Christian Siam

 

 

 

 

Christian Siam - เว็บสำหรับคนอยากรู้จักพระเจ้า

 
 :: สำหรับผู้สนใจพระเจ้า ::
Christian Siam คำถาม - คำตอบ
Christian Siam พระเยซูคือใคร
Christian Siam พระเยซูเกิดจริงหรือ?
Christian Siam เราเกิดมาทำไม
Christian Siam เราตายแล้วไปไหน
Christian Siam ทฤษฎีวิวัฒนาการ...จริง?
Christian Siam เป็นคริสเตียนได้อย่างไร
Christian Siam คำพยานชีวิต

Christian Siam
H O M E
:: สำหรับคริสเตียนใหม่ ::
:: สื่อคริสเตียนออนไลน์ ::
Christian Siam มานาประจำวัน
Christian Siam เพลงจาก Youtube
 

                   CHRISTIAN
                   CHRISTIAN
                   CHRISTIAN

         CHRISTIAN SIAM.COM
         CHRISTIAN SIAM.COM
         CHRISTIAN SIAM.COM

                   CHRISTIAN
                   CHRISTIAN
                   CHRISTIAN
                   CHRISTIAN
                   CHRISTIAN
                   CHRISTIAN
                   CHRISTIAN
                   CHRISTIAN



ยากอบ

ยากอบ 1
1 จาก ยากอบ ผู้รับใช้ของพระเจ้าและของพระเยซูคริสตเจ้า ถึงคนสิบสองเผ่าที่กระจัดกระจายอยู่นั้น
2 ดูก่อนพี่น้องของข้าพเจ้า เมื่อท่านทั้งหลายประสบความทุกข์ยากลำบากต่างๆ ก็จงถือว่าเป็นเรื่องน่ายินดี
3 เพราะท่านทั้งหลายรู้ว่า การทดลองความเชื่อของท่านนั้น ทำให้เกิดความหนักแน่นมั่นคง
4 และจงให้ความมั่นคงนั้นบรรลุผลอันสมบูรณ์ เพื่อท่านทั้งหลายจะได้เป็นคนที่ดีพร้อม มีคุณสมบัติครบถ้วน ไม่มีสิ่งใดบกพร่องเลย
5 ถ้าผู้ใดในพวกท่านขาดสติปัญญา ก็ให้ผู้นั้นทูลขอจากพระเจ้า ผู้ทรงโปรดประทานให้แก่คนทั้งปวงด้วยพระกรุณาและมิได้ทรงตำหนิ แล้วผู้นั้นก็จะได้รับสิ่งที่ทูลขอ
6 แต่จงให้ผู้นั้นทูลขอด้วยความเชื่อ อย่าสงสัยเลย เพราะว่าผู้ที่สงสัยเป็นเหมือนคลื่นในทะเลซึ่งถูกลมพัดซัดไปมา
7 ผู้นั้นจงอย่าคิดว่าจะได้รับสิ่งใดจากพระเจ้าเลย
8 เขาเป็นคนสองใจไม่มั่นคงในบรรดาทางที่ตนประพฤตินั้น
9 ให้พี่น้องที่ต่ำต้อยโอ้อวดในการที่พระเจ้าทรงเชิดชูเขา
10 และคนมั่งมีก็จงโอ้อวดเมื่อตกต่ำลง เพราะว่าเขาจะต้องล่วงลับไปดุจดอกหญ้า
11 เพราะเมื่อตะวันขึ้น ความร้อนอันแรงกล้าก็กระทำให้หญ้าเหี่ยวแห้งไป และดอกหญ้าก็ร่วงหล่น และความงามของมันสูญสิ้นไป คนมั่งมีก็จะเสื่อมสูญไปกลางคันเช่นกัน
12 คนที่อดทนต่อการทดลองใจก็เป็นสุข เพราะเมื่อปรากฏว่าผู้นั้นทนได้แล้ว เขาจะได้รับมงกุฎแห่งชีวิต ซึ่งพระเจ้าได้ทรงสัญญาไว้แก่คนทั้งหลายที่รักพระองค์
13 เมื่อผู้ใดถูกล่อให้หลง อย่าให้ผู้นั้นพูดว่า "พระเจ้าทรงล่อข้าพเจ้าให้หลง" เพราะว่าความชั่วจะมาล่อพระเจ้าให้หลงไม่ได้ และพระองค์เองก็ไม่ทรงล่อผู้ใดให้หลงเลย
14 แต่ว่าทุกคนก็ถูกล่อให้หลง เมื่อกิเลสของตัวเองล่อและชักนำให้กระทำตาม
15 ครั้นตัณหาเกิดขึ้นแล้วก็ทำให้เกิดบาป และเมื่อบาปเจริญเต็มที่แล้วก็นำไปสู่ความตาย
16 พี่น้องที่รักของข้าพเจ้า อย่าหลงผิดไปเลย
17 ของประทานอันดีทุกอย่าง และของประทานอันเลิศทุกอย่างย่อมมาจากเบื้องบน และส่งลงมาจากพระบิดาแห่งบรรดาดวงสว่าง ในพระบิดาไม่มีการแปรปรวน หรือไม่มีเงาอันเนื่องจากการเปลี่ยนแปลง
18 โดยทรงตั้งพระทัยแล้ว พระองค์ก็ได้ทรงให้เราทั้งหลายบังเกิดโดยสัจวาทะ เพื่อเราทั้งหลายจะได้เป็นอย่างผลแรกแห่งสรรพสิ่งซึ่งพระองค์ทรงสร้าง
19 ดูก่อนพี่น้องที่รักของข้าพเจ้า จงทราบข้อนี้ จงให้ทุกคนไวในการฟัง ช้าในการพูด ช้าในการโกรธ
20 เพราะว่าความโกรธของมนุษย์ไม่ได้กระทำให้เกิดความชอบธรรมแห่งพระเจ้า
21 เหตุฉะนั้นจงเลิกความโสมมทั้งหลายแหล่ และการชั่วร้ายอันดกดื่น และจงน้อมใจรับพระวจนะที่ทรงปลูกฝังไว้แล้วนั้น ซึ่งสามารถช่วยจิตวิญญาณของท่านทั้งหลายให้รอดได้
22 แต่ท่านทั้งหลายจงเป็นคนที่ประพฤติตามพระวจนะนั้น ไม่ใช่เป็นแต่เพียงผู้ฟังเท่านั้น ซึ่งเป็นการลวงตนเอง
23 เพราะว่าถ้าผู้ใดฟังพระวจนะ และไม่ได้ประพฤติตาม ผู้นั้นก็เป็นเหมือนคนที่ดูหน้าของตัวในกระจกเงา
24 เพราะว่าเมื่อดูตัวเองแล้วก็ไป และก็ลืมในทันทีนั้นว่าตัวเองเป็นอย่างไร
25 แต่ผู้ที่พิจารณาดูในวิสุทธิบัญญัติ ซึ่งเป็นพระบัญญัติแห่งเสรีภาพ และตั้งอยู่ในพระบัญญัตินั้น มิได้เป็นผู้ฟังแล้วก็หลงลืม แต่เป็นผู้ที่ประพฤติปฏิบัติตาม ผู้นั้นก็จะได้รับความสุขเพราะการประพฤติปฏิบัติของตน
26 ถ้าผู้ใดเข้าใจว่าตัวเป็นคนมีธัมมะและมิได้สงบปากคำ แต่หลอกลวงตัวเอง ธัมมะของผู้นั้นก็ไม่มีประโยชน์
27 ธัมมะที่บริสุทธิ์ไร้มลทินต่อพระพักตร์พระเจ้าและพระบิดานั้น คือการเยี่ยมเยียนเด็กกำพร้าและหญิงม่ายที่มีความทุกข์ร้อน และการรักษาตัวให้พ้นจากราคีของโลก

ยากอบ 2
1 ดูก่อนพี่น้องทั้งหลายของข้าพเจ้า ด้วยเหตุที่ท่านมีความเชื่อในองค์พระเยซูคริสตเจ้าของเรา องค์พระผู้เป็นเจ้าแห่งพระสิรินั้น จงอย่าลำเอียง
2 เพราะว่าถ้ามีคนหนึ่งสวมแหวนทองคำและแต่งตัวดีเข้ามาในที่ประชุมของท่าน และมีคนจนคนหนึ่งแต่งตัวซอมซ่อเข้ามาด้วย
3 และท่านสนใจคนที่แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าอย่างดี และกล่าวโอภาปราศรัยกับเขาว่า "เชิญท่านนั่งที่นี่เถิด" ในขณะเดียวกันท่านก็พูดกับคนจนนั้นว่า "แกจงยืนอยู่ที่นั่น" หรือ "จงนั่งแทบเท้าของเราเถิด"
4 ท่านมิแบ่งชั้นวรรณะ และวินิจฉัยด้วยใจชั่วหรือ
5 พี่น้องที่รักของข้าพเจ้า จงฟังเถิด พระเจ้าได้ทรงเลือกคนยากจนในโลกนี้ให้เป็นคนมั่งมีในความเชื่อ และให้เป็นผู้รับมรดกแผ่นดินซึ่งพระองค์ทรงสัญญาไว้ แก่ผู้ที่รักพระองค์มิใช่หรือ
6 แต่ท่านทั้งหลายได้ดูถูกคนจน ไม่ใช่คนมั่งมีหรือที่กดขี่ข่มเหงท่าน ไม่ใช่เขาเหล่านั้นหรือที่ลากตัวท่านไปขึ้นศาล
7 ไม่ใช่เขาเหล่านั้นหรือที่สบประมาทพระนามอันประเสริฐซึ่งใช้เรียกท่าน
8 ถ้าท่านทั้งหลายบำเพ็ญตนตามพระบัญญัติโดยแท้จริง ตามพระคัมภีร์ที่ว่า จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง แล้วท่านทั้งหลายก็ประพฤติดีอยู่
9 แต่ถ้าท่านทั้งหลายลำเอียง ท่านก็กระทำบาป และว่าตามธรรมบัญญัติท่านก็กระทำผิด
10 เพราะว่าผู้ใดรักษาธรรมบัญญัติได้ทั้งหมด แต่ผิดอยู่ข้อเดียว ผู้นั้นก็เป็นผู้ผิดธรรมบัญญัติทั้งหมด
11 ด้วยว่าพระองค์ผู้ได้ตรัสว่า เจ้าอย่าล่วงประเวณีผัวเมียเขา ก็ได้ตรัสไว้ด้วยว่า เจ้าอย่าฆ่าคน แม้ท่านไม่ได้ล่วงประเวณีแต่ได้ฆ่าคน ท่านก็เป็นผู้ละเมิดธรรมบัญญัติ
12 ท่านทั้งหลายจงพูดและจงกระทำ เช่นผู้ที่จะได้รับการพิพากษาด้วยกฎแห่งเสรีภาพ
13 เพราะว่าการพิพากษาย่อมไม่กรุณาต่อผู้ที่ไม่แสดงความกรุณา แต่ความกรุณาย่อมมีชัยเหนือการพิพากษา
14 ดูก่อนพี่น้องของข้าพเจ้า แม้ผู้ใดจะว่าตนมีความเชื่อ แต่ไม่ประพฤติตามจะได้ประโยชน์อะไร ความเชื่อของเขาจะช่วยเขาให้รอดได้หรือ
15 ถ้าพี่น้องชายหญิงคนใดขัดสนเครื่องนุ่งห่มและอาหารประจำวัน
16 และมีคนใดในพวกท่านกล่าวแก่เขาว่า "เชิญไปเป็นสุขเถิด ขอให้อบอุ่นและอิ่มเถิด" และไม่ได้ให้สิ่งที่เขาขัดสนนั้น จะเป็นประโยชน์อะไร
17 ความเชื่อก็เช่นเดียวกัน ถ้าไม่ประพฤติตามก็ไร้ผล
18 แต่บางคนจะกล่าวว่า "คนหนึ่งมีความเชื่อแต่อีกคนหนึ่งมีการประพฤติ" จงแสดงให้ข้าพเจ้าเห็นความเชื่อของท่าน ที่ไม่มีการประพฤติตาม และด้วยการประพฤติตาม ข้าพเจ้าจะแสดงให้ท่านเห็นความเชื่อของข้าพเจ้า
19 ท่านเชื่อว่าพระเจ้าทรงเป็นหนึ่ง นั่นก็ดีอยู่แล้ว แม้พวกปีศาจก็เชื่อ และกลัวจนตัวสั่น
20 แน่ะคนโฉดเขลา ท่านต้องการให้พิสูจน์หรือว่า ความเชื่อที่ไม่ประพฤติตามนั้นไร้ผล
21 เมื่ออับราฮัมบิดาของเรา ได้พาอิศอัคบุตรของท่านมาถวายบนแท่นบูชา จึงได้ความชอบธรรมเพราะการประพฤติไม่ใช่หรือ
22 ท่านทั้งหลายก็เห็นแล้วว่า ความเชื่อมีกำลังร่วมกับการประพฤติตามของท่าน และความเชื่อนั้นจะบริบูรณ์ด้วยการประพฤติ
23 และพระคัมภีร์ก็สำเร็จที่ว่า อับราฮัมเชื่อพระเจ้า และพระองค์ทรงถือว่า ความเชื่อนั้นเป็นความชอบธรรมแก่ท่าน และท่านได้ชื่อว่า เป็น สหายของพระเจ้า
24 ท่านทั้งหลายก็เห็นแล้วว่า ผู้ใดจะเป็นคนชอบธรรมได้ ก็เนื่องด้วยการประพฤติ และมิใช่ด้วยความเชื่อเพียงอย่างเดียว
25 เช่นเดียวกัน ราหับหญิงแพศยาก็ได้ความชอบธรรมเนื่องด้วยความประพฤติมิใช่หรือ เมื่อนางได้รับรองผู้ส่งข่าวเหล่านั้น และส่งเขาไปเสียทางอื่น
26 เพราะกายที่ปราศจากจิตวิญญาณนั้นไร้ชีพแล้วฉันใด ความเชื่อที่ปราศจากการประพฤติตามก็ไร้ผลฉันนั้น

ยากอบ 3
1 ดูก่อนพี่น้องของข้าพเจ้า อย่าให้เป็นอาจารย์กันมากหลายคนเลย เพราะท่านก็รู้ว่า เราทั้งหลายที่เป็นผู้สอนนั้น จะได้รับการทรงพิพากษาที่เข้มงวดกว่าผู้อื่น
2 เพราะเราทุกคนทำผิดพลาดไปหลายๆอย่าง ถ้าผู้ใดมิได้ทำผิดทางวาจา ผู้นั้นก็เป็นคนดีรอบคอบแล้ว และสามารถบังคับทั้งตัวไว้ได้ด้วย
3 ถ้าเราเอาบังเหียนใส่ปากม้าเพื่อให้มันเชื่อฟังเรา เราก็บังคับมันให้ไปไหนๆได้ทั้งตัว
4 จงดูเรือด้วยเช่นกัน ถึงแม้ว่าเป็นเรือใหญ่ และถูกลมแรงพัดแล่นไป เรือก็ยังหันไปมาด้วยหางเสือเล็กๆ ตามใจนายท้ายที่จะให้ไปทางไหน
5 ลิ้นก็เช่นเดียวกัน เป็นอวัยวะเล็กๆ และอวดอ้างเรื่องใหญ่ๆ จงดูเถิด ไฟนิดเดียวอาจเผาป่าใหญ่ให้ไหม้ได้หนอ
6 และลิ้นนั้นก็เป็นไฟ ลิ้นเป็นโลกที่ไร้ธรรมในบรรดาอวัยวะของเรา เป็นเหตุให้ทั้งกายมลทินไปทำให้วัฏฏะแห่งชีวิตเผาไหม้ และมันเองก็ติดไฟโดยนรก
7 เพราะสัตว์เดียรัจฉานทุกชนิด ทั้งนก สัตว์เลื้อยคลาน และสัตว์ในทะเลก็เลี้ยงให้เชื่องได้ และมนุษย์ก็ได้เลี้ยงให้เชื่องแล้ว
8 แต่ลิ้นนั้นไม่มีมนุษย์คนใดสามารถทำให้เชื่องได้ ลิ้นเป็นสิ่งชั่ว ที่อยู่ไม่สุขและเต็มไปด้วยพิษร้ายถึงตาย
9 เราทั้งหลายสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้าและพระบิดาด้วยลิ้นนั้น และด้วยลิ้นนั้นเราก็แช่งด่ามนุษย์ ผู้ซึ่งพระเจ้าทรงสร้างไว้ตามพระฉายาของพระองค์
10 คำสรรเสริญและคำแช่งด่าก็ออกมาจากปากอันเดียวกัน ดูก่อนพี่น้องของข้าพเจ้า ไม่ควรให้เป็นเช่นนั้น
11 บ่อน้ำพุจะมีน้ำจืดและน้ำกร่อยพุ่งออกมาจากช่องเดียวกันได้หรือ
12 พี่น้องทั้งหลายต้นมะเดื่อจะออกผลเป็นมะกอกเทศได้หรือ หรือเถาองุ่นจะออกผลเป็นมะเดื่อได้หรือ บ่อน้ำพุเค็มก็ทำให้เกิดน้ำจืดอีกไม่ได้เลย
13 ในพวกท่านผู้ใดเป็นคนฉลาดและมีปัญญา ก็ให้ผู้นั้นแสดงการประพฤติของตนด้วยพฤติกรรมอันดี มีใจอ่อนสุภาพประกอบด้วยปัญญา
14 แต่ถ้าท่านรู้สึกขมขื่นเพราะมีใจริษยาและมักใหญ่ใฝ่สูง ก็อย่าโอ้อวดและอย่าทรยศต่อความจริง
15 ปัญญาเช่นนี้ ไม่เหมือนปัญญาที่มาจากเบื้องบน แต่เป็นปัญญาอย่างโลกและเป็นโลกียวิสัย และเป็นเช่นปีศาจ
16 เพราะว่าที่ใดมีความริษยาและความมักใหญ่ใฝ่สูง ที่นั่นก็วุ่นวายและมีการกระทำชั่วช้าลามกต่างๆ
17 แต่ปัญญาจากเบื้องบนนั้นบริสุทธิ์เป็นประการแรก แล้วจึงเป็นความสงบสุข สุภาพและว่าง่าย เปี่ยมด้วยความเมตตาและผลที่ดี ไม่ลำเอียง ไม่หน้าซื่อใจคด
18 ผู้สร้างสันติสุข หว่านอย่างสันติ จึงได้เกี่ยวความชอบธรรม

ยากอบ 4
1 อะไรเป็นสาเหตุของสงคราม และอะไรเป็นสาเหตุของการทะเลาะวิวาทกันในพวกท่าน มิใช่กิเลสตัณหาของท่านหรือ ที่ทำให้ท่านต่อสู้กัน
2 ท่านทั้งหลายอยากได้ แต่ไม่ได้ ท่านก็ฆ่ากัน ท่านโลภแต่ไม่ได้ ท่านก็ทะเลาะและทำสงครามกัน ท่านไม่มีเพราะท่านไม่ได้ขอ
3 ท่านขอและไม่ได้รับ เพราะท่านขอผิด หวังได้ไปเพื่อสนองกิเลสตัณหาของท่าน
4 คนทุจริตเอ๋ย ไม่รู้หรือว่า การเป็นมิตรกับโลกนั้น คือการเป็นศัตรูกับพระเจ้า เหตุฉะนั้น ผู้ใดใคร่เป็นมิตรกับโลก ผู้นั้นก็ตั้งตัวเป็นศัตรูกับพระเจ้า
5 หรือท่านคิดว่าเป็นสิ่งไร้สาระหรือ ที่พระคัมภีร์กล่าวว่า "พระองค์ทรงเป็นห่วงวิญญาณที่ได้ทรงประทานให้อยู่ในเราทั้งหลาย"
6 แต่พระองค์ก็ได้ทรงประทานพระคุณเพิ่มขึ้นอีก เหตุฉะนั้น พระคัมภีร์จึงกล่าวว่า พระเจ้าทรงต่อสู้ผู้ที่หยิ่งจองหอง แต่ทรงประทานพระคุณแก่คนที่ใจถ่อม
7 เหตุฉะนั้น ท่านทั้งหลายจงน้อมใจยอมฟังพระเจ้า จงต่อสู้กับมาร และมันจะหนีท่านไป
8 ท่านทั้งหลายจงเข้าใกล้พระเจ้า และพระองค์จะเสด็จมาใกล้ท่าน คนบาปทั้งหลายเอ๋ย จงชำระมือให้สะอาด และคนสองใจ จงชำระใจของตนให้บริสุทธิ์
9 จงเป็นทุกข์โศกเศร้าและร้องไห้ จงให้การหัวเราะกลับกลายเป็นการโศกเศร้า และความปีติยินดีกลับกลายเป็นความเศร้าสลด
10 ท่านทั้งหลายจงถ่อมใจลงต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า และพระองค์จะทรงยกชูท่านขึ้น
11 พี่น้องทั้งหลายอย่าใส่ร้ายซึ่งกันและกัน ผู้ใดที่พูดใส่ร้ายพี่น้องหรือตัดสินพี่น้องของตน ผู้นั้นก็กล่าวร้ายต่อธรรมบัญญัติ และตัดสินธรรมบัญญัติ แต่ถ้าท่านตัดสินธรรมบัญญัติ ท่านก็ไม่ใช่ผู้ที่ประพฤติตามธรรมบัญญัติ แต่เป็นผู้ตัดสิน
12 มีผู้ทรงตั้งธรรมบัญญัติและผู้ทรงพิพากษาตัดสินแต่เพียงองค์เดียว คือพระองค์ผู้ทรงสามารถช่วยเราให้รอดได้ และทรงสามารถทำลายเราได้ แต่ท่านเป็นผู้ใดเล่า ท่านจึงตัดสินเพื่อนบ้านของท่าน
13 นี่แน่ะท่านที่พูดว่า "วันนี้หรือพรุ่งนี้เราจะเข้าไปในเมืองนี้เมืองนั้น และจะอยู่ที่นั่นปีหนึ่ง และจะค้าขายได้กำไร"
14 แต่ว่าท่านไม่รู้เรื่องของพรุ่งนี้ ชีวิตของท่านเป็นเช่นใดเล่า ท่านก็เป็นเช่นหมอกที่ปรากฏอยู่เพียงชั่วครู่แล้วก็หายไป
15 แทนที่จะพูดเช่นนั้นท่านทั้งหลายควรจะพูดว่า "ถ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงโปรด เราจะมีชีวิตอยู่ และจะกระทำสิ่งนี้หรือสิ่งนั้น"
16 ตามความจริงท่านทั้งหลายโอ้อวดด้วยความทะนงตน การโอ้อวดทุกอย่างเช่นนี้เป็นความชั่ว
17 เหตุฉะนั้นผู้ใดรู้ว่าอะไรเป็นความดีและไม่ได้กระทำ คนนั้นจึงมีบาป

ยากอบ 5
1 นี่แน่ะท่านผู้มั่งมี จงร้องไห้โอดครวญเพราะความวิบัติซึ่งจะเกิดกับท่าน
2 ทรัพย์สมบัติของท่านก็ผุพังไปแล้ว และตัวแมลงก็กัดกินเสื้อผ้าของท่าน
3 ทองและเงินของท่านก็เกิดสนิม และสนิมนั้นก็จะเป็นพยานหลักฐานการกระทำของท่าน และจะเผาผลาญเลือดเนื้อท่านดุจไฟ ท่านได้ส่ำสมสมบัติไว้แล้วสำหรับอวสานกาล
4 นี่แน่ะ ค่าจ้างของคนที่ได้เกี่ยวข้าวในนาของท่านซึ่งท่านได้ฉ้อโกงไว้นั้น ก็ร้องฟ้องขึ้น และเสียงร้องทุกข์ของคนที่เกี่ยวข้าวนั้น ได้ทรงทราบถึงพระกรรณขององค์พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาแล้ว
5 ท่านมีชีวิตอยู่ในโลกอย่างฟุ่มเฟือยและสนุกสนาน ท่านได้บำเรอจิตใจของท่านไว้รอวันประหาร
6 ท่านได้ตัดสินลงโทษ และได้ฆ่าคนชอบธรรม เขาก็ไม่ได้ต่อต้านท่าน
7 เหตุฉะนั้นพี่น้องทั้งหลาย จงอดทนจนกว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าจะเสด็จมา จงดูชาวนารอคอยผลอันล้ำค่าที่จะได้จากแผ่นดิน เพียรคอยจนกระทั่งมีฝนต้นฤดูและฝนชุกปลายฤดู
8 ท่านทั้งหลายก็จงอดทนเช่นนั้นเหมือนกัน จงตั้งอกตั้งใจให้ดี เพราะใกล้จะถึงเวลาที่องค์พระผู้เป็นเจ้าจะเสด็จมาแล้ว
9 พี่น้องทั้งหลาย จงอย่าบ่นว่ากันและกัน เพื่อท่านจะไม่ต้องถูกทรงพิพากษา จงดูองค์พระผู้พิพากษาทรงประทับยืนอยู่ที่ประตูแล้ว
10 พี่น้องทั้งหลาย จงเอาแบบอย่างในการทนทุกข์และการอดทนของผู้เผยพระวจนะ ผู้ได้กล่าวความในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้า
11 จงดู เราถือว่าผู้ที่อดทนก็เป็นสุข ท่านได้รู้เรื่องความอดทนของโยบ และได้เห็นแล้วว่าในที่สุดปลายนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเปี่ยมไปด้วยพระเมตตากรุณาสักเท่าใด
12 ดูก่อนพี่น้องของข้าพเจ้า ที่สำคัญยิ่งกว่าสิ่งอื่นใดก็คือ จงอย่าสบถสาบาน อย่าอ้างฟ้าสวรรค์หรือแผ่นดินโลก หรือสิ่งอื่นๆ แต่ที่ควรว่าใช่ก็จงว่าใช่ ที่ควรว่าไม่ก็จงว่าไม่ เพื่อท่านจะไม่ถูกลงโทษ
13 มีผู้ใดในพวกท่านทนทุกข์หรือ จงให้ผู้นั้นอธิษฐาน มีผู้ใดร่าเริงยินดีหรือ จงให้ผู้นั้นร้องเพลงสรรเสริญ
14 มีผู้ใดในพวกท่านเจ็บป่วยหรือ จงให้ผู้นั้นเชิญบรรดาผู้ปกครองของคริสตจักรมา และให้ท่านเหล่านั้นอธิษฐานเพื่อเขา และเจิมเขาด้วยน้ำมันในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้า
15 และการอธิษฐานด้วยความเชื่อจะช่วยให้ผู้ป่วยรอดชีวิต และองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงโปรดให้เขาหายโรค และถ้าเขาได้กระทำบาปพระองค์ก็จะทรงโปรดอภัยให้
16 เหตุฉะนั้นท่านทั้งหลายจงสารภาพบาปต่อกันและกัน และจงอธิษฐานเพื่อกันและกัน เพื่อท่านทั้งหลายจะพ้นโรคภัย คำอธิษฐานของผู้ชอบธรรมนั้นมีพลังทำให้เกิดผล
17 ท่านเอลียาห์ก็เป็นมนุษย์ที่มีสภาพเหมือนกับเราทั้งหลาย และท่านได้อธิษฐานด้วยความเชื่ออันแรงกล้าขอไม่ให้ฝนตก และฝนก็ไม่ตกต้องแผ่นดินถึงสามปีกับหกเดือน
18 และท่านได้อธิษฐานขออีกครั้งหนึ่ง และฟ้าสวรรค์ได้ประทานฝนให้ และแผ่นดินจึงได้ผลิตพืชผลต่างๆ
19 พี่น้องของข้าพเจ้า ถ้าคนใดในพวกท่านหลงผิดไปจากความจริง และผู้ใดชักจูงเขาให้เขากลับใจเสียใหม่
20 จงให้ผู้นั้นรู้เถิดว่า ผู้ที่ช่วยคนบาปคนหนึ่งให้พ้นจากทางผิดของเขานั้น ก็ได้ช่วยจิตวิญญาณของเขาให้รอดพ้นจากความตาย และได้กำจัดบาปเสียมากมาย

 © Copyright 2009. Christian Siam.com