คนอิสราเอลให้นำน้ำมันอย่างบริสุทธิ์ สกัดจากมะกอกเทศเพื่อเติมประทีป เพื่อให้ตะเกียงลุกอยู่เสมอ
3 ภายในเต็นท์นัดพบข้างนอกม่านหีบพระโอวาทนั้น ให้อาโรนจัดประทีปให้เป็นระเบียบตั้งแต่เวลาเย็น จนเวลาเช้าเสมอต่อพระเจ้า ทั้งนี้ให้เป็นกฎเกณฑ์ถาวรตลอดชั่วชาติพันธุ์ของเจ้า
4 ให้อาโรนจัดประทีปให้เป็นระเบียบ อยู่บนคันประทีปทองคำบริสุทธิ์เสมอเป็นนิตย์แด่พระเจ้า
5 "เจ้าจงเอายอดแป้งทำขนมปังสิบสองก้อน ก้อนหนึ่งใช้แป้งสองในสิบเอฟาห์ปิ้งเสีย
6 เจ้าจงจัดขนมปังนั้นวางบนโต๊ะทองคำบริสุทธิ์ เป็นสองแถวๆละหกก้อน
7 และเจ้าจงเอาเครื่องกำยานบริสุทธิ์ใส่ไว้ทุกแถว เพื่อจะคู่กับขนมปังเป็นส่วนอนุสรณ์ เพื่อบูชาด้วยไฟถวายแด่พระเจ้า
8 ทุกๆวันสะบาโตให้อาโรนจัดไว้ให้เป็นระเบียบถวายแด่พระเจ้าเสมอในนามของอิสราเอล เป็นพันธสัญญาเนืองนิตย์
9 ขนมนี้ตกเป็นของอาโรนและบุตรชายของ เขา ให้เขารับประทานได้ในที่บริสุทธิ์ เพราะเป็นส่วนบริสุทธิ์ที่สุดที่ได้จากเครื่องบูชา ด้วยไฟถวายแด่พระเจ้า เป็นส่วนได้อันถาวร"
10 ครั้งนั้นมีชายคนหนึ่งเป็นบุตรของหญิงคนอิสราเอล ซึ่งบิดาเป็นชาวอียิปต์ ออกไปท่ามกลางคนอิสราเอล และบุตรชายของหญิงอิสราเอลทะเลาะกับชาย อิสราเอลคนหนึ่งในค่าย
11 และบุตรชายหญิงอิสราเอลคนนั้นได้เหยียดหยาม พระนามและได้แช่งด่า เขาจึงนำตัวมาให้โมเสส มารดาของเขาชื่อเชโลมิทบุตรสาวของดิบรีคนเผ่าดาน
12 เขาจึงจำชายคนนั้นไว้ จนกว่าน้ำพระทัยของพระเจ้าจะเป็นที่กระจ่างต่อเขาทั้งหลาย
13 พระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า
14 "จงนำผู้ที่แช่งด่านั้นออกมาจากค่าย ให้บรรดาผู้ที่ได้ยินคำแช่งด่า เอามือของตนวางไว้บนศีรษะของเขา และให้ชุมนุมชนเอาหินขว้างเขาให้ตาย
15 และจงกล่าวแก่คนอิสราเอลว่า ผู้ใดแช่งด่าพระเจ้าของเขา ผู้นั้นจะต้องได้รับโทษบาป
16 ผู้ใดที่เหยียดหยามพระนามของพระเจ้าจะต้องถูกโทษถึงตาย ให้ชุมนุมชนขว้างเขาเสียให้ตาย คนต่างด้าวหรือชาวเมืองก็ดี เมื่อเขาเหยียดหยามพระนาม จะต้องถูกโทษถึงตาย
17 ผู้ที่ฆ่าคนตาย จะต้องถูกโทษถึงตาย
18 ผู้ที่ฆ่าสัตว์ของเขาจะต้องชดใช้ชีวิตแทนชีวิต
19 ถ้าผู้ใดกระทำให้เพื่อนบ้านเสียโฉม เขากระทำให้เสียโฉมอย่างไร ก็ให้กระทำแก่เขาอย่างนั้น
20 กระดูกหักแทนกระดูกหัก ตาแทนตา ฟันแทนฟันเขากระทำให้เสียโฉมอย่างไร เขาก็ต้องถูกทำให้เสียโฉมอย่างนั้น
21 ผู้ใดที่ฆ่าสัตว์ของเขาต้องเสียค่าชดใช้ และผู้ใดที่ฆ่าคนให้ผู้นั้นถูกโทษถึงตาย
22 เจ้าจงมีกฎหมายอย่างเดียวกันสำหรับคนต่างด้าว และสำหรับชาวเมือง เพราะเราคือพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้า"
23 โมเสสก็กล่าวแก่คนอิสราเอล ดังนั้นเขาจึงพาคนที่แช่งด่านั้นออกมาจากค่าย และเอาหินขว้างเขาตาย คนอิสราเอลกระทำดังนี้ตามที่พระเจ้าทรงบัญชาโมเสสไว้

เลวีนิติ 25
1 พระเจ้าตรัสกับโมเสสที่ภูเขาซีนายว่า
2 "จงกล่าวแก่คนอิสราเอลว่า เมื่อเจ้าทั้งหลายเข้าแผ่นดินที่เราให้เจ้านั้น จงให้แผ่นดินนั้นถือสะบาโต
3 เจ้าจงหว่านพืชในนาของเจ้าหกปี และจงลิดแขนงสวนองุ่นของเจ้าและเก็บผลหกปี
4 แต่ในปีที่เจ็ดนั้นเป็นปีสะบาโต จงให้แผ่นดินหยุดพักสงบเป็นปีสะบาโตแด่พระเจ้า เจ้าอย่าหว่านพืชในนา หรือลิดแขนงสวนองุ่นของเจ้า
5 สิ่งใดที่งอกขึ้นมาเอง เจ้าอย่าเก็บเกี่ยว องุ่นอันเกิดอยู่ที่เถา อันเจ้ามิได้ตกแต่งก็อย่าเก็บ ให้เป็นปีที่แผ่นดินหยุดพักสงบ
6 แผ่นดินในปีสะบาโตนั้นจะยังพืชผลให้แก่เจ้าทั้งหลาย คือแก่ตัวเจ้าเอง แก่ทาสชายทาสหญิงของเจ้า แก่ลูกจ้างของเจ้าและแก่คนต่างด้าวที่อยู่กับเจ้า
7 พืชผลแห่งแผ่นดินทั้งสิ้น จะเป็นอาหารของสัตว์เลี้ยงของเจ้าและของสัตว์ป่าใน นั้นด้วย
8 "เจ้าจงนับปีสะบาโตเจ็ดปีคือเจ็ดคูณเจ็ดปี เวลาปีสะบาโตเจ็ดปีจึงเป็นสี่สิบเก้าปีแก่เจ้า
9 เจ้าจงให้เป่าเขาสัตว์ดังสนั่นในวันที่สิบเดือนที่เจ็ด เจ้าจงให้เป่าเขาสัตว์ทั่วแผ่นดินในวันทำการลบมลทิน
10 เจ้าจงถือปีที่ห้าสิบไว้เป็นปีบริสุทธิ์ และประกาศอิสรภาพแก่บรรดาคนที่อาศัย อยู่ทั่วแผ่นดินของเจ้า ให้เป็นปีเสียงเขาสัตว์แก่เจ้า ให้ทุกคนกลับไปยังภูมิลำเนาอันเป็นทรัพย์สินของตน และกลับไปสู่ตระกูลของตน
11 ปีที่ห้าสิบนั้นเป็นปีเสียงเขาสัตว์ของเจ้า ในปีนั้นเจ้าอย่าหว่านพืชหรือเกี่ยวเก็บผลที่เกิดขึ้นมาเอง หรือเก็บองุ่นจากเถาที่มิได้ตกแต่ง
12 เพราะเป็นปีเสียงเขาสัตว์ จะเป็นปีบริสุทธิ์แก่เจ้า เจ้าจงรับประทานพืชผลที่งอกมาจากนาในปีนั้น
13 "ในปีเสียงเขาสัตว์นี้ให้ทุกคนกลับ ไปสู่ภูมิลำเนาอันเป็นทรัพย์สินของตน
14 เจ้าจะขายนาให้เพื่อนบ้านก็ดี หรือซื้อจากเพื่อนบ้านก็ดี เจ้าอย่าโกงกัน
15 ตามจำนวนปีหลังจากปีเสียงเขาสัตว์ เจ้าจงซื้อนาจากเพื่อนบ้านของเจ้า และให้เขาขายแก่เจ้าตามจำนวนปีที่ปลูกพืชได้
16 ถ้ามากปีก็ต้องเพิ่มราคาสูงขึ้น ถ้าน้อยปีเจ้าจงลดราคาให้ต่ำลง เพราะที่เขาขายนั้นเขาก็ขายตามจำนวนปีที่ปลูกพืช
17 เจ้าอย่าโกงกัน แต่เจ้าจงยำเกรงพระเจ้าของเจ้า เพราะเราคือพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้า
18 "เพราะฉะนั้นเจ้าจงกระทำตามกฎเกณฑ์ของเรา และรักษากฎหมายของเราและปฏิบัติตาม ดังนั้นเจ้าจะอาศัยอยู่ในแผ่นดินนั้นอย่างปลอดภัยได้
19 แผ่นดินจะอำนวยผลให้เจ้าได้รับประทานอย่างอิ่มหนำ และอาศัยอยู่อย่างปลอดภัย
20 ถ้าเจ้าจะพูดว่า 'ถ้าเราทั้งหลายหว่านหรือเกี่ยวพืชผลของเราไม่ได้ ในปีที่เจ็ดเราจะเอาอะไรรับประทาน'
21 เราจะบัญชาพรของเราให้มีเหนือเจ้าในปีที่หก เพื่อจะมีพืชผลพอสำหรับสามปี
22 เมื่อเจ้าหว่านในปีที่แปดเจ้าจะรับประทาน ของเก่าของเจ้าจนปีที่เก้า เมื่อเจ้าได้พืชผลใหม่เข้ามาเจ้าก็ยังรับประทาน พืชผลเก่าของเจ้าอยู่
23 เจ้าทั้งหลายจะขายที่ดินของเจ้าให้ขาดไม่ได้ เพราะว่าที่ดินนั้นเป็นของเรา เพราะเจ้าเป็นคนแขกเมืองและเป็นคนอาศัยอยู่กับเรา
24 ทั่วไปในแผ่นดินที่เจ้ายึดถืออยู่ เจ้าจงให้มีการไถ่ถอนที่ดินคืน
25 "ถ้าพี่น้องของเจ้ายากจนลง และขายที่ดินส่วนหนึ่งของเขาให้ญาติสนิทถัดเขาไป มาไถ่ถอนนาที่พี่น้องของเขาขายให้นั้น
26 ถ้าชายคนนั้นไม่มีญาติมาไถ่ถอนให้ แต่ต่อมาเขาเป็นคนมั่งมี และมีทรัพย์พอที่จะไถ่ถอนได้
27 ให้เขานับปีย้อนกลับไปถึงปีที่เขาขายให้ แล้วจงนับเงินที่ควรจ่ายกลับคืนนั้นให้แก่คนที่ตนขายให้ และตัวก็เข้าอยู่ในที่ดินของเขาได้
28 ถ้าเขาไม่มีทรัพย์พอที่จะไถ่คืน ที่ดินที่เขาได้ขายไปจะคงอยู่ในมือของผู้ซื้อ จนถึงปีเสียงเขาสัตว์ ให้เขาคืนกลับให้เจ้าของในปีเสียงเขาสัตว์นี้ และเจ้าของเดิมจะกลับเข้าอยู่ในที่เดิมของเขาได้
29 "ถ้าผู้ใดขายเรือนซึ่งอยู่ในเมืองที่มีกำแพง เมื่อขายไปแล้วให้เขาไถ่ถอนคืนได้ภายในหนึ่งปีแรก ให้เขามีสิทธิ์ในการไถ่คืนได้หนึ่งปีเต็ม
30 ถ้าในเวลาหนึ่งปีเต็มเขาไม่ทำการไถ่ถอน ก็ให้จัดการเสียให้เป็นการแน่นอนว่าผู้ที่ซื้อ ไปมีสิทธิ์เหนือเรือนที่อยู่ในเมืองที่มีกำแพงนั้นสิทธิ์ขาดแล้ว ตลอดชั่วชาติพันธุ์ของเขา ในปีเสียงเขาสัตว์เขาก็ไม่ต้องคืนให้
31 แต่เรือนในชนบทที่ไม่มีกำแพงล้อม ให้นับเข้าเป็นพวกเดียวกับท้องนาในประเทศนั้น คือไถ่ถอนคืนได้ และจะต้องคืนกลับให้เจ้าของ เดิมในปีเสียงเขาสัตว์
32 แต่อย่างไรก็ตาม เมืองของคนเลวี หรือบ้านในเมืองที่เขาถือกรรมสิทธิ์ คนเลวีจะไถ่ถอนคืนได้ทุกเวลา
33 ถ้าคนเลวีคนใด ไถ่ถอน เรือนนั้น ซึ่งเขาขายไปกับเมืองที่เขาถือกรรมสิทธิ์ ต้องกลับคืนให้เจ้าของเดิมในปีเสียงเขาสัตว์ เพราะเรือนในเมืองของคนเลวี เป็นกรรมสิทธิ์ของเขาในหมู่คนอิสราเอล
34 แต่ทุ่งนาที่เป็นที่ดินสาธารณะนั้นจะซื้อขายกัน ไม่ได้เพราะว่าเป็นกรรมสิทธิ์ถาวรของเขาทั้งหลาย
35 "ถ้าพี่น้องของเจ้ายากจนลงและเลี้ยงตัวเอง อยู่กับเจ้าไม่ได้ เจ้าจะต้องเลี้ยงดูเขาให้เขาอยู่กับเจ้าอย่าง คนต่างด้าวและคนที่อาศัยอยู่
36 อย่าเอาดอกเบี้ยหรือเงินเพิ่มอะไรจากเขา แต่จงยำเกรงพระเจ้า เพื่อว่าพี่น้องของเจ้าจะอยู่ใกล้ชิดกับเจ้าได้
37 เจ้าอย่าให้เขายืมเงินด้วยคิดดอกเบี้ย หรือขายอาหารด้วยเอากำไรจากเขา
38 เพราะเราคือพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้า ซึ่งนำเจ้าออกจากแผ่นดินอียิปต์ เพื่อยกแผ่นดินคานาอันให้แก่เจ้า และที่จะเป็นพระเจ้าของเจ้า
39 "ถ้าพี่น้องของเจ้ายากจนลงอยู่ใกล้ชิดเจ้า และขายตัวให้แก่เจ้า เจ้าอย่าให้เขาทำงานเป็นทาส
40 ให้เขาอยู่กับเจ้าอย่างลูกจ้างหรือคนที่อาศัยอยู่ด้วย ให้เขาปรนนิบัติเจ้าไปถึงปีเสียงเขาสัตว์
41 แล้วเขาและลูกหลานของเขาจะออกไป จากเจ้ากลับไปสู่ตระกูลของเขา และกลับไปอยู่ในที่ดินของบิดาของเขา
42 เพราะว่าเขาทั้งหลายเป็น คนใช้ของเราที่เราพาออกจากอียิปต์ เขาจะขายตัวเป็นทาสไม่ได้
43 เจ้าอย่าข่มขี่เขาให้ลำบาก แต่จงยำเกรงพระเจ้าของเจ้า
44 ส่วนทาสชายหญิงซึ่งจะมีได้นั้น เจ้าจะซื้อทาสชายหญิงจากท่ามกลางบรรดา ประชาชาติที่อยู่ข้างเคียงเจ้าก็ได้
45 เจ้าจะซื้อจากคนต่างด้าวที่อาศัยอยู่ ในหมู่พวกเจ้าทั้งครอบครัวของเขา ซึ่งเป็นคนเกิดในแผ่นดินของเจ้า และเขาจะตกเป็น ทรัพย์สินของเจ้าก็ได้
46 เจ้าจะทำพินัยกรรมยกเขาให้แก่ บุตรหลานของเจ้าให้เป็นมรดกแก่เขาเป็นกรรมสิทธิ์ เป็นนิตย์ก็ได้ เจ้าใช้เขาได้อย่างทาส แต่เจ้าทั้งหลายอย่าปกครองพี่น้องคนอิสราเอลด้วย ความรุนแรง
47 "ถ้าคนต่างด้าวหรือคนที่อาศัยอยู่กับเจ้ามั่งมีขึ้น และพี่น้องของเจ้าที่อยู่กับเขายากจนลง และขายตัวให้แก่คนต่างด้าวหรือผู้ที่อาศัยอยู่กับ เจ้านั้นหรือขายให้แก่ญาติคนหนึ่งคนใดของคนต่างด้าวนั้น
48 เมื่อเขาขายตัวแล้วก็ให้มีการไถ่ถอน คือพี่น้องคนหนึ่งคนใดของเขาทำการไถ่ถอนเขาได้
49 หรือลุงหรือลูกพี่ลูกน้องจะทำการไถ่ถอนเขาก็ได้ หรือญาติสนิทของตระกูลของเขา จะไถ่ถอนเขาก็ได้ หรือถ้าเขามั่งมีขึ้น เขาจะไถ่ถอนตัวเองก็ได้
50 ให้ผู้ที่ขายตัวคิดกับผู้ที่รับซื้อตัวเขาไปว่า เขาได้ขายตัวกี่ปีจึงถึงปีเสียงเขาสัตว์ ค่าตัวของเขาเป็นค่าตามจำนวนปี เวลาที่เขาอยู่กับเจ้าของตัวเขานั้นคิดตามเวลาของลูกจ้าง
51 ถ้ามีเวลาอีกหลายปี เขาต้องชำระเงินคืนเท่าค่าปีที่เหลืออยู่ นับเป็นค่าไถ่ถอนตัวเขา
52 ถ้ายังเหลือน้อยปีจะถึงปีเสียงเขาสัตว์ ก็ให้ผู้ขายตัวคิดกับผู้ซื้อตัวไว้ คิดเงินตามจำนวนปีที่เขาควรจะรับใช้คืน เป็นเงินค่าไถ่เขา
53 ให้เขาเป็นลูกจ้างรายปีอยู่กับนาย อย่าให้นายปกครองข่มขี่เขาในหมู่พวกเจ้า
54 ถ้าเขาไม่ไถ่ถอนตามที่กล่าวมานี้ ก็ให้ปล่อยเขาในปีเสียงเขาสัตว์ ทั้งเขาพร้อมกับลูกของเขา
55 ต่อเรา คนอิสราเอลเป็นคนใช้ เขาเป็นคนใช้ของเราที่เราพาออกจากแผ่นดินอียิปต์ เราคือพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้า

เลวีนิติ 26
1 เจ้าทั้งหลายอย่ากระทำรูปเคารพสำหรับตัว หรือตั้งรูปแกะสลัก หรือเสาศักดิ์สิทธิ์ และเจ้าทั้งหลายอย่าตั้งรูปศิลาแกะสลักไว้ ในแผ่นดินของเจ้าเพื่อแก่การกราบไหว้ เพราะเราคือพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้า
2 เจ้าจงถือรักษาสะบาโตทั้งหลายของเรา และคารวะต่อสถานศักดิ์สิทธิ์ของเรา เราคือพระเจ้า
3 "ถ้าเจ้าทั้งหลายดำเนินตามกฎเกณฑ์ของเรา และรักษาบัญญัติของเรา และกระทำตาม
4 เราจะประทานฝนตามฤดูแก่เจ้า และแผ่นดินจะเกิดพืชผลและต้นไม้ในทุ่งจะบังเกิดผล
5 และเวลานวดข้าวจะเนิ่นนานถึงฤดูเก็บผลองุ่น และฤดูเก็บผลองุ่นจะเนิ่นนานไปถึงฤดูหว่าน และเจ้าจะรับประทานอาหารอย่างอิ่มหนำ และอยู่ในแผ่นดินของเจ้าอย่างปลอดภัย
6 เราจะให้ศานติภาพในแผ่นดิน เจ้าทั้งหลายจะนอนลง และไม่มีผู้ใดที่จะทำให้เจ้ากลัว เราจะขจัดสัตว์ร้ายจากแผ่นดินและ ดาบจะไม่ผ่านแผ่นดินของเจ้าเลย
7 เจ้าจะขับไล่ศัตรูของเจ้า และเขาทั้งหลายจะล้มลงต่อหน้าเจ้าด้วยดาบ
8 พวกเจ้าห้าคนจะขับไล่ศัตรูร้อยคน พวกเจ้าร้อยคนจะขับไล่ศัตรูหมื่นคน และศัตรูของเจ้าจะล้มลงด้วยดาบต่อหน้าเจ้า
9 และเราจะคิดถึงเจ้า จะกระทำให้เจ้ามีพงศ์พันธุ์มากยิ่งขึ้น และดำรงพันธสัญญาซึ่งมีไว้กับเจ้า
10 เจ้าจะได้รับประทานของที่สะสมไว้นาน และเจ้าจะต้องเอาของเก่าออกไปเพื่อเอาที่มาเก็บของใหม่
11 และเราจะอยู่ในหมู่พวกเจ้าและวิญญาณจิต ของเราจะไม่เกลียดเจ้า
12 เราจะดำเนินในหมู่พวกเจ้า และจะเป็นพระเจ้าของเจ้า และเจ้าจะเป็นประชากรของเรา
13 เราคือพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้า ผู้นำเจ้าออกจากแผ่นดินอียิปต์ เพื่อเจ้าจะมิได้เป็นทาสของเขา เราได้หักคานแอกของเจ้าออกเสียเพื่อให้เจ้าเดินตัวตรงได้
14 "ถ้าเจ้ามิได้เชื่อฟังเรา และจะไม่กระทำตามบัญญัติทั้งหมดเหล่านี้
15 ถ้าเจ้าเบื่อหน่ายกฎเกณฑ์ของเราและ ใจของเจ้าขยาดต่อกฎหมายของเรา เจ้าจึงไม่กระทำตามบัญญัติทั้งสิ้นของเรา แต่ทำลายพันธสัญญาของเรา
16 เราจะกระทำดังนี้แก่เจ้า คือเราจะตั้งความขยั้นครั่นคร้ามฉับพลัน ความพินาศและความเจ็บไข้ ซึ่งทำให้นัยน์ตาชำรุด และกระทำให้ชีวิตทรุดโทรมอยู่เหนือเจ้าทั้งหลาย เจ้าทั้งหลายจะหว่านพืชไว้เสียเปล่า เพราะศัตรูของเจ้าจะมากิน
17 เราจะหมายหน้าเจ้า เจ้าจะแพ้ศัตรูของเจ้า คนที่เกลียดชังเจ้าจะปกครองอยู่เหนือเจ้า เจ้าจะหลบหนีไปทั้งที่ไม่มีใครไล่ติดตาม
18 และเมื่อเป็นอย่างนี้แล้วเจ้าทั้งหลายยังไม่ฟังเรา เราก็จะตีสอนเจ้าอีกด้วยโทษที่เจ้าผิดถึงเจ็ดเท่า
19 เราจะทำลายความเห่อเหิมในกำลังอำนาจของเจ้า เราจะกระทำให้ฟ้าสวรรค์ของเจ้าเหมือน เหล็กและพื้นดินของเจ้าเหมือนทองเหลือง
20 เจ้าทั้งหลายจะเปลืองกำลังเสียเปล่าๆ เพราะว่าแผ่นดินของเจ้าจะไม่มีพืชผล และต้นไม้ในแผ่นดินก็จะไม่บังเกิดผล
21 "ถ้าเจ้ายังดำเนินขัดแย้งเราอยู่และไม่เชื่อฟังเรา เราจะนำภัยพิบัติมาเหนือเจ้ายิ่งขึ้น เป็นเจ็ดเท่าของบาปของเจ้า
22 เราจะปล่อยสัตว์ป่าทุ่งให้มาในหมู่พวกเจ้า มันจะปล้นเอาลูกหลานของเจ้า และทำลายสัตว์ใช้ของเจ้า และทำให้เจ้าเหลือน้อย เพื่อถนนหนทางของเจ้าจะได้ร้างเปล่า
23 "และถ้าด้วยการตีสอนนี้เจ้ายังไม่หันมาหาเรา และยังประพฤติขัดแย้งเราอยู่
24 แล้วเราจะดำเนินการขัดแย้งเจ้าทั้งหลาย และเราเองจะเฆี่ยนตีเจ้าด้วยเรื่องบาปของเจ้าถึงเจ็ด เท่าทวีคูณ
25 เราจะนำดาบมาเหนือเจ้า ซึ่งลงโทษเจ้าตามพันธสัญญา ถ้าเจ้าเข้ามารวมกันอยู่ในเมือง เราจะนำโรคร้ายมาในหมู่พวกเจ้า และเจ้าจะตกอยู่ในมือของศัตรู
26 เมื่อเราทำลายอาหารหลักของเจ้า ผู้หญิงสิบคนจะปิ้งขนมของเจ้าด้วยเตาอบอันเดียว แล้วเอาขนมมาชั่งให้เจ้า เจ้าจะรับประทานแต่จะไม่อิ่ม
27 "และถ้าเป็นอย่างนี้แล้วเจ้ายังไม่เชื่อฟังเรา แต่ประพฤติขัดแย้งเรา
28 เราจะดำเนินการขัดแย้งเจ้าอย่างรุนแรง และเราเองจะลงโทษเจ้าเพราะความผิดบาปของเจ้าเจ็ดเท่า
29 เจ้าจะรับประทานเนื้อลูกชายของเจ้า และเจ้าจะรับประทานเนื้อลูกสาวของเจ้า
30 เราจะทำลายปูชนียสถานสูงของเจ้า และตัดแท่นเครื่องหอมของเจ้าลง และโยนศพของเจ้าลงเหนือซากรูปเคารพของเจ้า และจิตใจของเราจะเกลียดชังเจ้า
31 เราจะให้เมืองของเจ้าเริศร้าง และจะกระทำให้สถานนมัสการของเจ้าว่างเปล่า และเราจะไม่ดมกลิ่นถวายของเจ้าที่พอใจ
32 และเราจะให้แผ่นดินของเจ้าร้างแล้ง จนศัตรูของเจ้าผู้จะมาอาศัยอยู่ในนั้นแปลกใจ
33 และเราจะให้พวกเจ้ากระจัดกระจายไป อยู่ในบรรดาประชาชาติ และเราจะให้ดาบออกจากฝักไล่ตามเจ้า และแผ่นดินของเจ้าจะเริศร้าง และเมืองของเจ้าจะว่างเปล่า
34 "เมื่อเจ้าต้องไปอยู่ในแผ่นดินของศัตรู แผ่นดินของเจ้าจะมีสะบาโตตราบเท่าเวลาที่ว่างเปล่าอยู่ แผ่นดินก็จะได้หยุดพัก และมีสะบาโต
35 ตราบใดที่แผ่นดินว่างเปล่าอยู่ก็จะได้หยุดพัก คือจะได้หยุดพักอย่างที่มิได้หยุดในสะบาโตขณะ เมื่อเจ้าอาศัยอยู่ในแผ่นดินนั้น
36 ส่วนพวกเจ้าทั้งหลายที่ยังเหลืออยู่ เราจะให้เขามีใจอ่อนแอในแผ่นดินของศัตรู จนเสียงใบไม้แห้งปลิวจะทำให้เขาหนี และเขาจะหนีเหมือนคนหนีจากดาบ และเขาจะล้มลงทั้งที่ไม่มีคนไล่ติดตาม
37 เขาจะสะดุดซึ่งกันและกัน เหมือนคนหนีดาบทั้งที่ไม่มีคนตามมา และเจ้าจะไม่มีกำลังต่อต้านศัตรูของเจ้า
38 เจ้าทั้งหลายจะล้มตายท่ามกลางบรรดา ประชาชาติและแผ่นดินของศัตรูของเจ้าจะกินเจ้าเสีย
39 ส่วนเจ้าทั้งหลายที่เหลืออยู่จะทรุดโทรมไปในแผ่นดิน ศัตรูของเจ้านั้นเพราะกรรมบาปของตน และเพราะกรรมบาปของบรรพบุรุษของตน เขาจะต้องทรุดโทรมไปอย่างบรรพบุรุษด้วย
40 "แต่ถ้าเขาทั้งหลายสารภาพกรรมบาปของเขา และกรรมบาปของบรรพบุรุษซึ่งเขาทั้งหลายกระทำ ผิดต่อเราด้วยความทรยศของเขานั้น และที่ได้ประพฤติขัดแย้งเรา
41 เราจึงดำเนินการขัดแย้งเขาทั้งหลาย และได้นำเขาเข้าแผ่นดินแห่งศัตรูของเขา ถ้าเมื่อนั้นจิตใจอันนอกรีตของเขาถ่อมลง แล้วและเขาได้แก้ไขในเรื่องกรรมบาปของเขาแล้ว
42 เราจึงจะระลึกถึงพันธสัญญาของเราซึ่งมีต่อ ยาโคบ และเราจะระลึกถึงพันธสัญญาของเราซึ่งมีต่อ อิสอัค และพันธสัญญาของเราต่อ อับราฮัม และเราจะระลึกถึงแผ่นดินนั้น
43 แต่เขายังต้องทิ้งแผ่นดินนั้นไว้ และแผ่นดินจะมีสะบาโตซึ่งได้ว่างอยู่ โดยไม่มีพวกเขาทั้งหลายอาศัย เขาทั้งหลายจึงได้รับโทษที่ได้กระทำผิด ด้วยเรื่องเบื่อหน่ายกฎหมายของเรา และจิตใจของเขาเกลียดชังกฎเกณฑ์ของเรา
44 ถึงเพียงนั้นก็ดีเมื่อเขาทั้งหลายอยู่ใน แผ่นดินศัตรูของเขา เราจะไม่เบื่อหน่ายเขา เราจะไม่เกลียดชังเขาถึงกับจะทำลายเขาเสีย ให้หมดทีเดียว และทำลายพันธสัญญาซึ่งมีกับเขาเสียเพราะเรา คือพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเขา
45 เพราะเห็นแก่เขา เราจะรำลึกถึงพันธสัญญาซึ่งมีต่อบรรพบุรุษของเขา ผู้ซึ่งเราได้พาเขาออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ ต่อหน้าบรรดาประชาชาติ เพื่อเราจะได้เป็นพระเจ้าของเขา เราคือพระเจ้า"
46 สิ่งเหล่านี้เป็นกฎเกณฑ์และกฎหมายและบทบัญญัติ ซึ่งพระเจ้าทรงกระทำไว้ระหว่างพระองค์กับ ชนชาติอิสราเอลบนภูเขาซีนายโดยโมเสส

เลวีนิติ 27
1 พระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า
2 "จงกล่าวแก่คนอิสราเอลว่าเมื่อผู้ใดบนเป็นพิเศษไว้ บุคคลผู้ที่ถูกบนไว้นั้นเจ้าต้องนับว่าเขาเป็นของพระเจ้า
3 ให้เจ้ากำหนดราคาดังนี้ ผู้ชายอายุตั้งแต่ยี่สิบถึงหกสิบปีจะเป็นค่าเงิน ห้าสิบเชเขลตามเชเขลของสถานนมัสการ
4 ถ้าผู้นั้นเป็นผู้หญิง ให้เจ้ากำหนดราคาเป็นค่าเงินสามสิบเชเขล
5 ถ้าผู้นั้นอายุห้าขวบถึงยี่สิบ ให้เจ้ากำหนดราคาผู้ชายเป็นค่าเงินยี่สิบเชเขล และผู้หญิงสิบเชเขล
6 ถ้าผู้นั้นอายุหนึ่งเดือนถึงห้าขวบให้เจ้า กำหนดราคาผู้ชายเป็นค่าเงินห้าเชเขล ให้เจ้ากำหนดราคาผู้หญิงเป็นค่าเงินสามเชเขล
7 ถ้าเป็นบุคคลอายุตั้งแต่หกสิบปีขึ้นไป ให้เจ้ากำหนดราคาผู้ชายเป็นค่าเงินสิบห้าเชเขล และผู้หญิงเป็นสิบเชเขล
8 ถ้าผู้ชายคนใดยากจนเกินที่จะชำระตามที่เจ้ากำหนดราคา ก็ให้นำผู้ถูกบนไปหาปุโรหิต ให้ปุโรหิตกำหนดราคาตามกำลังของผู้ที่บน ปุโรหิตจะกำหนดราคาของคนนั้น
9 "ถ้าเป็นสัตว์อย่างที่มนุษย์นำมาถวายพระเจ้า สิ่งใดๆ ที่มนุษย์ถวายแด่พระเจ้าถือว่าเป็นของบริสุทธิ์
10 อย่าให้เขานำอะไรมาแทนหรือเปลี่ยนเอาดีมาเปลี่ยนไม่ดี หรือเอาไม่ดีมาเปลี่ยนดี ถ้าเขาทำการเปลี่ยนสัตว์ ทั้งตัวที่นำมาเปลี่ยนและตัวที่ถูก เปลี่ยนจะต้องบริสุทธิ์
11 ถ้าเป็นสัตว์มลทินซึ่งไม่พึงนำมาถวายแด่พระเจ้า ให้ผู้นั้นนำสัตว์ตัวนั้นไปหาปุโรหิต
12 แล้วปุโรหิตจะตีค่าว่าเป็นของดีของไม่ดี ท่านผู้เป็นปุโรหิตกำหนดราคาเท่าใดก็ให้เป็นเท่านั้น
13 ถ้าเขาจะมาไถ่สัตว์นั้นก็ให้เขาเพิ่มอีกหนึ่งใน ห้าของราคาที่ตีไว้
14 "เมื่อคนใดถวายเรือนของตนไว้ เป็นของบริสุทธิ์แด่พระเจ้า ปุโรหิตต้องกำหนดราคาตามดีไม่ดี ปุโรหิตกำหนดราคาเท่าใดก็ให้เป็นเท่านั้น
15 ถ้าผู้ที่ถวายเรือนไว้ประสงค์จะไถ่เรือนของเขา ก็ให้ผู้นั้นเพิ่มเงินอีกหนึ่งในห้าของราคาเรือนที่ตีไว้ แล้วเรือนนั้นจึงตกเป็นของเขาได้
16 "ถ้าผู้ใดถวายที่ดินส่วนหนึ่งแด่พระเจ้าซึ่งเป็น มรดกตกแก่เขา ให้เจ้ากำหนดราคาของที่ดินตามจำนวนพันธุ์พืช ที่หว่านลงในดินนั้น ถ้าที่นาใช้พันธุ์บารลีหนึ่งโฮเมอร์ ให้กำหนดราคาเป็นเงินห้าสิบเชเขล
17 ถ้าเขาถวายนาในปีเสียงเขาสัตว์ ก็ให้คงเต็มราคาที่เจ้ากำหนด
18 ถ้าเขาถวายที่นาภายหลังปีเสียงเขาสัตว์ ก็ให้ปุโรหิตคำนวณค่าเงิน ตามจำนวนปีที่เหลืออยู่กว่าจะถึงปีเสียงเขาสัตว์ ให้หักเสียจากราคาที่เจ้ากำหนด
19 ถ้าผู้ที่ถวายนาประสงค์จะไถ่นานั้น ก็ให้เขาเพิ่มค่าเงินอีกหนึ่งในห้าของกำหนดราคาที่ตีไว้ แล้วนานั้นจะเป็นของเขา
20 แต่ถ้าเขาไม่ประสงค์ที่จะไถ่นา หรือเขาได้ขายนานั้นให้แก่อีกคนหนึ่งแล้ว ก็อย่าให้ไถ่อีกเลย
21 แต่นานั้นเมื่อเขาต้องสละในปี เสียงเขาสัตว์ก็เป็นของบริสุทธิ์แด่ พระเจ้าเพราะเป็นนาที่ถวายไว้ ปุโรหิตจึงเข้าถือกรรมสิทธิ์นานั้นได้
22 ถ้าคนใดซื้อนามาถวายแด่พระเจ้า ซึ่งไม่ใช่ส่วนมรดกที่ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของเขา
23 ปุโรหิตจะคำนวณค่านานับจนถึงปีเสียงเขาสัตว์ ในวันนั้นเจ้าของนาต้องถวายเงินเท่ากำหนดค่านาที่ตีไว้ เป็นสิ่งบริสุทธิ์แด่พระเจ้า
24 พอถึงปีเสียงเขาสัตว์ นานั้นต้องกลับไปตกแก่ผู้ที่ขายให้เขาซึ่งเป็นเจ้าของเดิม ตามมรดกที่ตกมาเป็นของเขา
25 การกำหนดราคาทุกอย่าง จะต้องเป็นไปตามค่าเงินเชเขลของสถานนมัสการ ยี่สิบเก-ราห์เป็นหนึ่งเชเขล
26 "แต่ลูกสัตว์หัวปีนั้นอย่าให้ใครนำมาถวาย เพราะที่เป็นสัตว์หัวปีก็ตกเป็นของพระเจ้าอยู่แล้ว วัวก็ดี แกะก็ดีเป็นของพระเจ้า
27 ถ้าเป็นสัตว์มลทินจงให้เขาซื้อคืนตามกำหนดราคาของเจ้า โดยเพิ่มหนึ่งในห้าของกำหนดราคาที่ตีไว้ ถ้าเขาไม่ไถ่ก็ให้ขายเสียตามกำหนดราคาที่ตีไว้
28 "แต่สิ่งใดที่ถวายขาดแด่พระเจ้า เป็นสิ่งที่เขามีอยู่ ไม่ว่าเป็นคนหรือสัตว์ หรือที่นาอันเป็นมรดกตกแก่เขา จะขายหรือไถ่ไม่ได้เลย เพราะสิ่งที่ถวายขาดแล้ว เป็นสิ่งบริสุทธิ์ที่สุดแด่พระเจ้า
29 ผู้ใดที่ถูกถวายขาดแล้ว คือผู้ที่ต้องทำลายเสียจากมนุษย์อย่าให้ไถ่ถอนผู้นั้น ผู้นั้นต้องถูกโทษถึงตาย
30 "ทศางค์ ทั้งสิ้นที่ได้จากแผ่นดินเป็นพืช ที่ได้จากแผ่นดินก็ดี หรือผลจากต้นไม้ก็ดีเป็นของพระเจ้า เป็นสิ่งบริสุทธิ์ แด่พระเจ้า
31 ถ้าคนใดประสงค์จะไถ่ทศางค์ส่วนใดของเขา เขาต้องเพิ่มอีกหนึ่งในห้าของทศางค์นั้น
32 และทศางค์ที่ได้มาจากฝูงวัว หรือฝูงแพะแกะ คือสัตว์หนึ่งในสิบตัวที่ลอดใต้ไม้เท้าของผู้เลี้ยง เป็นสัตว์บริสุทธิ์แด่พระเจ้า
33 อย่าให้คิดว่าดีหรือไม่ดีและอย่าให้เขาสับเปลี่ยน ถ้าเขาสับเปลี่ยน ทั้งตัวที่นำมาเปลี่ยนกับตัวที่ถูกเปลี่ยนเป็นของ บริสุทธิ์ไถ่ไม่ได้"
34 เหล่านี้เป็นบทบัญญัติที่พระเจ้าทรง บัญญัติไว้กับโมเสสสำหรับคนอิสราเอลบนภูเขาซีนาย


 © Copyright 2009. Christian Siam.com